ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 38 สู่แดนฝัน (1)
บทที่ 38 สู่แดนฝัน (1)
ซูเฉินเดินเซออกมาจากในห้อง แทบไร้เรี่ยวแรงหายใจ
เห็นร่างไร้เรี่ยวแรงของซูเฉินแล้ว ศิษย์ร่างผอมก็ตกใจ
ศิษย์ทั้งหลายต่างพากันเข้ามาที่นี่เพื่อเอาชนะห้องต่าง ๆ หากแต่คนที่ออกมาแล้วมีท่าทางราวกับใกล้ตายเช่นนี้มีเพียงไม่กี่คน
เจ้าใช้กำลังเพื่อเอาชนะห้องนั้นไปมากเท่าไรกัน ?
ซูเฉินหัวเราะเสียงแห้ง
เป็นเสียงหัวเราะมีความสุขที่เกิดจากชัยชนะที่ได้มาหลังทุ่มสุดกำลัง
เป็นความสำเร็จที่มาจากการไม่ยอมแพ้ !
ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนหรือที่ใด เขาก็จะไม่ยอมแพ้ !
นี่คือซูเฉิน !
การต่อสู้ในวันนี้เปิดตาซูเฉินให้มองเห็นจุดผิดพลาดในการต่อสู้ของตนเองได้มากขึ้น
เขายังเตรียมตัวพร้อมรับศัตรูมาไม่มากพอ มัวแต่คิดในเชิงอุดมคติและมั่นใจในตนเองมากเกินไป ปรับตัวได้เร็วไม่มากพอ ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้ต่อไปเขาต้องระมัดระวังมากขึ้น
แต่อย่างไรนี่ก็เป็นเพียงภาพมายา หากเป็นการต่อสู้จริง แม้จะเอาชนะมาได้ ก็คงพิการไปตลอดชีวิต
ซูเฉินได้รับ 150 คะแนนอุทิศจากการผ่านห้อง เมื่อรวมกับ 150 ที่เขามีอยู่ก่อนหน้า ตอนนี้เขามีคะแนนทั้งหมด 300 คะแนน
เมื่อมี 300 คะแนนอุทิศ เด็กหนุ่มก็สามารถทำสิ่งที่ตนต้องการทำมานานได้เสียที นั่นคือการเข้าไปยังแดนฝัน
การเลื่อนขั้นสิทธิพิเศษขั้น 8 ไปยังขั้น 7 ต้องใช้ 200 คะแนนอุทิศ หลังจากเลื่อนขั้นแล้ว ป้ายประจำตัวของซูเฉินก็ส่งคำแจ้งเตือนมา “สิทธิพิเศษของท่านได้ลงนามท่านไว้ในแดนฝันแล้ว ต้องการเปิดใช้ตราประทับเลยหรือไม่ ?”
ซูเฉินตอบตกลง จากนั้นก็รู้สึกถึงพลังประหลาดไหลเวียนไปทั่วร่าง ราวกับมีบางอย่างกำลังแล่นอยู่ภายในร่าง
แต่เมื่อซูเฉินเปิดใช้ความสามารถในการมองพลังต้นกำเนิด เขากลับไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดในร่างกาย
ความรู้สึกร้อนรุ่มนี้เกิดขึ้นในจิตใจเขาเท่านั้น สมองเขากำลังบอกว่าร่างกายตนเองกำลังรู้สึกร้อน แต่แท้จริงแล้วไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นทั้งสิ้น
ต่อมาซูเฉินก็รู้สึกว่าพลังพากันไหลมารวมกันอยู่ที่หลังมือซ้าย ค่อย ๆ ก่อเกิดเป็นตราประทับควันขึ้นมา
ซูเฉินชะงักไป
นัยน์ตาเขายังไม่อาจเห็นพลังงานใดไหลเวียนภายในร่าง อีกทั้งยังไม่อาจเห็นการไหลเวียนของสสารใด แต่ตราประทับนั้นก็ยังค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาอยู่ดี
หากไม่ใช่เพราะตาเขาสามารถเห็นพลังต้นกำเนิดได้ เขาก็คงไม่เห็นความซับซ้อนของพลังนี้
หรือนี่จะเป็นคุณสมบัติเฉพาะของแดนฝัน ?
หรือจะเป็นการใช้พลังจิตในการสร้างสิ่งใด ๆ ขึ้นมาได้โดยตรง ?
