ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 25 มุ่งมั่น
บทที่ 25 มุ่งมั่น
เมื่อฉือไคฮวงกลับมา ชายชราก็พบกับที่กำลังซูเฉินนอนอยู่บนพื้นพร้อมมีกระดาษแผ่นใหญ่ที่เต็มไปด้วยสูตรการคำนวณและสัญลักษณ์ยันต์ต่าง ๆ ตรงหน้าของเขา
ฉือไคฮวงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า “นั่นอะไร ?”
ซูเฉินจมอยู่กับสัญลักษณ์และสูตรการคำนวณที่ลอยอยู่บนอากาศ เขาใช้เวลาสักครู่กว่าจะรู้สึกตัวว่าฉือไคฮวงได้กลับมาแล้ว ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงละจากการคำนวณอย่างไม่เต็มใจและหันกลับมาตอบว่า “มันเรียกว่ากฎแห่งบรูค ใช้เพื่อการคำนวณรูปแบบพลังต้นกำเนิดเช่นเดียวกันกับค่ายกลยันต์พลังต้นกำเนิดของท่าน ท่านสามารถใช้มันคำนวณถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลงของพลังต้นกำเนิดได้”
หลังจากที่ซูเฉินได้ตอบไป เขาก็รู้สึกค่อนข้างพอใจกับตัวเอง
ในช่วงเวลานั้นเขาได้จินตนาการว่า เมื่ออาจารย์ของตนได้เห็นกฎแห่งบรูคแล้ว ชายชราจะประหลาดใจและตื่นเต้น จากนั้นเขาก็จะใช้มันเพื่อช่วยคำนวณผลของตำราเปิดพลังไคฮวงทั้งหมดจนเสร็จสมบูรณ์ และได้สร้างตำนานขนาดใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
แต่ซูเฉินคิดผิด
จินตนาการเป็นสิ่งสวยงาม แต่ความเป็นจริงนั้นมักจะโหดร้ายอยู่เสมอ
ดวงตาของฉือไคฮวงเริ่มเบิกกว้างขึ้นอย่างช้า ๆ “รูปแบบพลังต้นกำเนิด ? เจ้ากำลังจะวิเคราะห์สิ่งเหล่านั้นไปเพื่ออะไร ?”
“ข้าคิดว่าแนวคิดบางอย่างที่ควรค่าแก่การพิจารณาอยู่ บางทีมันอาจมีประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาบางอย่างของตำราเปิดพลังไคฮวงได้ … ”
“ผายลม !” เสียงคำรามอย่างรุนแรงของชายชรา ทำให้ซูเฉินตกตะลึงและงุนงง ราวกับว่าเขาได้รับการโจมตีอย่างหนักที่ด้านหลังศีรษะ
“ข้าบอกเจ้าไว้ตั้งแต่วันแรกว่าอย่างไรกันร่างกายมนุษย์มีสมบัติของตัวเองซ่อนอยู่ สิ่งที่เราต้องทำก็คือการพัฒนาและดึงศักยภาพของมันออกมาให้เต็มที่ ของเล่นของเผ่าอาร์คาน่านั้นอาศัยการยืมพลังแห่งสวรรค์และปฐพีมาเพื่อใช้ออกทักษะวิชา มันไม่มีประโยชน์ต่อการฝึกฝนของใครทั้งนั้น นั่นเป็นเส้นทางที่ผิดพลาด แนวคิดที่ควรค่าแก่การพิจารณา ? การแบ่งความสนใจของเจ้าไปให้สิ่งเหล่านี้มีแต่จะนำเจ้าไปผิดที่ผิดทางเท่านั้น !”
