ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 114 สืบเสาะ (1)
บทที่ 114 สืบเสาะ (1)
เมืองลมโชย
ที่นี่คือเมืองที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ตั้งอยู่ใจกลางที่รกร้างเยือกแข็ง
ที่รกร้างเยือกแข็งนั้นอากาศหนาวเย็นทั้งปี พื้นดินแข็งอยู่ตลอด ทำให้พืชพันธุ์ขึ้นยาก หากแต่ก็ยังมีพันธุ์ที่ยืดหยุ่น สามารถอยู่รอดในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้ ทำให้มันกลายเป็นทรัพยากรจำเป็นสำหรับการเอาชีวิตรอดของสิ่งมีชีวิตแถบนี้
หญ้าแช่ใจ พืชที่พบได้มากที่สุดในที่รกร้างเยือกแข็ง กลับสามารถเติบโตได้ดีในสภาพอากาศหนาวเย็น เป็นสีสันสีเขียวอย่างเดียว ตัดกับพื้นน้ำแข็งสีน้ำเงินชั่วนิรันดร์ เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตประเภทน้ำแข็งทั้งหมดของบริเวณนี้
เป็นอาหารของกระต่ายหิมะ จิ้งจอกขาว และหนูทุ่งน้ำแข็ง ซึ่งก็กลายเป็นอาหารของเหยี่ยวหิมะและหมาป่าหิมะ ส่วนหมาป่าหิมะและปลากัมก็ถือเป็นอาหารของหมีน้ำแข็ง โดยมีเผ่าพันธุ์อัจฉริยะอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ที่ไม่ว่าจะเป็นหญ้าแช่ใจ กระต่ายหิมะ หมาป่าหิมะ หรือหมีน้ำแข็ง ต่างก็กลายเป็นอาหารของพวกเขา
กระนั้นอาหารในที่รกร้างเยือกแข็งก็มีจำนวนจำกัด ไม่ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่มากมายเพียงไหน แต่ก็ไม่อาจเพียงพอต่อความต้องการอาหารจำนวนมากของเผ่าคนเถื่อนได้
ทุ่งหญ้าฮาเหวย ป่าฮัลมา และที่รกร้างโลหิตก็เช่นกัน เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับที่นี่เลย
เขตตอนเหนือนั้นมักหาทรัพยากรยาก กระทั่งอสูรกายยังไม่อยากอาศัยอยู่
เผ่าคนเถื่อนนั้นถือว่าตนเองแข็งแกร่งไร้มิตรสหาย แต่ก็ยังมีความจริงที่ไม่อาจลบล้างได้ข้อหนึ่ง คือทางเหนือนั้นเป็นสถานที่ที่พวกล้มเหลวจะถูกขับไล่ไป
มีแต่พวกที่พ่ายแพ้ไปเท่านั้นถึงต้องอาศัยอยู่ที่นั่น
ดังนั้น ไม่ว่าจะความกล้าหาญ ไร้ความเกรงกลัว หรือความอาจหาญใดของเผ่าคนเถื่อน ก็ไม่อาจปิดบังความจริงได้ ว่าพวกเขาคือพวกพ่ายแพ้
พวกเขาเข้าโจมตีพื้นที่อุดมสมบูรณ์ทางใต้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง ทั้งยังต้องรับมือกับการลอบโจมตีจากเผ่าสัตว์อสูร และถูกเผ่าวิญญาณทางตะวันตกตามหลอกหลอน…
เมืองลมโชยตั้งค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย เป็นเมืองที่ถูกกดดันจากทั้งเผ่าวิญญาณและเผ่าสัตว์อสูรไปพร้อมกันอยู่ตลอด
มันเป็นเมืองทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญทางตอนเหนือของพื้นที่รกร้าง ดังนั้นจึงมีการป้องกันแน่นหนากว่าเล็กน้อย
โดยมันตกเป็นของเผ่าอินทรีแดงอย่างเป็นทางการ
เผ่าอินทรีแดงในอดีตนั้นเจริญรุ่งเรืองไม่น้อย
สามพันปีหลังการเปลี่ยนแปลงปราการกู่หลาน หรือปีที่ 7900 ยุคดาราใหม่ ซาเอ่อน่าอินทรีแดงสังหารอูเท่อเหลยเต๋อขวานสังหาร ประกาศตนเองเป็นราชินีคนใหม่แห่งเผ่าคนเถื่อน ชนเผ่าต่าง ๆ ในตอนนั้นต่างประท้วงต่อต้าน แต่ภายใต้การคุมของซาเอ่อน่าอินทรีแดง เผ่าอินทรีแดงจึงจุดสงครามกลาเมืองอันยาวนานเพื่อรวมเผ่าคนเถื่อนให้เป็นหนึ่ง
