ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 5 เรื่องประหลาดในคฤหาสน์ตระกูลหลี่
บทที่ 5 เรื่องประหลาดในคฤหาสน์ตระกูลหลี่
หลังจากสร้างข้ารับใช้เงาคนแรกขึ้นมาได้แล้ว เรื่องราวที่ตามมาก็ง่ายขึ้นมาก
อีก 2 วันผ่านไป ซูเฉินสร้างข้ารับใช้เงาขึ้นอีก 5 คน หากแต่ครั้งนี้ 5 คนนั้นคือห้าหัวหน้าแห่งค่ายโจรกระดองเต่านั่นเอง
ในเมื่อสสารต้นกำเนิดเงานี้ไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายให้ได้ การจะได้มาซึ่งข้ารับใช้เงาที่แข็งแกร่งจึงต้องหาคนที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แม้ห้าหัวหน้าแห่งค่ายโจรกระดองเต่าจะมีพละกำลังในระดับธรรมดา แต่เมื่อควบรวมกับวิชาซ่อนเงาก็จะสามารถใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น สามารถใช้วิชาเงาซ่อนตัวเพื่อลอบโจมตีจากด้านหลัง ปล่อยการโจมตีรุนแรงแล้วหายตัวไปได้ ทำให้สามารถสังหารกระทั่งคนที่มีขั้นพลังสูงกว่า หากใช้อย่างเหมาะสมก็นับว่าจะกลายเป็นข้ารับใช้ที่มีกำลังน่าเกรงขามไม่น้อย
และเพื่อให้ได้พลังโจมตีสูงที่สุด ซูเฉินจึงพยายามใส่วิชาสว่านทะลวงเกราะและหมัดโลกันตร์คลั่งเข้าไปในโทเทมโลหิตสลายด้วย
โทเทมโลหิตสลายในปัจจุบันสามารถใส่ทักษะต้นกำเนิดลงไปได้เพียง 3 วิชาเท่านั้น รวมถึงวิชาซ่อนเงาที่ได้มาจากสสารต้นกำเนิดเงาด้วย
ส่วนฉางเอ้อร์ แม้จะมีกำลังด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังใช้เป็นสายลับและยังมีประโยชน์อยู่ ดังนั้นชายหนุ่มจึงใส่ก้าวย่างหมอกอสรพิษและวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายไปให้ในรอยสลัก ไม่จำเป็นต้องสังหารใคร แต่จำเป็นต้องรู้รักษาตัวรอดให้ปลอดภัยเป็นพอ
ทั้งสว่านทะลวงเกราะและก้าวย่างหมอกอสรพิษถูกใส่ลงไปในโทเทม แต่ไม่สามารถส่งต่อให้ใครได้ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้วิชาได้แต่ไม่อาจส่งต่อวิชาให้ใครได้ อีกทั้งยังไม่สามารถฝึกฝนให้วิชาแข็งแกร่งขึ้นกว่าปัจจุบันได้อีกด้วย
แต่สำหรับคนเหล่านั้นก็นับว่ากำลังตนเองเพิ่มสูงขึ้นมากมายแล้ว
โชคร้ายที่สสารต้นกำเนิดเงานั้นมีอยู่ในกองหินสีดำเทาเหล่านั้นเพียงเท่านั้น ซูเฉินไม่อาจกลั่นมันออกมาเองได้ ดังนั้นสสารต้นกำเนิดในมือเขาจึงมีจำกัด เขาใช้สสารต้นกำเนิดเงาไปในการทดลองมากมาย และตอนนี้หลังจากสร้างข้ารับใช้เงาขึ้นมาถึง 6 คน มันก็มีเหลืออยู่อีกไม่มากแล้ว
ซูเฉินไม่อยากเสียสสารต้นกำเนิดเงาอันล้ำค่าทั้งหมดไปกับตัวทดลองที่มีพละกำลังต่ำต้อย ดังนั้นจึงหยุดสร้างข้ารับใช้เงาไป
จริง ๆ แล้วมือสังหารและสายลับเพียง 5 คนก็นับว่าเกินพอแล้ว
เมื่อสร้างข้ารับใช้เงาขึ้นมาทั้ง 6 คนสำเร็จแล้ว ซูเฉินก็เดินทางมาถึงยังมณฑลอีกาดำ
มณฑลอีกาดำนั้นอยู่ทางใต้ของอาณาจักรหลงซาง ทิศตะวันตกเป็นผืนดินรกร้าง ทิศตะวันออกเป็นป่าปีศาจ ทิศใต้เป็นทะเลสาบสังหาร เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย มีเพียงทางทิศเหนือที่มีพื้นที่ดีกว่าเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นถนนหนทางก็เก่าแก่ผุพัง เต็มไปด้วยโจรผู้ร้าย และด้วยเหตุนี้มันจึงมีพื้นที่กว้างขวางที่สุด แต่กลับมีอำนาจทางการอ่อนแอที่สุดในแคว้น
