ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 67 ยอมจำนน
บทที่ 67 ยอมจำนน
ผู้เชี่ยวชาญด่านทะลวงลมปราณทั้งสองโจมตีติดต่อกันเช่นนี้ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะมันทรงพลังมาก หากไม่ใช่เพราะถูกน้ำขวางพลังไว้ สถานการณ์คงออกมาเป็นอีกแบบ
โชคไม่ดีที่คำว่า ‘หาก’ ก็เป็นได้เพียงคำว่า ‘หาก’
จุดได้เปรียบที่ผู้เชี่ยวชาญด่านทะลวงลมปราณทั้งสองพยายามสร้างอยู่ได้เพียงไม่ถึงชั่วสามอึดใจ ก่อนจะต้องรับมือกับแรงโต้ตอบดุดัน
คนที่โจมตีคนแรกคือผู้เชี่ยวชาญด่านทะลวงลมปราณที่แยกน้ำด้วยการตวัดดาบ
เขาเพิ่งจะตวัดดาบเสร็จเมื่อมังกรวารีตัวใหญ่ยักษ์พุ่งเข้าใส่
มังกรวารีนี้เหมือนจริงและมีขนาดใหญ่มาก มันเผยกลิ่นอายอธิบายได้ยากออกมา กระทั่งคนด่านทะลวงลมปราณยังถึงกับชะงักไป
เขาเหลือบมองไปที่ไกล เห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่เหนือน้ำ มือหนึ่งวาดไปมา รอบกายเต็มไปด้วยมังกรวารี
คือถังหมิง
เขาเชี่ยวชาญการโจมตีประเภทน้ำมาก ด้วยทั้งชีวิตอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ การเปลี่ยนน้ำให้กลายเป็นมังกรนับเป็นความสามารถพิเศษของเขา
กล่าวได้ว่าสถานที่นี้คล้ายกับสนามหลังบ้านเขาเลยก็ว่าได้
ความต่างระหว่างสายเลือดจักรพรรดิอสูรและสายเลือดผสมนั้นมีมากกว่าความต่างเรื่องพื้นฐานการบ่มเพาะพลังนัก และยิ่งได้เปรียบเรื่องสถานที่ด้วยแล้ว การเอาชนะโจรสลัดด่านทะลวงลมปราณก็ง่ายราวกับก้มเก็บของ
อีกด้านหนึ่ง ฝูงเหยี่ยวเพลิงก็พุ่งลงมาจากฟ้า ปล่อยสะเก็ดไฟปลิวกระจายไปทั่วผิวน้ำ
ระเบิดเหยี่ยวเพลิงของซูเฉินสร้างมาเพื่อปะทะกับหมัดดุดันของหัวหน้าโจรสลัดนั่นเอง
“ย่าห์ !”
สิ้นเสียงกู่ร้องลั่นก็ตามมาด้วยหมัดที่รัวใส่ฝูงเหยี่ยวเพลิง ส่งผลให้สะเก็ดเพลิงร่วงหล่นลงมาราวกับดาวตก กลุ่มไอน้ำพวยพุ่งขึ้นฟ้าเมื่อเปลวเพลิงร่วงหล่นลงผืนน้ำสีเขียวน้ำเงิน
หัวหน้าโจรสลัดยังปล่อยหมัดออกไปราวกับสิ้นสติ หมัดทั้งหลายรัวออกมา คลื่นพลังจากหมัดกลั่นตัวรวมกันรากับจะมีรูปร่างขึ้นมาได้
