ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 185 รางวัลตามผลงาน
บทที่ 185 รางวัลตามผลงาน
เย็นวันนั้น ที่ค่ายของเผ่ามนุษย์ก็จัดงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ให้ซูเฉินและคนอื่น ๆ โดยมีเจ้าหน้าที่และทหารหลากหลายนายต่างแวะเวียนกันเข้ามาดื่มกับพวกเขา ปกติแล้วผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดจะสามารถล้างพิษเหล้าได้ไม่ยาก แต่ทางกองทัพนำเหล้าที่หมักจากยาวิญญาณมา ยิ่งทำให้ฤทธิ์เหล้าแรงกว่าเดิม สุดท้ายซูเฉินจึงเมาไม่รู้เรื่อง
นับเป็นครั้งที่สองในชีวิตนี้ที่เขาเมามายเช่นนี้ หลังจากนั้นก็ตื่นขึ้นมาพร้อมความรู้สึกปวดหัวแทบแตกเช่นครั้งก่อน
เมื่อออกมาจากกระโจมตนเอง ชายหนุ่มก็พบกับภาพการฝึกของเหล่าทหาร และเสียงตะโกนเสียงร้องดังไปทั่ว
ซูเฉินสงสัยจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ก่อนพบว่าทหารแต่ละนายมีร่างกายกำยำ ทุกคนอยู่ในด่านหลอมกายาขั้นสุด
ปกติแล้วลำดับทหารจะแบ่งตามชั้นยศ นอกจากยศชั้นรองไม่กี่ยศแล้ว คนที่อยู่ด่านหลอมกายาธรรมดาจะเป็นทหารเท่านั้น ส่วนผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดอย่างน้อยจะมียศเป็นเจ้าหน้าที่ระดับล่าง
ทหารทุกคนอยู่ด่านหลอมกายาขั้นสุด ย่อมหมายความว่ากองทหารแห่งนี้แข็งแกร่งไม่น้อย หากประมือกับทหารด่านหลอมกายาธรรมดา ซูเฉินก็คงรับมือทีละร้อยคนได้โดยไม่ยาก หากแต่เขาไม่มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับทหารร้อยคนจากกองกำลังนี้ไหวหรือไม่ และหากชนะก็คงเจ็บตัวไม่น้อย
“ว่าอย่างไร ? คุณชายซูเห็นกองทัพของข้าเป็นอย่างไร ?” เซียวเฟยหนานเดินเข้ามาหาซูเฉิน
ซูเฉินครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตอบ “ขบวนดูเป็นระเบียบ ความกล้าหาญน่านับถือ คงจะเป็นกองทหารที่เคยผ่านศึกมาแล้วเป็นแน่”
การชมเชยเช่นนี้ย่อมได้ผลไม่มากก็น้อย เซียวเฟยหนานเงยหน้าหัวเราะ “พูดได้ดี ! ทหารทุกนายที่นี่ผ่านศึกมาแล้วทั้งสิ้น อย่างไรปราการลุ่มน้ำทองก็เป็นด่านป้องกันด่านแรกยามปะทะกับเผ่าคนเถื่อน แม้จะไม่แกร่งเท่าอัจฉริยะอย่างเจ้า แต่เมื่อรวมพลังกันแล้วก็ยังนับว่ารับมือไม่ง่าย หากแต่……”
เซียวเฟยหนานพลันเปลี่ยนเรื่องคุย “ทหารดีย่อมต้องการผู้นำที่ดีคอยควบคุม ปราการลุ่มน้ำทองของข้าไม่ขาดทหารชั้นดี แต่ขาดผู้บัญชาการที่มีทั้งกำลังและสมอง เจ้าว่าอย่างไร ? สนใจจะเข้าร่วมกองทัพหมอกสวรรค์ของข้าหรือไม่ ?”
