ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 16 การทดลองใหม่
บทที่ 16 การทดลองใหม่
ที่ลานด้านหน้า คฤหาสน์ซู
คนกลุ่มใหญ่สวมเครื่องแบบทหารยืนตั้งแถวเรียงกันเป็นระเบียบ กำลังฝึกซ้อมภายใต้การนำของกังเหยียน ทั้งยังมีกลุ่มโจรที่ซูเฉินจับตัวมาก่อนหน้านี้ด้วย
“ลุก !”
“หัน !”
“เดิน !”
“ถอย !”
ทุกคนทำตามเสียงตะโกนดังของกังเหยียนโดยพร้อมเพรียงกัน
หากคนที่คุ้นเคยกับคนทั้งหมดในอดีตมาเห็นภาพนี้เข้า ก็คงจะต้องตะลึงงันอ้าปากค้างไป
กลุ่มคนไร้วินัย กองโจรไร้ระเบียบ ถูกฝึกฝนจนกลายเป็นกลุ่มคนที่มีระเบียบวินัยภายในเวลาเพียงไม่นาน คงได้แต่กล่าวว่ามหัศจรรย์จริง ๆ
แต่ถึงกระนั้น กังเหยียนก็ไม่พอใจแม้สักนิด เขาสั่งแล้วก็จะตามด้วยเสียงตะโกน “แข็งขันกว่านี้ ! ออกหมัดทุกครั้งต้องใส่แรงหน่อย ! ไม่ได้กินข้าวมาหรือไร ? ไม่ใช่แค่แค่ขยับท่าก็ได้แล้วหรอกนะ หากพวกเจ้าคนใดคิดทำซื่อไม่รู้ความ เช่นนั้นก็เตรียมใจถูกส่งไปห้องทดลองของนายท่านได้เลย !”
ได้ยินดังนั้น เหล่ากองโจรก็เริ่มขยับกายด้วยความกระฉับกระเฉงมากขึ้น กระทั่งคนที่เหนื่อยล้ายังคล้ายกับเสริมพลังมาจนเต็ม ลานฝึกรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นในพลัน
ใช่แล้ว พวกเขาขอเป็นอะไรก็ได้ แต่ไม่ขอเป็นตัวทดลองของนายท่านเด็ดขาด เท่านี้ก็เป็นแรงจูงใจที่มากพอแล้ว
ซูเฉินไม่คิดเปลี่ยนความคิดพวกเขา ทั้งยังไม่จำเป็น ใช้ความกลัวรับมือกับพวกโจรนับเป็นวิธีที่เรียบง่ายและได้ผลมากที่สุดวิธีหนึ่ง
พวกโจรจำต้องเกรงกลัวซูเฉิน ดังนั้นจึงจะยอมเชื่อฟังเขา !
และเขาเองก็ต้องการให้ความกลัวนี้ฝังรากลึกเข้าไปในจิตใจ !
อยากให้แม้เพียงคิดถึงชื่อเขาขึ้นมาก็ต้องสั่นด้วยความหวาดกลัว !
เคราะห์ดีที่ซูเฉินมีสิทธิ์ทำเช่นนี้
เขาแทบไม่ต้องทำอะไรแตกต่างไปจากเดิม เพียงแค่มีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากห้องเขาในยามค่ำคืนและมีศพที่เกิดจากการทดลองผิดพลาดอยู่ทุกวันก็สามารถระงับเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้แล้ว
เดิมทีพวกโจรคิดลุกฮือต่อสู้
แต่ไม่นานก็รู้ว่าทำเช่นนั้นไปก็ไร้ประโยชน์
ซูเฉินไร้เมตตากับพวกเขา ที่เลือกมาก็เพราะอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดีเท่านั้น
คนที่หัวแข็งสักหน่อยจะถูกซูเฉินจับไปทำเป็นตัวทดลองทันที ส่วนคนอื่น ๆ ที่เชื่อฟังคำสั่งก็จะได้รับการฝึกฝน
เกิดเรื่องเช่นนั้นอยู่สักสองสามครา ในที่สุดโจรทั้งหมดก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
ตอนนี้ หากกังเหยียนสั่งให้ไปทิศตะวันออก ก็จะไม่มีใครกล้าไปทิศตะวันตก
หรือถ้าเป็นอิสระ มีโอกาสหนีได้ คนส่วนมากก็คงไม่กล้าหนีไปเช่นกัน
ภายใต้แรงกดดันของซูเฉิน โจรทั้งหลายต่างยอมแพ้ไปสิ้นแล้ว
แต่ก็ไม่นับว่าเสียหายอะไรมากนัก เพราะพวกเขาเกรงกลัวเพียงซูเฉิน แต่กับคนอื่นก็ยังทำตัวดุร้ายป่าเถื่อนดังเดิม
ท่ามกลางการฝึกฝนในลาน เงาร่างหนึ่งที่หิ้วคนอีกสองคนมาด้วยก็เหินลงมาจากด้านบน เขาคือซูเฉิน
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมาถึง พวกโจรทั้งหลายก็พากันคุกเข่าด้วยความหวาดกลัว ก้มหน้าจ้องพื้น กลัวเพียงอย่างเดียวว่าซูเฉินจะชี้นิ้วมาที่ตนแล้วพูดว่า “เจ้าคนนี้มากับข้า”
กังเหยียนเห็นว่าคงเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นจึงเดินเข้ามาถาม “พวกนั้นลงมือหรือขอรับ ?”
