ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 128 หลอกมาได้สำเร็จ
บทที่ 128 หลอกมาได้สำเร็จ
ทว่าพริบตาต่อมา ซูเฉินก็ยืนดาบอีกเล่มให้ “ดาบตัดวาโยแปดทาง ความเร็วในการโจมตีสูงมาก ตวัดดาบดั่งลม หลบเลี่ยงได้ยาก แต่เหมาะกับพวกที่คล่องแคล่วมากกว่า… ไม่เหมาะกับท่าน”
แล้วเขาก็เก็บมันไป
กู่จิ่นถังมองสมบัติล้ำค่าอีกชิ้นลอยผ่านหน้าไป อยากจะบอกว่า ‘ไม่เหมาะก็ไม่เป็นไร’ แต่ก็สายไปแล้ว
ซูเฉินหยิบถุงลูกดอกหนึ่งขึ้นมา “ลูกดอกใบโรย อาวุธลับเฉียบคม โจมตีศัตรูได้เอง โดนศัตรูแล้วก็จะกลับมา ตัวลูกดอกกลวง ใส่พิษไว้ภายในได้ อีกทั้งยังมีความสามารถในการทะลวงเกราะขั้นหนึ่ง ใช้คู่กับฝ่ามือดอกไม้บินแล้วก็อาจเป็นการโจมตีรุนแรงได้ น่าเสียดายที่เป็นแค่เครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 7”
เขาพูดยังไม่ทันจบ กู่จิ่นถังก็คว้ามันไว้แล้วเอ่ยว่า “ดูท่าเจ้านี่จะเหมาะกับข้ามาก !”
“ท่านชอบมันหรือ ?” ซูเฉินถาม
กู่จิ่นถังพยักหน้ารับรัว ๆ บัดซบ หากไม่บอกว่าชอบก็พลาดไปอีกสิ
“ก็ได้ เช่นนั้นมันเป็นของท่าน ใช่แล้ว ท่านช่วยถือถุงลูกดอกใบโรยระดับ 6 ให้ข้าทีได้หรือไม่ ? เดิมทีข้าจะมอบมันให้ท่าน แต่ในเมื่อท่านชอบถุงนั้น ข้าก็จะเอาอันนี้ให้ชิงลั่ว”
กู่จิ่นถังอยากกระอักเลือดคำใหญ่ ได้แต่มองซูเฉินด้วยสายตาสิ้นหวัง
เมื่อซูเฉินเห็นดังนั้นก็หัวเราะในใจ แกล้งกันมากพอแล้ว เขาตบไหล่กู่จิ่นถังพลางกล่าว “ท่านดูของเถอะว่ามีที่ชอบอีกหรือไม่”
ของอย่างอื่นหรือ ?
กู่จิ่นถังตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
“อะไรกัน ? ไม่อยากได้อะไรแล้วหรือ ? เช่นนั้นก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“……”
เมื่อออกมาจากร้านจันทร์ลอยเด่น คนทั้งสี่ก็สนิทสนมกันมากขึ้น
หลังจากนั้นก็พากันเข้าร้านเหล้า หลังจากยกกันไม่กี่จอกก็ยิ่งสนิทสนมกันมากกว่าเก่าอีก
กู่จิ่นถังตะโกนเสียงชัดแจ้ง “ไอ้หนุ่ม ข้าหวังกับเจ้าไว้มากนะ ! น้องเจ็ดสนใจเจ้าไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลยจริง ๆ ไม่ว่าต่อไปตระกูลกู่จะทำอะไร อย่างน้อย ๆ ข้าก็อยู่ข้างเจ้าคนหนึ่ง !”
“เช่นนั้นต้องขอขอบคุณพี่สี่ล่วงหน้า” ซูเฉินรินเหล้าให้กู่จิ่นถังต่อ ในหัวก็คิดว่า ‘ได้มาหนึ่งแล้ว’
การจะให้คนตระกูลกู่ยอมรับเขาต้องเป็นเรื่องที่ยากเข็ญมากแน่
หากคิดจะใช้วิธีเดียวรวบทั้งหมดมาเข้าฝั่งก็คงเป็นไปไม่ได้
และถึงแม้จะไร้หนทาง แต่ก็ยังมีทางที่ด้อยกว่าแต่ใช้ได้อยู่เช่นกัน เช่นที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ นั่นคือการค่อย ๆ ดึงเข้าพวกทีละคน
ซูเฉินรู้ดีว่าหากคิดจะแต่งกับกู่ชิงลั่วนั้นก็เหมือนกับเคลื่อนภูผา
จะเคลื่อนคราวหนึ่งทั้งหมดไม่ได้ แต่หากพยายามไปเรื่อย ๆ วันแล้ววันเล่า จุดต่อไม่หยุดยั้ง สุดท้ายก็จะสำเร็จ
กู่จิ่นถังผู้นี้คือดินก้อนแรกที่เขาขุดขึ้นมาได้
กู่จิ่นถังหัวเราะลั่น “ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าจริงใจซื่อตรง ข้าชอบเจ้า ใช่แล้วซูเฉิน เจ้าซื้อเครื่องมือต้นกำเนิดให้คนอื่นตั้งมาก แล้วของเจ้าเองเล่า ?
ซูเฉินหัวเราะแต้ไม่พูดอะไร เป็นอวิ๋นเป้าที่หัวเราะขึ้นมา “เขาไม่ชอบอะไรในนั้นเลยก็เท่านั้น อย่าคิดว่าเขาเป็นเพียงคนไร้สายเลือดเล่า เจ้านี่มันหัวสูง หากไม่ใช่ของดีที่สุดก็ไม่ใช้”
“โอ้โห !” กู่จิ่นถังสีหน้ายินดี “ไม่แปลกที่มาชอบน้องเจ็ดตระกูลกู่ของข้าได้ แน่นอนว่าหัวสูง กระทั่งร้านจันทร์ลอยเด่นเป็นร้านค้าสมบัติที่ดีที่สุด มีของคุณภาพสูงที่สุด แต่เครื่องมือต้นกำเนิดชั้นยอดก็ยังเป็นของหายาก หากเจ้าต้องการพวกมัน ไปประมูลเอาน่าจะดีกว่า”
“ประมูลหรือ ?” ซูเฉินชะงักไปชั่วขณะ
“ใช่แล้ว พวกของดี ๆ มักตกไปอยู่ในงานประมูล สองวันนับจากนี้จะมีงานประมูลพอดี กระทั่งในเมืองฉางผานยังนับเป็นงานระดับสูง หากเจ้าอยากได้ของดี ลองไปหาที่นั่นดู”
“ข้าจะเข้าร่วมอย่างไร ?” ซูเฉินรีบถาม การประมูลไม่เหมือนเดินเข้าร้านค้า ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถเข้าไปได้
“ต้องมีคำเชิญพิเศษ แต่ไม่ต้องห่วง พวกเรามี เพราะภารกิจตระกูลกู่ในครั้งนี้คือการประมูลของชิ้นหนึ่งอยู่แล้วด้วย……”
——————————————
ด้วยกู่ชิงลั่วอยู่ที่ศาลาลมลอยเลื่อน ซูเฉินและคนอื่น ๆ จึงเลือกพักที่นี่ด้วยเช่นกัน
เมื่อกู่ชิงลั่วกลับมาเห็นคนทั้งสี่นั่งพูดคุยหัวเราะเล่นกันแล้วก็เบิกตากว้างลูกตาแทบหลุด
นางฉวยจังหวะคว้าร่างซูเฉินออกมา “เจ้าทำได้ยังไงน่ะ ? ญาติข้าผู้นี้หัวสูงนัก กับคนอื่นไม่เคยใส่ใจ ครั้งก่อนมีคุณชายจากตระกูลใหญ่พยายามสานสัมพันธ์กับเขา เสียเงินไปตั้งมาก แต่ก็ตีสนิทไม่ได้เลยนะ”
“ต้องให้เขาลองล่อด้วยหินพลังต้นกำเนิดสักร้อยล้าน” ซูเฉินว่า
“ร้อยล้าน ?” กู่ชิงลั่วได้ยินแล้วสะดุ้ง แม้นางจะรู้ว่าซูเฉินได้เงินก้อนใหญ่มาก แต่เขาก็ไม่เคยบอกจำนวน ไม่แปลกที่นางได้ยินแล้วจะตกใจ
“เอาตรง ๆ ก็ 158 ล้าน” ซูเฉินตอบ
ซูเฉินมอบผลประโยชน์ให้กู่จิ่นถังไม่น้อย แต่ที่ทำให้ตกตะลึงมากจริง ๆ ก็ยังเป็นหินพลังต้นกำเนิดกว่าร้อยล้านก้อนที่เขาใช้ไปเมื่อก่อนหน้า เงินจำนวนนี้ล้างภาพจำเก่า ๆ ที่กู่จิ่นถังมีต่อเขาไปจนสิ้น สุดท้ายจึงถูกซื้อตัวมาโดยง่าย ไม่เช่นนั้นหากมีคนอื่นคิดจะใช้เครื่องมือต้นกำเนิดระดับ 7 มาล่อกู่จิ่นถังไป ก็คงไม่ประสบความสำเร็จเช่นนี้
โลกก็โหดร้ายเช่นนี้ คนบางคนจ่ายค่าราคาต่ำแต่กลับประสบผลสำเร็จยิ่งใหญ่ ขณะที่อีกคนอาจจ่ายไปมากโขแต่กลับไร้ผล
ทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับ ‘ฐานะทางสังคม’ ทั้งสิ้น
อีกทั้งการจ่ายเงินเช่นนี้ต้องทำเมื่อสองฝ่ายมีสถานะเท่ากัน ไม่เช่นนั้นหากคนฐานะต่ำกว่าจ่ายเงินให้คนที่ฐานะสูงกว่าจะกลายเป็นการแสดงความเคารพไป
หรือก็คือกู่จิ่นถังยังไงก็เป็นกู่จิ่นถัง มุมมองเขาไม่ได้เปลี่ยน แต่ซูเฉินไม่ใช่ ‘คนส่วนมาก’ อีกต่อไป เขาไม่อาจมองข้ามได้อีก
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเพียงรายละเอียดปลีกย่อย สุดท้ายแล้วกู่จิ่นถังก็ถูกซูเฉินหลอกมาจนได้ เรื่องหลังจากนั้นก็คงจะจินตนาการได้ไม่ยาก
กู่ชิงลั่วและซูเฉินพากันออกไปใช้เวลาร่วมกัน ทุก ๆ วันทำตัวติดกัน กระซิบคำหวานให้กันแล้วก็หัวเราะมีความสุขยิ่ง
ซูเฉินยังรู้ภารกิจที่ทำให้กู่ชิงลั่วต้องมาที่เมืองฉางผาน อย่างที่กู่จิ่นถังว่า พวกเขามาที่นี่เพื่องานประมูลหมู่เมฆ
โดยในงานประมูลหมู่เมฆของปีนี้จะมียาชนิดหนึ่งออกประมูล นั่นก็คือยาปลุกสายเลือด
ตามชื่อมันแล้ว ยาชนิดนี้มีไว้เพื่อปลุกสายเลือดในกายให้ตื่นขึ้นนั่นเอง
การตื่นขึ้นของสายเลือด ปกติแล้วจะเป็นไปเองตามธรรมชาติ คนสายเลือดบริสุทธิ์ส่วนมากไม่จำเป็นต้องใช้ยา แต่ก็มีน้อยครั้งที่สายเลือดไม่ยอมตื่นขึ้น ดังนั้นจึงต้องใช้ยาปลุกสายเลือดมาเสริม
แต่นี่ไม่ใช่ยาปลุกสายเลือดที่กู่ชิงลั่ว และคนอื่น ๆ กำลังตามหา
ยาปลุกสายเลือดนั้นมีหลากหลายชนิด ใช้กับสายเลือดที่มีระดับความหายากแตกต่างกันไป ยาส่วนมากจะปลุกได้แต่สายเลือดที่บริสุทธิ์ที่สุดในร่างขึ้นมา หรือก็คือแม้ในร่างจะมีกี่สายเลือดก็ตาม แต่สายเลือดที่เข้มข้นที่สุดจะเป็นตัวที่ยาปลุกมันให้ตื่นขึ้นมาได้นั่นเอง
ส่วนยาปลุกสายเลือดที่พวกนางต้องการคือยาระดับยอด สามารถใช้ปลุกสายเลือดที่มีเพียงสัดส่วนเล็กน้อยที่สุดได้
ซูเฉินได้ยินแล้วก็เข้าใจทันที
“เจ้าคิดจะปลุกสายเลือดอสูรดึกดำบรรพ์หรือ ?”
ด้วยเพราะสายเลือดนี้ผสมผสานหลากหลายสายเลือดเข้ามา สายเลือดอสูรดึกดำบรรพ์ของตระกูลกู่แห่งหลงซีจึงหาได้ยากนัก กระทั่งคนอย่างกู่ชิงลั่วที่มีสัดส่วนสายเลือดอสูรดึกดำบรรพ์ค่อนข้างมาก แต่มันก็ยังไม่อาจเอาชนะ ‘สายเลือดอสรพิษทะยาน’ ได้ ไม่เช่นนั้นกู่ชิงลั่วก็คงไม่ได้สายเลือดอสรพิษทะยานมา
เมื่อเป็นเช่นนี้ หากคิดปลุกสายเลือดอสูรดึกดำบรรพ์ขึ้นมาจึงจำเป็นต้องใช้ยาปลุกสายเลือดชั้นยอดเช่นนี้เท่านั้น !