เมืองธารน้ำใสตั้งอยู่ทางทิศเหนือของมณฑลอีกาดำ ที่มีชื่อเช่นนั้นเป็นเพราะมีธารน้ำใสไหลผ่านตัวเมือง
เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในเมืองธารน้ำใสในเกิดขึ้นจากธารน้ำใสในเมืองแห่งนั้นนั่นเอง
หลังจากเดินทางมายังมณฑลอีกาดำ ไปต่ออีก 2 วันซูเฉินและผู้ติดตามก็มาถึงเมืองธารน้ำใสแล้ว
เมื่อมาถึงเขตนอกเมือง พวกเขาก็พบกับหลี่ชู่ หมิงชู และโจวหงที่พากันยืนรออยู่ที่ริมทาง ดูแต่ละคนแหงนคอมองอย่างคาดหวัง ด้านหลังมีคนอีกหลายคน ดูแล้วคงจะเป็นคนที่จ้างมาใหม่จากเมืองธารน้ำใส
หลังจากซูเฉินได้รับตำแหน่งผู้จัดการความรู้ในเมืองธารน้ำใส คนทั้งสามจึงปิดกิจการในเมืองฉางผานลงแล้วมาตั้งรกรากในเมืองธารน้ำใสแทน
เมื่อเห็นเงาร่างกังเหยียน คนทั้งสามก็เดินขึ้นมาทันใด
“นายน้อยมาถึงแล้ว” หลี่ชู่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนกล่าว “พวกข้าได้ข่าวก็รีบมาโดยเร็วที่สุด แต่น่าแปลกที่คุณชายกลับมาช้าไปกว่าสองชั่วยาม”
“ระหว่างทางพวกข้าโชคดี ผ่านไปพบบุปผาแดงร้อยลี้กำลังจะผลิบาน อีกเพียง 2 ชั่วยามก็จะได้ที่ ดังนั้นข้าจึงรั้งรออยู่ตรงนั้น ขอโทษด้วยที่ต้องให้พวกเจ้ารอ” ซูเฉินว่าแล้วเดินลงจากรถม้า ยืดเส้นยืดสายท่าทางเกียจคร้าน
“แม้จะนานสักหน่อยแต่พวกข้าก็เต็มใจรอ” หลี่ชู่ตอบ
“ใช่แล้ว เจ้าจัดการเรื่องที่ข้าสั่งได้ดีหรือไม่ ?” ชายหนุ่มถามขึ้น
หลี่ชู่เอ่ยตอบ “เมื่อพวกข้าได้รับคำสั่งก็เริ่มเตรียมตัวทันที มีที่ทางเพียงพอกับคนร้อยคนเหล่านี้แน่นอน โชคดีที่นายน้อยสายตากว้างไกล ให้ซื้อที่นอกเมืองไว้ ด้วยหากเป็นในเมืองคงจะมีปัญหาได้”
“แค่ข้าจะเดินทางมาที่นี่ก็พบปัญหามากพอแล้ว” ซูเฉินถอนใจ
การเดินทางโดยมีคนนับร้อยถูกมัดให้เดินตามเป็นแถวเรียกความสนใจได้ไม่น้อย แต่ด้วยฐานะผู้จัดการความรู้ในเมืองธารน้ำใสของซูเฉิน อีกทั้งคนทั้งหมดเป็นพวกโจร ดังนั้นจึงไม่มีใครทำเรื่องราวให้ยากลำบากมากเกินควร
ส่วนที่ดินที่พวกเขาซื้อให้ซูเฉินนั้นไม่ไกลจากเมืองหลักมากนัก ทั้งยังมีแม่น้ำไหลผ่านคฤหาสน์ ด้านหลังติดภูเขา ป่าแอปริคอตอยู่ไม่ไกลนัก เมืองธารนั้นใสอยู่ทางทิศตะวันตก
ด้านหน้ามีสิงห์หินสลักอยู่สองตัวตั้งอยู่ที่หน้าประตูหลัก ด้านบนแขวนป้ายหนึ่งไว้ บนป้ายมีตัวอักษรใหญ่โตเขียนไว้ว่า ‘คฤหาสน์ซู’
มีทางเข้าทั้งหมด 6 ทาง มีห้องโถง 12 ห้องอยู่ภายในคฤหาสน์ มีกำแพงมิดชิด มีห้องโถงหน้า ห้องโถงใหญ่ มีสวนภายใน มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 4 หมู่ มีห้องเกือบ 200 ห้อง อีกทั้งยังมีภูเขาจำลองในสวนดอกไม้ ตัวหินแหลมคม บนยอดมีศาลาทรงแปดเหลี่ยม เมื่อขึ้นไปบนศาลาบนยอดเขากำลองจะสามารถมองเหตุการณ์ในเมืองธารน้ำใสได้เป็นอย่างดี
ซูเฉินเดินเข้าไปสำรวจด้านในก่อนเอ่ยถามเสียงสบายขึ้น “จ่ายไปเท่าไร ?”