เมื่อถึงด่านทะลวงลมปราณ ปราณต้นกำเนิดในร่างจะเข้มข้นขึ้น ทุกหมัดทุกกระบวนท่าเต็มไปด้วยพละกำลัง ภาพเต่าขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหลังหัวหน้าโจรสลัด มันยืดหดคอยาวของมันไปตามท่าปล่อยหมัด ดังนั้นทุกหมัดจึงตีคู่ไปกับแรงปะทะจากหัวเต่ายักษ์ด้วย หมัดมากมายพุ่งเข้าปะทะเหยี่ยวเพลิงจนระเบิดหายไปเรื่อย ๆ
สายเลือดเต่าวารีลึกลับของหัวหน้าโจรสลัดทำให้เขาสามารถโจมตีและตั้งรับได้ทันที อีกทั้งยังเสริมความคล่องตัวยามอยู่ในน้ำได้
หากไม่ใช่เพราะซูเฉินโกงด้วยการสร้างมนุษย์ปลาที่เคลื่อนกายในน้ำได้ขึ้นมา 150 คนแล้ว การต่อสู้ในน้ำเช่นนี้ก็ไม่อาจมีใครเทียมเขาได้เลย
หัวหน้าโจรสลัดที่ลอยอยู่เหนือน้ำปล่อยพลังออกมาเต็มสูบ คละเคล้ามากับแรงกระแทกจากเต่ายักษ์จากเบื้องหลังแล้ว ทำให้กดดันได้กระทั่งซูเฉิน
แต่ถึงกระนั้น ฝีมือการสู้ในน้ำก็เทียบกับยามสู้บนบกไม่ได้
เคลื่อนกายในน้ำย่อมยากกว่ามาก อีกทั้งการต่อสู้ระยะประชิดในน้ำก็หาได้ยาก เว้นเสียแต่เขาจะถึงด่านสู่พิสดาร สามารถเคลื่อนผ่านวัตถุได้ราวกับร่างกายไร้สสารใดอยู่ ดังนั้นการต่อสู้บนผิวน้ำจึงต้องพึ่งทั้งวิถีการต่อสู้และพื้นฐานการบ่มเพาะพลังของแต่ละคนรวมกัน
ผู้เชี่ยวชาญที่เก่งการโจมตีระยะไกลชอบการต่อสู้บนน้ำมาก เพราะไม่ว่าใครก็ตามจะได้เปรียบคู่ต่อสู้
ดังนั้นในด้านนี้ ทักษะต้นกำเนิดร่วมสมัยจึงไม่อาจเทียบขั้นวิชาโบราณอาร์คาน่าได้เลย
แม้หัวหน้าโจรสลัดจะกดดันซูเฉินไว้ได้ชั่วขณะ แต่เขาก็รู้ดีว่าการทำเช่นนี้สูบพลังต้นกำเนิดและพลังกายมากเกินไป
เขารั้งไว้ได้ไม่นานหรอก
เทียบกันแล้ว แม้ตอนนี้ซูเฉินจะถูกกดดันอยู่ แต่ก็สงบกว่าและไม่ระคายใจเลย ยังคงปล่อยระเบิดเหยี่ยวเพลิงลูกแล้วลูกเล่าออกมา ตราบเท่าที่สามารถรั้งคนผู้นี้ไว้ได้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว ด้วยในการต่อสู้อื่น ๆ คนฝั่งเขาก็ยังได้เปรียบอยู่ดี
ถังหมิงยังสามารถกำราบศัตรูได้อยู่หมัด มนุษย์ปลาทั้ง150 คนก็ยังคงออกล่าสังหารมิหยุดหย่อน
พวกเขายังคงกระโดดพุ่งผ่านผิวน้ำ เดี๋ยวกระโจนขึ้นมาเดี๋ยวกลับลงไป เข้าโจมตีศัตรูจากรอบทิศ กลายเป็นศัตรูต้องรับมือการโจมตีจากรอบกาย
โจรสลัดทั้งหลายต่างขวัญหนีดีฝ่อ บ้างกระทั่งตะโกนขึ้นมา “ข้ายอมแพ้ ! ยอมแพ้แล้ว !”
