ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 21 ต่อรอง
บทที่ 21 ต่อรอง
2 วันต่อมา
ภายในห้องโถงใหญ่คฤหาสน์ซู
“…… พวกข้าระบุข้อตกลงไว้ทั้งหมดแล้ว”
ซูเกาเหยี่ยจ้องซูเฉิน เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเผยรอยยิ้มมั่นใจ
เขาฝึกยิ้มเช่นนี้หน้ากระจกมาเกือบ 2 วัน จนได้ท่าทีที่ไม่ประจบประแจงแต่ก็ไม่ผยองจนเกินงาม ทั้งให้หน้าซูเฉินอยู่พอควร แต่ก็ไม่ทำลายภาพพจน์ที่ตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสิบพึงมี
“ตระกูลเหลียนก็เหมือนกันกระมัง ?”
ซูเฉินหันไปหาหัวหน้าพ่อบ้านเหลา
หัวหน้าพ่อบ้านเหลาหัวเราะ “ตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสิบก้าวหน้าถอยหลังด้วยกัน ย่อมต้องมีข้อตกลงเหมือนกัน”
“ก้าวหน้าถอยหลังด้วยกัน ?” มุมปากซูเฉินยกเป็นรอยยิ้มเยาะ
จากนั้นเอ่ยเสียงไม่รีบร้อน “ในเมื่อหัวหน้าพ่อบ้านทั้งสองบอกข้อตกลงมาแล้ว เช่นนั้นก็รับฟังทางฝั่งข้าบ้าง ข้าปล่อยคนได้ แต่ข้าต้องการหินพลังต้นกำเนิด 1 ล้านก้อนมาแลก อีกทั้งพวกท่านยังต้องขอโทษข้า และต้องอนุญาตให้ข้าเข้าไปยังห้องตำราลับของพวกท่าน……”
“ไร้สาระ !” ซูเกาเหยี่ยตบโต๊ะผุดลุกขึ้น “ซูเฉิน เจ้ากล้าตลบหลังเราหรือ ? ตระกูลพวกเรายอมประนีประนอมกับเจ้าก็นับว่าให้หน้าเจ้ามากแล้ว !”
“ประนีประนอม ?” นัยน์ตาซูเฉินเผยแววเย็นยะเยือก “ใครสนเรื่องนั้นกัน ?”
ทั้ง 2 คนชะงักไป
ซูเฉินเอ่ยทุกคำชัดเจน “หากจะสู้ก็ย่อมได้ ! แต่หากต้องการคนกลับไปก็ต้องยอมรับข้อตกลงของข้า ! ข้อตกลงของทั้งสองตระกูลสายเลือดชั้นสูงนั้นทั้งน่าอับอาย ไม่ควรค่าจะเอ่ยด้วยซ้ำ หากยังคิดทำเช่นนี้ต่อไปก็ข้ามไปสู้กันเลยดีกว่า แต่หากพวกท่านคิดอยากคุยรอมชอมก็ต้องทำตามกฎข้า !”
“ซูเฉิน อย่าคิดว่า……”
“ข้าคิดเห็นแต่เรื่องของข้า พวกท่านจะทำอย่างไรนั่นคือปัญหาของพวกท่าน แน่นอนว่าหากพวกท่านคนใดยอมตกลงก่อน ข้าก็ยอมลงให้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นก็รอรับศพผู้สืบทอดตระกูลพวกท่านได้เลย”
“เจ้า !” ซูเกาเหยี่ยชี้หน้าซูเฉิน โกรธจนพูดไม่ออก
ซูเฉินสะบัดแขนเสื้อแล้วยืนขึ้น “หลี่ชู่ ส่งแขก !”
หัวหน้าพ่อบ้านทั้งสองสบถด่าไปจนกระทั่งถูกเชิญออกจากคฤหาสน์ซู
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ !”
ซูเกาเหยี่ยชี้คฤหาสน์ซูก่อนเอ่ย “พี่เหลา ซูเฉินผู้นี้เกินไปจริง ๆ อย่างไรก็ตอบตกลงกับเงื่อนไขเขาไม่ได้หรอก !”
“ย่อมไม่ได้” หัวหน้าพ่อบ้านเหลาพยักหน้ารับ
คนทั้งสองจึงจากไปด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่าไม่ยอมรอมชอมเป็นแน่ หลังพูดคุยกันแล้วก็กลับไปยังตระกูลตนเอง
——————————
ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลง
หลงชิงเจียงมีสีหน้าทะมึน “เขาว่าเช่นนั้นหรือ ?”