“แต่สูตรนี้มันน่าทึ่งจริง ๆ นะ ! ท่านอาจารย์ ท่านควรจะลองดูมันก่อน สูตรนี้เป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใดข้าถึงได้สามารถคิดค้นทักษะระเบิดเพลิงปักษากับตาข่ายลมพิสุทธิ์ได้”
“สาเหตุที่เส้นทางที่ผิดพลาดนั้นน่าดึงดูดอยู่เสมอ ก็เป็นเพราะมันจะชอบมอบผลประโยชน์ดี ๆ บางอย่างเพื่อหลอกล่อเจ้า !” ฉือไคฮวงกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“การไปหยิบเอาของบางสิ่งที่กาลเวลาได้ทิ้งไปแล้วขึ้นมามันจะไปมีความหมายอันใด ? หยุดมาเสียเวลากับเรื่องนี้ได้แล้ว นอกจากนี้ตำราเปิดพลังไคฮวงยังไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถมาวิเคราะห์ได้ด้วยระดับความสามารถของเจ้าในตอนนี้ อย่าได้ประเมินตัวเองสูงเกินไป ! สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือมุ่งเน้นไปที่การศึกษาเรียนรู้ให้หนัก !”
“ … ขอรับ ท่านอาจารย์” ซูเฉินวางกระดาษสีขาวตรงหน้าเขาของลงและลุกยืนขึ้นอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อเห็นท่าทางที่หดหู่ของซูเฉิน ฉือไคฮวงก็รู้สึกว่าคำพูดของตนอาจจะรุนแรงเกินไป ชายชราถอนหายใจและกล่าวไปว่า “อย่าได้กล่าวโทษที่ข้าเข้มงวดไปเลย เจ้ายังคงเด็กเส้นทางชีวิตของเจ้านั้นเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น หากเจ้ามาเดินผิดทางตอนนี้ ในอนาคตมันจะส่งผลกระทบต่อเจ้าอย่างมาก”
“ชีวิตของคนเรานั้นมีเวลาและพลังงานที่จำกัด มีเพียงการมุ่งเน้นพลังงานที่มีขีดจำกัดนั้นไปยังสิ่งที่เจ้าสนใจ สิ่งต่าง ๆ จึงจะสำเร็จลงด้วยผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้ มุ่งมั่น ! นี่คือคำแนะนำของข้าที่มอบให้แก่เจ้า เจ้าเป็นเด็กฉลาดและมีไหวพริบดี แต่ปัญหาหลักของเจ้าคือมีสมาธิไม่มากพอ เจ้ากำลังเรียนการเล่นแร่แปรธาตุอยู่ด้วยใช่ไหม ?”
ซูเฉินพยักหน้าอย่างเชื่องช้า
“การเล่นแร่แปรธาตุไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่รับฟังคำแนะนำของข้า เลิกเสียเถอะ เส้นทางที่เจ้ากำลังจะมุ่งหน้าไปคือเส้นทางที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต ทุ่มเทพลังงานทั้งหมดของเจ้าไปที่มัน ความหวังที่จะประสบความสำเร็จจะได้เพิ่มขึ้นมาบ้าง อย่าได้ไปเสียสมาธิกับสิ่งต่าง ๆ อาทิ วิชาโบราณอาร์คาน่าหรือการเล่นแร่แปรธาตุเลย”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว” ซูเฉินตอบ
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดต่อว่า “ท่านอาจารย์ การประลองสิ้นปีแรกที่กำลังจะถึงนี้ ท่านคิดว่าข้าควรจะ … ”
“ยอมแพ้ไปเสียเถอะ” ฉือไคฮวงโบกมืออย่างไม่แยแส “ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับเรื่องแบบนั้น”
ซูเฉินไม่แปลกใจกับคำตอบนี้เท่าไหร่นัก
“แต่ถ้าหากข้าไม่เข้าร่วม สถานะของข้าในฐานะหน่ออ่อนของสถาบันมังกรซ่อนเร้นก็จะถูกยึดคืนไป”
“เช่นนั้นก็ปล่อยให้มันถูกยืดไป ในอนาคตเจ้าสามารถมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่จำเป็นต้องไปที่หอเมฆสงบแล้ว”
“แต่มันยังมีสิทธิพิเศษบางอย่างที่ข้าต้องการ … ”
“ข้าจะจัดการพวกมันให้เจ้าเอง เจ้าเก็บคนใช้ของเจ้าเอาไว้ได้ ข้าจะเป็นผู้จ่ายคะแนนอุทิศในส่วนที่เจ้าต้องการจะใช้ให้เอง” ฉือไคฮวงโบกมือและกล่าวขึ้นอย่างรำคาญใจ “ในการค้นคว้าเจ้าจะต้องรู้จักอดทนอดกลั้นและพยายามอย่าทำตัวให้เด่นเกินไป ผู้ที่ปราศจากความเพียรไม่มีทางที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำเร็จได้หรอกนะ”
“ขอรับ ท่านอาจารย์” ซูเฉินตอบรับอย่างหมดหนทาง
——————————————
“ยอมแพ้การประลองสิ้นปี ?”
ซูเฉินและหวังโต้วซานกำลังนั่งคุยกันอยู่ในศาลาริมน้ำ
เจ้าอ้วนอดไม่ได้ที่จะตะโกนขึ้น “ทำไมกัน ?”
“เป็นเพราะข้าต้องตั้งสมาธิ” เด็กหนุ่มเอามือพาดหลังศีรษะและเอนตัวพิงเสาศาลาก่อนจะตอบอย่างหมดหนทาง
“ไม่เพียงแค่นั้น เขายังต้องการให้ข้าเลิกศึกษารูปแบบพลังต้นกำเนิดและการเล่นแร่แปรธาตุด้วย เมื่อข้าพยายามที่จะบอกเขาว่าข้าได้ค้นพบวิธีแก้ปัญหาที่เขากำลังดิ้นรนอยู่ เขาก็บอกกับข้าว่าข้าไม่ควรจะมาเสียเวลาค้นคว้าเรื่องนั้นและนั่นไม่ใช่กงการอะไรของข้า … ทำเอาความตื่นเต้นทั้งหมดของข้าหายไปในพริบตา”
หวังโต้วซานเริ่มหัวเราะโดยไม่ตั้งใจ “นั้นเป็นอาจารย์ส่วนตัวที่เจ้าเลือกเอง”
“ข้าไม่ได้เสียใจ” ซูเฉินส่ายหัว “ถึงแม้ข้าจะผิดหวังอยู่บ้าง แต่ข้าเข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวข้า”
ใช่ ซูเฉินเข้าใจเรื่องนี้ดี
แม้ว่าการตัดสินใจของฉือไคฮวงจะทำให้เขาผิดหวัง แต่ชายชรากับซูเฉิงอันนั้นต่างกันมาก
ฉือไคฮวงดูแลและใส่ใจเขาจริง ๆ
ชายชราปฏิเสธที่จะให้ซูเฉินศึกษารูปแบบพลังต้นกำเนิดและการเล่นแร่แปรธาตุ เพราะเขาคิดว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่ออนาคตของซูเฉิน
ความดื้อรั้นและความอนุรักษนิยมของฉือไคฮวงอาจจะจำกัดวิสัยทัศน์ของเขา แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำซูเฉินผิดหวัง
ชายชราใส่ใจซูเฉินอย่างแท้จริง ในขณะที่ฉือไคฮวงสั่งสอนซูเฉินเขาไม่ได้รั้งความรู้อะไรไว้เลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นซูเฉินจึงไม่ได้เกลียดชายชราเพราะความดื้อรั้นของเขา เด็กหนุ่มเพียงแค่รู้สึกหัวเสียเล็กน้อย
เขาทำได้เพียงแค่มาระบายกับหวังโต้วซาน เพราะซูเฉินไม่มีทางออกอื่นให้ความหงุดหงิดของเขา
“แล้วเจ้าวางแผนจะทำอย่างไรต่อ ?” หวังโต้วซานถาม
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งซูเฉินตอบว่า “อาจารย์กล่าวได้ถูกต้อง ผู้ที่ไร้ความมุ่งมั่นจะไม่มีวันทำการใหญ่สำเร็จ แต่ถ้าหากข้ามุ่งมั่นมากจนเกินไป ข้าก็จะเป็นคนใจแคบและจะพลาดโอกาสอื่น ๆ ไปอีกมากมาย แล้วความก้าวหน้าของข้าก็จะหยุดลง”