โจรสลัดนั้นไร้ศักดิ์ศรีให้กล่าวถึงอยู่แล้ว
หากไม่ชนะก็ขอยอมแพ้ดีกว่า ในสายตาพวกเขาเรื่องนี้นับว่าถูกและควรแล้ว
มนุษย์ปลาไม่ได้กระหายเลือดจนคลั่ง หากใครยอมแพ้ก็เพียงจับตัวไว้แล้วโยนพวกมันขึ้นหลังเรือไป
แต่แน่นอนว่ายังมีพวกที่ทำทีเป็นยอมแพ้แต่ในใจยังไม่ยอมรับอยู่บ้าง
โจรสลัดคนหนึ่งตะโกนลั่นว่ายอมแพ้ แต่เมื่อมนุษย์ปลาที่ไล่ตามมาเข้าประชิดตัวก็กลับท่าที ดึงดาบแยกวารีออกมาจ้วงใส่มนุษย์ปลา
เคร้ง !
เสียงเคร้งคล้ายเหล็กกระทบกันทำให้เจ้าโจรตกใจนัก
จากนั้นก็เห็นว่าที่ร่างอีกฝ่ายมีแสงทองเรืองออกมา
เกราะรบเหล็กกล้า !
นอกจากร่างแปลงมนุษย์ปลา วิชาวิชาเขี้ยวมีด และฝ่ามือเลี้ยวลดแล้ว ซูเฉินยังสอนวิชาเกราะรบเหล็กกล้าให้พวกเขาด้วย
โดยที่วิชานี้ไม่ใช่วิชาเกราะรบเหล็กกล้ารุ่นแรกที่มีขายในแดนฝัน แต่ได้ยาเหล็กกล้ามาเสริมพลังด้วยต่างหาก
เกราะรบเหล็กกล้ามีพลังป้องกันสูงส่งมาก แต่เมื่อใช้แล้วร่างกายจะหนักอึ้ง ลดความเร็วลงมาก แต่หากเป็นที่ใต้น้ำข้อเสียทั้งหลายจะหายไป เพราะการต่อสู้เช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนกายหรือกระโจนร่างว่องไวมากมายนัก แรงพยุงช่วยลดน้ำหนักในร่างได้อีก และเมื่อบวกกับว่าเมื่ออยู่ในน้ำแล้วอีกฝ่ายจะโจมตีได้รุนแรงน้อยลงก็นับว่ามันกลายเป็นเกราะอมตะไปเลยก็ว่าได้
เว้นเสียแต่ศัตรูจะเป็นคนมากฝีมืออย่างหัวหน้าโจรสลัด คนด่านกลั่นโลหิตธรรมดาจะสังหารมนุษย์ปลาได้ยากเย็นนัก
ท่าดาบนั้นไม่อาจสังหารศัตรู อีกทั้งดาบแยกวารียังหักเป็นสองส่วน
มนุษย์ปลาคลี่ยิ้มออกมา “ไอ้บัดซบอย่างเจ้าอยากตายมากเช่นนี้ ข้าก็จะทำให้เจ้าสมความปรารถนาเอง”
พูดจบก็อ้าปากกว้างแล้วกัดเข้าที่ลำคออีกฝ่าย……
มาถึงตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นการต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียวไปแล้ว
สุดท้ายคนบนเรือโจรวลัดลำสุดท้ายก็ยอมจำนน
แต่แม้คิดหนีก็ไม่อาจหนีไปได้
เป็นเพราะกังเหยียนขึ้นเรือพวกเขามาได้แล้ว
หม่าเซวียน อู๋เสี่ยว และคนอื่น ๆ เองก็ขึ้นเรือไปพร้อมกัน
“หากยอมลดอาวุธยอมแพ้แต่เดี๋ยวนี้ ข้าจะไว้ชีวิต ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารให้สิ้น” กังเหยียนเอ่ยเสียงน่ากลัว ตวัดดาบเขาโค้งในมือไปมา
โจรสลัดทั้งหลายเหลือบมองกัน เห็นได้ชัดว่าหลายคนคิดอยากยอมแพ้
“ถึงจะสังหาร พวกข้าก็ไม่ยอมจำนน !” คนผู้หนึ่งร้องขึ้นแล้ววิ่งพุ่งเข้ามา
ตู้ม !