ซูเฉินมองตราแปลก ๆ ที่หลังมือตน ที่ดูแล้วเหมือนกับเจ้าวิญญาณน้อยตัวนั้นที่เข้าร่างเขามาเมื่อก่อนหน้านี้
และเมื่อตราเริ่มก่อร่างขึ้นเรื่อย ๆ ข้อมูลชุดหนึ่งก็เดินทางเข้าสู่จิตซูเฉิน คือข้อมูลในการเข้าออกแดนฝัน
เมื่อมีตราบนหลังมือนี้แล้ว เด็กหนุ่มจะสามารถเดินทางเข้าออกแดนฝันได้
แต่ยามที่เข้าไปในแดนฝัน ร่างของเขาจะหมดสติไป ดังนั้นจึงต้องหาสถานที่ที่ปลอดภัยไว้ก่อน
เมื่อเห็นดังนั้น ซูเฉินจึงกลับไปยังหอพลังต้นกำเนิด
หลังจากกลับไปยังห้องตนเองแล้ว ซูเฉินก็เอนตัวลงนอน ทำตามข้อมูลที่วิ่งตรงเข้าสู่สมอง มุ่งจิตไปยังตราที่หลังมือ ก่อนที่ตรานั้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปและหมุนเวียนวน สุดท้ายก็สร้างคลื่นพลังหมุนวนก้อนหนึ่งขึ้น มันส่งแผ่แรงดูดออกมา ดึงจิตซูเฉินเข้าไปในนั้น
พริบตาต่อมา ซูเฉินก็รู้สึกราวกับร่างกายกำลังลอยขึ้น
เขาหมุนไปตามคลื่นพลังนั้น รู้สึกราวกับเป็นนกน้อยทะยานสู่หมู่เมฆ
ทันใดนั้นเอาก็ถูกดีดออกจากคลื่นพลังวน จากนั้นเขาก็เบิกตากว้าง
เด็กหนุ่มนั้นพบว่าตอนนี้ตนเองยืนอยู่ภายใต้ท้องฟ้าสีสว่าง เบื้องบนเต็มไปด้วยเมฆสีรุ้ง ส่องสว่างไปด้วยจุดแสงมากมาย ส่วนพื้นดินเบื้องล่างก็เต็มไปด้วยผืนหญ้าเขียวขจี
มีปราสาทหลังหนึ่งตั้งอยู่ไกลออกไป
ก้อนแสงสีขาวก้อนหนึ่งลอยอยู่เหนือปราสาท มันเปล่งพลังแปลก ๆ ออกมาทั่วทิศทาง จากนั้นมันก็ค่อย ๆ หมุนวนเวียนไป
ซูเฉินจ้องภาพนั้นด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น “นี่ เจ้าหน้าใหม่”
ใครกำลังพูดน่ะ ?
ซูเฉินมองไปรอบกาย แต่กลับไปพบเงาคน
น้ำเสียงนั้นฟังดูไม่พอใจเล็กน้อย “มองไปทางไหนของเจ้า ? ข้าอยู่ตรงนี้ต่างหาก !”
เขามองตามเสียงลงไป ก่อนพบเข้ากับผีเสื้อสีน้ำเงินตัวหนึ่งที่กำลังบินขึ้นบินลงอยู่ในอากาศ และเมื่อมองดูดี ๆ ก็พบว่าที่ระหว่างปีกผีเสื้อสีน้ำเงินนั้นมีแม่นางตัวน้อยคนหนึ่งอยู่
แม่นางน้อยผู้นี้นั้นสวมชุดรัดรูปสีฟ้าอ่อนเผยผิวกาย ใส่รองเท้าสั้นสีฟ้าที่เผยให้เห็นเท้าเปล่าสองข้าง ส่วนที่แขนขวาก็มีห่วงดอกไม้งามพันเกี่ยวอยู่รอบนิ้วกลาง
นางมีผมสั้นสีน้ำเงิน หูแหลม นัยน์ตากลมโต และมีปากเล็กจิ้มลิ้ม
เป็นแม่นางน้อยที่น่ารักยิ่งนัก
