ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 22 แลกเปลี่ยน
บทที่ 22 แลกเปลี่ยน
ซูเกาเหยี่ยกลับไปที่ตระกูลหลงพร้อมข้อตกลงใหม่ของซูเฉิน
หลังส่งซูเกาเหยี่ยกลับไปแล้ว ซูเฉินก็ไปพบกับหัวหน้าพ่อบ้านเหลา พูดคุยกันสั้น ๆ หัวหน้าพ่อบ้านเหลาก็กลับไปด้วยสีหน้าพึงพอใจ
ทั้งสองต่างคิดว่าฝ่ายตนงเองมาพบซูเฉินเร็วกว่าอีกฝ่าย คำขอของซูเฉินก็ไม่มากเกินไป หลังจากทำภารกิจแรกเสร็จ พ่อบ้านทั้งสองก็ถอนหายใจโล่งอก
ที่ฝั่งตระกูลหลง
ซูเฉินต้องการตัวเว่ยเหลียนเฉิงไปเพราะเหตุใด หลงชิงเจียงไม่อาจเข้าใจได้
แต่คิด ๆ ดูแล้วก็ยอมตกลงแต่โดยดี
เพราะอย่างไรเว่ยเหลียนเฉิงก็เป็นเพียงทหารของตระกูลหลง ส่งตัวให้อีกฝ่ายย่อมดีกว่าปล่อยให้เขาเข้าถึงห้องตำราของตระกูล
โดยทั้งสองตั้งเวลาไว้ที่ 2 วันให้หลังยามเย็น เหตุเพราะเว่ยเหลียนเฉิงกำลังคุ้มกันสินค้า ต้องใช้เวลาอีก 2 วันกว่าจะกลับมาถึง
การแลกตัวประกันจะเกิดขึ้นตอนนั้น และหลิ่วอู๋หยาก็จะต้องกล่าวขอโทษกับซูเฉินหลังจากนั้น
เรื่องราวตกลงกันไว้เช่นนั้น ก่อนจากไปซูเกาเหยี่ยยังหัวเราะเยาะเขา คิดว่าเจ้าหนุ่มนี่มีความทะเยอทะยานเกินควร ถึงตอนนี้ยังจะต้องการของเช่นนี้อีก
แต่เขากลับไม่รู้ว่าดอกไม้บานจะโรยเร็ว หลงชิงเจียงวางแผนไว้ว่าหลังจากแลกตัวประกันเสร็จ พวกเขาจะลงมือกำจัดซูเฉินทันที คนที่ลงมือคือหลิ่วอู๋หยาที่มาขอโทษ หลังจากขอโทษเสร็จสิ้นก็จะใช้ดาบนทีตัดวิญญาณเสียบอกซูเฉิน
และเพื่อให้แผนการดำเนินไปได้ด้วยดี หลงชิงเจียงกระทั่งส่งคนหลุ่มหนึ่งไปจับตามองอยู่ที่คฤหาสน์เจ้าเมือง ที่ว่าการอำเภอและที่กองทหารหลิงหยวน
หากซูเฉินมีแผนใดซ่อนอยู่ก็คงมาจากทางการเป็นแน่
หากพวกเขาคิดลงมืออะไร กลุ่มอันธพาลทั้งหลายก็จะก่อเรื่องให้ลงมือได้ยากลำบากมากขึ้น
และไม่ว่าอย่างไร ซูเฉินจำต้องตาย !
ทุกคนล้วนคิดคำนวณวางแผน และทุกอย่างก็ดำเนินตามที่วางไว้เป็นอย่างดี
————————————
2 วันถัดมา
ณ ศาลาสิบลี้ นอกเมืองทางทิศตะวันตก
คนจากตระกูลหลงยืนอยู่ตามจุดปิดหนทางหนี ทหารตระกูลหลงซุ่มจับตามองอยู่ทั่วพื้นที่ ปิดทางหนีที่เหลือไว้จนสิ้น อีกทั้งแขกตระกูลหลงยังคอยหาค่ายกลต้นกำเนิดที่อาจใช้ในการลอบโจมตีที่อาจถูกวางไว้ แต่ก็ไม่พบสิ่งใด
เมื่อรถม้าของซูเฉินค่อย ๆ เดินทางมาถึง ทั่วทั้งถนนก็ถูกทำความสะอาดจนเกลี้ยงเกลาแล้ว
หลงชิงเจียงนั่งท่าทางผ่าเผยอยู่ในศาลากับหลิ่วอู๋หยาที่มีข้าราชการเฒ่าคนหนึ่งตามมารับใช้อยู่ด้านข้าง ด้านหลังคือซางเม่าหยวนและผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดอีก 10 คนที่ส่งสายตาดุร้ายราวกับเสือจ้องเหยื่อ
ถึงตอนนี้ พวกเขาไม่ได้ใช้มีดโคเชือดไก่อีกต่อไป แต่เอามีดเชือดมังกรมาเชือดไก่แทน
เห็นได้ชัดว่าหลงชิงเจียงระมัดระวังเป็นอย่างมาก
รถม้าค่อย ๆ หยุดการเคลื่อนไหว
กังเหยียนเลิกม่านขึ้น ซูเฉินเดินลงมาจากรถม้า กังเหยียนลากตัวหลงเฉ่าโหยวตามมาด้านหลัง ทันทีที่ปล่อยหลงเฉ่าโหยว เขาก็ร้องขึ้นเสียงบ้าคลั่ง “ท่านพ่อ สังหารมัน ! สังหารมันเสีย !”