“อืม หลิ่วอู๋หยาขายข้าให้ตระกูลเหลียนและตระกูลหลง พวกเขาลอบโจมตีข้าบนถนน แต่เจ้าดู ข้ากลับจับตัวหลงเฉ่าโหยวกับเหลียนเจี่ยวมาได้ไม่ใช่หรือ ?”
“ข้าจะสั่งให้ปิดประตูหน้าแล้วเปิดค่ายกล” กังเหยียนหันกลับไปเพื่อเตรียมการ
ก่อนจะจากสถาบันมา ซูเฉินขอให้เจียงหานเฟิงและคนอื่น ๆ ช่วยสร้างแผ่นรูปแบบต้นกำเนิดขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อที่จะนำมาใช้กับที่นี่ในสถานการณ์เช่นตอนนี้
“ไม่จำเป็น ค่ายกลพวกนั้นใช้ได้ผลกับคนกลุ่มเล็ก ไม่ใช่เป็นกองทัพเช่นนี้ หากอีกฝ่ายคิดใช้กำลังก็กันไม่ได้หรอก ปล่อยให้เป็นเหมือนเดิม ข้ามีหลงเฉ่าโหยวและเหลียนเจี่ยวในกำมือ สองตระกูลนั่นคงไม่กล้าบุ่มบ่ามลงมือ”
“รับทราบ !” กังเหยียนตอบเสียงนอบน้อม
ซูเฉินหิ้วคอหลงเฉ่าโหยวและเหลียนเจี่ยว จากนั้นกลับไปยังห้องทำงานตนเอง
“นายท่าน !” กังเหยียนตะโกนขึ้น
“มีอะไร ?”
กังเหยียนเหลือบมองสองคนนั้น “ท่าน….. คิดจะจัดการอย่างไร ?”
“พวกเขาหรือ ?” ซูเฉินเข้าใจสิ่งที่กังเหยียนอยากถาม หัวเราะออกมา “จะจัดการอย่างไรได้อีก ? เอาอย่างเดิม ถามคำถามสักหน่อย จากนั้นก็ทำการทดลอง เท่านั้นล่ะ”
มีการทดลองอีกหรือ !?
แต่คนทั้งสองเป็นตัวรับประกันว่าคฤหาสน์ซูจะไม่ถูกตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสองบุกทำลายไม่ใช่หรือไร !
ซูเฉินเข้าใจความคิดกังเหยียน
เขากล่าวขึ้น “อย่าห่วงเลย ไม่ตายหรอก”
ว่าแล้วเขาก็เดินกลับเรือนตนไป
พวกโจรสายตาจ้องตามซูเฉิน ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
สองคนนั้นเป็นผู้สืบทอดของสองตระกูลสายเลือดชั้นสูง แต่ในสายตาซูเฉินก็เป็นได้เพียงตัวทดลองเท่านั้น
เป็นนักวิจัยปีศาจจริง ๆ!
กังเหยียนมองเหล่าโจรที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา เผ่าหินผาที่มีหน้าตาท่าทางเป็นมิตรคิดอะไรเรียบง่ายส่งสายตาเช่นนี้ให้ ผลที่ได้กลับมาจึงมีไม่มากนัก
“ทุกคนได้ยินที่นายท่านกล่าวแล้ว นี่คือผลลัพธ์ของคนที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับนายท่าน หากไม่เชื่อฟังคำสั่งให้ดีก็จะกลายเป็นเช่นนั้น !”
“รับทราบ !” เหล่าโจรร้องตอบเสียงดัง “พวกเราจะภักดีต่อนายท่าน !”