ชายหนุ่มจึงเข้าใจในที่สุดว่าเซียวเฟยหนานคิดจะดึงตัวเขาเข้ากองทัพ
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก คนจากสถาบันมังกรซ่อนเร้นนั้นนับว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่คน เป็นผู้มีฝีมือที่มักถูกดึงตัวไป ยิ่งกับคนที่ได้เข้าร่วมในภารกิจเข้าซากโบราณครั้งนี้ยิ่งนับเป็นยอดอัจฉริยะ
แล้วกองทัพหมอกสวรรค์ก็อยู่ใกล้ผู้มีฝีมือเช่นนี้ จะไม่ฉวยโอกาสนี้เลือกคนไปก่อนได้หรือ ?
ดังนั้นเซียวเฟยหนานจึงทำทีเป็นจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อดึงตัวทุกคนไว้ แม้หลังจากตรวจสอบแล้วจะสามารถเดินทางจากไปได้อย่างอิสระก็ตามแต่ ดังนั้นเขาจะได้มีโอกาสบอกขอบคุณแต่ละคน และหาทางดึงคนเข้ากองทัพเขาได้
เขาไม่คิดจะดึงตัวทุกคนไว้ แต่หากสามารถดึงมาได้สักคนก็นับว่าได้ประโยชน์มากแล้ว
ผลงานของซูเฉินในซากโบราณนั้นโดดเด่นที่สุด ดังนั้นเซียวเฟยหนานจึงมาเกลี้ยกล่อมเขาด้วยตัวเอง
ซูเฉินเข้าใจความคิดของเซียวเฟยหนาน จึงหัวเราะเสียงขื่น “ข้าเกรงว่าคงจะต้องทำให้ความหวังดีของแม่ทัพเซียวเสียเปล่าแล้ว……”
“อย่าเพิ่งรีบร้อนปฏิเสธเลย” เซียวเฟยหนานเอ่ย “หากเจ้าเต็มใจเข้าร่วม ข้าจะตั้งให้เจ้าเป็นผู้บัญชาการกองพล”
กองทัพใหญ่ของ 7 อาณาจักรนั้นแบ่งออกเป็น หน่วยรบ หมู่รบ กองร้อย กองพัน กองพลสำรอง กองพล และกองทัพใหญ่
หนึ่งกองพันมีทหารทั้งหมด 300 คน ดังนั้นซูเฉินจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับกลาง
ซูเฉินยังอยู่ที่ด่านกลั่นโลหิต อีกทั้งยังไม่เคยนำกองกำลังมาก่อน หารมอบตำแหน่งคุมกองพันให้เขาทันทีเช่นนี้อยู่เหนือกฎเป็นแน่ แสดงให้เห็นว่าเซียวเฟยหนานมองประเมินชายหนุ่มไว้สูงมากเพียงไหน
หากแต่ซูเฉินก็ยังคงส่ายหัว “ขออภัยด้วย แต่ความใฝ่ฝันของข้าไม่ได้อยู่ที่นี่”
เซียวเฟยหนานถอนใจ “หากไม่อยากก็ช่างเถอะ คนมีความสามารถเช่นเจ้าต้องมีอนาคตที่สดใสรออยู่แน่ ใช่แล้ว พวกผู้มีอำนาจตัดสินใจลงมาแล้ว เจ้าสามารถเก็บแผ่นหินนั่นไว้ได้ นับเป็นรางวัลแด่ความกล้าหาญของเจ้า แต่ก็จะนับเป็นคะแนนผลงานด้วย”
ซูเฉินรู้สึกราวกับใจถูกบีบ “ท่านหมายความว่าข้าจะไม่ได้รับรางวัลอื่นแล้วหรือ ?”