“เจ้าคือคนที่พูดกับข้าหรือ ?” ซูเฉินเอ่ยถามขึ้น ใบหน้ายังดูสับสน
เขาไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตเช่นนางมาก่อน
“ถูกต้อง !” แม่นางน้อยตอบเสียงโกรธ ยกมือขึ้นเท้าเอวตน “ข้าคือผู้นำทางของเจ้า ภูติแดนฝันลู่ลู่ ตามข้ามา”
นางบินวนเป็นวงกลมก่อนจะมุ่งหน้าไปยังปราสาทแห่งนั้น
ซูเฉินกำลังจะเดินตามนางไป แต่กลับพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาพบว่าตนเองกำลังลอยอยู่กลางอากาศ
เขาลอยอยู่เช่นนี้ จึงเดินตามนางไปไม่ได้
“นี่ เดี๋ยวก่อน แล้วข้าต้องทำเช่นไร ?” ซูเฉินตะโกนเรียกภูติแดนฝัน “ข้าเดินไม่ได้”
“ก็บินมาสิ !” ภูติแดนฝันลู่ลู่ตอบ
ซูเฉินอยากตอบกลับไปว่าเขาบินไม่เป็น แต่เมื่อสมองคิดเรื่องบินและคิดจะลอยขึ้นไปเช่นนาง ร่างกายของเขาก็เริ่มลอยไปด้านหน้าอย่างไม่มั่นคงนัก
ลู่ลู่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา นางพยักหน้าพอใจ “หัวไวดีนี่ จำไว้ว่าที่นี่คือแดนฝัน ในแดนฝันคิดเช่นไรก็จะเป็นจริงดังนั้น”
แม้จะไม่มั่นคงนัก แต่ซูเฉินก็เริ่มบินตามนางไป
เขาพยายามควบคุมการทรงตัวของตนเอง หรือก็คือควบคุมความคิดตนเองให้บินตามภูติแดนฝันตรงไปยังปราสาทหลังนั้น
เมื่อเข้าใกล้ปราสาท ซูเฉินก็พบว่ามันเป็นปราสาทที่ใหญ่มาก
มันเป็นเมืองแห่งจินตนาการ มีหอสูงอยู่เต็มทั่วทุกที่ ถนนหนทางถูกสร้างด้วยสายรุ้งส่องแสงสวยงามออกมา มีกระรอกและแมวลากรถอยู่ทั่วท้องฟ้า เมื่อลอยเข้าไปใกล้เขาก็เห็นรูปปั้นคล้ายมนุษย์โค้งคำนับสองตัวตั้งอยู่ซ้ายขวา อีกทั้งยังมีหอยทากเรืองแสงห้อยอยู่ที่เสาหินเป็นไฟส่องทาง……
ภาพแปลกตาเหล่านี้ทำให้ซูเฉินตกตะลึงยิ่งนัก ภูติแดนฝันที่กำลังบินนำเขาอยู่เอ่ยขึ้น “เจ้ากำลังอยู่ในแดนฝัน ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยจ้าวแห่งแดนฝัน เป็นแดนที่เชื่อมทุกคนที่มีอำนาจเชื่อมกับแดนเข้าด้วยกัน มีอีกชื่อหนึ่งคือข่ายฝัน ปราสาทภาพลวงนี้คือศูนย์กลางของข่ายฝัน เรียกว่าศูนย์กลางหมายเลข 124 เจ้าสามารถเปิดใช้สิทธิ์เป็นสมาชิกข่ายฝันได้ที่นี่ แต่เจ้าต้องเลือกตัวตนของเจ้าเองเสียก่อน”
“เรียกข้าว่า….. อวิ๋๋นฝูปา” ซูเฉินนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคราวก่อน “ใช่แล้ว แล้วข้าทำอะไรที่นี่ได้บ้าง ?”