หลี่ชู่ตอบ“1 หมื่นตำลึงทองขอรับ”
ปกติแล้วคฤหาสน์ใหญ่โตเช่นนี้มักจะขายในราคาเกือบ 5 หมื่นตำลึงทอง
หลี่ชู่สามารถซื้อหามาได้ในราคา 1 หมื่นตำลึงทองจึงนับว่าน่าตกใจมากแล้ว หากแต่ชายหนุ่มกลับยกมุมปากหัวเราะเสียงเย็น “ต้องใช้เงิน 1 หมื่นตำลึงทองเลยงั้นหรือ ? ไม่มากไปหน่อยหรือไร ?”
หลี่ชู่ตกใจเป็นล้นพ้น รีบเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยไม่กล้าเก็บเงินเข้ากระเป๋าตนหรอกขอรับ เป็นราคา 1 หมื่นตำลึงทองจริง ๆ! เดิมทีตระกูลหลี่เต็มใจขายในราคา 5 พันตำลึงทองด้วยซ้ำ แต่จู่ ๆ ตระกูลหลงก็โผล่มาแล้วก็เริ่มปั่นราคา จนกลายเป็น 1 หมื่นตำลึงทอง ยกโทษให้ข้าน้อยด้วยที่ไร้ความสามารถ !”
“ตระกูลหลง ? หนึ่งในตระกูลสายเลือดชั้นสูงผู้ยิ่งใหญ่น่ะหรือ ?”
“ขอรับ”
ซูเฉินขมวดคิ้ว “แปลก เหตุใดพวกเขาจึงอยากได้ที่นี่ ?”
“ข้าน้อยก็ไม่ทราบ”
ซูเฉินรู้สึกสงสัยอย่างประหลาด
คฤหาสน์แต่เดิมเป็นของตระกูลหลี่จากเมืองธารน้ำใส
รากฐานของตระกูลหลี่นั้นมาจากการค้าขายแลกเปลี่ยนขนสัตว์ และเมื่อขยับขยายเติบโตไปเรื่อย ๆ ก็กลายเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไป
แต่เมื่อปีก่อน ก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้นในคฤหาสน์ตระกูลหลี่
เหตุผลของเรื่องประหลาดนี้ แท้จริงก็ไม่ได้ประหลาดมากมายนัก
สาวรับใช้คนหนึ่งของฮูหยินรองหัวหน้าตระกูลหลี่เกิดตั้งครรภ์ขึ้น
แม้ตระกูลหลี่จะมาจากตระกูลพ่อค้า แต่ก็สามารถบ่มเพาะลูกหลานให้ขึ้นเป็นขุนนางถึง 2 คน อีกทั้งยังมีผู้มีความสามารถมากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงทีทีว่าตนเป็นตระกูลบัณฑิต
สุดท้ายหญิงสาวก็ปฏิเสธเรื่องชู้สาว ถูกลงโทษให้ต้องปลิดชีวิตตนเองลงในที่สุด
ตระกูลหลี่พบตัวคนที่กระทำการผิดเรื่องชู้สาว ดังนั้นจึงคิดว่าเรื่องคงจบแล้ว
หากแต่ก็มีสาวใช้อีกคนตั้งครรภ์อีกทั้งที่ยังผ่านไปไม่นานมากนัก
ครั้งนี้ตระกูลหลี่โกรธเกรี้ยวเป็นยิ่งนัก รีบนำตัวมาสอบปากคำอย่างดุดัน แต่นางก็ยังปฏิเสธว่าไม่เคยทำเรื่องเช่นนั้น อีกทั้งยังประกาศว่าตนยังบริสุทธิ์อยู่
ท้องนางโตแล้ว แต่ยังกล้ากล่าวว่าตนบริสุทธิ์ แน่นอนว่าตระกูลหลี่ย่อมไม่เชื่อคำนาง
หลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏการหญิงตั้งครรภ์ครั้งที่สามก็เกิดขึ้น
ครั้งนี้เป็นคุณหนูสี่ตระกูลหลี่
คุณหนูสี่ยังไม่ออกเรือน อีกทั้งยังมีศีลธรรมดีงาม ปกติไม่ออกจากเรือน แล้วนางจะทำเรื่องบัดสีเช่นนั้นได้อย่างไร ?