เซียวเฟยหนานหัวเราะ “จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า ? พวกเจ้าต่างเสี่ยงชีวิตเพื่ออาณาจักรหลงซาง หากพวกข้าคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเช่นนี้ คนอื่น ๆ คงได้เกลียดชังกันหมด เจ้าอย่าห่วง หักคะแนนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
พวกเขาเพิ่งจะกลับมาถึงสถาบันมังกรซ่อนเร้น เหล่าผู้มีอำนาจก็แจ้งเขามาว่าเขาเป็นผู้ที่ทำผลงานได้มากที่สุดในภารกิจครั้งนี้ โดยพวกเขาจะมอบเหรียญผู้กล้าระดับ 2 ให้ซูเฉินซึ่งเป็นคนเดียวที่ได้รับในหมู่ศิษย์ทั้งหลาย คนอื่น ๆ ได้เหรียญผู้กล้าระดับ 3 แทน
อีกทั้งชายหนุ่มยังได้รับอนุญาตให้เข้าไปเลือกสมบัติ 3 ชิ้นจากคลังสมบัติฮ่องเต้ โดยสมบัติทั้ง 3 ต้องมีมูลค่าไม่มากกว่าของที่เขานำมา หนึ่งในนั้นเป็นแผ่นหินกักวิญญาณ หรือก็คือซูเฉินสามารถเลือกของจากคลังสมบัติฮ่องเต้ได้ทั้งหมด 2 ชิ้น และแม้ตำราที่เขาเก็บมาทั้งหมดจะต้องถูกส่งมอบ หากแต่ชายหนุ่มก็ได้รับอนุญาตให้คัดลอกตำราทุกเล่มเอาไว้
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเมตตาซูเฉินมาก
ในวันเดียวกันนั้นก็มีขุนนางคนหนึ่งนำทางเขาไปยังเมืองฉางผานเพื่อไปคลังสมบัติฮ่องเต้
เมื่อเข้าคลังสมบัติมา ซูเฉินก็พบกับเครื่องมือต้นกำเนิดนับไม่ถ้วน วัตถุดิบปรุงยาล้ำค่ามากมาย และของอื่น ๆ ทุกสิ่งอย่างนับเป็นของชั้นดีที่สุดทั้งสิ้น
ชายชราที่ทำหน้าที่นำทางเขาเอ่ยขึ้น “นี่คือคลังสมบัติฮ่องเต้ คุณชายซูสามารถเลือกของ 2 สิ่งจากในคลังนี้ได้ หากคุณชายต้องการสิ่งใดก็บอกข้าได้เช่นกัน”
“ขอบคุณท่านมาก ข้าอยากได้วิชาที่สามารถกลั่นพลังต้นกำเนิดได้ก่อน” ซูเฉินเอ่ย
ชายชราจึงเดินนำซูเฉินไปยังห้องเก็บวิชา วิชาที่เขากำลังมองหา คัมภีร์หิรัณย์ เองก็อยู่ในห้องนี้ด้วย
ด้วยมันเป็นวิชาที่มีมูลค่าสูงมาก จึงไม่ได้ถูกเก็บไว้ในหอตำราฮ่องเต้ แต่มันกลับถูกเก็บไว้ในฐานะสมบัติล้ำค่าในคลังสมบัติแทน หากแต่หลังจากซูเฉินได้มันมาแล้ว ราชวงศ์ในกาลต่อไปก็คงไม่อาจใช้วิชานี้ได้แล้ว
หลังจากทำภารกิจที่ฉือไคฮวงมอบให้ได้สำเร็จ ซูเฉินก็อารมณ์ดีมาก ค่อย ๆ เดินหาสมบัติไปเรื่อย มองหาชิ้นที่เหมาะสมกับเขามากที่สุดอย่างไม่รีบร้อน
หลังจากเดินหาอยู่เกือบครึ่งชั่วยาม เขาก็เดินวนคลังสมบัติมาหนึ่งรอบ แต่กลับไม่พบสิ่งใดที่ดูเหมาะเลย
ชายชราจึงเอ่ยถามขึ้น “ที่นี่มีสมบัติมากมาย ไม่มีสิ่งใดถูกใจคุณชายซูเลยหรือ ?”