กังเหยียนใช้เกราะภูผาเหล็กฟาดเข้าที่ศีรษะอีกฝ่ายจนเละเป็นชิ้นเนื้อ
“มีใครอีกหรือไม่ ?” เขาเอ่ยเสียงคร้าน
โจรสลัดเหลือบมองกันอีกที จากนั้นก็พากันโยนอาวุธทิ้ง
ที่อีกด้านหนึ่ง ถังหมิงยังรับมือกับคนด่านทะลวงลมปราณผู้นั้นอยู่ มังกรวารีที่เลื้อยวนไปมาทำลายท่าดาบของอีกฝ่ายได้แล้ว อีกทั้งยังพุ่งเข้าโจมตีอีกฝ่ายที่เริ่มมีทีท่าจะสู้ไม่ไหวอีกด้วย
“หากยอมแพ้เสียตอนนี้ยังรักษาชีวิตไว้ได้ !” ถังหมิงว่า
อีกฝ่ายจึงเหลือบมองซ้ายขวา สุดท้ายก็ถอนใจ รู้ว่าหมดโอกาสแล้ว ดังนั้นจึงทิ้งดาบลงแล้วเอ่ย “ข้ายอมแพ้”
มังกรวารีจึงพุ่งเข้าไปขดตัวรอบกายอีกฝ่ายไว้
พริบตานั้นชีวิตเขาก็อยู่ในกำมือถังหมิงแล้ว
หัวหน้าโจรสลัดเห็นดังนั้น ในใจก็ประหวั่นพรั่นพรึงนัก
ในที่สุดก็ตระหนักว่าตนไม่อาจทำอะไรได้อีก ดังนั้นจึงแข็งใจตะโกนลั่น “ข้ายอมแพ้ ! ข้ายอมแพ้ !”
“อ้อ ? เจ้าก็อยากยอมแพ้หรือ ?” ซูเฉินหัวเราะ “ดี หมดปัญหาไปอีกเรื่อง”
หัวหน้าโจรสลัดได้ยินคำเขาก็ถอนหายใจโล่งอก
ตอนนี้พลังต้นกำเนิดและพลังกายถูกใช้จนขีดสุด แม้ไม่อยากยอมแพ้แต่ก็คงต้านไว้ได้อีกไม่นานแล้ว
ดังนั้นเขาจึงยอมแพ้แล้วคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนผิวน้ำ ทำท่าราวกับยอมจำนนแก่ซูเฉิน แต่ในใจกลับคิดแผนการ หากชายหนุ่มเข้ามาใกล้จะแอบลอบโจมตี คนผู้นี้คงเป็นตัวหัวหน้าแน่นอน หากจับตัวมันไว้ได้ก็คงรอดกลับไปได้เป็นแน่
ซูเฉินค่อย ๆ เดินฝ่าคลื่นน้ำเข้ามาใกล้หัวหน้าโจรสลัด ยื่นมือมาวางบนศีรษะอีกฝ่ายแล้วพลันเอ่ย “น่าเสียดาย……”
เสียดาย ? อะไรน่าเสียดาย ?
หัวหน้าโจรสลัดชะงักไป
พริบตาต่อมา ที่ฝ่ามือของซูเฉินก็ระเบิดพลังออกมา
ตู้ม !
หัวหน้าโจรสลัดร่างซนเซไปเล็กน้อย โลหิตไหลออกมาจากหูจากจมูก
“เจ้า…… เจ้ารู้…… ได้อย่างไร……” เขาเค้นเสียงออกมา ก่อนจะล้มหน้าคว่ำลงไป
ซูเฉินค่อย ๆ เก็บมือกลับมา “หลักการนี้เจ้าไม่เข้าใจหรือไร ? เจ้าเป็นหัวหน้า คนอื่นยอมแพ้ได้ มีแต่เจ้าที่ไม่อาจทำได้ ! หากเจ้าไม่ตายไปเสียแล้วข้าจะควบคุมลูกน้องเข้าได้อย่างไร ? ส่วนเรื่องที่เจ้ามีแผนการอื่นหรือไม่……นั้นไม่เกี่ยวเลย”