ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 124 เรือเคลื่อนเมฆา (1)
บทที่ 124 เรือเคลื่อนเมฆา (1)
เมื่อเห็นเรือเคลื่อนเมฆามากมาย คนทั้งสามก็จุปากด้วยความอัศจรรย์ใจ
ไม่แปลกเลยที่ร้านจันทร์ลอยเด่นเป็นร้านที่ขึ้นชื่อที่สุดในอาณาจักรหลงซาง มีเรือเคลื่อนเมฆาที่นับเป็นสมบัติราคาสูงอยู่มากมายเช่นนี้
หินพลังต้นกำเนิด 780 ล้านก้อนของซูเฉินอาจไม่สามารถกว้านซื้อเรือเคลื่อนเมฆาทั้งหมดบนชั้นสี่นี่ได้เสียด้วยซ้ำ
รู้เช่นนี้แล้ว ซูเฉินก็รู้สึกในพลันว่าเงินที่เขามีก็ไม่ได้นับว่ามากมายอะไร
คนที่นับว่าร่ำรวยจริง ๆ ก็คงใช้หินพลังต้นกำเนิดระดับสูงกันเป็นประจำกระมัง ตัวเขายังห่างชั้นอีกมาก
“ท่านดูสิ่งนี้เจ้าค่ะ เจ้านี่คือเรือเหาะสายฟ้าม่วง ข้อดีหลักคือรวดเร็วมาก เป็นเรือเคลื่อนเมฆาที่รวดเร็วที่สุดคันหนึ่งทีเดียวชั่วอึดใจเดียวเคลื่อนไปได้ 30 ก้าว”
แล้วนางก็เริ่มอธิบายข้อมูลของเรือเคลื่อนเมฆาทั้งหลายโดยไม่หยุดปาก
‘ก้าว’ คือระยะทางที่ผู้เชี่ยวชาญพลังใช้กัน ใช้กันมาเกือบ 3 หมื่นปีก่อนเมื่อครั้งที่เผ่ามนุษย์ก่อตั้ง 7 อาณาจักร เป็นระยะทางที่คนด่านสู่พิสดารสามารถเคลื่อนที่ได้ภายในหนึ่งก้าวกระโดด ที่มันสามารถเคลื่อนที่ได้ 30 ก้าวในชั่วลมหายใจ หมายความว่ามันสามารถเคลื่อนที่ได้เท่ากับ 30 ก้าวกระโดดของคนด่านสู่พิสดารเลยทีเดียว
ซึ่งเป็นจำนวนที่น่ากลัวนัก
เรือเคลื่อนเมฆาธรรมดาหากสามารถเคลื่อนที่ได้ 10 ก้าวในชั่วอึดใจก็นับว่าเร็วมากแล้ว แต่เจ้านี่กลับทำได้ 30 ก้าว เป็นความเร็วเหนือจริงนัก
กระนั้นซูเฉินก็ทำเพียงเหลือบมองมันเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า “พื้นที่ด้านในเล็กเกินไป พลังป้องกันก็ต่ำเกิน”
เรือเหาะสายฟ้าม่วงเป็นเรือเหาะขนาดเล็ก จุคนได้ 2 คนเท่านั้น
ซึ่งก็ควรจะไม่เป็นอะไร แต่ปัญหาคือพลังงานส่วนมากถูกดึงไปใช้ทำให้มันเคลื่อนที่รวดเร็ว แต่กลับขาดความสามารถในการป้องกันเสียอย่างนั้น
เรือเคลื่อนเมฆาไม่ใช่แค่เครื่องกลลอยได้เท่านั้น แต่จำเป็นจะต้องมีพลังป้องกันในระดับหนึ่งด้วย ไม่เช่นนั้นหากมันถูกทำลายได้ด้วยการซัดพลังครั้งเดียวก็นับว่าเสียหินพลังต้นกำเนิดหลายล้านก้อนในพริบตา
แม้เรือเหาะสายฟ้าม่วงจะรวดเร็ว แต่ก็คงไม่เร็วไปกว่าทักษะต้นกำเนิด ดังนั้นซูเฉินจึงไม่พอใจมันเท่าไหร่
ได้ยินแล้วกู่จิ่นถังก็พึมพำกับตนเอง “ดูสิดู เห็นไหมเล่า ! ว่าแล้วว่าเดี๋ยวต้องหาข้ออ้างไม่ซื้อ”
หญิงสาวเดินนำคนทั้งสามไปยังเรือเคลื่อนเมฆาคันต่อไป “คันนี้เล่าเจ้าคะ ? มันคือเรือเหาะผาทอง สร้างโดยใช้แก่นจากทองคำ ทั้งยังมีทักษะต้นกำเนิดป้องกันที่มีพลังสูงส่ง ระดับการป้องกันอยู่ที่ 150”
ความต่างชั้นของระดับเรือเคลื่อนเมฆานั้นไม่เคร่งครัดอะไรนัก ต่างจากของเครื่องมือต้นกำเนิด มักแบ่งออกเป็นระดับสูง กลาง และต่ำเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญพลังด่านทะลวงลมปราณลงไปจะสามารถใช้ได้เพียงเรือเคลื่อนเมฆาระดับต่ำ
และอะไรก็ตามที่มีระดับการป้องกันอยู่ที่ 150 แรงหมี จะสามารถทานพลังการโจมตีของคนด่านทะลวงลมปราณหนึ่งคนได้ นับเป็นคันที่โดดเด่นกว่าใครในหมู่เรือเคลื่อนเมฆาระดับต่ำ เรือเคลื่อนเมฆาต้องใช้หินพลังต้นกำเนิดในการสร้างเกราะป้องกัน ยิ่งมีระดับการป้องกันสูงก็ยิ่งใช้หินพลังต้นกำเนิดน้อยลง
“แต่ก็ช้าเกินไป เร็วสู้คนด่านสู่พิสดารธรรมดาส่วนมากไม่ได้ด้วยซ้ำ เรือเคลื่อนเมฆาคันนี้กับเรือเหาะสายฟ้าม่วง มันสุดทางในด้านหนึ่งมากไป” ซูเฉินว่าตามตรง “ไม่มีที่ดีกว่านี้แล้วหรือ ?”
กู่จิ่นถังคำรามอยู่ในใจ “ดีกว่านี้เจ้าก็ไม่มีจ่าย หยุดโอ้อวดเสียทีเถอะ”
หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ “หากท่านต้องการตัวที่ดีกว่านี้ เชิญดูเจ้านี่ได้เลยเจ้าค่ะ เรือเหาะห่านเพลิงทำมาจากทองวารีดำที่ใช้แก่นเพลิงในการกลั่น ระดับการป้องกันอยู่ที่ 50 ความเร็วอยู่ที่ 10 ก้าวต่อชั่วลมหายใจ ยามบินจะเปล่งแสงราวกับเปลวเพลิงโหม ทำให้โดดเด่นสะดุดตาเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ”
“มันฉูดฉาดเกินไป หากข้าคิดจะหลบหนี สีฉูดฉาดเช่นนี้คงเตะตาศัตรูไม่น้อย” ซูเฉินพึมพำ
ไม่ใช่ว่าคนสร้างจงใจให้มันออกมาเป็นเช่นนี้ ทว่าวัตถุดิบที่ใช้สร้างมีความมันวาวเป็นทุนเดิม หากคิดจะปกปิดก็ต้องจ่ายเพิ่ม ปล่อยให้คนที่อยากซื้อเอาไว้อวดน่าจะดีกว่า
ซูเฉินคำนึงถึงการใช้งานเหนือสิ่งอื่นใด เขาไม่คิดจะใช้เรือเคลื่อนเมฆาเพื่อการโอ้อวด
“เช่นนั้นอันนี้ ?” นางยังแนะนำสินค้าตัวอื่น ๆ ต่อโดยไม่มีน้ำโหแต่อย่างไร เรือเคลื่อนเมฆาที่นางแนะนำต่อ ๆ มาเริ่มคุณภาพดีขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยนางกำลังพยายามหาราคาที่ซูเฉินจะยอมจ่ายอยู่นั่นเอง
ที่นางเห็นนั้น ซูเฉินจู้จี้เช่นนี้นับว่ามีเหตุผล ดูท่าทางจะเป็นคนที่มีอำนาจเงินในการใช้จ่ายอยู่ไม่น้อย
แต่ในสายตากู่จิ่นถัง ซูเฉินเพียงวางท่าไปเช่นนั้น ไม่นานก็จะหน้าแตกเอง
ซึ่งตัวเขาก็เริ่มถอยห่างออกไปแล้ว
หญิงสาวจึงเริ่มแนะนำสินค้ามีระดับมากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มพาไปดูตัวที่หรูหรายิ่งขึ้นไปอีก
“เรือเหาะหงส์เหิน มีระดับการป้องกัน 60 ความเร็ว 20 ก้าว มีปืนใหญ่สายฟ้าฟาดอยู่ที่ท้ายคัน ใช้โจมตีศัตรูระหว่างกำลังเหาะอยู่ได้ แต่จะสามารถยิงย้อนกลับได้เท่านั้นนะเจ้าคะ”
แต่ซูเฉินยังคงส่ายหน้า
ของชิ้นนี้จะเป็นของชิ้นใหญ่ที่ชีวิตเขาแขวนไว้ หากจะหาซื้อสักชิ้นก็ต้องเอาให้คุ้มค่าที่สุด
เพราะตอนนี้เขาก็ไม่ขาดเงิน
ดังนั้นเขาจึงถามออกไปตรง ๆ “ยังมีเรือเหาะไหนที่มีความเร็ว 25 ป้องกันระดับสูงกว่า 120 จุคนได้ราว 3-7 คนแล้วยังพกพาสะดวกบ้างหรือไม่ ?”