สงครามรวมเผ่าคนเถื่อนทำให้เผ่าอินทรีแดงแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเผ่าคนเถื่อนนั้นก็ถือว่าอ่อนแอที่สุดเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะราชวงศ์เทพสวรรค์กำลังเสื่อมถอย อาณาจักรเหล็กเลือดก็อาจถูกกวาดล้างไปจนสิ้นแล้วก็เป็นได้
แต่สุดท้าย เผ่าอินทรีแดงก็ไม่อาจรวมอาณาจักรเหล็กเลือดไว้ได้หลังจากสงครามนานสามพันปี ทั้งสุดท้ายพวกตนยังถูกบีบให้ต้องทุกข์ยากอีกต่างหาก
ในปี 11,000 ยุคดาราใหม่ เผ่าอินทรีแดงจำต้องยอมแพ้อย่างเป็นทางการเมื่อเผชิญหน้ากับหลายชนเผ่าที่รวมกำลังตั้งทัพสู้ ป๋อเป้ยเท่ออินทรีแดงเองก็เสียชีวิตระหว่างโจมตีปราการกู่หลาน อันเป็นสัญญาณการจบลงของศึกสามพันปี ดังนั้นเผ่าอินทรีแดงซึ่งแข็งแกร่งมาชั่วระยะหนึ่งจึงสูญหายไปในที่สุด
เผ่าอินทรีแดงทุกวันนี้ต่างจากแต่ก่อนมาก เป็นเพียงเมืองใกล้ชายแดนเล็ก ๆ ที่อยู่อย่างลำบาก หมกมุ่นแต่กับความรุ่งเรืองในอดีต ไร้กำลังที่จะผงาดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อแสงตะวันสาดส่อง ซูเฉินก็มาถึงเมืองลมโชย
ซูเฉินเหลือบมองเมฆดำเหนือหัวเหนือเมือง จากนั้นยืดคอแล้วเดินเข้าเมืองไป
ตามเส้นทางที่ใช้เดินทางเข้าเมือง ยังเห็นรอยเลือดได้จาง ๆ ด้วยน้ำแข็งได้หุ้มทุกอย่างเอาไว้ภายใน รักษาร่องรอยการต่อสู้ที่เพิ่งเกิดไม่นานเอาไว้ แม้เขาจะมาช้าไปครึ่งเดือนก็ยังเห็นว่ามีร่องรอยถูกทิ้งไว้หลายรอย
กำแพงเมืองที่ถูกทำลาย บ้านเรือนนองเลือด ถนนราวหุบเหว ต่างก็เป็นหลักฐานพิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อสงสัยว่าเคยเกิดการต่อสู้อันดุเดือดขึ้น
ครึ่งเดือนก่อน กองทัพกำลังสวรรค์เข้าโจมตีที่นี่ สังหารเผ่าคนเถื่อนไปนับพัน ทั้งยังเอาทรัพยากรไปเป็นจำนวนมาก
ที่ซูเฉินมาที่นี่ก็เพื่อมาดับความสงสัยเท่านั้น
ซูเฉินเดินไปตามเส้นทางหนาวเหน็บ ก่อนมายืนอยู่หน้าห้องไม้แห่งหนึ่ง ป้ายที่ห้อยอยู่ตรงทางเข้าชี้ให้เห็นว่าที่นี่น่าจะเป็นสถานที่ที่เขาตามหามานาน
เขาผลักประตูหน้าเข้าไป เห็นชายชราเผ่าคนเถื่อนนั่งอยู่ภายในท่าทางเกียจคร้าน
ซูเฉินถาม “นี่ตาแก่ มีหนูบ้างไหม ? เอามาให้ข้าที”
ตัว ‘หนู’ ที่ว่าคือหนูทุ่งน้ำแข็ง เป็นยอดนักขุด อาศัยอยู่ใต้ดินในที่รกร้างเยือกแข็ง กินหญ้าแช่ใจเป็นอาหารหลัก
หนูทุ่งน้ำแข็งนั้นตัวอ้วน รสชาติค่อนข้างอร่อย เวลาขาดอาหาร เผ่าคนเถื่อนก็จะขุดมันขึ้นมากิน แม้จะไม่ขาดอาหาร แต่พวกเขาก็มักเพาะพันธุ์พวกมันเอาไว้เผื่อปีที่ขาดแคลน หรือก็คือ กิจการเพาะหนูเหล่านี้เป็นกิจการสำคัญในที่รกร้างเยือกแข็งนั่นเอง
หากแต่ชายชรากลับไม่สนใจทำการค้า ไม่กระทั่งเงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ ตอบอย่างหงุดหงิดว่า “ไปหมดแล้ว ถูกชิงไปหมดแล้ว”
“ถูกชิงไปหรือ ?” ซูเฉินถาม
“ใช่ พวกมนุษย์บัดซบนั่นไงเล่า ประมาณครึ่งเดือนก่อนนี่ล่ะ พวกมันบุกเข้ามาแล้วชิงเอาหนูทุ่งน้ำแข็งไปจนหมด”
“คงจะขาดเสบียงกระมัง”
“ไร้สาระ หากขาดเสบียง ทำไมไม่ไปปล้นยุ้งฉางซินมู่เล่า ? ที่นั่นมีของกินมากกว่าตั้งเยอะ”
“อาจไม่รู้กระมัง คงจะชอบเนื้อมากกว่า” ซูเฉินตอบไปส่ง ๆ “ใช่แล้ว ข้าอยากซื้อผงหินเมฆด้วย ท่านรู้ไหมว่ามีที่ไหนขายบ้าง ?”
