ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 124 การฝึก (1)
บทที่ 124 การฝึก (1)
การประลองสิ้นปีสิ้นสุดลงแล้ว
สำหรับหลาย ๆ คน วันนี้อาจเป็นเพียงวันสิ้นสุดชั้นปี หากแต่สำหรับคนที่ได้รับชัยชนะในการประลองนั้น มันเป็นเพียงวันเริ่มต้นเท่านั้น !
หนึ่งวันหลังจากการประลองสิ้นปีสิ้นสุดลง ซูเฉินและคนอื่น ๆ ก็ถูกเรียกตัวไปยังตำหนักห่านเมฆในสถาบันมังกรซ่อนเร้น
เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึง ในตำหนักมีศิษย์อยู่กว่าร้อยคนแล้ว
ศิษย์คนละชั้นปีกับซูเฉินก็มารวมตัวที่นี่ด้วยเช่นกัน ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในแต่ละชั้นปีต่างพากันมารวมกลุ่มอยู่ที่นี่ อีกทั้งทุกคนยังมีบางอย่างที่เหมือนกัน นั่นคือทุกคนยังอยู่ในด่านก่อเกิดลมปราณ ด้วยมีเพียงศิษย์ที่มีพลังต่ำกว่าด่านกลั่นโลหิตเท่านั้นที่จะสามารถเข้าร่วมการแข่งขันเขาซากโบราณได้
ผู้อาวุโสท่านหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าตำหนัก จากนั้นมองเหล่าศิษย์ที่มารวมตัวกัน เขากระแอมออกมาเล็กน้อยก่อนเอ่ยขึ้น “กรุณาเงียบเสียงสักหน่อย !”
เสียงพูดคุยในห้องโถงพลันเงียบเสียงลง
ผู้อาวุโสท่านนั้นเอ่ยขึ้น “ข้ายินดีนักที่ได้เห็นพวกเจ้าทุกคนมารวมตัวอยู่ที่นี่ พวกเจ้าทุกคนในที่นี้คือศิษย์สถาบันมากฝีมือที่ทางสถาบันหล่อหลอมขึ้นมา ข้ามีนามว่าซือหมิงหลี่ ยินดีนักที่จะได้เป็นหนึ่งในอาจารย์ที่คอยฝึกปรือฝีมือพวกเจ้า พวกเจ้าบางคนอาจสงสัยว่าเหตุใดจู่ ๆ ข้าถึงออกมาเช่นนี้ได้ ข้าจะอธิบายสั้น ๆ ให้ฟัง พวกเราเรียกพวกเจ้ามารวมตัวกันที่นี่เพื่อประกาศเรื่องสำคัญ บางคนอาจจะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่บางคนก็ยังไม่รู้ แต่อย่างไรก็ถึงเวลาประกาศให้รู้โดยทั่วกัน”
จากนั้นชายชราก็กล่าวถึงข่าวเรื่องบาดหมางระหว่างหลงซางและชนเผ่ากิ้งก่ากรวดในเรื่องซากโบราณเผ่าอาร์คาน่า เมื่อได้ยินว่าตนมีโอกาสจะได้เข้าไปยังซากโบราณ ทุกคนก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ซือหมิงหลี่หัวเราะเสียงเย็น “อย่าเพิ่งตื่นเต้นไป ข้าขอเตือนพวกเจ้าเรื่องหนึ่ง ภายในซากโบราณอันตรายยิ่งนัก เจ้ารู้ดีว่าเผ่าคนเถื่อนและเผ่ามนุษย์เป็นปฏิปักษ์ต่อกันมาโดยตลอด ที่ทั้งสองฝ่ายยอมรามือไม่ทะเลาะกันได้เป็นเพราะไม่อยากให้เรื่องซากโบราณกระจายออกไป หากทำสงครามก็จะยิ่งได้ประโยชน์น้อยลง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองเผ่าจะสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขได้”
“เมื่อเข้าไปด้านในซากโบราณย่อมต้องมีเรื่องเบาะแว้งระหว่างกันเป็นแน่ จำไว้ว่าการต่อสู้ที่พวกเจ้าจะต้องเผชิญนั้นไม่เหมือนกับในห้องโถงกลั่นร้อยวิชา มันเป็นการต่อสู้ที่แลกด้วยชีวิต พวกเราไม่เมตตามัน มันไม่เมตตาเรา ดังนั้นภารกิจในครั้งนี้ พวกเจ้าจำต้องเอาชีวิตเข้าแลก ไม่ว่าจะสามารถเอาชีวิตรอดกลับมาได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับฝีมือของพวกเจ้าเอง”
คำกล่าวของเขาทำให้จิตใจศิษย์ทุกคนสะท้าน
