ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 143 ยาโทเทม
บทที่ 143 ยาโทเทม
การผ่าตัดสิ้นสุดลงแล้ว เหลือเพียงปล่อยให้ผีเยวี๋ยนหงพักผ่อนและค่อย ๆ ฟื้นตัวเท่านั้น
เพราะค่ายกลปกปิดของเจียงหานเฟิงไม่สมบูรณ์นัก ชายหนุ่มจึงไม่ออกล่าอีก แต่อยู่ปกป้องผีเยวี๋ยนหงและเจียงหานเฟิงในถ้ำแทน
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขานั่งเฉย ๆ หากไม่มีอะไรทำแล้ว เขาก็จะทำการทดลอง หรือไม่ก็ปรุงยา มอบภารกิจไม่สำคัญต่าง ๆ ให้เจียงหานเฟิงทำแทน
วันหนึ่ง เจียงหานเฟิงเดินเข้ามาตอนที่ซูเฉินกำลังง่วนทำอะไรบางอย่างอยู่
“เขาซดซุปทั้งถ้วยจากนั้นก็ไปนอนเลย”
“อย่าให้เขากินมากเกินไป ต้องค่อย ๆ กิน แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดก็เถอะ” ซูเฉินพูดทั้งที่ไม่หันกลับมา
“ข้าบอกเขาแล้ว แต่เขาไม่ฟังข้า เขาบอกว่าอยากจะหายดีให้เร็วที่สุด” เสี่ยวเจียงพึมพำแล้วเดินเข้าไป
แต่เมื่อเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างซูเฉินเขาก็ตกใจไม่น้อย
ร่างของเผ่าคนเถื่อนที่ถูกชำแหละไปบางส่วนนอนราบอยู่ตรงหน้าซูเฉิน
“เผ่าคนเถื่อน ? ท่านไปเอาศพเผ่าคนเถื่อนนี่มาจากที่ใด ?”
“ข้าก็สังหารมันอย่างไรเล่า ไม่งั้นจะไปหามาจากไหนได้อีก ?” ซูเฉินตอบ ก่อนควักหัวใจเผ่าคนเถื่อนผู้นั้นออกมาแล้วตรวจสอบโครงสร้างของมัน
เจียงหานเฟิงมองการกระทำโชกเลือดของซูเฉินแล้วก็สงสัย “ท่านสังหารเผ่าคนเถื่อนได้คนหนึ่งหรือ ? แล้วท่านก็ผ่าร่างพวกมัน ?”
“2 คน อีกคนอยู่นี่” ซูเฉินชี้ไปที่อีกมุมหนึ่งไม่ห่างกันนัก
เผ่าคนเถื่อนอีกคนห้อยอยู่บนผนัง ถูกถลกหนังทั้งตัว ทั้งแขนขาและอวัยวะภายในวางกระจายเต็มไปหมด นับเป็นตัวอย่างทดลองที่สำคัญนัก หัวขนาดใหญ่ของมันวางอยู่ตรงนั้นเช่นกัน ใบหน้ามันยังดุร้ายไม่คลาย คล้ายกับยังมีชีวิตอยู่ก็มิปาน
เจียงหานเฟิงรู้สึกราวกับรอบข้างหมุนวน เขาเคยเห็นคนตายมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นคนตายแล้วยังน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้
ทั้งความดีใจผสมความกลัวแล่นไปทั่วร่าง เขาดีใจเพราะศิษย์พี่สามของเขาแข็งแกร่งนัก สามารถรับมือกับเผ่าคนเถื่อน 2 คนได้ หากแต่เขาก็กลัวเช่นกัน เพราะการกระทำของซูเฉินนั้นโหดร้ายนัก ทำให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ พูดอะไรไม่ออกไปนาน
“อะไร ? กลัวหรือ ?” ซูเฉินยังใช้นัยน์ตาเห็นพลังของตนวิเคราะห์หัวใจเผ่าคนเถื่อนต่อไป
เจียงหานเฟิงกลืนน้ำลายดังเอื้อกแล้วพยายามเค้นคำออกมา “ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้”
“เพื่อเข้าใจร่างกายของพวกมัน และดูว่าข้าจะหาทางรับมือกับพวกมันได้ดีขึ้นหรือไม่ เช่น ไม่ว่าใครก็รู้ว่าพวกมันมีใจ 2 ดวง ดังนั้นทำลายไปหนึ่งก็ยังรอดชีวิตได้ แต่ม้ามของพวกมันเป็นจุดสำคัญมาก ทำลายม้ามได้ผลกว่าทำลายหัวใจเสียอีก” ซูเฉินเอ่ยตอบเจียงหานเฟิง ก่อนเก็บหัวใจเข้าร่างซากตรงหน้าไปแล้วหยิบม้ามขึ้นมาแทน
