ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 160.1 การบีบบังคับขั้นสุดท้าย (1)
บทที่ 160 การบีบบังคับขั้นสุดท้าย (1)
คฤหาสน์ตระกูลหวัง
ลานบ้านขนาดใหญ่ของตระกูลหวังเคยมีชื่อเสียงอย่างมาก ย้อนกลับไปตอนนั้นสิงโตหินที่เฝ้าประตูหน้าดูกล้าหาญชีวิตชีวาราวกับว่าพวกมันมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง เป็นจิตวิญญาณที่แม้แต่ปีศาจร้ายก็ยังต้องจากไปด้วยความหวาดกลัว
แต่ตอนนี้ แม้แต่สุนัขที่เคยเห่าอยู่ในคฤหาสน์ก็ยังเงียบ นับประสาอะไรกับสิงโตหิน
ทหารมากมายยืนปิดล้อมคฤหาสน์เอาไว้ทุกทิศทาง
พวกเขาเคร่งขรึม สงบเงียบ จริงจังและดุร้าย
รอบด้านถูกปิดกั้นอย่างแน่นหนาไม่มีช่องให้เข้าออกได้แม้แต่น้อย
กลิ่นอายที่ทรงพลังและแรงกดดันที่เข้มข้น รวมตัวกันเหมือนเมฆทึบกดทับอยู่เหนือคฤหาสน์ตระกูลหวัง
คฤหาสน์ตระกูลหวังคือสถานที่ ที่ซึ่งกลุ่มคนสกุลหวังอาศัยอยู่ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่พักของหัวหน้าตระกูลหวังเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้เมื่อบ้านของพวกเขาถูกล้อมรอบไปด้วยทหาร ทุกคนจึงรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่ามีเรื่องเลวร้ายบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น
ช่วงก่อนหน้านี้ แม้แต่หัวหน้าตระกูลหวังก็ยังปรากฏตัวออกมาเอง
แต่น่าเสียดายที่เขาถูกทำให้พ่ายแพ้กลับมาในทันที
อันซื่อหยวนนั่งอยู่ในรถม้าสี่ทะเลสงบของเขา ศีรษะโล้นของเขาเปล่งประกายเงางาม ขณะที่เขาตะโกนส่งเสียงเข้าไปในคฤหาสน์ “เหล่าหวัง เจ้าฝึกตนมานับร้อยปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายิ่งอยู่นานเท่าไหร่เจ้าก็ยิ่งถดถอยลง คนอื่นมีแต่ให้ลูกให้หลานเป็นคนดูแล ตราบใดที่ยังคงหาทรัพยากรมาได้เรื่อย ๆ ตระกูลก็ไม่มีวันล่มสลาย นี่คือเหตุผลที่เจ้าควรจะปลีกตัวออกจากโลกภายนอกได้แล้ว ไม่ใช่ลากตัวเองลงไปในน้ำโคลนเพื่อสู้แทนลูกหลานของเจ้าเช่นนี้ แม้กระนั้นเจ้าก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าทันทีที่ความวุ่นวายสงบลง สิ่งที่รออยู่มีเพียงพายุที่รุนแรงเท่านั้น”
หวังซานหยูยืนอยู่บนหลังคาบ้านของเขา “เจ้าพูดถูก ข้าทนต่อคำอ้อนวอนของลูกและหลานชายของข้าไม่ได้ ทั้งยังไม่สามารถเพิกเฉยต่อผลประโยชน์ของพวกมัน ข้าจึงได้ลงมือเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง ฝ่าฝืนกฎส่งผลให้เกิดหายนะครั้งนี้ อย่างไรก็ตามวิธีของเจ้ายามนี้ยากที่จะกำจัดตระกูลหวัง อันซื่อหยวน เจ้ากล้าที่จะโจมตีตระกูลหวังของข้าจริง ๆ หรือ ? เจ้าคิดว่าตัวเจ้าคนเดียวก็เพียงพอที่จะเอาชนะข้าแล้วงั้นหรือ ?”