“ขอรับ ซูเฉินบอกว่าไม่คิดประนีประนอม หากต้องการให้ปล่อยคนก็ต้องจ่ายเงินแลกเปลี่ยน ถึงจบเรื่องแล้วเราจะใช้กำลังเข้าโจมตีทันทีก็ยังต้องทำเช่นนี้” ซูเกาเหยี่ยตอบกลับ
“โอหังนัก” หลงชิงเจียงบีบถ้วยชาจนแตก มันกลายเป็นผงละเอียดลอยไปในอากาศคล้ายเกล็ดหิมะ “เขาไม่กลัวข้าจะเดินทางไปทำลายที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยอย่างนั้นหรือ ?”
“เขายังมีนายน้อยกับคุณหนูในกำมือ ตายหรือไม่ไม่สำคัญ แต่ดึงนายน้อยกับคุณหนูทั้งสองมาเกี่ยวย่อมไม่คุ้มค่าแน่” ซูเกาเหยี่ยกล่าวเตือนหลงชิงเจียง
เมื่อได้ยินดังนั้น หลงชิงเจียงจึงคิดหาทางอื่นไม่ออกอีก
เป็นเพราะความสะเพร่าของบุตรชายที่ทำให้ตนเองถูกจับตัวไป
“ดังนั้นก็ทำได้เพียงปล่อยให้เขาตลบหลังเราเช่นนี้น่ะหรือ ?”
“เรื่องนี้……” พ่อบ้านซูพึมพำก่อนตอบ “แม้ซูเฉินจะมีท่าทีไม่ยอมลง แต่ก็ยังชี้ให้เห็นว่ายังคุยกันได้ ข้อตกลงที่เขากำหนดมาก็ไม่ได้ตายตัว แต่หากเราคิดจะคุยกับเขา……”
“มีอะไร ?”
ซูเกาเหยี่ยลังเลก่อนตอบ “หากเราจะต่อรองกับเขา เราไปกันเองจะดีกว่าขอรับ”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ?”
“ซูเฉินบอกว่าเขาจะยอมคุยกับคนที่ยอมรับข้อตกลงของเขาก่อนขอรับ”
หลงชิงเจียงชะงักไป ก่อนจะเข้าใจจุดมุ่งหมายของอีกฝ่าย “เขาพยายามเสี้ยมให้เราห้ำหั่นกันเอง”
ใช่แล้ว ซูเฉินคิดทำเช่นนั้น
แม้ตระกูลสายเลือดชั้นสูงทั้งสิบจะร่วมมือกันเป็นปกติ แต่ก็เป็นการร่วมมือกันต้านอำนาจของทางการเท่านั้น เบื้องหลังก็ยังมีที่ขัดแย้งกันเองอยู่ กระทั่งในตระกูลเดียวกันยังมีการแย่งชิงตำแหน่งกัน แล้วตระกูลมากถึงสิบตระกูลที่ไม่ได้มีแซ่เดียวกันจะคิดเห็นเป็นอย่างเดียวกันโดยสมบูรณ์ได้อย่างไร ?
หากเรื่องราวมันสงบสุขเช่นนั้นจริง เหตุใดซุนเม่ากับอวี๋เฉิงสุ่ยต้องต่อสู้กันด้วย ? หรือเป็นแค่การละเล่นกันเท่านั้น ?
ปกติเรื่องเบาะแว้งเหล่านี้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับ แต่หากทางการคิดยื่นมือเข้าแทรก ตระกูลทั้งหลายก็จะร่วมมือกันต่อต้าน
พวกเขามีความร่วมมือกันเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้กลมเกลียวกัน
ข้อตกลงของซูเฉินต้องการทำลายมารยาตรงนี้นั่นเอง
อยากคุยหรือ ? ได้ ! เช่นนั้นก็คุยตามกฎของข้า อีกทั้งยังคุยลับ ๆ ไม่ได้ คนที่มาก่อนจะได้เปรียบกว่า
ตระกูลหลงจะไม่ใส่ใจเขาก็ย่อมได้ แต่พวกเขาทนเห็นผู้สืบทอดตนเองถูกกักขังไว้เช่นนี้ได้จริงหรือ ?
และแม้ตระกูลหลงจะทำตามกฎ แต่หากตระกูลเหลียนไม่ใส่ใจ คิดหาทางคุยลับ ๆ กับซูเฉินเล่า ?
ตระกูลหลงจะหาเรื่องตระกูลเหลียนหรือไม่ ?