“เมื่อยามที่เขารับข้าเป็นศิษย์ เขาก็ยอมรับว่าข้านั้นมีวิธีคิดที่แตกต่างจากเขา และเขาพูดถูก ข้าเชื่อว่าการแสวงหาปรับปรุงวิธีการใช้พลังต้นกำเนิดของเผ่ามนุษย์ ต้องใช้กลยุทธ์และวิธีการที่หลากหลาย ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่าข้าควรมีสิทธิ์ในการเลือกว่าจะรับฟังคำแนะนำของเขาหรือไม่”
“ถูกต้อง ! ข้าเองก็คิดเหมือนกับเจ้าทุกประการ” หวังโต้วซานหัวเราะขณะที่เขาปรบมือ “เจ้าสามารถยอมแพ้กับสิ่งต่าง ๆ เช่นรูปแบบพลังต้นกำเนิด หรือการเล่นแร่แปรธาตุได้ แต่เจ้าจะพลาดการประลองสิ้นปีไม่ได้”
ซูเฉินเหลือบไปมองเจ้าอ้วนด้วยสายตาแปลก ๆ “สิ่งที่ข้าหมายถึง คือข้าสามารถยอมแพ้การประลองสิ้นปีได้ แต่ข้าไม่สามารถละทิ้งการศึกษารูปแบบพลังต้นกำเนิดหรือการเล่นแร่แปรธาตุได้”
แม้ว่าฉือไคฮวงจะต่อต้านเผ่าอาร์คาน่าอย่างหนัก แต่ซูเฉินก็เชื่อว่าความเข้าใจของเกี่ยวกับพลังต้นกำเนิดของชาวอาร์คาน่า สามารถนำไปใช้ปรับปรุงการแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นกับตำราเปิดพลังไคฮวงได้
“เจ้าว่าอะไรนะ ?” หวังโต้วซานตะโกนอย่างตกใจ “เจ้าพูดแบบนั้นได้อย่างไร ? ข้าอุตส่าห์เฝ้ารอที่จะได้แสดงฝีมือร่วมกับเจ้าในการประลองสิ้นปี ทั้งเจ้าก็ยังเป็นคนที่ได้อันดับที่ 5 ในการสอบของมณฑลสามเทือกเขา เจ้าคิดว่าจะมีคนมารอดูเจ้าอีกตั้งเท่าไหร่กัน ? หากเจ้ามายอมแพ้เอาตอนนี้ ผู้คนจะต้องพากันคิดว่าเจ้ากลัวอย่างแน่นอน”
“พวกเขาจะพากันพูดว่า ครั้งก่อนที่เจ้าเข้าสู่ 10 อันดับแรกนั้น เป็นเพราะโชคอันเล็กน้อย มีหลายคนยังคงไม่มั่นใจในความสามารถของเจ้า นี่เป็นโอกาสที่เจ้าจะได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกมันคิดผิด เจ้าจะมายอมแพ้แบบนั้นได้อย่างไร ?”
ซูเฉินส่ายหัว “อาจารย์พูดถูก หากข้าต้องการทำการค้นคว้าวิจัย ข้าจะต้องรู้จักอดทนอดกลั้นและพยายามอย่าทำตัวเด่นจนเกินไป ผู้ที่ไร้ความมุ่งมั่นจะไม่มีวันทำการใหญ่สำเร็จ”
“หากพวกมันต้องการที่จะเยาะเย้ยข้า เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกมันทำไป ถ้าข้าอดทนต่อความอัปยศอดสูเล็ก ๆ นี้ไม่ได้ แล้วในอนาคตข้าจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร ? แม้การสละสิทธิ์การประลองครั้งนี้จะทำให้สถานะของข้าตกต่ำลง แต่ข้าก็เชื่อว่าวันหนึ่งข้าจะประสบความสำเร็จและก้าวกลับขึ้นไปยังจุดสูงสุดอีกครั้ง”