ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 97 จุดอ่อน
บทที่ 97 จุดอ่อน
จูเซียนเหยาเป็นคุณหนูตระกูลจู ทั้งยังเป็นผู้สืบทอดลำดับแรก ดังนั้นจะเสียนางไปไม่ได้เด็ดขาด
เขาทำได้เพียงรับการโจมตีเท่านั้น !
ฝืนรับการโจมตีทั้งหมดไป !
เกราะพลังก่อตัวขึ้นบนร่างอาสิบเอ็ดเป็นครั้งแรก พร้อม ๆ กันนั้นสายพลังสีแดงก็พุ่งทะยานขึ้นอีกครา มันพุ่งไปซัดเข้าใส่จางเทียนเยว่ และคนอื่น ๆ
ระหว่างนั้น คนของจางเทียนเยว่ก็ยังโจมตีเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน ครั้งนี้อาสิบเอ็ดไม่ได้เปรียบอีกต่อไป สายลมรุนแรงกระหน่ำพัด เชือดเฉือนเข้าร่างสองฝ่าย จางเทียนเยว่และคนอื่น ๆ กระเด็นไปดังเคย หากแต่ใบหน้าอาสิบเอ็ดเปลี่ยนเป็นสีแดงเป็นคราแรกเช่นกัน
เขาป้องกันการโจมตีนั้นได้ หากแต่ก็ใช้พลังไม่ไม่น้อย
สายเลือดจิ้งจอกร้อยเล่ห์ไม่เหมาะกับการต่อสู้แบบประจันหน้าระยะประชิด แต่เหมาะกับการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไวดั่งสายน้ำเสียมากกว่า ไม่ใช่ว่าเขาไร้วิชามาต่อกรกับศัตรู แต่มันเป็นวิชาที่ไม่อาจใช้ติดต่อกันนานได้ บางครั้งใช้ย่อมไม่เป็นไร หากแต่ใช้นาน ๆ ย่อมเกิดผลเสีย
แต่เมื่อจัดการการโจมตีหนึ่งไปได้ จางเทียนเยว่ก็พลันเข้าใจบางอย่าง ตะโกนลั่นออกมา “โจมตีสตรีนางนั้น !”
ฝ่ามือเขียวขจี ฝ่ามือหนามพันเกี่ยว !
เหล่าพืชพันธุ์เติบโตจากฝ่ามือเขียวขจี หนามทั้งหลายเริ่มโผล่พ้นผืนดิน กลายเป็นเถาวัลย์หนามพันเกี่ยวมุ่งหน้าเข้าครอบงำจูเซียนเหยา ล้อมนางไว้ไม่ให้ขยับกาย
คนอื่น ๆ เข้าใจทันที ซัดพลังใส่จูเซียนเหยาไม่ขาดมือ จงฉือซื่อสั่งร่างแยกโลหิตสามตนให้พุ่งเข้าใส่จูเซียนเหยา
อาสิบเอ็ดโกรธเกรี้ยวนัก เขากระแทกหนึ่งฝ่ามือออกไป ทำลายร่างแยกโลหิต 3 ตนของจงฉือซื่อ หากแต่เขาไม่ได้รับมือเพียงจงฉือซื่อคนเดียว เมื่อทำลายร่างแยกโลหิตไปได้ก็ถูกซัดการโจมตีเข้ามาอีกนับครั้งไม่ถ้วน
เดิมทีอาสิบเอ็ดควรจะหลบการโจมตีส่วนมากได้ ทั้งยังมีกำลังมากพอที่จะปัดป้องการโจมตีสองสามส่วนที่ถูกส่งมา
หากแต่ตอนนี้การโจมตี 9 ใน 10 ส่วนเล็งมายังจูเซียนเหยา
เขาหลบไม่ได้อีกต่อไป ต้องฝืนรับการโจมตีเหล่านั้นอีกครา !
ตูม !
เส้นพลังสีแดงพุ่งทะยาน เกิดเป็นคลื่นพลังสะท้านรอบทิศ อาสิบเอ็ดรับมือกับการโจมตีจากคนยี่สิบคนเพียงตัวคนเดียว
เจิ้งปาซานปรากฏตัวขึ้นในตอนนั้น
นอกจากจงฉือซื่อแล้ว นางก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีพลังในการโจมตีรุนแรงนัก
หมัดคลั่งไร้สิ่งใดหยุดยั้งซัดเข้าที่หลังอาสิบเอ็ด
ผัวะ !
