ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 78 แผนลวง
บทที่ 78 แผนลวง
ยอดขายเกราะรบเหล็กกล้าเริ่มตกลงในวันที่ 4
หลังจากประกาศไม่ได้ถูกแนะนำบนป้ายหลักแล้ว ตำราเกราะรบเหล็กกล้าก็ขายออกเพียง 200 เล่มเท่านั้น หลังจากนั้นก็ลดลงเรื่อย ๆ เมื่อถึงวันที่ 10 ก็ขายได้ไม่ถึง 40 เล่ม และตลอด 7 วันที่ผ่านมาเขาขายได้ราว 1 พัน ไม่ถึงครึ่งของจำนวนที่ขายได้ในวันแรกด้วยซ้ำ
แต่กระนั้นซูเฉินก็ได้หินพลังต้นกำเนิดมาอีกเกือบ 1 แสนก้อน ยกระดับสิทธิ์เป็นเจ้าหน้าที่แห่งฝันขั้น 5 อีกทั้งเงินส่วนตัวยังมีเพิ่มมากขึ้นเป็นหินพลังต้นกำเนิด 7 แสนก้อน
เรื่องดีคือแม้เกราะรบเหล็กกล้าจะขายได้น้อยลงมาก แต่ซูเฉินก็ไม่จำเป็นต้องเสียภาษี 9 ใน 10 ส่วนแล้ว ดังนั้นกำไรของเด็กหนุ่มจึงเริ่มเพิ่มขึ้นในวันที่ 11 เมื่อเขาขายตำราเกราะรบเหล็กกล้าได้อีก 32 เล่ม ทำให้ได้รับหินพลังต้นกำเนิดมา 3 หมื่น 2 พันก้อน
หนึ่งเดือนต่อมา เงินที่ซูเฉินขายเกราะรบเหล็กกล้าก็แตะถึงหินพลังต้นกำเนิด 1 ล้านก้อน
แม้วิชาเกราะรบเหล็กกล้าจะขายไม่ค่อยได้แล้ว แต่หากซูเฉินป่าวประกาศเพิ่มก็จะสามารถขายได้ประปรายด้วยเป็นวิชาที่ได้รับการประเมินถึง 9 ดาว จนกลายเป็นแหล่งรายได้ต่อเนื่องของเขา ทำให้ซูเฉินเริ่มรู้ซึ้งถึงประโยชน์ของชื่อเสียงและการประกาศโฆษณาแล้ว
ฉายานาม ‘อวิ๋นฝูปา’ เริ่มเผยแพร่ในหมู่คนหมู่มากเป็นครั้งแรก หลาย ๆ คนให้คำวิจารณ์เชิงบวกกับวิชาเกราะรบเหล็กกล้าหลังจากซื้อไปลองใช้
เจ้าหน้าที่แห่งฝันขั้นกลางนั้นมีระบบการประเมินเป็นของตนเอง สามารถสร้างชื่อในตนเองได้ด้วยการเปิดพื้นที่สนทนาให้ผู้คนถกเถียงกันเรื่องวิชา
ดังนั้นหลากหลายคนจึงเริ่มใช้พื้นที่นั้นในการสนทนากันเรื่องการฝึกฝนและใช้วิชาเกราะรบเหล็กกล้า มีทั้งคนที่แสดงความเห็นตรงไปตรงมาและย่อมมีคนที่คิดเพียงอยากก่อเรื่องร่วมด้วย
ชีวิตของซูเฉินนั้นสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่แน่นอนว่าก็มีอุปสรรคมาให้พบเจอบ้างเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ไม่นาน ตระกูลของจางเซิ่งอันและคนอื่น ๆ เดินทางมายังสถาบัน
หลังจากรับรู้เรื่องราวในสถาบันมังกรซ่อนเร้นแล้ว ตระกูลทั้งหลายก็เดินทางไปยังเขาอินทรีโรยเพื่อสืบหาความจริงเบื้องหลังการตายของจางเซิ่งอันและคนอื่น ๆ
ซูเฉินไม่รู้ว่าพวกเขาจะกลับมาเมื่อไร แต่เขารู้ดีว่ากลับมาเมื่อไร เมื่อนั้นพายุต้องโหมกระหน่ำเป็นแน่
ซูเฉินเตรียมการพร้อมแล้ว
หากแต่แปลกนักที่มีคนอื่นพบตัวเขาก่อนคนตระกูลจาง……
เช้าวันนั้น ซูเฉินยังคงอยู่ในห้องทดลอง วิญญาณประจำหอก็แจ้งเขาว่ามีแขกกำลังรอพบ
เมื่อออกจากหอพลังต้นกำเนิด ซูเฉินก็พบชายหนุ่มคนหนึ่ง
ชายหนุ่มมีดวงตาที่มองแล้วทิ้งความรู้สึกล้ำลึกไว้ในใจผู้คน สีหน้าคมดั่งมีด
แม้เขาจะยิ้มพูดกับซูเฉิน ซูเฉินก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นเยียบที่เสียดแทงถึงกระดูกจากคนผู้นี้ได้
“สวัสดี” ชายหนุ่มกล่าว “ข้ามีนามว่าจูเฉิน”
“ข้ารู้จักท่านหรือ ?”