ซือหมิงหลี่กล่าวต่อ “กลัวหรือไม่ ? หากกลัวก็ไม่ต้องกังวล ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ ใน 100 คน มีเพียง 40 คนเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์ให้เข้าไปด้านใน ในหมู่พวกเจ้ายังต้องตัดคนออกไปอีก 60 คน อีก 40 คนจึงจะนับว่าเป็นศิษย์ยอดฝีมือ ได้มีโอกาสเข้าไปในซากโบราณอย่างแท้จริง”
ได้ยินแล้วหลาย ๆ คนเริ่มมีความคิดอยากล่าถอยเสียตั้งแต่ตอนนี้
ซือหมิงหลี่เอ่ย “แน่นอนว่าใครที่ยอมรั้งอยู่ สามารถสร้างผลงานให้กับเผ่ามนุษย์ได้ ย่อมได้รับรางวัลคุ้มค่าเหนื่อย”
“เป็นรางวัลอันใด ?” ศิษย์คนหนึ่งถามขึ้น
ปกติแล้วหากถามขัดขึ้นมาเช่นนี้นับว่าเสียมารยาทนัก หากแต่ในกรณีนี้นั้นกลับเป็นจังหวะการถามที่ดียิ่งนัก
ซือหมิงหลี่ยิ้มบาง “ทุกคนที่ได้เข้าไปในซากโบราณ ไม่ว่าจะรอดหรือไม่หรือมีผลงานอย่างไร จะได้รับเหรียญผู้กล้าระดับ 3 ส่วนรางวัลอื่น ๆ จะขึ้นอยู่กับผลงานที่พวกเจ้าทำได้ หากทำผลงานออกมาได้ดี คนผู้นั้นสามารถเข้าไปเลือกสมบัติในคลังสมบัติฮ่องเต้ที่มีระดับเทียบเท่ากับผลงานที่ตนทำได้”
เมื่อพูดจบภายในตำหนักก็เกิดเสียงพูดคุยกันอื้ออึง
เหรียญผู้กล้านั้นเป็นเหรียญพิเศษในอาณาจักรหลงซาง ไม่เพียงมีเกียรติสูงส่ง แต่ยังให้สิทธิพิเศษมากมายหลายอย่างแก่ผู้ถือครอง
หากซูเฉินได้เหรียญเช่นนี้ไป ตระกูลใหญ่ทั้งหกคงไม่ต้องคิดจะล่าสังหารเขาอีก หากสังหารเขาจะไปจะไม่เพียงทำฉือไคฮวงพิโรธ แต่อาจทำให้กองทัพหลงซางเคลื่อนไหวได้
ดังนั้น เหรียญผู้กล้าจึงได้มายากนัก
แม้เหรียญผู้กล้าระดับ 3 นับเป็นระดับต่ำสุด หากแต่ในแต่ละปีมีคนที่ได้รับเหรียญนี้เพียงหยิบมือ
เหรียญผู้กล้าระดับ 3 ที่ได้จากการเข้าซากโบราณไม่ว่าจะสามารถรอดชีวิตออกมาได้หรือไม่เพียงเท่านี้ ก็มากพอจะทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายเลือดพล่านได้แล้ว
ได้ทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียง อีกทั้งยังได้ผลประโยชน์เป็นชิ้นเป็นอัน
อีกทั้งนี่ยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากเข้าไปแล้วสามารถทำผลงานดีเด่นได้ ก็มีสิทธิ์เข้าไปยังคลังสมบัติของอาณาจักร ได้ผลประโยชน์ให้คนอื่นอิจฉาได้อีก
ผู้กล้าคนใดที่ทำผลงานย่อมได้รับรางวัลอย่างงาม
หากจะบังคับให้คนเข้าซากโบราณไปคงไม่เหมาะนัก อย่างไรศิษย์เหล่านี้ก็มาจากตระกูลสายเลือดชั้นสูง ดังนั้นจึงเปลี่ยนวิธี ใช้การห้อยเหยื่อล่อยวนใจ กลายเป็นการส่งเสริมให้ศิษย์เหล่านั้นเต็มใจเข้าไปแทน
เหล่าศิษย์ที่ตอนแรกคิดจะยอมแพ้ไปเริ่มมีใจฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง
คนหนุ่มสาวนั้นมีความคาดหวังในอนาคตตนเองสูงมาก แต่กลับไม่รู้ว่าความจริงโหดร้ายถึงเพียงไหน ที่สถานการณ์เป็นเช่นนี้ย่อมเพราะมีคนคอยนำทางพวกเขา
ซือหมิงหลี่เห็นท่าทางทุกคนแล้วก็พึงพอใจนัก เขาหัวเราะออกมา “อีก 3 เดือนข้างหน้าจึงจะทำการเข้าไปยังซากโบราณ ในช่วงเวลา 3 เดือนนี้ ข้าจะเป็นคนฝึกฝนพวกเจ้า ทั้งฝึกการต่อสู้รวมกลุ่ม พวกเจ้าจะได้รู้จักแนวการต่อสู้ของแต่ละคน และระหว่างนั้นก็จะคัดเลือกคน 40 คนที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดออกมาด้วย”