ซูเฉินหัวเราะ “ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ามีนิสัยเสียอยู่ข้อหนึ่ง ข้าเห็นว่าสิ่งใดที่สามารถใช้เงินทองหาซื้อได้นั้นไม่นับว่ามีมูลค่าใด มีแต่สิ่งที่ไม่อาจใช้เงินแลกมาเท่านั้นจึงจะนับเป็นสมบัติล้ำค่าที่แท้จริง คลังสมบัติฮ่องเต้มีสมบัติมากมายก็จริง แต่ของส่วนมากข้ามองเห็นเป็นราคาใช้เงินซื้อได้ เช่นนั้นแล้วข้ามองมันก็ไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นอันใด”
ชายชราหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น “คุณชายซูมีสติปัญญาเฉียบแหลม ข้าเชื่อว่าสิ่งที่คุณชายตามหาคงจะเป็นสมบัติที่ไม่อาจนำสิ่งใดมาเทียบใด แท้จริงแล้วที่นี่มีสมบัติเช่นนั้นอยู่ แต่คุณชายอาจจะไม่สามารถใช้มันได้ !”
“โอ้ ?” ซูเฉินเริ่มสนใจ “งั้นคงต้องให้ข้าได้เห็นแล้วจึงจะตัดสินใจได้เองว่าใช้ได้หรือไม่ได้”
“คุณชายตามข้ามา”
ชายชรานำซูเฉินเดินมายังมุมหนึ่งในห้องสมบัติ
ที่มุมนั้นมีกองหินสีเทาอยู่กองหนึ่ง หน้าตาดูไม่โดดเด่นเท่าไรนัก
ชายชราหยิบหินก้อนหนึ่งขึ้นมาก่อนกล่าง “หินเหล่านี้เป็นองค์ฮ่องเต้พบโดยบังเอิญระหว่างที่กำลังออกสำรวจในแดนนอก มีผลพิเศษมาก คือสามารถทำให้พลังต้นกำเนิดในร่างเดือดได้”
“ทำให้พลังต้นกำเนิดในร่างเดือดได้ ?” ซูเฉินเอ่ยถามเสียงตะลึง
พลังต้นกำเนิดในร่างของผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดจะเดือดพล่านและผันแปรอย่างบ้าคลั่ง มอบความสามารถในการกลั่นพลังขั้นสุดยอดให้
ส่วนผลของการกลั่นพลังต้นกำเนิดเช่นนี้ก็คือจะสามารถเพิ่มพลังจากทักษะต้นกำเนิดทุกวิชาได้ แต่ด้วยพลังที่เพิ่มขึ้นสูงมากจึงทำให้สามารถควบคุมพลังต้นกำเนิดได้ยากตามไปด้วย
หินเหล่านี้เป็นหลินเมิ่งเจ๋อ ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแห่งอาณาจักรหลงซางค้นพบมาระหว่างที่กำลังเดินทางสำรวจแดนอื่น ๆ ก่อนขึ้นนั่งบัลลังก์ ตอนนั้นเขาพบว่ามันสามารถทำให้พลังต้นกำเนิดเดือดพล่านได้ จึงคิดว่าตนเองพบส่วนประกอบที่สามารถทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งของทักษะต้นกำเนิดได้แล้ว แต่โชคไม่ดีที่หลังจากกลับมาและทดลองใช้หินเหล่านั้นอยู่หลายครั้ง เขาก็พบว่าความผันผวนของพลังต้นกำเนิดนั้นมีมากเกินไป ไม่อาจควบคุมได้ หลังจากทดลองหลายครั้งหลายคราอย่างไร้ผล สุดท้ายก็ยอมแพ้และเก็บมันไว้ในห้องนี้
ด้วยเขาพบหินเหล่านี้โดยไม่ได้ตั้งใจระหว่างออกสำรวจในแดนอื่น ดังนั้นหินเหล่านี้จึงไม่อาจหาได้ในทวีปนี้ จึงไม่อาจประเมินราคาได้ เลยเรียกได้ว่าเป็นสมบัติที่ไม่มีใครเทียม ไม่อาจมีสิ่งใดแทนที่ ได้ไม่ผิดแม้แต่น้อย