อันซื่อหยวนหัวเราะเสียงดัง “เจ้ามีแท่นบงกช 3 ชั้น ในขณะที่ข้ามีเพียง 2 ข้าจะไปสู้เจ้าได้อย่างไร ? ทว่าตัวข้าก็ยังเป็นคนของทางการ ตราสงบความวุ่นวายกับรถม้าสี่ทะเลสงบนี้เป็นตัวแทนการยึดมั่นในสันติของข้า หากเจ้าต้องการที่จะสู้กับข้าจริง ๆ ข้าก็สามารถเสี่ยงชีวิตเพื่อสู้กับเจ้าได้ถ้ามันทำให้เจ้ารู้สึกดี”
การแสดงออกของหวังซานหยูนั้น ทั้งเย็นชาและมั่นคง
ที่อันซื่อหยวนสามารถต้านทาน 10 ตระกูลสายเลือดชั้นสูงมาได้ด้วยตัวเขาเองจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะบารมีของฐานะการงานเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความแข็งแกร่งส่วนตัวของเขาเองด้วย แล้วไหนจะที่ว่ามีตราสงบความวุ่นวายกับรถม้าสี่ทะเลสงบคอยสนับสนุนนั่นอีก
ตราสงบความวุ่นวายกับรถม้าสี่ทะเลสงบ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือต้นกำเนิดเท่านั้น มันยังเป็นตัวแทนของศักดิ์ศรีและบารมีของราชวงศ์ด้วยเช่นกัน
หนึ่งโจมตีหนึ่งป้องกัน ตราสงบความวุ่นวายใช้เพื่อสังหารผู้ต่อต้านกฎหมาย ในขณะที่รถม้าสี่ทะเลสงบคงอยู่เพื่อปกป้องผู้ถือครอง
ตราบใดที่อันซื่อหยวนนั่งอยู่ในรถม้าสี่ทะเลสงบ หวังซานหยูก็ไม่สามารถลงมือโจมตีอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ไม่อย่างนั้นการกระทำของเขาจะกลายเป็นการก่ออาชญากรรมในทันที
แน่นอนว่า หัวหน้าตระกูลหวังไม่มีทางแบกรับความผิดนี้ไหว เขาเพิ่งจะใช้เส้นสายกับคนเบื้องบน เพื่อแก้ไขปัญหาอื่นไปครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าตอนนี้เขาลงมือไป ปัญหารอบนี้คงจะกลายเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แม้ว่าจะสู้กันจริง เขาก็ไม่อาจเอาชนะได้ !
นอกเหนือจากตราสงบความวุ่นวายกับรถม้าสี่ทะเลสงบแล้ว อันซื่อหยวนยังมีผู้เชี่ยวชาญมากมายอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนดุร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนั้นยังมีหัตถ์โลหิต 16 คน กองทหารเกราะโลหิตอีก 500 คน และจอมยุทธ์อัสนีบาตรอีกถึง 3 พันคน
เจ้าเมืองอันพาคนทั้งหมดนี้ มาด้วยกันกับเขา
ถ้า 10 ตระกูลสายเลือดชั้นสูงรวมกัน ไม่สิ ถ้าหากมีแค่ตระกูลอีกสักตระกูลมาช่วยเขา หวังซานหยูก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่โดดเดี่ยวเช่นนี้ หัวหน้าตระกูลหวังไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรู้สึกกังวลและกลัวได้เลย
แม้ว่าเขาจะสู้กลับอย่างสุดกำลัง แต่เขาก็ยังคงถูกขังอยู่ที่นี่
หวังซานหยูจ้องไปที่อันซื่อหยวนและพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าซูเฉินเพียงคนเดียวจะสามารถจัดการอีก 9 ตระกูลได้ ?”