“ไม่มีแล้ว ไอ้พวกบัดซบนั่นขนเอาผงหินเมฆไปหมดด้วยเหมือนกัน” ชายชราตอบ
ซูเฉินเหมือนไม่เข้าใจ “พวกนั้นจะเอาของพวกนั้นไปทำอะไร ?”
“ใครจะรู้ ?” ชายแก่ยักไหล่ “มันเอาอะไรไปได้ก็เอาไปหมด เสบียง ยา กระทั่งเหล็ก ไม่รู้เอาไปทำอะไรได้ อาจแค่มาลงอารมณ์หงุดหงิด ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้ากระมัง”
มีแต่เผ่าคนเถื่อนนี่ล่ะที่จะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ซูเฉินด่าในใจ
หากแต่คำที่เอ่ยออกมากลับเป็น “เอาเถอะ ดูท่าวันนี้ข้าคงไม่ได้ของแล้ว”
ซูเฉินออกจากร้านไปเมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการ แต่ก็ยังไม่ออกจากเมือง ทว่ากลับเดินไปตามถนนต่อ
ซากเมืองที่ถูกทำลายเป็นเหมือนบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในการต่อสู้ เรื่องที่เผ่าคนเถื่อนที่ไม่รู้จักแง่คิดด้านการรักษาและด้านสุขภาพ แต่รู้จักการจัดการศพได้แล้วก็นับว่าเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ด้านความคิดทีเดียว ดังนั้นแม้จะผ่านมาแล้วหลายวัน ซูเฉินก็ยังเห็นร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ของการต่อสู้
เบาะแสเหล่านี้กลายเป็นภาพการต่อสู้ดำเนินอยู่ในหัวเขา
ราวกับซูเฉินได้เห็นเหตุการณ์ที่กองทัพกำลังสวรรค์บุกเข้ามาในเมืองและสังหารคนอย่างโหดร้ายทีเดียว จากนั้นก็เอาของที่ต้องการไป
“หนูทุ่งน้ำแข็ง ผงหินเมฆ ไม้ และก็แก่นเหล็ก…… ทุกอย่างชี้ไปทางนั้นทั้งนั้นเลย ?” ซูเฉินเม้นปากแน่น เขารู้ว่าเขากำลังคิดแบบเดียวกันกับกองทัพกำลังสวรรค์
ที่ต้องทำตอนนี้คือเดินทางไปอีกที่หนึ่งเพื่อยืนยันข้อสงสัย
สถานที่สุดท้ายคือป่าใกล้เมือง
มีต้นไม้พันธุ์พิเศษขึ้นอยู่ในป่านี้ ชื่อว่าต้นมังกรเหลือง
ไม้มังกรเหลืองเป็นของหายาก เป็นสื่อนำพลังได้ง่าย แต่เรื่องนี้อย่างเดียวไม่นับว่าแปลก เพราะมีของอีกหลายอย่างที่สามารถนำพลังต้นกำเนิดได้สูง แต่วิถีการนำพลังของไม้มังกรเหลืองนั้นจะน่าสนใจกว่าของอย่างอื่นสักหน่อย
นั่นเป็นเพราะมันมีคุณลักษณะประเภทดินสูงมาก
ชิ้นไม้ที่มีลักษณะพลังต้นกำเนิดประเภทดินจึงเป็นเหตุที่มันเป็นของหายากนัก ทั้งยังเป็นหนึ่งในของส่งออกมากที่สุดของที่รกร้างเยือกแข็งอีกด้วย
หากแต่ป่าต้นมังกรเหลืองกลับถูกเผาเสียราบ
ซูเฉินยืนอยู่หน้าป่ามังกรเหลืองที่ตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองลมโชย ตรวจดูพื้นดินที่ไหม้เกรียม มุมปากพลันปรากฏรอยยิ้ม
เมื่อตรวจดูสถานการณ์ป่ามังกรเหลืองแล้ว เขาก็ยืนยันข้อสงสัยที่มีมาตลอดได้สักที
หากแต่ตอนเขากำลังจะจากไป ก็พลันเห็นเผ่าคนเถื่อนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางตน