ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 123 รวมตัวใหม่ (1)
บทที่ 123 รวมตัวใหม่ (1)
ยอดเขาควันตะวันตก
ที่นี่อยู่ทางทิศตะวันตกของป่าฮัลมา เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตแร่จำนวนมาก เมื่อเกือบ 800 ปีก่อน แร่ในเหมืองหายไปจนหมด ทำให้ยอดเขาควันตะวันตกถูกทิ้งร้าง ตอนนี้กลายเป็นสถานที่ที่ไร้ผู้คน
หลังจากเดินทางหนึ่งวัน กองทัพกำลังสวรรค์ก็เดินทางมาถึงที่นี่ และเริ่มก่อกองไฟเพื่อทำอาหาร
พวกเขาหลบหนีมาเป็นเวลานานหลายเดือน นี่จึงนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ได้กินกันเต็มอิ่มเช่นนี้
“ไม่คิดเลยว่าคุณชายซูจะแก้ปัญหาอันน่าปวดหัวให้พวกเราได้” หลี่ฉงซานถอนหายใจแล้วมองภาพเหล่าทหารของเขากำลังทำอาหาร
ไม่มีใครคิดว่าซูเฉินจะพกเสบียงมาด้วยมากเช่นนี้ ซูเฉินนำอาหารมามากพอจะเลี้ยงทหารแปดพันคนได้นานหลายเดือน อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้แหวนพลังนับร้อยนับพันวง อีกทั้งยังต้องใช้เงินเยอะมาก !
เงินจำนวนเยอะมาก ๆ!
“โชคดีที่อาจารย์ให้ข้าจัดการเงินที่ได้มาจากการขายวิชาลับ เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ข้าทำเช่นนี้ได้ หรือก็คือเป็นอาจารย์ที่ช่วยไว้” ซูเฉินตอบ
ฉือไคฮวงส่งเสียงในลำคอ “ไม่ต้องผลักความดีความชอบมาก็ได้ ข้าเพียงไม่อยากมานั่งจัดการเรื่องน่าปวดหัว จึงให้เจ้าเป็นคนจัดการ เงินนั้นไร้ราคาสำหรับข้า แต่เมื่ออยู่ในมือเจ้าก็จะมีมูลค่าขึ้นมาอย่างมหาศาล”
“ขอล่ะ ทั้งคู่หยุดถ่อมตัวได้แล้วกระมัง ? ไม่ว่าอย่างไร กองทัพกำลังสวรรค์ก็ติดหนี้บุญคุณเจ้า น้องซู หากเจ้าต้องการอะไร ก็บอกมาได้เลย แม้จะต้องฝ่าอันตรายมากเพียงไหน ข้าก็จะไม่ท้อถอย !” เฉิงเถียนไห่ว่าพลางตบอก
เขาตรงไปตรงมา คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น ในสายตาเฉิงเถียนไห่ ในเมื่ออีกฝ่ายช่วยชีวิตเขาไว้ ตอนนี้ชีวิตของเขาก็อยู่ในกำมืออีกฝ่ายแล้ว
หลักการคิดของทหารนั้นก็ตรงไปตรงมาเช่นนี้ เห็นได้ทั่วไปในกองทัพ
คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน
ถึงตอนนี้ พวกเขาก็ไม่เรียกซูเฉินว่าคุณชาย แต่เรียกเป็นน้องแทนแล้ว กระทั่งยังเลือกที่จะทำลืมความจริงที่ว่าฉือไคฮวงได้เหนือกว่าพวกเขาขั้นหนึ่งไปแล้ว
ซูเฉินหัวเราะ “พูดเช่นนั้นก็ยังเร็วไป รอจนกว่าพวกเราจะออกไปได้ก่อนดีกว่า”
หลี่ฉงซานเข้าใจความหมายของซูเฉิน “น้องซู ดูท่าจะหมายความว่าเจ้ามีแผนออกไปจากที่นี่งั้นหรือ ?”
“ข้ามี แต่ยังไม่ถึงเวลา ต้องตระเตรียมเสียก่อน” ซูเฉินตอบ
ไม่ว่าแผนการณ์หลบหนีจะเป็นอย่างไร แต่ไม่มีทางง่ายดายแน่
แผนการของจวินโม่เสียจำเป็นต้องรวบรวมทรัพยากรจำนวนมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพื่อนำมาสร้างเรือดิน และผ่านการของซูเฉินก็ต้องมีการตระเตรียมมากพอกัน ซึ่งทุกคนก็เตรียมตัวรับมือแล้ว
หากแต่เมื่อชายหนุ่มอธิบายแผนให้ฟังแล้ว วิธีการคิดของซูเฉินก็ต้องทำให้ทุกคนตกตะลึงไป
หลังจากตั้งสติขึ้นได้ หลี่ฉงซานจึงเอ่ยขึ้นว่า “น้องชายมีความคิดความอ่านไม่เหมือนใครจริง แผนการนี้ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าแผนของจวินโม่เสีย ที่จะแอบเดินทางผ่านเทพอสูรบรรพกาลเลย”
“มีความต่างกันอยู่” จวินโม่เสียเอ่ย “หากแผนข้าล่ม หมายถึงทั้งกองทัพจะถูกกวาดล้างหายไป หากแต่แผนของน้องซูต้องทำให้เผ่าคนเถื่อนปวดหัวได้แน่ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ หากมองในมุมนี้ น้องซูมีประสบการณ์เหนือกว่าข้านัก”
“แม่ทัพจวินชมเกินไปแล้ว ข้าทำสิ่งที่ควรทำ ส่วนรายละเอียดและวิธีการลงมือต้องพึ่งท่าน ด้วยหน้าที่ของข้าจบลงแล้ว” ซูเฉินเอ่ย
“เช่นนั้นคิดจะทำอย่างไรต่อไป ?” ฉู่อิงหว่านถามขึ้น จากน้ำเสียงของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าเขาจะละทิ้งความรับผิดชอบเสียแล้ว
“ย่อมต้องทำการทดลองของข้าต่อ” ซูเฉินตอบ “ช่วงนี้ข้าได้ตัวทดลองหายากมา ยังไม่มีเวลามาทำการทดลองเลย เพราะเอาแต่ไล่ตามพวกท่าน ตอนนี้ข้าวางมือได้บ้าง ให้พวกท่านลงรายละเอียดกันเอง ส่วนข้าจะมุ่งเรื่องการทดลอง”
ว่ายังไงนะ ?
ศัตรูรายล้อมอยู่เช่นนี้ ยังจะมีกะใจทำการทดลองอีกหรือ ?
ทุกคนมองไปทางฉือไคฮวงที่พยักหน้าด้วยความตกตะลึง “เขาเป็นคนเช่นนี้จริง ๆ”
แล้วซูเฉินก็ขึ้นเรือเคลื่อนเมฆาจากไป เขารีบมาที่นี่ ดังนั้น เล่อน่าและทหารเผ่าคนเถื่อนทั้งหลายจึงยังหลบอยู่ในถ้ำ
หลายวันมานี้ถูกปล่อยให้ท้องหิว หวังว่าจะไม่มีใครหิวตายไปก่อน
________________
เมืองวัสสานะไฟเป็นเมืองขนาดเล็กใกล้กับภาคตะวันออกของอาณาจักรหลงซาง
ที่ใจกลางเมืองคือร้านเหล้า กังเหยียนนั่งอยู่ในร้าน กำลังดื่มเหล้าข้าวอยู่
ท้องฟ้าวันนี้ครึ้มเล็กน้อย สะท้อนจิตใจที่มืดมนและกังวลอยู่เล็กน้อยของกังเหยียนได้พอดี
แรงกดดันมหาศาลส่งผลกระทบเข้าโดยไม่รู้ตัวและทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ
นายท่านมอบงานที่ซับซ้อนและยากเย็นนักให้เขา !
เมื่อนึกถึงงานที่ซูเฉินมอบให้ทำก็อดยิ้มขื่นไม่ได้ ท่านแน่ใจหรือว่าปฏิบัติกับข้าเยี่ยงข้ารับใช้เผ่าหินผา ? กระทั่งมนุษย์อาจยังทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จเลยก็เป็นได้ !
ถึงกระนั้น การที่ได้ติดตามซูเฉินมาจนถึงตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดที่กังเหยียนได้เรียนรู้คือการอย่ายอมแพ้ไปง่าย ๆ
หากใช้เวลาคิดมากพอ ย่อมหาทางแก้ปัญหาได้
และหากคิดหาทางเองไม่ได้ เขาก็จะไปหาคนอื่นมาช่วย !
หลังจากแยกกับซูเฉินที่เมืองกลืนธาราแล้ว กังเหยียนก็คิดย้ำไปย้ำมา เชื่อว่าหากเขาต้องคิดหาทางทำภารกิจให้สำเร็จเอง ก็คงจะเป็นไปได้ยาก ดังนั้นเขาจึงไปหากำลังเสริมโดยไม่ลังเล
กำลังเสริมของเขาย่อมเป็นอวิ๋นเป้า เยว่หลงซา จีหานเยี่ยน เจียงซีสุ่ย หวังโต้วซาน และคนอื่น ๆ
ซูเฉินไม่ได้บอกให้เขาไปขอความช่วยเหลือจากสหายเก่า แต่กังเหยียนรู้ดีว่าสหายเหล่านี้เป็นสิ่งที่ซูเฉินมอบให้ไว้
เพราะฉะนั้นก็ต้องใช้ทรัพยากรคนอย่างชาญฉลาด !
นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่กังเหยียนเรียนรู้จากซูเฉิน
คุณลักษณะพื้นฐานของนักวิจัยคือการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสิ้นเปลืองให้น้อยที่สุด กังเหยียนเข้าใจเรื่องนี้หลังจากการทดลองนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อครึ่งเดือนก่อน เขาติดต่อเยว่หลงซา และนางก็แจ้งข่าวกับทุกคน กองกำลังลับมีหน้าที่รวบรวมข้อมูลข่าวสารทั่วทั้งอาณาเขตเผ่ามนุษย์ ดังนั้นจึงเหมาะสมกับงานประเภทนี้มาก
วันนี้เป็นวันที่ทุกคนสมควรจะมารวมตัวกัน แต่เขาไม่รู้เลยว่าจะมีใครมาบ้าง
นี่คือการพิสูจน์ใจคน การที่สถานการณ์อันตรายหนักหน่วงเช่นนี้ก็คงจะสามารถทำให้คนหวาดกลัวได้ง่าย ๆ กระมัง ? กังเหยียนคิด
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั่นเอง ก็ได้ยินเสียงแผ่นไม้ด้านหลังลั่นเอี๊ยด
เขาเหลือบไปมอง เห็นเยว่หลงซาปรากฏตัว นางยังอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ให้กลิ่นอายคล้ายเซียน
“ดูท่าท่านจะเป็นคนแรก” เยว่หลงซาหัวเราะ
“อาจไม่ใช่เช่นนั้น” อีกเสียงหนึ่งดังก้องขึ้นบนขั้นบันได ก่อนที่เงาร่างหนึ่งจะปรากฏอยู่นอกหน้าต่างแล้วเหวี่ยงตัวเองเข้ามา อุ้มขวดน้ำเต้าใส่เหล้ามาด้วย
“เหล่าผีก็มาด้วยหรือ ?” เยว่หลงซาร้องขึ้น นัยน์ตาเป็นประกาย
คนคนนั้นเขาคือผีเยวี๋ยนหงไม่ผิดแน่
หลังกลับจากการสำรวจซากโบราณลุ่มน้ำทองได้ไม่นาน ผีเยวี๋ยนหงและคนอื่น ๆ ก็จบจากสถาบันไป แต่ด้วยเคยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ขาดการติดต่อกัน
เยว่หลงซาเรียกคนมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามหาคนช่วยให้ได้มากที่สุด นางแจ้งทุกคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับซูเฉิน แต่ผ่านมานานหลายปีแล้ว ก็ยากจะเอ่ยว่าพวกเขาจะเต็มใจยอมช่วยหรือไม่ ดังนั้นเยว่หลงซาจึงไม่รู้เลยว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร
ใจอันหนักหน่วงของเยว่หลงซาพลันคลายลงเมื่อเห็นผีเยวี๋ยนหง
ผีเยวี๋ยนหงหัวเราะคิก “ซูเฉินเคยช่วยชีวิตข้ามาก่อน ตอนนี้เขามีปัญหา ข้าจะไม่ช่วยได้อย่างไร ?”
“เขาไม่ได้ช่วยชีวิตเจ้าไว้คนเดียว” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นที่นอกหน้าต่าง ตามมาด้วยเงาร่างที่เหินเข้ามาในร้าน เป็นสตรีผู้หนึ่งที่กำลังระบายรอยยิ้มบางบนใบหน้า
“พี่ชี !”
ครั้งนี้ ทั้งเยว่หลงซาและผีเยวี๋ยนหงร้องขึ้นพร้อมกัน
ด้วยคนที่พึ่งมาถึงคือชีเว่ยเยี่ยน !!