ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 160 เตรียมการ
บทที่ 160 เตรียมการ
หากเป็นไปได้ซูเฉินยังอยากยอมปล่อยให้เฟ้ยลาหลัวและเหมินตี้ย่านั่วกลับไปยังดีกว่าปล่อยตานปากลับไป
คนผู้นี้หัวดื้อยิ่งนัก มากจนกระทั่งราวกับไม่ใช่เผ่าคนเถื่อนอีกต่อไป
หากเผ่าคนเถื่อนไร้สมองทั้งหลายมีเขาเป็นผู้นำ เรื่องราวจะยิ่งซับซ้อนขึ้นเป็นแน่
โชคร้ายที่การต่อสู้ไม่เหมือนการค้าขาย คิดอยากเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนดั่งใจอยากไม่ได้
แม้คนอื่น ๆ จะตามมาอย่างรวดเร็วและเริ่มออกค้นหาคน แต่สุดท้ายก็ไม่พบตานปา
ศิษย์เหล่านี้ไม่ใช่ทหารรับจ้าง ดังนั้นจึงไม่อาจเสียกำลังตามหาตานปาเพียงอย่างเดียวได้ หลังจากหาไประยะหนึ่งแล้วไม่พบจึงกลับไปภูเขาหินมือเปล่า
ทำให้ซูเฉินดูอารมณ์ไม่ดีไปทั้งวัน
“เอาล่ะ เจ้าอย่าหดหู่นักเลย อย่างไรเราก็สามารถสังหารเผ่าคนเถื่อนไปได้ 2 คน อีกทั้งหนึ่งในนั้นยังเป็นนักรบอาราม ทั้งหมดนี่ก็เพราะเจ้า” เฮ่ออวิ๋นตงเอ่ยปลอบ
“ตานปานั้นรับมือไม่ง่าย เขาหนีไปได้เช่นนี้ต้องมีปัญหาตามมาไม่หยุดแน่” ซูเฉินถอนหายใจ
“ข้ารู้ แต่เจ้าไม่ต้องกังวลถึงเพียงนั้น อย่างแรกคือเขาบาดเจ็บ และเผ่าคนเถื่อนก็ไม่ได้มียารักษาแผลใดเลิศเลอนัก อย่างน้อย ๆ ในระยะนี้เขาก็ยังไม่มีทางหายดีได้แน่ ดังนั้นจึงไม่อันตรายมาก อย่างที่สองคือตานปาอย่างไรก็เป็นตานปา เผ่าคนเถื่อนสุดท้ายก็คือเผ่าคนเถื่อน เขาคุมได้เพียงตัวเขาเอง ไม่อาจควบคุมเผ่าคนเถื่อนคนอื่น ๆ ได้”
ซูเฉินนัยน์ตาเป็นประกาย “หัวหน้าช่างฉลาดเสียจริง ท่านพูดถูก ตานปาคุมได้เพียงตนเอง ไม่อาจคุมเผ่าคนเถื่อนคนอื่น ๆ ได้”
“หากตานปามีอำนาจคุมเผ่าคนเถื่อนคนอื่น ๆ ได้ก็คงไม่มีการท้าทาคุชาเกิดขึ้น ดังนั้นแม้เขาจะฉลาดสักเพียงไหน แต่ก็ไม่อาจใช้ความฉลาดนั้นจนเต็มความสามารถได้”
เฮ่ออวิ๋นตงสามารถระบุจุดอ่อนของตานปาออกได้ทั้งหมดในไม่กี่ประโยค
“ถูกต้อง” หวังโต้วซานรีบกระโดดเข้ามาปลอบอีกคน “ก็แค่ตานปา ถึงฉลาด แต่ก็มีกำลังก็เพียงธรรมดาเท่านั้น ขนาดเจ้ายังสามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้”
“ใช่แล้ว เขาเป็นนักรบอาราม แต่ศิษย์พี่กลับประมือกับเขาตัวต่อตัวแล้วทำให้เขาบาดเจ็บได้ ฝีมือคงจะธรรมดาจริง ๆ” เจียงหานเฟิงก็วิ่งเข้ามาพูดเอาอกเอาใจซูเฉินด้วยเช่นกัน
ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ยอมให้เขาสมหวัง “อย่าพูดไร้สาระเลย แม้จะสู้กันตัวต่อตัว แต่ตานปาในตอนนั้นก็ยังต้องคอยรับมือกับโต้วซานและคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะปัดป้องหรือใช้ประโยชน์จากอีกฝ่าย อย่างไรก็ต้องแบ่งความสนใจไป ไม่อาจใส่ใจกับการต่อสู้กับข้าเต็มที่ได้”
“อีกทั้งสว่านทะลวงเกราะใช้ปราณโลหิตมากเกินไป ข้าใช้บ่อยครั้งไม่ได้ ด้านหนึ่งโต้วซานกับข้านั้นเหมือนกัน ใช้วิชาเกินกำลังเพื่อประมือกับศัตรูเพียงชั่วครู่ หากเป็นการต่อสู้ประจัญหน้ากันอย่างยุติธรรมแล้ว ข้าก็ไม่นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ของตานปา นักรบอารามอย่างไรก็คือนักรบอาราม ตอนนี้ข้ายังแข็งแกร่งไม่พอจะสู้กับเขา”
“อ้อ เป็นเช่นนั้นหรือ” ได้ยินซูเฉินกล่าวแล้วเจียงหานเฟิงก็เงียบไป
“หากแต่นี่ก็เป็นเรื่องชั่วคราวเท่านั้น ตอนนี้ข้าอาจยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่อีกไม่นานข้าต้องรับมือเขาได้แน่” ซูเฉินหัวเราะ
“อืม ! ศิษย์พี่สามต้องทำได้แน่ !” เจียงหานเฟิงชูมือกู่ร้อง
ทุกคนสนทนาพูดคุยกันไปเรื่อย ในที่สุดก็เดินทางกลับมายังภูเขาหิน
เมื่อกลับมาถึงก็เห็นอวิ๋นเป้า จีหานเยี่ยน และกังเฮ่าหลี เดินเข้ามา
ในขณะที่พวกเขาออกไปตามล่าสังหารตานปา คนสามคนนี้ก็เพิ่งจะเดินทางมาถึงภูเขาหิน
อวิ๋นเป้าและจีหานเยี่ยนนั้นลับฝีปากกันทั้งวัน ทำให้กังเฮ่าหลีรู้สึกหดหู่มากจนกระทั่งเมื่อพบเจอคนอื่น ๆ เขาถึงกับทำท่าราวกับพบญาติพี่น้องที่พลัดพรากจากกันมาแสนนาน
หลังจากอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้เรื่องราวทั้งหมดของแต่ละคน
“ไม่น่าข้าถึงรู้สึกว่าคนผู้นี้หน้าตาคุ้นยิ่งนัก เป็นเจ้าอ้วนหวังนี่เอง” จีหานเยี่ยนพูด มองไปยังหวังโต้วซาน
หลังจากหวังโต้วซานตัวผอมลงแล้วก็แตกต่างไปจากเดิมมาก
“ศิษย์พี่หวังดูหล่อเหลาขึ้นเยอะเลย” กังเฮ่าหลีเอ่ยเสริม
หวังโต้วซานยิ้มกว้าง
ความจริงแล้วหวังโต้วซานนั้น หากไม่อ้วนมากก็ดูหล่อเหลาเอาการ
อวิ๋นเป้าที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยเสียงเย็นชาขึ้น “แต่ก็อ่อนแอลงมากเช่นกัน”
หวังโต้วซานได้ยินแล้วโกรธเคืองนัก “อวิ๋นเป้า เจ้าคนบัดซบ รู้จักพูดดี ๆ บ้างไม่เป็นหรือไร”