หลังออกมาจากคฤหาสน์ซู หัวหน้าพ่อบ้านทั้งสองก็ต่างโวยวายเสียงดังว่าพวกเขาไม่มีทางทำตามคำซูเฉินเป็นแน่ แต่ในใจทั้งสองรู้ดีว่าพวกตนอาจไร้ทางเลือก
เพราะคนที่ซูเฉินจับตัวไว้มีคุณค่าไม่น้อย
แต่พวกเขาไม่อาจตัดสินใจเรื่องนั้นเองได้ ได้แต่นำปัญหารับมือยากนี้กลับไปรายงานผู้นำตระกูล
หลงชิงเจียงครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะตอบตกลง เขาสั่งให้หัวหน้าพ่อบ้านซูกลับไปยังคฤหาสน์ซู ไปต่อรองเรื่องปล่อยคนแทน
และแน่นอนว่าเขาไม่ได้เอ่ยเรื่องที่ซูเฉินต้องกล่าวคำขอโทษอีกต่อไป ในเมื่ออีกฝ่ายบอกมาแล้วว่าถึงเรื่องจบแล้ว เขาก็ไม่กลัวว่าตระกูลหลงจะสร้างปัญหาอะไรอีก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องขู่อีกฝ่ายอีกต่อไป ทำได้เพียงก้มหัวยอมทำตามข้อตกลงเท่านั้น
และเพื่อไม่ให้คนตระกูลเหลียนรู้เรื่อง หัวหน้าพ่อบ้านซูจึงออกเดินทางไปพบซูเฉินยามค่ำคืน
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ซูแล้ว หลี่ชู่ก็บอกเขาว่าซูเฉินกำลังทำการทดลองอยู่ และนำเขาเดินไปยังสวนดอกไม้ด้านหลัง
ซูเกาเหยี่ยรออยู่นาน ก่อนจะได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก
เสียงนี้ดังอยู่ฝั่งตรงข้ามกำแพง ซูเกาเหยี่ยแนบร่างกับกำแพงโดยพลัน จากนั้นแอบมองผ่านรอยแตก เห็นว่ามีคน ๆ หนึ่งถูกนำตัวไป
คือหัวหน้าพ่อบ้านเหลา
เจ้าบัดซบนั่นก็มาหรือ !
ซูเกาเหยี่ยทั้งโกรธทั้งประหลาดใจ คิดอยู่แล้วว่าพวกคนตระกูลเหลียนเชื่อถือไม่ได้ !
เสียงกระแอมเสียงเบาดังมาจากด้านหลัง
ซูเกาเหยี่ยหันไป พบว่าซูเฉินกำลังยืนยิ้มมองเขาอยู่
ซูเกาเหยี่ยใจแทบหลุดออกจากร่าง ด้วยรู้ว่าชายหนุ่มตั้งใจให้เขาเห็นภาพนั้นเพื่อกดดัน
ซูเกาเหยี่ยสงบสติอารมณ์ ก่อนจะเดินตามไปแล้วเอ่ยเสียงเบา “เกาเหยี่ยทำความเคาระคุณชายซู”
ซูเฉินโบกมือ ก่อนชี้ไปทางโต๊ะหินที่อยู่ไม่ไกล “หัวหน้าพ่อบ้านซู เชิญนั่ง”
“เราจะคุยกันที่นี่หรือ ?” ซูเกาเหยี่ยเหลือบมองไปด้านหลัง
“อย่าห่วงเลย เขาไม่ได้ยินหรอก” ซูเฉินตอบ
ซูเกาเหยี่ยถอนหายใจ “ผู้นำตระกูลข้านำข้อตกลงของคุณชายซูกลับไปคิดแล้ว สามารถมอบหินพลังต้นกำเนิด 1 ล้านก้อนให้ได้ แต่เรื่องขอโทษและเรื่องให้เขาไปยังห้องตำราลับนั่นตกลงไม่ได้”
หินพลังต้นกำเนิดค่อยหามาอีกได้ แต่หน้าตาที่เสียไปไม่อาจเอากลับมาได้ แม้จะสังหารทั้งตระกูลซูเฉินก็ตาม
ซูเฉินเอ่ยเสียงสงบ “ไม่ขอโทษก็ไม่เป็นไร แต่ข้าต้องการให้ตระกูลท่านช่วยข้า 2 เรื่อง”
“อะไรหรือ ?”
“ข้อแรก ข้าต้องการให้ หลิ่วอู๋หยามาขอโทษข้า”
“ท่านต้องการให้หลิ่วอู๋หยาขอโทษท่านหรือ ?” ซูเกาเหยี่ยตกตะลึง
“ถูกต้อง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นเจ้ากรมพลังต้นกำเนิด อย่างน้อยต้องชดใช้กับสิ่งที่เขาทำเมื่อครั้งก่อน” ซูเฉินยักไหล่
“นั่น…… ก็ใช่ ข้าจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งผู้นำตระกูล แต่เรื่องนี้น่าจะไร้ปัญหา” ซูเกาเหยี่ยตอบตกลง
“ข้อสอง ท่านต้องมอบคนให้ข้า”
“ข้าส่งซุนเม่าให้คุณชายซูได้”
“ข้าไม่สนซุนเม่า ข้าอยากได้คนอื่น”
“ใครหรือ ?”
“เว่ยเหลียนเฉิง”