“หุบปากไปเลยไอ้ลูกไร้ค่า !” หลงชิงเจียงหน้าคว่ำ
กังเหยียนบีบคอหลงเฉ่าโหยวไว้ ช่วยให้อีกฝ่ายสงบคำลงได้
หลงชิงเจียงหันมายิ้มให้ซูเฉิน “ผู้จัดการความรู้ซู ท่านมีความกล้าและความสามารถไม่น้อย ! แม้วิธีของคุณชายซูจะทำให้ข้าไม่พอใจนัก แต่ข้าก็ยังเคารพผู้จัดการความรู้ซูอยู่บ้าง หากผู้จัดการความรู้ซูเต็มใจช่วยเหลือเช่นเจ้ากรมหลิ่ว เช่นนั้นเราก็ทำตามข้อตกลงนี้ ลืมเรื่องในอดีตไปได้ ท่านว่าอย่างไร ?”
ข้อตกลงของหลงชิงเจียงในครั้งนี้นับว่าจริงใจนัก
พ่อบ้านชราและหลิ่วอู๋หยาจะชะงักไป ด้วยไม่คิดว่าหลงชิงเจียงจะกล่าวเช่นนั้นออกมา ซึ่งไม่ได้อยู่ในแผนที่พวกเขาวางไว้แต่เดิม
เคราะห์ดีที่แม้ตระกูลหลงจะเปลี่ยนแผนทันทีที่การต่อรองเริ่มต้นขึ้น หากแต่ก็เป็นซูเฉินที่ช่วยลากมันกลับเข้าลงรอยตามเดิม
เขาส่ายหน้า “ขออภัยด้วย ข้าไม่มีความคิดจะขายตนเองให้คนอื่น”
หลงชิงเจียงเอ่ยเสียงเสียใจ “ทำเช่นนี้เพื่อทางการก็เท่ากับท่านขายตนเองให้ทางการเหมือนกันไม่ใช่หรือ ? ที่ต่างคือของตอบแทนเพียงอย่างเดียว ทางฝั่งข้าสามารถมอบสิ่งต่าง ๆ ให้ท่านได้มากกว่าเยอะ”
เมื่อเห็นว่าซูเฉินไม่สะท้านสะเทือน หลงชิงเจียงก็ยอมแพ้ ทั้งยังรู้สึกว่าเจ้าหนุ่มนี่ไร้ความคิด สังหารไปเสียคงดีที่สุด เพราะอย่างไรเขาก็คิดหาทางป้องกันไว้หมดจนซูเฉินไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้อีกแล้ว
ดังนั้นจึงโบกมือแล้วเอ่ย “ในเมื่อคุณชายซูตัดสินใจแล้วก็ตามนั้นเถอะ นำของออกมา”
มีคนนำหีบใหญ่มาตั้งไว้ตรงหน้าซูเฉิน
หินพลังต้นกำเนิด 1 ล้านก้อน
ซูเฉินไม่คิดแม้แต่จะดูของด้านใน เขาเก็บมันเข้าแหวนต้นกำเนิด “เว่ยเหลียนเฉิงเล่า ?”
“เอาคนมา”
มีคนนำตัวเว่ยเหลียนเฉิงออกมา
เขาเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างไม่สูงใหญ่เป็นพิเศษ ดูจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดด้วยซ้ำ คล้ายจะเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง
เขาถูกค่ายกลพลังต้นกำเนิดกักตัวไว้ อีกฝ่ายส่งเขาให้ซูเฉิน
เขาจ้องหน้าซูเฉินด้วยสายตาเย็นชา แต่ก็ไม่เอ่ยอะไร
“ส่งตัวเว่ยเหลียนเฉิงให้ผู้จัดการความรู้ซูแล้ว ข้ามีคำถามอยากถามผู้จัดการความรู้สักข้อ” หลงชิงเจียงเอ่ยขึ้น
“อยากรู้ว่าเหตุใดข้าจึงเลือกคนผู้นี้หรือ ?”