“เอาล่ะ อวิ๋๋นฝูปา ชื่อของเจ้าถูกบันทึกลงเรียบร้อยแล้ว ต่อไปเวลาเข้าออกข่ายฝัน ชื่อนี้จะเป็นตัวตนของเจ้า อาจารย์ของเจ้าน่าจะเคยบอกเจ้าแล้วว่าข่ายฝันใช้เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูล หากเจ้ามีข้อมูลที่ต้องการตรวจสอบหรือมีข้อความที่อยากส่งหาใคร เจ้าสามารถทำได้ที่นี่เลย แต่หากจะส่งข้อความใดก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน ทว่าเจ้าเองก็สามารถส่งข้อความไปขายได้ด้วยเช่นกัน ตามกฎแล้วจ้าวแห่งแดนฝันจะคิด 5 ส่วนจาก 100 ส่วนในการซื้อขายแต่ละครั้ง”
“แล้วข้าจะจ่ายอย่างไร ? อย่าบอกนะว่าต้องจ่ายด้วยหินพลังต้นกำเนิด” ซูเฉินถาม
ในเมื่ออยู่ในแดนฝัน สิ่งของที่มีสสารอยู่ในโลกจริงจึงไม่อาจนำมาใช้ได้
“พลังจิต !” ภูติแดนฝันตอบ “สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตจะมีพลังจิตอยู่ หากใช้พลังจิตเจ้าก็จะสามารถสร้างของเหล่านี้ขึ้นมาได้”
ภูติแดนฝันยืดมือออกมา หยาดน้ำสีเงินก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าซูเฉิน
“พวกนี้คือละอองฝัน คือค่าเงินของที่ข่ายฝัน เจ้าต้องใช้พลังจิตในการสร้างมันขึ้นมา ปกติแล้วผู้ที่เพิ่งก้าวถึงขั้นพลังด่านก่อเกิดลมปราณจะใช้เวลา 1 วันในการสร้างขึ้นมา 1 ชิ้น ฉะนั้นมันจะมีค่าเทียบเท่าหินพลังต้นกำเนิดระดับต่ำก้อนหนึ่ง หากแต่พลังจิตในร่างของแต่ละคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับพื้นฐานการบ่มเพาะพลัง ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดระดับต่ำบางคนก็สามารถมีพลังจิตกล้าแข็งได้ ดังนั้นจึงบอกได้ยากว่าเจ้าจะสร้างขึ้นมาชิ้นหนึ่งได้ภายในเวลาเท่าใด”
ซูเฉินเข้าใจแล้ว
ละอองฝันนั้นก็คล้ายกับหินพลังต้นกำเนิด ทั้งสองอย่างเป็นค่าเงินที่ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดสามารถสร้างขึ้นเองได้
หินพลังต้นกำเนิดมีพลังต้นกำเนิดถูกกักเก็บไว้ภายใน ส่วนละอองฝันก็มีพลังจิตอยู่
จ้าวแห่งแดนฝันสร้างข่ายฝันขึ้นมา อาจเป็นเพราะต้องการรวบรวมละอองฝันเหล่านี้ หรือก็คือพลังงานจิตก็เป็นได้
ซูเฉินไม่รู้จักแดนฝันหรือเจ้าแห่งแดนมากนัก แต่เมื่อได้ยินชื่อ เด็กหนุ่มก็พอนึกภาพได้ว่าคงจะเป็นตัวตนที่มีพลังจิตเกินหยั่งถึงแน่นอน เขาต้องแข็งแกร่งมากแน่ ไม่งั้นคงไม่สามารถสร้างข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อคนนับไม่ถ้วนเช่นนี้ขึ้นได้ด้วยตัวคนเดียว
หากแต่สำหรับซูเฉิน เรื่องนั้นยังคงอยู่ไกลเกินเอื้อมนัก ตอนนี้เขายังต้องพยายามทำความเข้าใจสถานที่นี้และคิดว่าที่นี่จะมอบโอกาสใดให้เขาได้บ้าง
ภูติแดนฝันลู่ลู่นำเขาไปยังห้องขนาดใหญ่อีกห้อง
ห้องแห่งนี้ยังคงรูปแบบของแดนฝันไว้ ภายในห้องมีสีส่องสว่างกระจ่างตา
ในห้องนั้นยังมีคนอยู่สองสามคน พวกเขายืนอยู่ในห้องขนาดใหญ่ กำลังนั่งมองภาพบางอย่างบนจอแสง หากแต่ใบหน้าของคนเหล่านั้นกลับไม่อาจมองให้ชัดเจน ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นผู้ใด