นัยน์ตาเห็นพลังต้นกำเนิดของเขาสามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ สมองเขากลั่นเอาความหมายและข้อมูลทุกอย่างที่ตาเห็นออกมา กลายเป็นความเข้าใจร่างกายของเผ่าคนเถื่อน
“แล้วร่างนี้ท่านก็ผ่าศึกษาด้วยหรือ ?” เจียงหานเฟิงชี้ร่างเผ่าคนเถื่อนที่ห้อยอยู่ที่กำแพง
“อ้อ ร่างนั้นข้าศึกษาอักขระโทเทมบนร่างมันอยู่ ข้าถลกหนังมัน ดูว่าอักขระจะยังใช้งานได้หรือไม่หลังจากถูกถลกออกมาแล้ว ทำให้ข้าพบว่าเมื่อถลกหนังออกมาอักขระก็ใช้งานไม่ได้อีก อักขระโทเทมเหล่านี้สลักขึ้นจากของเหลวพิเศษที่มีพลังงานเหลือล้นอยู่ภายใน มันสามารถเปิดได้ด้วยการใช้ปราณโลหิต ซึ่งผลมันจะออกมาก็แล้วแต่ว่าเป็นอักขระอะไร และหากค้นพบความลับของอักขระโทเทมได้ เผ่ามนุษย์ก็จะสามารถควบคุมและใช้ประโยชน์จากความสามารถของมันได้”
อักขระโทเทมนั้นสำคัญกับเผ่าคนเถื่อน คล้ายกับที่ทักษะต้นกำเนิดสำคัญกับเผ่ามนุษย์ เป็นแหล่งพลังของเผ่าคนเถื่อน
ทุกอักขระนั้นเทียบเท่าได้กับวิชาที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะใช้เพื่อเพิ่มพลังหรือโจมตีก็จะถูกสลักวาดลวดลายลงบนผิวหนังอย่างประณีต
เช่นนี้ไม่เหมือนการใช้ทักษะต้นกำเนิดของเผ่ามนุษย์ อักขระเผ่าคนเถื่อนนั้นตรงไปตรงมา มุ่งเน้นพละกำลังเพียงอย่างเดียว ดังนั้นอักขระโทเทมส่วนมากจึงใช้เพื่อเพิ่มพลัง ทำให้ร่างกายแกร่งขึ้น หรือเพิ่มความรวดเร็วให้ร่างกายได้ แม้การต่อสู้เช่นนี้จะราบเรียบตรงไปตรงมาแต่ก็ได้ผลไม่น้อย
เจียงหานเฟิงส่ายหัว “อักขระโทเทมพวกนี้เป็นความลับในอารามศักดิ์สิทธิ์เผ่าคนเถื่อน พวกมันรักษาความลับเหนียวแน่น ท่านไขความลับมันไม่ได้หรอก”
“ยามจะใช้คำว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ก็ระวังจะหน้าแตกเล่า” ซูเฉินหัวเราะแล้วหยิบขวดแก้วขวดหนึ่งที่ภายในมีของเหลวสีน้ำเงินส่องแสงเรืองออกมา
“นี่มัน……” เจียงหานเฟิงเอ่ยเสียงตะลึง
“ยาที่ใช้วาดอักขระโทเทม” ซูเฉินตอบ
“เป็นไปไม่ได้ !” เจียงหานเฟิงร้องขึ้น
สูตรยาโทเทมนั้นเป็นสูตรยาที่นักบวชเผ่าคนเถื่อนแห่งอารามศักดิ์สิทธิ์ปกป้องไว้อย่างแน่นหนา พวกเขาเป็นคนกลุ่มเดียวที่สามารถและมีสิทธิ์วาดลวดลายอักขระเหล่านี้ได้ ที่นักบวชเผ่าคนเถื่อนมีอยู่ก็เพราะสิ่งนี้
แล้วซูเฉินจะปรุงมันขึ้นมาได้อย่างไร ?
เชื่อได้ยากยิ่งนัก
“ข้าถึงบอกเจ้าว่ายามจะใช้คำว่าเป็นไปไม่ได้ก็ระวังจะหน้าแตก” ซูเฉินหัวเราะ
ซูเฉินเองก็ไม่คิดว่าการค้นพบแรกของเขาหลังเข้าซากโบราณมาแล้วจะไม่ใช่การค้นพบใหม่จากซากโบราณ แต่เป็นการค้นพบจากซากศพศัตรูต่างหาก
ใช่แล้ว หลังจากเขาวิเคราะห์อักขระโทเทมบนร่างเผ่าคนเถื่อนโดยใช้ตาวิเศษของเขาแล้ว เขาก็สามารถถอดสูตรยาออกมาได้
ไม่ได้สลักซับซ้อนเลยสักนิด !
เผ่าคนเถื่อนไม่ค่อยใช้สติปัญญาเท่าไรนัก ดังนั้นยาที่พวกเขาคิดค้นมาได้จะซับซ้อนสักเท่าไรเชียว ?
วิธีการปรุงก็ไม่ยาก ทำเพียงรวบรวมส่วนผสมทั้งหมด ก่อนจะต้มในน้ำเดือดไปสักระยะ
ดังนั้นซูเฉินจึงค้นพบความลับนี้โดยง่าย
และเมื่อเขาทำการค้นพบมันแล้ว เขาจึงคิดว่าเบื้องหลังอักขระเหล่านี้ที่สืบทอดกันมานับหมื่นปีในเผ่าคนเถื่อนคงไม่ธรรมดาเป็นแน่
ซูเฉินจึงเดินวนรอบป่าไปหนึ่งครา หลังจากรวบรวมส่วนผสมที่ต้องการมาได้และควบรวมกับส่วนผสมในแหวนของเขาแล้ว ทดลองเพียงไม่กี่ครั้งก็สามารถปรุงมันขึ้นมาได้สำเร็จ
มันมีวิธีปรุงง่ายมากจนเขาแทบไม่อยากเชื่อตนเอง
ซึ่งเป็นตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มพบว่าเหตุผลที่เผ่ามนุษย์ไม่อาจค้นพบความลับเรื่องอักขระได้เช่นนี้ เป็นเพราะเผ่ามนุษย์นั้นไร้เครื่องมือเช่นนัยน์ตาเห็นพลังต้นกำเนิด และสาเหตุสำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ แม้อักขระโทเทมเหล่านี้จะปล่อยพลังออกมาอย่างน่าตื่นตะลึง แต่ก็มีพื้นฐานเป็นปราณโลหิตของผู้ใช้ จึงมีเพียงเผ่าคนเถื่อนที่มีหัวใจ 2 ดวงและมีนิสัยดุร้ายป่าเถื่อนโดยธรรมชาติเท่านั้นที่จะสามารถใช้งานได้ หากมนุษย์ลองเปิดใช้อักขระเหล่านี้ ซัดพลังออกไปไม่กี่คราก็คงเลือดแห้งจนหมดร่าง
เผ่ามนุษย์ไม่คิดไขความลับ ไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ แต่เพราะไม่คิดอยากต่างหาก คงไม่มีใครอยากเสียเวลาและแรงกายไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์แก่ตนเองกระมัง
“เช่นนั้นแล้วเหตุใดท่านจึงไม่ถอดรหัสมันเล่า ?” เจียงหานเฟิงได้ยินแล้วอดถามขึ้นไม่ได้
“เพราะข้าไม่เพียงพยายามจะเลียนแบบเท่านั้น ยาอักขระเผ่าคนเถื่อนนั้นเรียบง่ายมาก ข้าสามารถปรับปรุงผลของมันได้ หรือข้าอาจจะปรับอักขระเหล่านี้ได้ จะได้ไม่ต้องใช้ปราณโลหิตแต่เป็นใช้พลังต้นกำเนิดในการเปิดใช้งานแทน เท่านั้นเป็นเหตุผลเพียงพอหรือไม่ ?”
เจียงหานเฟิงชะงักไป
ความคิดของบัณฑิตหัวดีนั้นยากจะเข้าใจโดยแท้ สำหรับคนที่มองเพียงผลตรงหน้าหรือผลระยะสั้น แผนการของซูเฉินนั้นดูไกลเกินเอื้อมนัก
แต่ความคิดซูเฉินต่ออักขระโทเทมนั้นคล้ายกับตอนเขาค้นคว้าเรื่องทักษะต้นกำเนิด ที่หมายให้กลายเป็น ‘มรดก’ ที่สามารถดูดซับและปรับแต่งได้ ทำให้กลายเป็นเครื่องมือสำหรับคนไร้สายเลือดได้
หากเขาต้องการมอบความแข็งแกร่งให้เหล่าผู้ไร้สายเลือด เขาจำต้องเปิดหูตาให้กว้างไกล พยายามดูดซับทุกสิ่งอย่างที่อาจนำมาใช้ได้
วิชาโบราณอาร์คาน่าก็เช่นกัน และตอนนี้ก็เป็นอักขระโทเทม
หากเขาพอใจทั้งเช่นนี้คงไม่อาจก้าวไปข้างหน้าได้อีก
“น่าเสียดายที่เรื่องเช่นนี้ไม่อาจสำเร็จภายในข้ามคืนได้” ซูเฉินเอ่ยเสียงฝืนใจเล็กน้อย
การถอดอักขระโทเทมไม่ยากนัก แต่การเปลี่ยนให้เผ่ามนุษย์ใช้งานมันได้คงจะนับว่าเป็นงานหนักไม่น้อย
เจียงหานเฟิงหน้าตาดูเศร้าสร้อยไป “เช่นนั้นยาโทเทมนี่ก็คงไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเราในตอนนี้หรือ ?”
“ก็อาจไม่ใช่” ซูเฉินตอบ
เขาเอียงขวดยาในมือดู “แม้มนุษย์จะไม่ได้มีร่างกายเช่นเผ่าคนเถื่อน แต่ก็ยังหาข้อยกเว้นได้ โชคดีที่ในหมู่ศิษย์เรา ข้าคิดไว้แล้วว่าใครใช้ยานี่แล้วจะได้ประโยชน์บ้าง”