ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 184 ตอบแทน
บทที่ 184 ตอบแทน
ลุ่มน้ำทองคำ
กองกำลังเผ่ามนุษย์และเผ่าคนเถื่อนตั้งอยู่ตรงข้ามกันโดยมีกองหินคั่นกลางอยู่
เซียวเฟยหนานยืนอยู่ไม่ห่างจากกองหินนั่นนัก ใบหน้าเคร่งขรึม
ไม่นานก่อนหน้านี้ ปรมาจารย์ค่ายกลพลังต้นกำเนิดคนหนึ่งของเขาก็ได้แจ้งว่าพื้นที่พลังงานสูญของซากโบราณเกิดความผันผวนของพลังครั้งใหญ่ ทำให้ความมั่นคงของพื้นที่ลดลงมาก ซากโบราณกำลังสลายลงอย่างรวดเร็ว เป็นตัวชี้ว่าภารกิจเดินทางเข้าซากโบราณจะจบลงภายในวันนี้ ดังนั้นเขาจึงยืนอยู่ทำหน้าขรึมตื่นตัวอยู่ตลอดเช่นนั้นมาตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว
ส่วนเผ่าคนเถื่อนนั้นไม่ได้รู้ข้อมูลเช่นเผ่ามนุษย์ แต่ก็มีวิธีหาข้อมูลเป็นของตนเอง นั่นคือการจับตามองพวกมนุษย์ไว้
เมื่อเซียวเฟยหนานปรากฏตัวขึ้น โม่หลี่ฮั่นก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
ไม่นาน พื้นที่เหนือกองหินก็เริมฉีกแยกออก ความผันผวนของพลังเริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
“มาแล้ว !” ลูกน้องคนหนึ่งของเซียวเฟยหนานเอ่ยขึ้น น้ำเสียงดูตั้งใจมองภาพตรงหน้า
ทางฝั่งเผ่าคนเถื่อนเองก็สัมผัสได้เช่นกัน
นี่คือเผ่าคนเถื่อน ไม่เคยใฝ่หากฎระเบียบวินัยใด สนใจแต่ความกล้าหาญและความแข็งแกร่งเท่านั้น
ในขณะที่การบริหารจัดการของเผ่าคนเถื่อนนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่ความกล้าหาญและขวัญกำลังใจนั้นมีอยู่สูงมากมาโดยตลอด
เป็นเผ่าคนเถื่อนคนหนึ่งเดินออกมา
“โว้วววว !” เผ่าคนเถื่อนทั้งหลายต่างกู่ร้องขึ้นด้วยความยินดี เซียวเฟยหนานและเผ่ามนุษย์คนอื่น ๆ รู้สึกใจหายวาบไปเล็กน้อย
หากแต่อีกร่างหนึ่งที่เดินออกมาเป็นมนุษย์ คืออู๋เสี่ยว
ครั้งนี้เป็นฝั่งมนุษย์ที่ส่งเสียงร้องยินดีขึ้นบ้าง ฝั่งเผ่าคนเถื่อนคล้ายกับจะถูกกดดันไปนิดหนึ่ง
เผ่าคนเถื่อนและเผ่ามนุษย์ค่อย ๆ เดินสลับกันออกมาเรื่อย ๆ หากแต่ไม่นาน จำนวนมนุษย์ที่ออกมาก็เริ่มมีมากกว่าเผ่าคนเถื่อน
เมื่อได้เห็นเฮ่ออวิ๋นตง ชีเว่ยเยี่ยน ซูเฉินและคนอื่น ๆ ค่อย ๆ เดินออกมาคนแล้วคนเล่า เซียวเฟยหนานก็เผยสีหน้ายินดียิ่งนัก กลับกัน สีหน้าของโม่หลี่ฮั่นกลับบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยามคนสุดท้ายก้าวออกมาจากรอยแยกนั่น พื้นที่เหนือกองหินที่แยกออกก็สั่นอย่างรุนแรง ก่อนที่รอยแยกมิติจะหายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ หลังจากนั้นกองทัพทั้งสองฝ่ายก็รีบมุ่งเข้าไปหาเหล่าคนที่กลับมาจากฝั่งของตน
“เท่านี้หรือ ?” โม่หลี่ฮั่นมองเผ่าคนเถื่อนตรงหน้าเขาด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง
7 คน !
มีเพียงเผ่าคนเถื่อน 7 คนที่มีชีวิตรอดกลับมา
แล้วพวกมนุษย์เล่า ?
29 คน !
มนุษย์ 29 คนรอดชีวิตกลับมา
ครั้งนี้เผ่าคนเถื่อนสูญเสียครั้งใหญ่นัก
“เป็นไปได้อย่างไร ? จะเป็นไปได้อย่างไร !?” โม่หลี่ฮั่นคำราม เขาคว้าคอเผ่าคนเถื่อนที่อยู่ใกล้ที่สุดมาแล้วตะโกนลั่น “พี่น้องคนอื่น ๆ ของเจ้าเล่า ? เผ่าคนเถื่อนคนอื่น ๆ ไปไหนหมด ?”