“ใช่แล้ว เท่าที่ข้ารู้ คนผู้นี้ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับคุณชายซู”
“เขาเป็นคนยุยงให้หลงเฉ่าโหยวชิงคฤหาสน์ตระกูลหลี่กับข้า ทำให้ข้าเสียหินพลังต้นกำเนิดไปอีก 5 พันก้อน” ซูเฉินตอบ
หลงชิงเจียงตะลึงงัน
ด้วยเหตุผลเท่านั้นน่ะหรือ ?
นี่มัน…… ไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยหรือ ?
ครู่ต่อมา ซูเฉินจึงเอ่ยกับเว่ยเหลียนเฉิง “อย่าได้บอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ท่านรู้อะไรเกี่ยวกับตระกูลหลี่ ?”
เว่ยเหลียนเฉิงทำเพียงคำรามต่ำ “หากข้าบอกว่าไม่รู้อะไรเลยเล่า ?”
“น้ำเสียงเจ้าบอกว่าเจ้ารู้ แน่นอนว่าเจ้าจะปฏิเสธก็ได้ แต่ก่อนอื่น ข้าต้องบอกเจ้า 2 เรื่อง”
ซูเฉินยกนิ้วขึ้น “หนึ่ง ข้าพบสิ่งที่ท่านมองหาในคฤหาสน์ตระกูลหลี่แล้ว เป็นก้อนโลหะ ถูกต้องหรือไม่ ?”
เว่ยเหลียนเฉิงเปลี่ยนสีหน้าโดยฉับพลัน กลายเป็นใบหน้าดุร้ายอำมหิต นัยน์ตาเผยแววสังหารหนาแน่น
“ดีมาก” ซูเฉินพยักหน้า จากนั้นยกนิ้วที่สอง “สอง ข้าไม่ได้นำมันมาด้วย ตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลี่เช่นกัน”
ไอสังหารของเว่ยเหลียนเฉิงเริ่มจางลง นัยน์ตาไม่จับต้องสิ่งใด คล้ายกับกำลังตกอยู่ในภวังค์
ซูเฉินหัวเราะก่อนถาม “ให้ข้าช่วยทำลายโซ่ตรวนท่านดีหรือไม่ ?”
เว่ยเหลียนเฉิง คำรามออกมา ก่อนบิดคอเสียงดังกร๊อบ ทันใดนั้นทั่วร่างเขาก็เปล่งเสียงลั่นเปรี๊ยะออกมา พริบตานั้นเขาก็เป็นอิสระ โซ่ตรวนทั้งหลายและค่ายกลถูกเขาทำลายจนสิ้น
กระทั่งหลงชิงเจียงยังเปลี่ยนสีหน้าไป “เว่ยเหลียนเฉิง เจ้าเป็นใครกันแน่ ?”
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับตระกูลหลงอีกต่อไป” ซูเฉินว่า “เรามาจัดการเรื่องสุดท้ายกันเถอะ”
หลิ่วอู๋หยายิ้มบางก่อนลุกขึ้น “ผู้จัดการความรู้ซู เรื่องเมื่อก่อนหน้าข้าขออภัยจากใจจริง”
“ท่านว่าอะไรนะ ? ข้าไม่ได้ยินเลย !” ซูเฉินแคะหูตนเอง ก่อนจะทำท่าเรียกหลิ่วอู๋หยาให้เข้ามาใกล้ ๆ
หลิ่วอู๋หยาเผยแววโกรธเล็กน้อย จากนั้นก้าวออกมาด้านหน้าหลายก้าว “ผู้จัดการความรู้ซู ข้าขออภัยด้วย”
“ยังเบาเกินไป ข้าฟังไม่ชัด !” ซูเฉินยังกวักมือเรียกให้เข้าไปใกล้อีก
หลิ่วอู๋หยากดความโกรธตนลงไปแล้วเดินมาตรงหน้าซูเฉิน เขาวางมือลงบนด้ามดาบ ก่อนเอ่ยว่า “ผู้จัดการความรู้ซู ข้า หลิ่วอู๋หยาต้องขออภัยด้วย เรื่องก่อนหน้านี้ข้าผิดไปแล้ว !”
ครั้งนี้น้ำเสียงเขาดังฟังชัด ทะลวงเข้าสองหูซูเฉินอย่างชัดเจน
ชายหนุ่มพยักหน้า “ในเมื่อขอโทษแล้ว ข้าก็จะบอกอย่างหนึ่งกับท่านเป็นการตอบแทน เช่นนี้จึงจะดูสุภาพ…….”
เสียงเขาขาดหายไปตอนท้ายประโยค หลิ่วอู๋หยาจึงไม่ทันได้ยิน “ว่าอะไรนะ ?”
ซูเฉินก้มหน้าเข้าไปพูดข้างหูเขา “สว่านทะลวงเกราะ !”
จากนั้นก็ปล่อยหมัดออกไป
หมัดนั้นตรงเข้าสู่คอหลิ่วอู๋หยา