พวกเขากล่าวอย่างพร้อมเพรียงกันทั้งยังมีกำลังวังชาไม่เหมือนเช่นเมี่อครู่
——————————————
เมื่อฟื้นตื่นจากอาการมึนงง เหลียนเจี่ยวก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงหินเย็นเฉียบในห้องมืดสลัว แขนขานางถูกเหล็กพันธนาการไว้ ไม่อาจขยับกายได้
ซูเฉินยืนอยู่ข้างนาง ตะเกียงผลึกแก้วบนผนังเป็นสิ่งเดียวที่ให้แสงสว่างภายในห้อง แต่ซูเฉินยืนอยู่ในมุมมืด ยิ่งดูน่าเกรงขาม กดดันเหลียนเจี่ยวมากกว่าเดิม
“เจ้าคิดจะทำอะไร !?” เหลียนเจี่ยวร้องขึ้นด้วยความหวาดกลัว พยายามสะบัดโซ่พันแขนขาออก
ไม่ว่ามองอย่างไร ก็เหมือนฉากที่ตัวร้ายที่จับหญิงสาวมาได้แล้วกำลังจะทำมิดีมิร้ายอย่างไรก็อย่างนั้น
แต่เคราะห์ดีที่ซูเฉินไม่ได้เข้ามาใกล้นางอีก
เพียงเอ่ยเสียงสั้นว่า “ข้าอยากได้วิชาตระกูลเหลียนที่สามารถเปลี่ยนคนเป็นทาสได้”
“มันเป็นทักษะต้นกำเนิดจากสายเลือดของตระกูลเหลียนของข้า เจ้าหาญกล้าอยากได้มันหรือ ? ไม่กลัวตระกูลเหลียนแยกร่างเจ้าหรือไร ?”
หลังจากความกลัวในตอนแรกเริ่มจางลงแล้ว เหลียนเจี่ยวก็เริ่มควบคุมสติตนได้ สบถด่าดังลั่นทันที
นางคิดว่าซูเฉินไม่กล้าลงมือทำอะไรกับนางมาก
แต่นางคิดไปก็ไม่ได้อะไร
เพราะซูเฉินแสดงให้นางเห็นในพลันว่าเขากล้าทำอะไรกับนางบ้าง
เขาหยิบก้อนโลหะออกมา
จากนั้นกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าเพียงจะทำการทดลองเล็กน้อยเท่านั้น นี่เป็นสิ่งที่ข้าพบในบ่อน้ำตระกูลหลี่ เรื่อง ‘ปีศาจส่งเด็ก’ ทั้งหมดนี้อาจเกิดจากสสารที่ก้อนโลหะปล่อยออกมาก็เป็นได้ แต่ข้าต้องทำการทดลองเพื่อยืนยันมันก่อน เคราะห์ร้ายที่ข้าไม่มีตัวทดลองที่เป็นสตรีเลยสักคน…… อืม ถึงจะมี ข้าก็ไม่คิดอยากลองเสี่ยง แต่ในเมื่อตอนนี้มีเจ้ามาแล้ว ขอยืมร่างเจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน”
ว่าแล้วเขาก็ปลดผนึกก้อนโลหะ จุดแสงดำเริ่มล่องลอยออกมาจากภายในทันที
เส้นสายพลังจิตของเขาเริ่มนำทางพวกมันเข้าไปในร่างเหลียนเจี่ยวทีละจุด ๆ
แม้เหลียนเจี่ยวจะมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นสายตาซูเฉินที่ ‘จ้องเขม็ง’ มาแล้ว นางก็คิดได้ว่าต้องมีบางอย่างเป็นแน่
“ไม่ !” นางกรีดร้องลั่น พยายามดิ้นตัวอย่างแรง แต่ก็ไม่อาจหยุดจุดแสงดำเหล่านั้นไว้ได้
ชายหนุ่มมองพวกมันซึมซาบเข้าร่างเหลียนเจี่ยว ก่อนพากันเข้าไปรวมตัวกันอยู่ที่จุด ๆ หนึ่งในร่างของนาง
เขาไม่เห็นว่าในนั้นมีกระบวนการอะไรเกิดขึ้นบ้าง เห็นเพียงแสงที่ส่องเรืองออกมาจาง ๆ และสังเกตเห็นว่าภายในร่างนางกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
ซึ่งมันแตกต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างของโจรผู้นั้นอย่างสิ้นเชิง
“มีผลเฉพาะกับสตรีจริงด้วย” ซูเฉินพึมพำออกมา
เขาเพียงต้องรอเวลาอีก 2 เดือนเพื่อดูว่าจุดแสงเหล่านี้จะเป็นต้นตอของเหตุร้ายที่ตระกูลหลี่ประสบจริงหรือไม่
2 เดือน !
เป็นระยะเวลานานไม่น้อยเลย
ซูเฉินคิดด้วยความกังวลใจ
หากมีวิธีเร่งให้คลอดได้ก็คงจะดี
ประเดี๋ยวก่อน
ไม่ใช่ว่าผ้าเท่อลั่วเค่อชำนาญการดัดแปลงสิ่งมีชีวิตหรอกหรือ ?
เขาอาจมีวิธีเร่งกระบวนการก็เป็นได้ !