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มมั่นใจขึ้น “ก่อนหน้าเราอาจจะไม่เคยรู้จัก แต่จากนี้ไปรู้จักแล้ว ท่านอวิ๋นฝูปา”
——————————————
คนขั้นราชันแห่งฝัน ในที่สุดก็หาตัวเขาพบ
เมื่อได้ยินชื่อ ‘อวิ๋นฝูปา’ ซูเฉินก็เข้าใจ
แต่กระนั้นเด็กหนุ่มก็ไม่ตื่นตกใจแม้แต่น้อย
เขารู้ว่าอย่างไรตระกูลจางก็ต้องส่งคนมา ด้วยย่อมรู้ว่าไม่อาจใช้ชื่ออวิ๋นฝูปาปิดบังตัวตนไปได้ตลอดเช่นกัน
ซูเฉินนั่งอยู่ในร้านชาตรงที่นั่งใกล้หน้าต่าง ร้านแห่งนี้อยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสถาบันมังกรซ่อนเร้น
สายลมที่พัดผ่านผืนน้ำนั้นทั้งเย็นและนุ่มนวล คล้ายกับเสียงของชายหนุ่ม “ขอข้าได้แนะนำตัว ข้ามีนามว่าจูเฉิน จากสันเขานอนตระกูลจู”
“สันเขานอน ? ท่านมาจากเลี่ยวเยี่ย ไม่ได้มาจากอาณาจักรหลงซางหรือ ?” ซูเฉินประหลาดใจเล็กน้อย
จูเฉินกล่าว “เผ่าพันธุ์อัจฉริยะทุกเผ่าบนทวีปต้นกำเนิดสามารถใช้แดนฝันได้ คนที่สนิทสนมกันในแดนฝันอาจอยู่ห่างกันคนละซีกโลก”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” ซูเฉินพยักหน้า “เช่นนั้นข้าก็วางใจขึ้นมาก”
จูเฉินเข้าใจความนัย ได้ยินแล้วก็หัวเราะ “ดูท่าคุณชายซูจะเตรียมตัวต้อนรับข้ามานานแล้ว คนที่สร้างวิชาอย่างตำราเปิดพลังไคฮวงขึ้นมาจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร ? แต่คุณชายซู ท่านเข้าใจเจตนาเราผิดแล้ว ข้ามาที่นี่ไม่ได้มีเจตนาร้าย”
“หืม ? เช่นนั้นท่านไม่ได้มาเพื่อสั่งให้ข้าเก็บตำราเปิดพลังไคฮวงเป็นความลับ ไม่อาจนำมาเผยต่อสาธารณะอีกต่อไปหรือ ?”
จูเฉินทำหน้าประหลาดใจนัก “นายท่านตระกูลข้าต้องการให้คุณชายเก็บตำราเปิดพลังไคฮวงไป ไม่ใช่เพราะไม่อยากให้เผยต่อสาธารณะอีก คุณชายซูไปเอาความคิดเช่นนี้มาจากที่ใด ?”
ซูเฉินชะงักไป “ท่านไม่ได้มาเพื่อสกัดกั้นตำราเปิดพลังไคฮวงหรือ ? เช่นนั้นมาด้วยเหตุใด ?”
“แน่นอนว่าพวกเราต้องการร่วมมือกับคุณชายซู” จูเฉินตอบ “เหตุใดพวกข้าจึงอยากสกัดกั้นปิดบังวิธีที่ดีเช่นนั้นด้วย ? เหตุที่เราปิดบังประกาศของคุณชาย เป็นเพราะท่านขายมันในราคาเพียง 100 ละอองฝัน ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำเกินไป อีกทั้งวิชาล้ำค่าเช่นนั้นไม่ควรขายในแดนฝันตั้งแต่แรกแล้ว !”
จูเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงโศก
“หือ ? เช่นนั้นข้าควรทำอย่างไร ?” ซูเฉินจงใจถาม
จูเฉินเดินเข้ามาใกล้ก่อนกล่าว “หากขายมันในแดนฝันก็อาจพอได้กำไรชั่วคราว แต่นั่นไม่ใช่กลุยุทธ์ระยะยาวที่ดีนัก เมื่อความลับถูกเผยออกไปก็จะเสียคุณค่า มีเพียงร่วมมือกับตระกูลสายเลือดชั้นสูงเช่นพวกเราจึงจะสามารถควบคุมคนที่เข้าถึงวิชานี้ได้”
“อีกทั้งผู้ฝึกวิชาจำต้องกล่าวคำสัตย์โลหิตพิษ ยอมซื่อสัตย์กับตระกูลชั้นสูงไปตลอดก่อนจะสามารถเข้าถึงตัววิชาได้ เช่นนี้เราก็จะสามารถดึงตัวคนมีความสามารถเข้ามาเพิ่มกำลังตนได้ ทั้งยังถ่ายทอดอำนาจนี้ไปยังลูกหลานรุ่นต่อไป ! แม้ระยะสั้นจะดูได้ประโยชน์น้อย แต่วิชาเช่นนี้ก็เพียงพอจะทำโชคลาภนับพันปีให้ท่านและพวกข้าได้แล้ว !”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” ซูเฉินเข้าใจ
เดิมทีฉือไคฮวงเชื่อว่าเมื่อมีวิธีทะลวงผ่านด่านกลั่นโลหิตให้ผู้ไร้สายเลือดถูกปล่อยออกไป หมาป่าจะต้อองปรากฏตัว
เขาพูดถูก
แต่ก็พูดผิดด้วย
ตำราเปิดพลังไคฮวงย่อมดึงดูดความสนใจจากหมาป่าได้ แต่พวกหมาป่าไม่ได้มาเพราะเรื่องที่เขาคิด
มันมาเพราะเรื่องเรียบง่ายนัก
การก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดทางสายเลือดย่อมทำให้เหล่าตระกูลสายเลือดชั้นสูงเกิดความเคลื่อนไหว
หากแต่ตำราเปิดพลังไคฮวงนั้นยังไม่อาจทำลายขีดจำกัดเหล่านั้นได้
มันสามารถทำให้ทะลวงผ่านด่านกลั่นโลหิตโดยไร้สายเลือดได้ แต่ไม่อาจทำให้ทะลวงไปขั้นสูงกว่านี้ได้
การข้ามผ่านขีดจำกัดทางสายเลือดนั้นเป็นหนทางที่ยาวไกลและทรหดนัก ไม่แน่ว่าชั่วชีวิตนี้ของซูเฉินก็ไม่อาจทำได้
หากเทียบขั้นพลัง 7 ด่านที่ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดระดับ 7 สามารถเอื้อมถึงเป็นหอสูง 7 ชั้น เช่นนั้นแล้วตำราเปิดพลังไคฮวงนั้นก็เป็นเพียงหอสูง 2 ชั้น นับว่ายังห่างไกลจากหอสูง 7 ชั้นนัก
ดังนั้นสิ่งที่ฉือไคฮวงคาดการณ์ไว้จึงไม่เกิดขึ้น แม้ตำราเปิดพลังไคฮวงจะไม่ใช่วิชาที่แย่นัก แต่มันก็ยังไม่อาจสะเทือนตำแหน่งของเหล่าตระกูลสายเลือดชั้นสูงหลาย ๆ ตระกูลได้
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ตำราเปิดพลังไคฮวงนั้นเป็นดั่งวิชาวิเศษ
มันสามารถทำให้คนไร้สายเลือดทะลวงสู่ด่านกลั่นโลหิตได้โดยไร้ความล้มเหลว ทั้งยังสามารถยกระดับฐานพลังของผู้ที่พึ่งพาพลังจากสายเลือด ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าตระกูลเหล่านั้นยังได้ประโยชน์จากการได้สายเลือดที่แข็งแกร่งกว่าเดิมจากตำรานี้ได้ ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดระดับต่ำได้
สำหรับตระกูลสายเลือดชั้นสูงหลายตระกูล ตำราเปิดพลังไคฮวงนั้นคล้ายกับเครื่องมือสำคัญในการสรรหาคนมีฝีมือ
หากมีคนสามารถควบคุมมันได้ ก็สามารถใช้มันทำการใหญ่ได้
ดังนั้นเหตุที่ราชันแห่งฝันแห่งตระกูลจูต้องการปิดบังตำราเปิดพลังไคฮวง ก็ไม่ใช่เพราะต้องการปกป้องขีดจำกัดทางสายเลือด
เขาเพียงต้องการนำมันมาไว้ในกำมือและควบคุมการเผยแพร่ของมันได้เท่านั้น
เมื่อเด็กหนุ่มเข้าใจจุดนี้ เขาก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดวิชาไร้สายเลือดทั้งหลายที่ถูกคิดค้นมาก่อนหน้าหลายร้อยปีจึงไม่เป็นที่แพร่หลายนัก
เป็นเพราะพวกตระกูลสายเลือดชั้นสูงนั่นเอง
ไม่แน่ว่าคนพวกนี้ไม่ได้ต้องการปิดบังวิชาลับเหล่านี้ไว้ไม่ให้เผยแพร่ออกไป แต่ทำเพียงจำกัดการเข้าถึง ทำให้วิชาเหล่านั้นคล้ายกับไม่มีอยู่นั่นเอง
และหากต้องการได้วิชาเหล่านั้นมา ก็ต้องกลายเป็นสุนัขรับใช้ตระกูลเหล่านั้น !