ที่นี่คือแดนฝัน ทุกคนสามารถปิดบังใบหน้าที่แท้จริงของตนเองได้ เว้นเสียแต่ว่าเต็มใจจะเปิดเผยเท่านั้น
ภูติแดนฝันยังคงพูดต่อไป “นี่คือโถงประกาศข้อมูลของปราสาทในแดนฝัน ทุก ๆ วันจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลจำนวนมากที่นี่ บ้างก็เป็นข้อมูลสาธารณะ เช่นอันที่อยู่บนสุดตรงนั้น”
ซูเฉินเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นข้อมูลหลายชุดเลื่อนผ่านบนจอแสง
“พบร่องรอยของราชันย์ปีกเงินที่ทาคารุน”
“กาฬโรคบุกปราการไร้นิทรา”
“ราตรีนิรันดร์ขับแสงประกาศว่าจะสร้างเมืองวิญญาณลอยใหม่ หอคอยแห่งความโกลาหลกำลังมุ่งหน้าไปยังเขตแดนตะวันตก หลายเมืองกำลังแจ้งเตือนว่าอาจเกิดสงครามขึ้นได้”
“รายนามผู้กล้ามีการเปลี่ยนแปลง ฉู่ซานกูเอาชนะเฟิงจู่อิ่ง ณ ยอดเขาไร้สิ้นสุด ขึ้นเป็นอันดับที่ 37 บนรายนามผู้กล้า”
ด้านล่างข้อมูลสาธารณะคือข้อมูลเฉพาะที่จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อจ่ายเงินเท่านั้น
ข้อมูลชุดหนึ่งมีค่าเท่ากับ 1 ละอองฝัน
หากคิดว่าแพงเกินไป ก็สามารถจ่ายเป็นรายเดือนได้ จ่ายเดือนละ 100 ละอองฝันจะสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารทุกอย่างได้ทั้งเดือน
“พวกนี้คือประกาศสาธารณะ และหากเจ้าอยากได้ข้อมูลเฉพาะ ก็สามารถไปยังห้องด้านซ้ายได้ จะมีภูติแดนฝันที่คอยให้ความช่วยเหลือเจ้าอยู่ บอกภูติแดนฝันไปว่าเจ้าอยากรู้สิ่งใด ภูติแดนฝันจะคำนวณราคาข้อมูลที่เจ้าต้องการมาให้ แต่แน่นอนว่าเราไม่ได้มีข้อมูลทุกอย่าง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นเจ้าก็สามารถลงประกาศหาคำตอบแลกรางวัลได้” ภูติแดนฝันลู่ลู่อธิบายต่อ
“เช่นนั้นห้องด้านขวาก็ใช้เสนอรางวัลแก่คำถามเฉพาะใช่หรือไม่ ?” ซูเฉินถาม
“ฉลาดนี่ !” ภูติแดนฝันบินวนเป็นวงกลมราวกับเต้นรำ นางบินมาตรงหน้าซูเฉิน “เดี๋ยวเราจะไปโถงแห่งความรู้”
ซูเฉินตามหลังภูติแดนฝันไป ไม่นานก็มาถึงห้องขนาดใหญ่อีกห้องหนึ่ง
เป็นอีกครั้งที่บนจอแสงมีข่าวและข้อมูลสาธารณะประกาศอยู่ด้านบนสุด
อาทิเช่น ‘ประสิทธิผลพิเศษของยันต์พลังต้นกำเนิดที่แตกต่างกัน 12 ชิ้นต่อแท่นบัวเหล็ก’ ‘ผลที่แตกต่างกันของกระดูกปีศาจวารีดำแบบผงและแบบน้ำ’ และ ‘วิธีที่ 4 ในการสร้างค่ายกลต้นกำเนิดเครือจันทร์’
ความรู้ต่าง ๆ ที่นี่ส่วนมากต้องจ่ายเงินจึงเข้าถึงได้ ที่แตกต่างกันคือครั้งนี้ไม่มีแบบจ่ายรายเดือน ข้อมูลแต่ละชิ้นต้องจ่ายแยก หลังจากเรียนรู้แล้วยังสามารถให้คะแนนความมีประโยชน์ได้ ยิ่งคะแนนสูงยิ่งขายข้อมูลได้มากขึ้น
ยังมีบางข้อมูลที่ให้เข้าถึงได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ก็ขึ้นอยู่กับคนทำว่าจะทำมาเพิ่มบ้างหรือไม่
“ความรู้เกี่ยวกับพลังต้นกำเนิดจะแยกออกเป็นเสนอเงินรางวัลกับแก้ปัญหาให้ เจ้าเข้าห้องด้านข้างไปก็จะพบคำตอบที่เจ้าอาจสงสัยเกี่ยวกับการบ่มเพาะพลังพลังต้นกำเนิด การปรุงยา ค่ายกลต้นกำเนิด วิชาโบราณอาร์คาน่า และข้อมูลประเภทอื่น ๆ ที่ข่ายฝันนั้นมีอัจฉริยะจากทั่วทั้งใต้หล้า ความรู้ทั้งหมดสามารถมาทำการแลกเปลี่ยนได้ที่นี่” ภูติแดนฝันลู่ลู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความภูมิใจ
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว มีสิ่งใดที่ข้าจำเป็นต้องรู้อีกหรือไม่ ?” เขาเอ่ยถาม
“ย่อมมี ตามข้ามาที่โถงรับภารกิจเลย” ภูติแดนฝันพาซูเฉินเข้าไปยังห้องใหญ่อีกห้องหนึ่ง
หากแต่ภายในห้องนี้มีคนอยู่มากกว่าห้องอื่น ๆ
“โถงรับภารกิจคือสถานที่ที่คึกคักที่สุดในข่ายฝัน ทวีปต้นกำเนิดนั้นมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นของที่พวกเราต้องการส่วนมากจึงอยู่ไกลมาก แต่โถงรับภารกิจของข่ายฝันช่วยแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้ อย่างเช่น หากเจ้าต้องการของพิเศษสิ่งใดจากสถานที่ที่ห่างไกลออกไป เจ้าก็สามารถมาสร้างภารกิจได้ที่นี่แล้วหาคนมาทำภารกิจตามหาของให้กับเจ้า”
“เช่นนี้เหมือนภารกิจของทางสถาบันที่มีรางวัลเป็นคะแนนอุทิศหรือไม่ ?” ซูเฉินพึมพำ
สถาบันมังกรซ่อนเร้นเองก็มีภารกิจที่ศิษย์ทำสำเร็จแล้วจะได้รับคะแนนอุทิศ
“ไม่เหมือน แตกต่างกันยิ่ง ภารกิจของสถาบัน ปกติจะเป็นของทางสถาบันเพียงอย่างเดียว ส่วนภารกิจของข่ายฝันนั้นกินพื้นที่ทั่วทั้งทวีปต้นกำเนิด พื้นที่กว้างขวาง ภารกิจมากมาย รางวัลก็มาก”
“และก็อันตรายมากด้วย” ซูเฉินเอ่ยเสริมขึ้นเสียงเย็น
ซูเฉินเหลือบมองภารกิจบนจอแสง ‘หาสมุนไพรปีศาจ 3 กอจากหุบเขามรณะ’ ‘สังหารปีศาจโบราณในแท่นบูชาปีศาจ’ และภารกิจอื่น ๆ ภารกิจส่วนมากเป็นภารกิจอันตรายเสี่ยงชีวิตทั้งนั้น
หรือก็คือนอกจากภารกิจหาของที่มีไม่เท่าไหร่แล้ว นอกนั้นเป็นภารกิจสังหารคนทั้งหมด
ซูเฉินถาม “เหตุใดจึงมีภารกิจลอบสังหารเยอะนัก ?”
ภูติแดนฝันตอบ “เจ้าไม่เข้าใจหรือ ? ทำกิจการเช่นนี้ง่ายกว่านัก”
แม้จะสามารถประกาศภารกิจที่นี่ได้โดยไม่จำกัดสถานที่ เช่น ต้องการหายาสมุนไพรหายากชิ้นหนึ่ง แต่หากต้องขนส่งมาจากแดนไกลก็อาจทำให้สินค้าสูญหายระหว่างการเดินทางได้
แต่การลอบสังหารนั้นต่างกัน หากเป้าหมายตาย และภาพศพถูกบันทึกไว้ในแผ่นรูปแบบต้นกำเนิด ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานว่าทำงานเสร็จสิ้นผ่านข่ายฝันได้ โดยมีจ้าวแห่งแดนฝันเป็นผู้รับรองความน่าเชื่อถือของรายงานนั้น หากเป้าหมายถูกฆ่า ภารกิจก็นับว่าสำเร็จ ผู้ว่าจ้างต้องจ่ายละอองฝันในจำนวนที่ตกลงกันไว้ หรือหากอยากใช้ค่าเงินอื่น ก็สามารถแลกเปลี่ยนในร้านแลกเงินของแดนจากหินพลังต้นกำเนิดเป็นละอองฝันได้
จ้าวแห่งแดนฝันมีจุดแลกเปลี่ยนมากมายหลายจุดอยู่บนโลกจริง และสถาบันมังกรซ่อนเร้นคือหนึ่งในนั้น
หรือก็คือโถงรับภารกิจแห่งนี้คือสถานที่จัดหานักฆ่า เนื่องจากข้อจำกัดในการขนส่งสินค้านั่นเอง
นักฆ่ามากมายสามารถมารับภารกิจได้ที่นี่
ที่ด้านข้างของโถงใหญ่นี้ ยังมีรายชื่อนักฆ่าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เป็นอันดับนักฆ่านับพันในข่ายฝัน และแต่ละคนก็จะมีค่าจ้างในการทำภารกิจระบุอยู่