เกราะแตกในทันที
อาสิบเอ็ดเซไปด้านหน้า ที่มุมปากเห็นรอยเลือดสายหนึ่ง
“อาสิบเอ็ด !” จูเซียนเหยาร้องตะโกนขึ้น
นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับบาดเจ็บ
แม้เขาจะโต้เจิ้งปาซานจนนางกระเด็นไปอีกครั้ง แต่เลือดที่มุมปากเขาก็ทำให้คนอื่น ๆ เริ่มมีกำลังใจต่อสู้ อย่างน้อยก็เห็นความหวังในการเอาชนะอีกฝ่ายแล้ว
ดังนั้นการโจมตีจึงยิ่งรุนแรงขึ้น
คนทั้งหลายพุ่งเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกส่งร่างกระเด็นไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ตราบที่ไม่ตายก็ไม่หยุดการโจมตี
อย่างไรอีกฝ่ายก็จงใจเอาชีวิตตน หากไม่สู้ตอนนี้อย่างไรก็ต้องตาย
ก่อนเริ่มการต่อสู้ อาสิบเอ็ดมีสีหน้าสงบนิ่งไร้อารมณ์นัก
สำหรับเขา การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเพียงการล่าสังหารเท่านั้น นอกจากจางเทียนเยว่ เจิ้งปาซาน และจงฉือซื่อที่อาจต้องใช้แรงจัดการมากหน่อย คนอื่น ๆ ก็ไม่สำคัญนัก
การต่อสู้ในครั้งนี้จึงคล้ายกับการเล่นเกมสำหรับเขา
เขาเชือดเฉือนศัตรูคล้ายดาบตัดเต้าหู้ แต่เมื่อพวกมันมุ่งโจมตีจูเซียนเหยา เรื่องทุกอย่างจึงผันเปลี่ยน
อาสิบเอ็ดแทบจะปกป้องจูเซียนเหยาไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ไม่เพียงไม่อาจหลบการโจมตีได้ แต่บางครั้งยังต้องสละตนรับการโจมตีแทนนาง สำหรับเขาอาจเป็นบาดแผลเพียงตื้นเขิน แต่หากถูกจูเซียนเหยาอาจเป็นแผลสาหัสถึงชีวิต
ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ผันเปลี่ยนเช่นนี้ อาสิบเอ็ดจึงตกเป็นรองไป
จูเยี่ยนเหนียงและคนอื่น ๆ ก็สัมผัสได้ว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว คุณหนูตระกูลจูกลายเป็นจุดอ่อนของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงพุ่งเข้ามาอย่างดุดัน
แม้จูเฉินและจูเยี่ยนเหนียงจะแซ่จูเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้มีสายเลือดจักรพรรดิอสูรบริสุทธิ์ เป็นเพียงลูกของบ่าวรับใช้ในตระกูลจูเท่านั้น ดังนั้นจึงมีสายเลือดผสม มีกำลังอ่อนด้อยกว่า อีกทั้งยังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับอาสิบเอ็ด จึงอาจกล่าวได้ว่าจูเซียนเหยาไม่เพียงเป็นจุดอ่อนของอาสิบเอ็ด แต่นับเป็นจุดอ่อนทั้งตระกูลจู !
ฟ้าว !
คนตระกูลเจิ้งอีกคนกระโจนมาทางจูเซียนเหยา
แม้พริบตาต่อมาจะถูกอาสิบเอ็ดซัดปลิวไป ก่อนที่อาสิบเอ็ดจะถูกบังคับให้หลบดาบจงฉือซื่อที่เฉือนผ่านข้อศอกเขาไปเล็กน้อย
ปราณดาบสายหนึ่งทะลวงเข้าร่าง ขุดโพรงขึ้นในกายเขาอย่างรวดเร็ว หากเป็นสถานการณ์ปกติอาสิบเอ็ดคงสามารถขับไล่มันออกไปด้วยการโคจรปราณในร่างได้อย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้เขาไม่มีเวลามารับมือกับมัน
เป็นเพราะเจียงเทาพุ่งเข้าใส่จูเซียนเหยา ฝ่ามือหนึ่งเล็งที่ท่าตั้งรับของนาง อีกฝ่ามือหนึ่งเล็งที่อก
อาสิบเอ็ดหายไปกลางอากาศดั่งปีศาจ มาปรากฏหลังเจียงเทา ส่งฝ่ามือปะทะหลังเจียงเทาในพลัน