“ถึงข้าจะไม่เชื่อ แต่ข้าก็ไม่สามารถประเมินชายหนุ่มผู้นี้ต่ำเกินไปได้” เจ้าเมืองอันตอบ
“ทั้งสังหารเซินอวิ๋นหง ทำให้เว่ยเพ่ยการเป็นคนไร้ประโยชน์ กวาดล้างตระกูลเหอและตระกูลฉวง ชักจูงตระกูลหลง และตอนนี้ก็กำลังไปขอให้ตระกูลหลินยอมจำนน ในขณะที่เรากำลังคุยกันฝั่งทางนั้นก็ยังคงกำจัดและกวาดล้าง เพื่อนและพันธมิตรของเจ้าอยู่อย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าวันนี้จะถูกกำหนดให้เป็นคืนวันแห่งการนองเลือด ฟ้าดินพลิกหวนกลับเสียแล้ว”
“พวกนั้นไม่มีทางที่จะยอมเฝ้าดูอยู่เฉย ๆ และปล่อยให้มันทำแน่”
“ถูก แต่พวกข้าก็ได้เตรียมการเผื่อสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว หลู่ชิงกวง กรมพลังต้นกำเนิด แม้กระทั่งกองกำลังสามสายธาร ซูเฉินมีกำลังสำรองมากมายและข้าเองก็มีเช่นกัน บางทีเราอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในทุกย่างก้าว แต่เมื่อได้เริ่มลงมือแล้วในทุกขั้นตอน จำนวนของ 10 ตระกูลก็จะค่อย ๆ ลดลงไปทีละหนึ่ง เท่านั้นก็ดีพอแล้ว”
อันซื่อหยวนหัวเราะเบา ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างน่าประหลาดใจ
เขาพูดต่อ “สิ่งที่ซูเฉินทำไม่ว่าจะเป็นอะไร ผลที่ตามมาและความขุ่นเคืองทั้งหมดจะตกอยู่มัน แต่ข้าคือคนที่จะได้รับผลประโยชน์ทั้งหมด ดังนั้นปัญหาเดียวของเรื่องนี้คือยากแค่ไหนกว่าพวกข้าจะชนะ ..มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าล้มเหลวแต่แรกแล้ว”
ใจของหวังซานหยูรู้สึกหนาวสั่น
เขารู้ว่าสิ่งที่อันซื่อหยวนกล่าวมานั้นไม่ผิดเลย พวกเขาแพ้สงครามในครั้งนี้แล้ว สิ่งเดียวที่สำคัญในตอนนี้คือพวกเขาจะสูญเสียไปมากแค่ไหน และจะมีสมาชิกที่ยังรอดอยู่กี่คน
อีกฝ่ายไม่สามารถสังหารตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งหมดได้
ซูเฉินเข้าใจเรื่องนี้ดี อันซื่อหยวนและหวังซานหยูเองก็เข้าใจเช่นกัน
ทว่าหัวหน้าตระกูลหวังไม่ต้องการที่จะยอมจำนนในตอนนี้
นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกว่ามันยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย
เขาหวังว่าอีก 9 ตระกูลจะมีผู้ที่ผ่าวงล้อมเข้ามาช่วยเหลือเขาได้
แต่เมื่อข่าวร้ายเริ่มเพิ่มมาทีละเรื่อง หัวใจของหวังซานหยูก็ค่อย ๆ ดิ่งลงสู่ความเย็นเฉียบ
ตระกูลหลินยอมจำนน
เฉินเหวินฮุยถูกสังหาร
ตระกูลเหลียนถูกกวาดล้าง
ตระกูลไหลยอมจำนน
ข่าวร้ายทยอยเรียงกันมาไม่หยุดหย่อน โดยไม่ให้เวลาผู้คนได้พักหายใจเลยแม้แต่นิด
เมื่อหวังซานหยูได้ยินว่าตระกูลเว่ยเองก็ยอมจำนน ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้
หัวหน้าตระกูลหวังรู้ว่าเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไปแล้ว หากยังคงรั้งรอต่อไป บางทีมันอาจจะไม่มีแม้แต่ที่ให้พวกเขาเลือกยอมจำนนแล้ว
ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ตระกูลหวังยินดีที่จะยอมจำนน และอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้าเมืองอันนับจากนี้เป็นต้นไป บรรณาการที่ควรส่งมอบ ภาษีที่สมควรจ่าย รายงานผลกำไรของเขตต่าง ๆ จะเป็นไปตามจริงทั้งหมด เราจะจ่ายชดเชยส่วนที่ขาดเหลือ แม้แต่สิทธิ์ในการสัญจรทางน้ำและป่าแม่น้ำตะวันตกเราก็จะส่งมอบให้”
อันซื่อหยวนถอนหายใจ “สิทธิ์ในการสัญจรทางน้ำกับป่าแม่น้ำตะวันตกไม่ได้เป็นของเจ้าอีกต่อไปแล้ว พวกมันเป็นของซูเฉิน เหตุใดเวลาเช่นนี้เจ้าถึงยังพยายามจะเล่นกลอุบายอะไรเช่นนี้อยู่อีกกัน”
หวังซานหยูกัดฟัน “ตระกูลหวังยินดีที่จะส่งมอบธุรกิจทั้งหมดให้เจ้าเมืองอันจัดการ”
อันซื่อหยวนส่ายหัว “ไม่จำเป็น หากวันนี้เจ้าสามารถส่งมอบมันออกมาได้ วันพรุ่งนี้เจ้าก็สามารถนำมันกลับไปได้ เงินเป็นเพียงของนอกกาย เรื่องนี้เจ้ารู้ ข้ารู้ ใคร ๆ ก็รู้”
หวังซานหยูกระทืบเท้าของเขา “ตระกูลหวังยินดีที่จะจ่ายหินพลังต้นกำเนิดอีกล้านก้อน”
เจ้าเมืองอันยังคงตอบโต้กลับ “ความตั้งใจของซูเฉินคือใครก็มีชีวิตอยู่ต่อได้ ยกเว้นเจ้า เมืองธารน้ำใสไม่ได้ต้องการผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารอะไรขนาดนั้น”
“ชิ้นส่วนดาบประจำตระกูลหวัง กระสวยมังกรหยก และเกราะศักดิ์สิทธิ์ที่ปรับแต่งแล้วอีก 100 ชุด เสนอให้เป็นของขวัญแก่เจ้าเมืองอัน”
อันซื่อหยวนยิ้มอย่างพึ่งพอใจและมีความสุขอย่างยิ่ง เขารีบพูดเสริมว่า “เช่นนั้นเจ้าก็เพิ่มหมัดราชันสงคราม ฝ่ามือเทียนวายุ กับทักษะทำลายล้างสวรรค์เข้าไปด้วยก็แล้วกัน”
หัวใจของหวังซานหยูรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ถ้าไม่ตกลง เขาก็ตาย
ถ้าไม่เห็นด้วย ตระกูลของเขาก็จะถูกกำจัดทิ้ง
หากเขาเห็นด้วยธุรกิจ ทรัพย์สิน สมบัติและแม้แต่ทักษะของพวกเขาก็จะถูกยึดไปทั้งหมด
แต่อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ยังมีชีวิตรอด
เพียงแค่ยังอยู่รอด ก็จะมีโอกาสเสมอ
อันซื่อหยวนพูดถูก หวังซานหยูเกลียดซูเฉิน
แม้ว่าผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกไปที่อันซื่อหยวน แต่ความเกลียดชังทั้งหมดนั้นตกไปอยู่ที่ซูเฉินเพียงคนเดียว
นี่คือสิ่งที่ความเจ้าเล่ห์ของเจ้าเมืองอัน
เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากมายเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ของตน หรือแม้แต่ซูเฉินผู้มีอิทธิพลมากจนถึงจุดที่สามารถคุกคามตำแหน่งของตัวเขาได้แล้ว
อันซื่อหยวนเชื่อใจซูเฉินเต็มร้อย ?
แน่นอนว่าไม่
เจ้านายที่ไม่รู้จักสงสัยในตัวลูกน้อง ไม่สมควรจะเป็นเจ้านายของใคร
อย่างน้อยที่สุดอันซื่อหยวนก็คิดเช่นนั้น
เพียงแค่ตัวเขาไม่ใช่พวกหุนหันพลันแล่นหรืองี่เง่าเหมือนอย่างหลู่ชิงกวง
เขาจะเลือกโอกาสที่ดีที่สุด แล้วค่อยลงมือแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยความสงบและสุขุม
ถ้าหวังซานหยูยังคงมีชีวิตอยู่ เขากับซูเฉินก็จะต้องต่อสู้กันอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ในขณะที่ทั้ง 2 ต่อสู้กันเอง อันซื่อหยวนก็สามารถคอยมองจากที่สูง และเฝ้ารอโอกาสที่ทั้ง 2 หมดแรงลงได้
นี่คือความสมดุล
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ตำแหน่งของอันซื่อหยวนมั่นคงมากขึ้น และช่วยเพิ่มอิทธิพลของเขาได้
ทว่าในตอนนั้นเอง ข่าวร้ายก็ได้ถูกส่งมาหาเขา
หลู่ชิงกวงตายแล้ว !