“พวกเขาไม่กลับมาแล้วท่านหัวหน้า” ตานปาเอ่ย ใบหน้าซีดขาวยิ่ง
“เป็นไปไม่ได้ !” โม่หลี่ฮั่นถอยไปหลายก้าว
นักรบอาราม 5 คน !
พวกเขาส่งนักรบอาราม 5 คนเข้าซากโบราณไป แต่กลับมาได้เพียง 1 คนเท่านั้น
อีกฝั่งหนึ่ง เซียวเฟยหนานก็รับฟังเรื่องราวจากเฮ่ออวิ๋นตงและชีเว่ยเยี่ยนว่าภายในซากโบราณมีนักรบอาราม 5 คน
ใบหน้าเขาพลันซีดลง “5 หรือ ? มั่นใจหรือว่าเป็น 5 คน ?”
เฮ่ออวิ๋นตงและคนอื่น ๆ กำลังจะเอ่ยยืนยัน หากแต่ซูเฉินเอ่ยขึ้น “แท้จริงแล้วพวกเราก็ยังไม่มั่นใจนัก”
“ว่าไงนะ ?” ทุกคนจ้องมองซูเฉินด้วยความตกใจ
ซูเฉินเอ่ยเสียงกระจ่าง “ที่พวกเราคิดว่าเป็นนักรบอารามก็เพราะอีกฝ่ายทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ แต่พลังก็ไม่ใช่ตัวบ่งบอกว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักรบอาราม อาทิเช่น แม้ตระกูลสายเลือดชั้นสูง ปกติแล้วจะมีพลังมากกว่าคนทั่วไป แต่บางคราคนไร้สายเลือดคนสองคนก็อาจมีพลังเหนือกว่าคนเหล่านั้นได้บ้าง ด้วยกำลังของเผ่าคนเถื่อนแล้ว เป็นไปได้อยู่ที่จะสามารถสร้างคนที่มีฝีมือไม่ธรรมดาออกมา ดังนั้นพวกเราจึงไม่มั่นใจนักว่าพวกนั้นจะเป็นนักรบอารามแน่นอนหรือไม่ ส่วนตัวข้าไม่คิดว่าพวกเขาเป็นนักรบอาราม”
เซียวเฟยหนานได้ยินแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากแต่ถังหมิงกลับเริ่มไม่พอใจ “จะไม่ใช่ได้อย่างไร ? เฟิงอี้กู่กินยาพวกนั้นเข้าไปแล้ว อีกทั้งคนเถื่อนที่เขาประมือด้วยก็บาดเจ็บเป็นทุนเดิม แต่สุดท้ายก็ตายทั้งคู่ ส่วนเผ่าคนเถื่อนที่ข้ารับมือ พวกเจ้าคิดว่าจะเป็นต้องให้ทั้งข้าและหัวหน้าเฮ่อรับมือกับเผ่าคนเถื่อนธรรมดาหรือ ?”
“ถังหมิง หยุดพูด !” เฮ่ออวิ๋นตงเอ่ย “ข้าก็ไม่คิดว่า 2 คนนั้นเป็นนักรบอาราม”
“ข้าก็ยังสงสัยอยู่” ชีเว่ยเยี่ยนเอ่ย
“ว่าอะไรนะ ?” ถังหมิงชะงักไป
เขามองไปรอบกาย พบว่าคนส่วนมากต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย
แม้เขาจะมีนิสัยเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ได้ไร้สมอง เขาพลันรู้ตัวว่าหากตนยืนยันต่อไปว่ามีนักรบอาราม 5 คนจริง พวกเผ่าคนเถื่อนก็คงไม่ได้รับผลอะไร เพราะอย่างไรก็ตายกันไปหมดแล้ว ไม่มีทางค้นหาความจริงได้ หากแต่ผลที่เกิดกับเซียวเฟยหนานจะไม่ใช่น้อย ๆ อย่างน้อยก็จะถูกกล่าวหาได้ว่าตรวจสอบหละหลวมเกินไป
ทุกคนรู้จักกับเซียวเฟยหนานดี หากเขาเป็นแม่ทัพที่ชอบวางท่ายโสโอหังแล้ว พวกเขาก็อาจไม่พูดช่วยอะไร แต่เซียวเฟยหนานเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ไม่มีใครอยากเห็นเขาพบปัญหา อีกทั้งวิธีที่เผ่าคนเถื่อนแอบนำนักรบอารามเข้ามเพิ่มอีก 2 คนยังคงเป็นความลับอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากล่าวหาได้ว่าเซียวเฟยหนานตรวจสอบหละหลวม หรือเป็นเพราะวิธีของอีกฝ่ายเจ้าเล่ห์เหนือกว่ากันแน่ การทำให้เป็นเรื่องใหญ่เพื่อสร้างปัญหาให้เขาจึงไร้ประโยชน์นัก
ดังนั้นชายหนุ่มจึงเอ่ยเพียงว่ามีเผ่าคนเถื่อนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นนักรบอารามเพิ่มมา 2 คนเท่านั้น ทำเช่นนี้นับเป็นการมอบโอกาสให้เซียวเฟยหนาน
ที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาสามารถใช้เรื่องนี้สร้างบุญคุณกับเซียวเฟยหนานได้อีกด้วย
เช่นนี้แล้วก็เท่ากับเซียวเฟยหนานติดค้างทุกคนในที่นี้ด้วย
ติดหนี้บุญคุณหนักหนาเท่าใดนักขึ้นอยู่กับแต่ละคน ดังนั้นจึงประมาณการได้ยาก อย่างน้อย ๆ เซียวเฟยหนานก็มองซูเฉินดีขึ้นมากเพราะเขาเป็นคนแรกที่เอ่ยว่านักรบอารามเหล่านั้นแท้จริงอาจไม่ใช่นักรบอาราม
คิดได้เช่นนี้แล้วถังหมิงจึงไม่เอ่ยอะไรอีก
เซียวเฟยหนานเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน เขาปรบมือครั้งหนึ่งก่อนเอ่ย “ภารกิจเดินทางเข้าซากโบราณในครั้งนี้ทุกคนทำงานกันหนักมาก ข้า เซียวเฟยหนาน รับรู้ถึงหยาดเหงื่อแรงกายและเลือดเนื้อที่พวกเจ้าสูญเสียไปเป็นอย่างดี ข้าเชื่อว่าในฐานะตัวแทนของอาณาจักรหลงซาง ข้าขอกล่าวว่าพวกเจ้าทุกคนจะได้รับรางวัลตอบแทนผลงานของพวกเจ้าอย่างยุติธรรมแน่นอน !”
เซียวเฟยหนานย่อมต้องแสดงความซาบซึ้งต่อพวกเขา
แต่ก็เท่านั้น อย่างไรการตรวจสอบก็ยังต้องดำเนินต่อไป ของภายในแหวนกักเก็บต้องถูกส่งมอบ ตัวศิษย์ทั้งหลายเองก็ต้องถูกค้นเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครปิดบังสิ่งใด สุดท้ายยังต้องสอบถามเหตุการณ์จากปากแต่ละคนว่าเกิดเรื่องใดขึ้นภายในซากโบราณบ้าง จากนั้นนำคำบอกเล่าของแต่ละคนมาเทียบเคียงกันแล้วจึงค่อยทำการประเมิน
ดังนั้นจึงไม่อาจซ่อนเรื่องแผ่นหินกักวิญญาณไว้ได้
ภายในกระโจมใหญ่ มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งกำลังสอบถามซูเฉิน จากนั้นบันทึกทุกอย่างที่เขาได้ทำในซากโบราณเอาไว้
เจ้าหน้าที่ผู้นี้ซื่อสัตย์จริงใจยิ่งนัก ไม่มีสิ่งใดกวนใจซูเฉินแม้แต่น้อย
หลังจากสอบถามเรื่องการทำสัญญากับแผ่นหินกักวิญญาณเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางเป็นมิตร “ข้าบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นลงไปแล้ว คำบอกเล่าของเจ้าไร้ปัญหาใด ส่วนแผ่นหินกักวิญญาณนี่ แม้จะทำสัญญาเป็นนายมันแล้ว ตามกฎก็ควรจะต้องเก็บไว้ที่นี่จนกว่าผู้มีอำนาจจะลงมาตรวจสอบ”
เรื่องนี้…… ทำให้ซูเฉินลังเล
ตอนที่ตอบคำถามของอีกฝ่าย ซูเฉินจงใจลดค่าของผ้าเท่อลั่วเค่อลง แม้เจ้าหน้าที่จะรู้ว่าภายในมีวิญญาณของปรมาจารย์อาร์คาน่าสิงอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้เป็นหัวหน้าปรมาจารย์อาร์คาน่า เป็นผู้ที่สามารถใช้การโจมตีจิตได้ ดังนั้นจึงทำให้แผ่นหินกักวิญญาณมีค่าน้อยลงมาก
แต่หากชายหนุ่มต้องส่งมอบแผ่นหินกักวิญญาณให้อีกฝ่าย ผลลัพธ์ย่อมออกมาคาดเดาได้ยาก หากผ้าเท่อลั่วเค่อคิดทำลายแผนการเขาด้วยการบอกเล่าทุกสิ่งอย่างออกไปละก็ ซูเฉินคงไม่อาจเก็บแผ่นหินกักวิญญาณไว้ได้
“ในเมื่อทำสัญญาเป็นเจ้านายมันแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้มีค่าอันใดมากมาย เจ้าก็คืนเขาไปเถอะ ข้าจะอธิบายให้ผู้มีอำนาจเอง” เป็นตอนนั้นเองที่มีเสียงหนึ่งดังเข้ามาจากด้านนอก เซียวเฟยหนานเดินมือไพล่หลังเข้ามา
“ขอบพระคุณแม่ทัพเซียว !” ชายหนุ่มยืนขึ้นแล้วเอ่ยขอบคุณ
เขารู้ดีว่าเซียวเฟยหนานกำลังตอบแทนเขาเรื่องเมื่อครู่