“อั่ก !” เจียงเทาร้องขึ้นพลันพ่นเลือดออกมา เปรอะใบหน้าจูเซียนเหยาจนชุ่มโลหิต จากนั้นพยายามส่งหนึ่งฝ่ามือไปด้านหลังหมายจะซัดพลังปะทะอกอาสิบเอ็ด หากแต่เส้นพลังสีแดงแผ่ออกมาจากร่างอาสิบเอ็ด ป้องกันฝ่ามือนั้นไว้ ก่อนอาสิบเอ็ดจะส่งหมัดปะทะอกเจียงเทา เกิดรูกลวงขนาดใหญ่ หัวใจถูกสะบั้นระเบิดเป็นชิ้นเนื้อ
หากแต่สังหารเจียงเทาในคราวนี้ทำให้เขาไม่อาจหลบการโจมตีของหงหมิงและเจิ้งปาซานทางด้านหลังได้
พริบตานั้น อาสิบเอ็ดหงายหน้ามองด้านหลังแล้วกู่ร้องขึ้น ภาพจิ้งจอกโลหิตปรากฏขึ้นอีกครา คล้ายกับเป็นจิ้งจอกจริง ๆ มันพุ่งทะยานกระโจนจ้วงใส่เจิ้งปาซานอย่างดุดัน ฝังเขี้ยวที่ข้อศอกแล้วกระชากเนื้อนางออก เขายอมรับดาบหงหมิงดีกว่าหมัดเจิ้งปาซาน แม้นางจะเพิ่งถึงขั้นสุดของด่านทะลวงลมปราณ แต่ก็มีกำลังไม่น้อยกว่าคนด่านสู่พิสดาร นับเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ในการต่อสู้คนหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ดาบของหงหมิงก็เสียบหลังอาสิบเอ็ด พริบตาที่ดาบจมเข้าเนื้ออีกฝ่าย มันก็เริ่มแผ่แสงทองออกมา ปราณมากมายหลั่งไหลเข้าร่างอาสิบเอ็ด ส่งผลให้โลหิตมากมายพลันพุ่งกระฉูดออกจากร่าง
“อ๊ากกก !” อาสิบเอ็ดร้องเสียงดังเจ็บปวด ส่งหนึ่งฝ่ามือปะทะหงหมิง เส้นพลังสีแดงซัดร่างอีกฝ่ายกระเด็นไป
หากแต่การโจมตีเมื่อครู่ของหงหมิงทำเขาบาดเจ็บหนัก บนหลังเกิดรูใหญ่น่ากลัวอาบโลหิตขึ้น
เขาไม่คิดว่าหงหมิงจะโจมตีได้รุนแรงเพียงนี้ อาสิบเอ็ดทั้งตกใจทั้งโกรธเกรี้ยวเป็นยิ่งนัก
หงหมิงถุยเลือดออกมาคำหนึ่งก่อนหัวเราะเสียงทะมึน “เป็นผลจากการดูถูกข้าอย่างไร !”
ในฐานะคนจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงแล้ว เขาจะไม่มีไพ่ตายเก็บซ่อนไว้ได้อย่างไร ?
การดูถูกศัตรูต้องรับผลเช่นนี้แล !
หลังจากโจมตีเสร็จสิ้น หงหมิงก็ไม่อาจลุกขึ้นไประยะหนึ่ง หากแต่เจิ้งปาซานยังมุ่งโจมตีต่อราวกับไม่เกิดอะไรขึ้น แขนที่ถูกฉีกเนื้อออกไปฟื้นฟูขึ้นอีกครา นางคล้ายกับแมลงสาบที่ฆ่าไม่ตาย แต่ต่อสู้เพียงไม่นาน ร่างนางดูคล้ายกับจะผอมลงไม่น้อย
แม้จะยังอ้วนอยู่มากแต่ก็ไม่ได้ดูผิดมนุษย์แล้ว
นางกระโจนขึ้น คำรามดั่งพยัคฆ์ ส่งหมัดสะท้านขอบฟ้าคำรามลั่นลงมาอีกครา
ดูท่าอาสิบเอ็ดคงจะต้องฝืนรับการโจมตีครั้งนี้อีกแล้ว
เป็นตอนนั้นเองที่คนตระกูลจูพุ่งเข้ามาคว้าร่างเจิ้งปาซานไว้ “ข้าจะปกป้องคุณหนูแม้ชีวิตต้องมลาย !”
เจิ้งปาซานโกรธนัก นางทุบแขนบนหลังอีกฝ่าย จอมยุทธ์ชุดดำสำลักเลือดออกมาแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ
เจิ้งปาซานซัดพลังและหมัดปะทะหัวอีกฝ่าย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะฝึกวิชา ‘ศีรษะเหล็ก’ มาก็เป็นได้ ดังนั้นถูกซัดพลังเข้าถึงเพียงนี้ก็ยังไม่เป็นอะไร หากแต่หยาดโลหิตหลั่งไหลอาบหน้า เขาจ้องหน้าเจิ้งปาซานนิ่ง ก่อนลมหายใจสุดท้ายจะถูกปลิดทิ้งไป แม้จะสิ้นใจแต่ไม่สิ้นแรงจับ เจิ้งปาซานต้องเตะร่างอีกฝ่ายอยู่หลายครั้งจึงจะหลุดจากการจับกุมได้
นางถูกดึงตัวไว้ไม่นาน จอมยุทธ์ชุดดำตระกูลจูคนอื่น ๆ ก็กระโจนเข้ามาปกป้องจูเซียนเหยาได้แล้ว อย่างน้อย ๆ ก็ตอนนี้
อาสิบเอ็ดฉวยโอกาสโต้กลับ
ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว