ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 143 หักหลัง (1)
บทที่ 143 หักหลัง (1)
ถนนโบราณธารน้ำเซียน
ตานปานั่งอยู่ในกระโจม พลิกหนังสือแจ้งข่าวไป ๆ มา ๆ แล้วมุ่นคิ้ว
“แปลก มีบางอย่างแปลก ๆ แต่มันคืออะไรกันนะ ?”
จาเค่อที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จึงถามขึ้น “ประมุขน้อย มีอะไรแปลกงั้นหรือ ?”
ตานปาใช้นิ้วเคาะเอกสารในมือ “กองทัพกำลังสวรรค์ติดอยู่ในอาณาจักรเหล็กเลือดมาพักหนึ่งแล้ว ว่ากันตามทฤษฎี เสบียงควรหมดไปนานแล้วด้วยซ้ำ แม้จะรื้อค้นปล้นสะดมหลายหมู่บ้านก็ตามที แต่จากรายงาน อนุมานได้ว่าพวกเขาใช้กำลังส่วนมากไปกับการเก็บทรัพยากรสร้างเรือดิน ซึ่งส่งผลให้เสบียงที่หาได้ลดลงด้วย ตามที่ข้าประมาณการ เสบียงน่าจะหมดหลังผ่านเขตมรณามาได้ แต่เกิดอะไรขึ้นเล่า ? ไม่ผ่านเขตมรณาก็ไม่ใช่อะไรหรอก แต่สิ่งที่ควรทำอันดับแรกคือควรกักตุนเสบียง พวกเขากลับไม่ทำ ทั้งยังมุ่งไปโจมตีที่รกร้างเยือกแข็งแทน”
จาเค่อลังเลก่อนตอบ “ที่รกร้างเยือกแข็งก็มีเสบียง”
“แต่น้อยกว่าความต้องการเกินไป ! หมู่บ้านนั่นหนาวเย็นที่สุดในที่รกร้างเยือกแข็ง มีทรัพยากรน้อยที่สุด แค่เสบียงของตัวเองยังมีไม่พอเลย” ตานปาเอ่ยเสียงขุ่น “ข้าคำนวณและวิเคราะห์เสบียงที่พวกเขาปล้นมาได้ในหลายวันมานี้ แล้วเทียบกับที่ต้องใช้ไปดูแล้ว หากไม่ใช่ว่ากินทหารเผ่าคนเถื่อนที่สังหารไปละก็ ก็ควรจะอดตายกันไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว อีกทั้งนั่นยังคำนวณจากค่าประมาณต่ำสุดด้วยซ้ำ แต่พวกเขาก็ยังอยู่รอดปลอดภัยดี มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
ยิ่งพูดเขาก็ยิ่งโกรธ
จาเค่อเองยังอึ้งไป “เป็นไปได้อย่างไร ?”
มันสมองเขาไม่อาจเข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สมองปาเหยียนไม่อาจเข้าใจถึงขั้นนั้นได้ด้วยซ้ำ
เขาเอ่ยเสียงพร่าขึ้น “อาจจะกินหญ้าหรือของราวนั้นกระมัง เผ่าคนเถื่อนเองไม่กินยังอยู่ได้ครึ่งเดือนเลย”
“ปัญหาคือพวกเขาไม่ใช่เผ่าคนเถื่อน ทั้งยังไม่อดและไม่อ่อนแอ ยังสู้ได้อย่างไรเล่า ! เจ้าดูรายงานนี่ สามวันก่อน ชนเผ่าแท่งเหล็กพบมนุษย์กลุ่มเล็กกลุ่มหนึ่ง สุดท้ายผู้กล้าฝีมือดีชนเผ่าแท่งเหล็กก็ถูกมนุษย์กลุ่มนั้นกวาดล้างสิ้น หมายความว่าอะไร ? ก็หมายความว่าพวกเขาแกร่งขึ้นไงเล่า ! แกร่งขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ !” ตานปาพยายามกดความเกรี้ยวไว้ในใจ แต่น้ำเสียงก็ยังดุดันขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
ศัตรูดิ้นไปมาในวงล้อมยังไม่เท่าไหร่ ก็แค่ใช้เวลากำจัดมากขึ้นเท่านั้น
แต่หากศัตรูไม่เพียงไม่อ่อนแอ แต่กลับแข็งแกร่งขึ้นเล่า ? นับว่าเป็นปัญหาใหญ่
กระทั่งจาเค่อยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง เขาส่ายหน้ากล่าว “เป็นไปได้อย่างไรกัน ?”
“อีกทั้ง ชนเผ่าแท่งเหล็กตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก กองทัพกำลังสวรรค์จะไปที่นั่นทำไม ? พวกนั้นหมายจะไปตะวันออกแต่ล้มเหลว ตอนนี้เลยไปทางตะวันตกหรือ เป็นไปได้ไหมว่าวางแผนจะข้ามพรมแดนพวกสัตว์อสูร ?” ตานปางึมงำกับตนเอง
“ไม่แน่ว่าอาจจะจับอสูรกายมากินเลยยังไม่อดตายก็ได้” ปาเหยียนหัวร่อ
“เจ้าคิดว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่มนุษย์จะไปจะมาได้ง่าย ๆ หรือ ?” ตานปายั้งความรู้สึกอยากทุ่มหัวปาเหยียนลงพื้นแล้วกระทืบเศษสมองอีกฝ่ายหลาย ๆ ครั้งไว้ภายใน
แต่ทันใดนั้น เขาก็ค้นพบว่าแม้ความคิดปาเหยียนจะดูโง่เง่า แต่ก็อาจตรงเผงก็ได้
แม้เผ่าสัตว์อสูรจะแกร่ง แต่ก็แยกกันอยู่ เมื่อคำนึงถึงความมีระเบียบและความสามัคคีของกองทัพกำลังสวรรค์ ควบรวมกับกลยุทธ์ที่เน้นก่อความวุ่นวายไปทั่วเขตแล้ว ทำเช่นนั้นก็อาจทำให้พวกเขารอดพ้นมาก็เป็นได้
คำถามหนึ่งคือ จะอยู่เช่นนั้นไปเพื่ออะไร ?
หรือคิดจะปักหลักที่นั่นงั้นหรือ ?
หรือคิดถ่วงเวลารอให้เรื่องเกิด เช่น ให้เผ่าคนเถื่อนหมดความอดทนในการตีทัพล้อมแล้วหาโอกาสหนีหรือ ?
นั่นก็ไม่ใช่ว่าผิดเสียทีเดียว เพราะเผ่าคนเถื่อนนับว่าด้อยกว่าเล็กน้อย ความอดทนมีจำกัด เผ่าคนเถื่อนปิดทางใหญ่ไว้ทุกเส้นเช่นนี้คงอดทนไม่ได้นาน หากกองทัพกำลังสวรรค์อดทนฝืนรอได้นานพอ ก็อาจรอถึงวันที่เผ่าคนเถื่อนไม่รอ เต็มใจคลายวงล้อมก็เป็นได้
แม้จะเป็นกลยุทธ์หยาบ ๆ แต่ก็ได้ผลดีอย่างปฏิเสธไม่ได้
หากแต่ตานปาก็รู้ว่าสังหารอสูรกายที่อยู่แยกกันเช่นนั้นย่อมไม่อาจทำให้ทั้งกองทัพอยู่รอดได้
“ต้องมีแหล่งอาหารที่เราไม่รู้แน่ !” ตานปาคิดอยู่นาน สุดท้ายก็เอ่ยสิ่งที่ถูกต้องออกมาจนได้
แต่จะไปเอาเสบียงมาจากไหนกัน ?
ตานปาคิดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยคำขึ้น “บอกอาซือถิงว่าข้าต้องการพบ”
วันต่อมา
คนสวมชุดคลุมดำปรากฏตัวขึ้นในกระโจมของตานปา
เมื่อมองดี ๆ แล้ว เห็นได้ชัดว่ามีร่างเล็ก เตี้ยกว่ามนุษย์ส่วนมากเสียอีก ทำให้ดูแก่ชราอยู่บ้าง เทียบกับเผ่าคนเถื่อนร่างสูงใหญ่แล้ว เขานับว่าเป็นคนแคระไปเลย
เป็นคนเผ่าอาร์คาน่า !
มีแค่ที่นี่เท่านั้นที่เผ่าอาร์คาน่าพอจะใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยได้บ้าง
ในตอนนี้ เผ่าอาร์คาน่ายืนอยู่ต่ำกว่าตานปา กำลังก้มหัวเอ่ยคำ “อาซือถิงคำนับประมุขน้อยเผ่ากิ้งก่ากรวด วันนี้มีอะไรจึงเรียกข้าเข้าพบหรือ ?”
ตานปาเอ่ยตามตรง “จู่ ๆ กองทัพกำลังสวรรค์ก็ได้เสบียงมาอย่างลึกลับ ข้าอยากรู้ว่าพวกมันมาจากไหน”
อาซือถิงอึ้งไป “ข้าจะรู้ได้อย่างไรกัน ?”
ตานปาคำราม “อย่าคิดว่าข้าโง่ อาซือถิง ข้ารู้ว่าพวกประตูฟื้นความเยาว์มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอารามนิรันดร์ของพวกมนุษย์ บางอย่างข้าก็ปิดตาข้างหนึ่งได้ พวกเจ้าจะได้ทำการค้าต่อ นั่นก็เพราะยังมีเวลาที่ข้าต้องการเจ้าอยู่เช่นนี้ ในเมื่อถึงเวลาแล้ว เจ้าย่อมต้องรู้ว่าเรื่องนี้ใหญ่โตเพียงไหน บอกข้ามา กองทัพกำลังสวรรค์ไปได้ความช่วยเหลือภายนอกมาจากใคร ?”
อาซือถิงส่ายหน้า “อภัยด้วย ประมุขน้อยตานปา ช้าไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านพูดอะไรกัน”
ฟึ่บ !
ตานปากระโจนเข้าคว้าคออาซือถิง “คนแคระบัดซบนี่ คิดเล่นตลกกับข้าหรือ ? ข้ามองตาก็รู้ว่าเจ้าโกหก ! บอกความจริงมา ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าทิ้ง !”
ไอ้บัดซบนี่ !
อาซือถิงถูกตานปาบีบคอโดนแรงจนหายใจไม่ออก
ในเรื่องพละกำลัง อาซือถิงนั้นไม่กลัวตานปาสักนิด เขาเป็นถึงปรมาจารย์อาร์คาน่า ใช้ฝ่ามือเดียวก็จัดการตานปาได้แล้ว
แต่เขาทำไม่ได้ !
นี่ไม่ใช่ยุครุ่งเรืองของเผ่าอาร์คาน่าอีกต่อไป ตอนนี้ก็อยู่ได้เพราะได้รับความคุ้มครองสนับสนุนจากเผ่าคนเถื่อนเท่านั้น ถึงได้สามารถเอาตัวรอดและมีโอกาสดีเข้ามาบ้าง
ดังนั้นอาซือถิงจึงได้แต่ฟังคำตานปาแม้อีกฝ่ายหมายจะสังหารเขาจริงก็ตามที !
“ข้า… พูดแล้ว…” อาซือถิงพยายามเค้นคำออกมา
ตุ้บ
ตานปาจึงคลายมือ อาซือถิงร่วงลงพื้นโดยแรง
“ตอบมา !” ตานปาว่าพลางก้มเข้ามาดูดุดัน
“เป็นซูเฉิน เขานำเสบียงมาให้ทัพ” อาซือถิงตอบเสียงจนใจ
“ซูเฉิน ?” ตานปาอึ้งไป
เขาคุ้นเคยกับชื่อนี้นัก
จนถึงตอนนี้ ยามนึกถึงเรื่องที่ซากโบราณลุ่มน้ำทองเมื่อ 11 ปีก่อน ตานปาก็ยังเจ็บใจไม่คลาย บปวด
ชั่วชีวิตเขา นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาพ่ายแพ้ไป แม้ว่ากันตามตรงจะไม่ใช่ความผิดของเขา แต่เขาก็จำมันแม่นไม่รู้ลืม
เป็นเจ้านั่นได้อย่างไร ?
“บอกทุกอย่างมา” ตานปาเอ่ยเสียงเย็น