เขาเน้นย้ำคำว่า “ความสามารถโดดเด่นที่สุด”
การพูดคุยกับคนหนุ่มสาว บางครั้งนอกจากให้ผลประโยชน์แล้วก็ยังต้องใช้ศักดิ์ศรีร่วมด้วย
บางครั้งศักดิ์ศรียังใช้ได้ผลดีกว่าผลประโยชน์ที่จับต้องได้เสียด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าเหล่าศิษย์ยิ่งได้ยินยิ่งมีความตื่นเต้น ความกลัวที่มีต่อเผ่าคนเถื่อนพลันเลือนหายไป ซือหมิงหลี่ถือโอกาสนี้อธิบายเนื้อหาของการฝึก และประกาศว่าการฝึกจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้
ระบบการฝึกนั้นแบ่งออกเป็นการฝึกส่วนตัวและการฝึกส่วนรวม
นอกจากการฝึกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของแต่ละคนแล้ว ก็ยังมีทักษะอื่น ๆ เช่น การตรวจสอบซากโบราณ การแก้ค่ายกลต้นกำเนิด การทำความเข้าใจจารึกอาร์คาน่า และอื่น ๆ โดยวิชาทั้งหมดนี้จะได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ศิษย์ทั้งหลายเข้าใจความซับซ้อนต่าง ๆ ในซากโบราณได้
โดยทุกคนจะต้องลงวิชาพิเศษคนละหนึ่งวิชา เพื่อให้ความสามารถในการเรียนรู้แต่ละวิชาจะถูกนำไปประเมินด้วย หากมีศิษย์สองคนที่แข็งแกร่งพอ ๆ กัน แต่หนึ่งในนั้นมีความเชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ด้านในด้านหนึ่งมากกว่าอีกคนหนึ่ง เช่นนั้นคนที่มีความสามารถมากกว่าย่อมเป็นคนที่ถูกเลือก
ซูเฉินเลือกวิชาการถอดจารึกอาร์คาน่า จริง ๆ แล้วเขาเชี่ยวชาญด้านการเล่นแร่แปรธาตุและปรุงยามากกว่า หากแต่เขาได้เรียนวิชาจารึกอาร์คาน่ามาเพียงน้อยนิด ในขณะที่อย่างอื่นเขานั้นเชี่ยวชาญพอที่จะเป็นอาจารย์สอนผู้อื่นได้แล้ว
อวิ๋นเป้าเลือกวิชาการตรวจสอบซากโบราณ ตัวเขานั้นเชี่ยวชาญด้านการปิดบังตัวตนและสำรวจสถานที่เป็นทุนเดิม หากแต่เขาไร้ประสบการณ์การทำเช่นนั้นในซากโบราณ อย่างไรหากเลือกวิชานี้ ยิ่งทำให้เขาได้แสดงความสามารถของตนออกมายิ่งขึ้น
หลังจากเลือกวิชาพิเศษกันไปแล้ว ทุกคนก็กลับไปพักผ่อนยังที่พักของตน
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ทุกคนจะได้พักผ่อนในที่พักเดิม
นับแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ศิษย์ทั้งหมดในที่นี้จะย้ายจากหอพักตนมาพักในสถานที่ฝึกเป็นเวลา 3 เดือน ระหว่างนี้ทุกคนจะพักอยู่รวมกันทั้งหมด
ทำเช่นนี้เพื่อให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายทำความรู้จักกันให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน หากสามารถมองอีกฝ่ายเป็นสหายร่วมต่อสู้ได้ก็จะยิ่งต่อสู้ร่วมกันได้ดี
พวกที่ชอบสร้างปัญหาภายในย่อมกลายเป็นตัวถ่วงในสมรภูมิ ดังนั้นหากเลือกคนเหล่านี้ออกไปย่อมไม่เสียหาย
ดังนั้นกฎข้อแรกในการฝึกคือห้ามมีการต่อสู้ภายในเกิดขึ้นเด็ดขาด
ใครก็ตามที่กล้าสร้างปัญหาเพียงเพราะ ‘ข้าเห็นหน้ามันแล้วรำคาญลูกตา’ จะถูกลงโทษให้ตากแดดร้อนระอุ 3 วัน อีกทั้งหากมีปัญหาเรื่องสายเลือดยิ่งมีบทลงโทษหนัก ห้ามไม่ให้เอ่ยถึงเรื่องนี้โดยเด็ดขาด
ถึงตอนนี้ ทุกคนคือคนเผ่ามนุษย์ ไร้ความแตกต่างอื่นหรือความแตกต่างทางสายเลือดอีกต่อไป !