อวิ๋นเป้าหันกลับไปไม่มองเขาอีก
“เอาล่ะ อย่าทะเลาะกันเลย” เฮ่ออวิ๋นตงเอ่ย “ตอนนี้ตานปาคงจะจับตาดูเราไม่ได้ไปพักใหญ่เพราะบาดเจ็บอยู่ ได้เวลาเราทำตามแผนแล้ว”
แผนที่เฮ่ออวิ๋นตงพูดถึงคือการตั้งฐานทัพใหญ่ที่ชีเว่ยเยี่ยนและซูเฉินปรึกษาหารือกันเมื่อก่อนหน้านี้
หากใช้ภูเขาหินเป็นทัพใหญ่แล้ว พวกเขาก็จะสามารถส่งกลุ่มคนออกไปเสาะหาทรัพยากรได้
คนที่แกร่งกว่าคนอื่นจะรวมกลุ่มย่อยเพื่อสำรวจเส้นทาง ส่วนคนที่แกร่งน้อยกว่าจะรั้งอยู่ที่ฐานทัพเพื่อคุ้มกันสถานที่ คอยรับส่งทรัพยากร และเป็นกำลังเสริมในยามฉุกเฉิน
หากเจอปัญหาเล็ก กลุ่มย่อยสามารถลงมือจัดการเลยได้ แต่หากเป็นปัญหาใหญ่สามารถเรียกกำลังเสริมหรือรวมกลุ่มกับกลุ่มย่อยอื่น ๆ ได้ ซูเฉินเคยทำเช่นนี้มาแล้วเมื่อครั้งที่เขาขอกำลังเสริมสิบคนมารับมือกับอสูรกายในป่า ด้วยในซากโบราณย่อมต้องมีอสูรกายมากกว่าหนึ่งตัวแน่ ดังนั้นหากต้องการคนอื่น ๆ ก็สามารถขอกำลังเสริมได้เช่นกัน
หากพบเป้าหมายที่เป็นอันตรายเช่นเผ่าคนเถื่อน ก็สามารถหนีกลับมาทางภูเขาหินและยิงธนูฉุกเฉินได้ คนบนภูเขาหินจะลงมือทันที
เช่นนี้ความสามารถในการสำรวจซากโบราณของพวกเขาจะมีมากขึ้น อีกทั้งยังปลอดภัยขึ้นมากกว่าเดิม
ตอนนี้บนเขามีคนทั้งหมด 26 คน คือ เฮ่ออวิ๋นตง ชีเว่ยเยี่ยน ซูเฉิน เฟิงอี้กู่ ฉู่อันยี่ เสิ่นอวี้เฉิง เสิ่นหลงเฉิง ผีเยวี๋ยนหง หวังโต้วซาน อวิ๋นเป้า เยว่หลงซา จีหานเยี่ยน กู่ชิงลั่ว สือเจียงป๋อ ฟ่านหรูจื่อ สุ่ยตง หลี่อวิ๋น อู๋เสี่ยว หวังเสวียนอัน กังเฮ่าหลี เจียงหานเฟิง เว่ยหยาง เหยียนหลิง หม่าเซวียน หานหลินเสีย และจี้ลั่วอวี่
เมื่อตัดคนที่ถูกสังหารไปแล้วและจ้าวซินที่ยังไม่กลับมาออกไปก็นับว่ารวบรวมคนได้ส่วนมากแล้ว ได้เวลาดำเนินตามแผนการขั้นต่อไป
เฮ่ออวิ๋นตงจัดการให้คนทั้ง 26 คนแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม โดยสองกลุ่มนี้จะแบ่งกันรับหน้าที่ภายในและภายนอก
ซูเฉิน กังเฮ่าหลี เจียงหานเฟิง เว่ยหยาง เหยียนหลิง หม่าเซวียน หานหลินเสีย และจี้ลั่วอวี่รวมกันเป็นกลุ่ม 8 คน รับผิดชอบในการรับมือทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในฐานทัพ รวมถึงทำการลาดตระเวนบนภูเขาและตั้งกลุ่มกำลังเสริมในยามฉุกเฉิน
ส่วนอีก 18 คนจะแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยเพื่อทำการสำรวจซากโบราณ
ชีเว่ยเยี่ยนยังพักฟื้นเพื่อรักษาบาดแผล ตอนนี้จึงยังรั้งรักษาตัวอยู่บนเขา
หลังจากเสียไขมันเหล่านั้นไป หวังโต้วซานก็อ่อนแอลงมาก ดังนั้นจึงถูกจัดให้รวมกลุ่มกับอวิ๋นเป้า กู่ชิงลั่ว และเยว่หลงซา
เฮ่ออวิ๋นตง อู๋เสี่ยว และพี่น้องแซ่เสิ่นเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง นับเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขาเลือกเดินทางไปยังทิศเหนือที่มีภูเขาใหญ่อีกลูกตั้งอยู่ รับหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ ระหว่างทางก็ทำการเก็บเกี่ยวทรัพยากรเพื่อทำการเดินหน้าแผนการขั้นต่อไป
ส่วนกลุ่ม 3 คนอีก 3 กลุ่มที่เหลือต่างก็เลือกเส้นทางของตนเอง เดินทางออกยามตะวันโผล่พ้นฟ้ากลับมาตอนตะวันตกดิน ทำการสำรวจพื้นที่โดยรอบและเก็บเกี่ยวทรัพยากร
เฮ่ออวิ๋นตงรับผิดชอบเรื่องราวภายนอกฐานทัพ ส่วนเรื่องภายในเป็นชีเว่ยเยี่ยนที่คอยดูแล
เฮ่ออวิ๋นตงเอ่ยกับซูเฉินด้วยใบหน้าร้อนใจ “ข้ารู้ดีว่าน้องซูมีความรู้กว้างขวาง ทั้งยังมีความสามารถมาก ควรจะให้เรื่องภายในเป็นเจ้าจัดการ แต่ฐานใหญ่จำต้องติดต่อกับศิษย์คนอื่น ๆ ต้องดำเนินการกับศิษย์กลุ่มอื่น ใช้การสื่อสารมากกว่าความรู้ เว่ยเยี่ยนนั้นเหมาะสมกับเรื่องนี้มาก ดังนั้นข้าจึงเลือกนางให้รับหน้าที่ดูแลเรื่องราวภายใน น่าเสียดายที่ไม่อาจให้หน้าที่นี้กับเจ้าได้”
ซูเฉินยิ้ม “เป็นความคิดที่ดี ท่านรับผิดชอบเรื่องราวภายนอกฐานทัพ ส่วนศิษย์พี่หญิงชีรับหน้าที่จัดการเรื่องกำลังเสริม นับเป็นการเตรียมการที่เหมาะสมยิ่งนัก ยิ่งคนมากยิ่งคุมยาก เช่นอวิ๋นเป้ากับแม่นางจี สองคนนี้แค่เห็นกันก็ตีกันแล้ว เราจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ดังนั้นต้องมีคนกลางระหว่างทั้งสองคน ข้าไม่มั่นใจว่าจะทำเรื่องนี้ได้หรือไม่ แต่ศิษย์พี่หญิงชีเหมาะสมกับเรื่องแบบนี้นัก ข้ามั่นใจว่านางจะจัดการเรื่องนี้ได้”
เฮ่ออวิ๋นตงพยักหน้า “เจ้าเข้าใจก็ดี”
ซูเฉินหัวเราะ “อย่างไรข้าก็ยังมีหน้าที่ต้องทำ พวกท่านทั้งสองจัดการเรื่องศิษย์คนอื่น ๆ เถอะ ส่วนข้า……”
เขาจงใจหยุดพูดไปชั่วขณะ จากนั้นหัวเราะออกมา “จะรับมือกับพวกเผ่าคนเถื่อนเอง”