คุณหนูสี่ร่ำไห้ กล่าวว่านางไม่เคยแตะต้องแม้กระทั่งมือบุรุษใด
เป็นตอนนี้เองที่ตระกูลหลี่เริ่มสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าคงมีคนโรคจิตซ่อนตัวอยู่ในตระกูลหลี่ แล้วคอยทำเรื่องบัดสีเช่นนี้เป็นแน่
เช่นนั้นแล้ว ตระกูลหลี่จึงเริ่มเชิญคนมากมายมาที่ตระกูลเพื่อให้พยายามจับตัวคนโรคจิตผู้นี้
พวกเขาใช้เวลาเกือบครึ่งปีพยายามจับคนโรคจิตผู้นี้ เชิญผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไร้เบาะแสใด กลับกันแล้ว จำนวนหญิงตั้งครรภ์ในตระกูลหลี่กลับพุ่งสูงขึ้น หญิงสาวกว่า 30 คน ทุกนางยังไม่ได้แต่งงาน ต่างพากันตั้งครรภ์ขึ้นในช่วงเวลานั้นพอดิบพอดี หรือก็คือหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนทั้งตระกูลพากันตั้งครรภ์กันทุกคน และแน่นอนว่าพวกนางต่างปฏิเสธว่าไม่ได้มีสัมพันธ์กับบุรุษใดทั้งสิ้น
เมืองธารน้ำใสจึงเกิดความโกลาหลด้วยเรื่องนี้ ชาวบ้านเริ่มเล่าลือกันว่ามีวิญญาณร้าหรือปีศาจสิงสู่อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลี่
ในคำร่ำลือนี้อาจจะมีความจริงแฝงอยู่บ้างก็เป็นได้ ในเมื่อเป็นคนโรคจิต มันย่อมไม่เพ่งเล็งเพียงตระกูลเดียว ดังนั้นตราบเท่าที่หญิงสาวในตระกูลหลี่ไม่พักอาศัยในคฤหาสน์ของตระกูลก็จะปลอดภัย
หญิงสาวที่ตั้งครรภ์ทั้งหมดต่างพักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลี่เป็นเวลานานทั้งสิ้น
บ้างบอกว่าปีศาจเหล่านี้ส่งเด็กที่มีจิตใจชั่วร้ายมาเกิด
เมื่อเกิดเรื่องราวเช่นนี้ มีหรือที่ตระกูลหลี่จะยังกล้ารั้งอยู่ในคฤหาสน์ ? ที่สุดแล้วก็พากันย้ายออกไป
แท้จริงแล้วก็นับเป็นเหตุประหลาดมาก เพราะหลังจากตระกูลหลี่ย้ายออกไป ก็ไม่มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก
ดังนั้นเรื่องที่ปีศาจส่งเด็กมาให้ตระกูลหลี่จึงกลายเป็นนิทานพื้นบ้านไป
ตอนที่ฉือไคฮวงบอกว่ามีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นในเมืองธารน้ำใส เขาหมายถึงเรื่องนี้นั่นเอง
เป็นเพราะมีข่าวลือเรื่องนี้หนาหู ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการอาศัยอยู่ที่นี่อีก ดังนั้นจึงถูกตั้งป้ายขาย แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาอยู่อาศัยสักคน
ซูเฉินเดินทางมาที่นี่เพราะภารกิจหนึ่ง ซึ่งก็คือการค้นหาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนจะมาเขาสั่งให้หลี่ชู่ซื้อมันไว้แล้ว ด้วยไม่เพียงสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ แต่ยังสามารถตรวจสอบเรื่องนี้ได้อีกด้วย
น่าแปลกที่มีคนคิดแข่งขันชิงเอาคฤหาสน์ ‘ผีสิง’ แห่งนี้กับเขา