ยามได้ยินคำเขา สีหน้าหญิงสาวก็บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย
คำขอของชายหนุ่มไม่ต่ำต้อยเลย โดยเฉพาะที่ว่าต้องพกพาสะดวก นั่นก็เท่ากับการขอให้หาเรือเคลื่อนเมฆาชั้นยอดที่มาพร้อมกับค่ายกลพลังงานสูญ ทำให้มันสามารถลดขนาดลงได้
“เรือเคลื่อนเมฆาอย่างที่ท่านว่าหาไม่ง่ายและมีราคาสูงมากนะเจ้าคะ” หญิงสาวเอ่ย
“บอกมาว่ามีหรือไม่มีก็พอ” ซูเฉินเอ่ยตามตรง
กู่จิ่นถังคิดเหยียด ๆ ในใจ “หากเจ้าไม่มีก็ความผิดเจ้า และถ้ามีก็จะกดราคาจนเจ้าไม่อาจรับได้”
“รอสักครู่นะเจ้าคะ” หญิงสาวพลันล่าถอยไป
ซูเฉินรู้ว่านางคงจะไปถามเบื้องบน
เรือเคลื่อนเมฆาระดับสูงอย่างที่ซูเฉินขอมานั้นหายากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และถ้าทางร้านมีจริง ๆ ก็คงจะให้พวกเบื้องบนในร้านเป็นคนทำการค้าเท่านั้น
ไม่นาน สตรีในชุดประณีตก็ปรากฏตัวขึ้นบนชั้นสี่ ตามมาด้วยหญิงสาวที่แนะนำสินค้าให้เขาเมื่อครู่
สตรีที่มาใหม่มีใบหน้างดงามนัก กลิ่นอายมีเสน่ห์ เมื่อเห็นซูเฉินและคนอื่น ๆ ก็ยิ้มให้แล้วเดินเข้ามาโค้งให้เป็นการทักทาย “ซุยเมี่ยวหลิงแห่งร้านจันทร์ลอยเด่นทักทายคุณชาย ขอข้าทราบนามท่านได้หรือไม่เจ้าคะ ?”
“ซูเฉิน”
“อ้อ เป็นคุณชายซูนี่เอง” ซุยเมี่ยวหลิงเดินนำซูเฉินและคนอื่น ๆ ไปนั่ง ส่งสัญญาณให้หญิงสาวอีกนางรินชาให้แล้วว่าต่อ “เรือเคลื่อนเมฆาที่คุณชายต้องการเป็นของล้ำค่าระดับสูง ร้านเล็ก ๆ ของข้าไม่มีของที่คุณชายต้องการหรอกเจ้าค่ะ”
ประโยคเปิดของซุยเมี่ยวหลิงทำเอาเขาขมวดคิ้ว
โชคดีที่ซุยเมี่ยวหลิงไม่ประวิงเวลานาน รีบว่าต่อ “แต่หากคุณชายยินดี ร้านเราจะจัดหามาให้ได้ อาจจะใช้เวลาสักหน่อย แต่คงจะต้องคุยเรื่องราคากันก่อน”
ซูเฉินรู้ว่าอีกฝ่ายอยากตกลงเรื่องราคากันก่อน
“ราคาเท่าไหร่ ?”
“หินพลังต้นกำเนิดระดับต่ำ 100 ล้านก้อนเจ้าค่ะ” ซุยเมี่ยวหลิงตอบ
เป็นจำนวนที่ทำเอาอวิ๋นเป้าและกังเหยียนตกใจ
ถึงเรือเคลื่อนเมฆาจะมีราคาสูง แต่ก็คงไม่สูงมากขนาดนั้นกระมัง ?
มีเพียงซูเฉินที่ยังคงสีหน้าสงบนิ่งไว้ เขาหาข้อมูลเรื่องเรือเคลื่อนเมฆามาก่อนแล้ว รู้ว่าที่อีกฝ่ายเสนอมาสูงเกินไป
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น ซูเฉินก็ยังบอกว่า “แพงไป”
กู่จิ่นถังเริ่มหัวเราะเยาะเย้ยอยู่ในใจ ขั้นต่อไปก็กดราคาให้มากที่สุด ทำเป็นตกลงกันไม่ได้ จากนั้นก็จากไป
ทุกอย่างเป็นไปตามคาดจริง ๆ!