ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 146 ขบวนสัตว์อสูร (1)
บทที่ 146 ขบวนสัตว์อสูร (1)
หลี่ฉงซานนั่งลูบศีรษะตนอยู่ในกระโจมหลัก
เขาเริ่มจะปวดหัวขึ้นมาแล้ว
พวกเขารั้งอยู่ที่เขตกลางมานานพอควร ล่าอสูรร้ายมาได้จำนวนหนึ่งแล้ว และทหารกองทัพกำลังสวรรค์ก็ทะลวงขั้นไปทีละคน พลังโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นราวสายฟ้าแลบ วันแล้ววันเล่าผ่านไปยิ่งมีอาวุธวิญญาณเพิ่มมากขึ้น และวันนี้ กองทหารภูผาครามกว่าครึ่งต่างก็มีเครื่องมือต้นกำเนิดเหล่านี้กันหมดแล้ว
กระนั้นเรื่องเช่นนี้ก็ยังเกิดปัญหา
การล่าสัตว์อสูรที่ขยายเวลานานขึ้น ได้กระตุ้นให้พวกเผ่าสัตว์อสูรตอบกลับและลงมือบ้างแล้ว
เผ่าสัตว์อสูรไม่ใช่พวกโง่ เมื่อถึงขั้นอสูรกาย ก็จะมีสติปัญญา หากไล่ล่ามันไม่หยุดย่อมกระตุ้นให้มันตอบโต้กลับเช่นเดียวกัน
ที่ผ่านมา เผ่าคนเถื่อนและเผ่าสัตว์อสูรโจมตีและป้องกันกันอย่างได้สมดุล เลี่ยงการต่อสู้ขนาดใหญ่มาโดยตลอด โดยเฉพาะกับเผ่าคนเถื่อนที่ไม่กล้าท้าทายเผ่าสัตว์อสูรหากไร้แรงสนับสนุนใด เผ่าสัตว์อสูรต่างหากที่มักเป็นฝ่ายเริ่มขบวนสัตว์อสูรและเข้ารุกล้ำแดนเผ่าคนเถื่อนก่อน
อาจกล่าวได้ว่าเผ่าสัตว์อสูรมักเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน มีด้วยหรือที่พวกมันเป็นฝ่ายถูกเผ่าอื่นบีบคั้น ?
หากแต่ครั้งนี้ สถานการณ์ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
มนุษย์โขยงหนึ่งจู่ ๆ ก็โผล่มา เริ่มไล่ล่าสังหารพวกมัน พยายามจะกวาดล้างพวกมันสิ้น
แม้เผ่าสัตว์อสูรจะรู้ว่ามนุษย์เป็นคนลงมือ ไม่ใช่เผ่าคนเถื่อน แต่มันสำคัญหรือ ? ทั้งสองพวกก็มาจากอาณาจักรเหล็กเลือดไม่ใช่หรือไร ?
หากมองจากมุมหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเป็นไปได้หรือ ว่ามนุษย์กับเผ่าคนเถื่อนอาจร่วมมือกันก็ได้ ?
นับเป็นปัญหาใหญ่กว่ามาก
ยามไร้ภัย เผ่าสัตว์อสูรจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ บางตัวกระทั่งร่อนเร่ไปทั่วตัวเดียว
แต่เมื่อมีภัยย่างกรายเข้าใกล้เผ่า พวกมันก็จะรวมฝูงกันในพลัน
สถานการณ์ในตอนนี้ก็เช่นกัน
จากรายงาน ดูท่าชุดออกล่าของกองทัพกำลังสวรรค์ได้ยั่วโมโหเผ่าสัตว์อสูรเข้าให้แล้ว และขบวนสัตว์อสูรก็กำลังจะมุ่งหน้ามา
ถึงเวลาที่พวกเขาจะจากไปแล้ว
กระนั้นพวกเขาก็สร้างอาวุธวิญญาณได้ไม่กี่ร้อย ทั้งยังมีทหารที่ยังไม่ก้าวพ้นอีกมาก
การตัดสินใจเรื่องเวลาและสถานที่ในการเดินทางจึงกลายเป็นหัวข้อสำคัญในที่ประชุมกองทัพกำลังสวรรค์ ณ ตอนนี้
“หุบเขาเหยียนผิงใช้ไม่ได้ ชนเผ่าเพลิงอาศัยอยู่ที่นั่น ทั้งพวกเขายังเป็นพวกที่คุมเผ่าคนเถื่อน อย่าไปยั่วพวกเขาให้มากจะดีกว่า” จวินโม่เสียกล่าว
“หากไม่ยั่วแล้วพวกนั้นจะไม่ส่งทหารมาหรือไร ? ใน 13 ทัพเผ่าคนเถื่อนที่ไล่ล่าเราอยู่ สองทัพก็มาจากชนเผ่าเพลิงนี่” กัวเหวินฉางว่า
“แต่หากเราโจมตีหุบเขาเหยียนผิง เราอาจต้องรับมือชนเผ่าเพลิงอีกสองสายนะ”
“ก็ช่างปะไร ก็แค่เจอ 15 ทัพแทนที่จะเป็น 13 ทัพเท่านั้น ไม่ต่างหรอก”
“ข้าเสนอให้ไปยอดเขาเจ็ดเกราะ ที่นั่นมีอสูรกายมาก ซึ่งเรายังต้องการใช้เพื่อเสริมความแกร่งเราอยู่” หลินเฉ่าเซวียนว่า
“ไม่ได้หรอก มันใกล้กับที่นี่เกินไป หมายความว่าเราก็ไม่ได้ย้ายไปไหน เราจะเสี่ยงโชคว่าขบวนสัตว์อสูรจะใหญ่แค่ไหนไม่ได้” ฉือไคฮวงปัดข้อเสนอทิ้งแล้วส่ายหน้า
“แล้วป้อมเสาตะวันออกเล่า ?” ฉู่อิงหว่านถาม
“ทรัพยากรที่นั่นอยู่กระจายตัวกันเกินไป เสบียงเราได้หมดก่อนแน่ ถึงจะไปจริง อย่างไรก็ต้องจากไปอยู่ดี”
“ที่ไหนที่มีภูเขา แม่น้ำ และทรัพยากรที่ยังไม่มีใครครอบครองบ้างเล่า ? ไปที่ไหนก็ต้องสู้อยู่ดี”
“เช่นนั้นก็ตีเมืองจั้งปา ที่นั่นทรัพยากรเยอะนัก”
“นั่นฐานที่มั่นเผ่าหมาป่าเงินไม่ใช่หรือ ? มีทหารเผ่าคนเถื่อน 3 หมื่น เจ้าเมืองก็มีอักขระโทเทมขั้นสูง ผ่านการเจิมน้ำมนต์มา 3 ครั้ง ผู้นำบรรพชนที่นั่นเป็นหนึ่งในสิบสองบรรพชนหลักเผ่าคนเถื่อน ให้ตีที่นั่นหรือ ? สู้อยู่ที่นี่แล้วสู้กับขบวนสัตว์อสูรดีกว่า”
“ทะเลสาบกลาง”
“พื้นที่รกร้างป่าสวรรค์”
“หาดอายี่คู่เล่อ”
“เส้นทางเงาจันทร์”
สถานที่แล้วที่เล่าถูกเสนอขึ้น สุดท้ายก็ถูกปัดตกไปโดยเร็ว ทุกคนชอบข้อเสนอตนเอง ถกเถียงข้อเสนอคนอื่น พออยู่รวมกันแล้ว นิสัยและความคิดก็แตกต่าง ทำให้หาข้อสรุปได้ยากเย็น
กระทั่งหลี่ฉงซานยังกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่อาจตัดสินใจได้
เสียงหนึ่งพลันกล่าว “ป้อมถ่าลา”
เป็นเสียงซูเฉิน
“ป้อมถ่าลา ?” ทุกคนหันมองซูเฉินด้วยความตกตะลึง
ป้อมถ่าลาอยู่ที่กลางอาณาจักรเหล็กเลือด ติดกับป่าฮาอูลี่ ใกล้เคียงมีธารเล็ก มีทรัพยากรไม่น้อย โดยเป็นพื้นที่ของชนเผ่าเพลิง แต่ที่นั่นไม่ได้มีทหารมากมายนัก
ประโยชน์ที่ได้หากตีป้อมถ่าลาคือมีทรัพยากรมาก และโจมตีได้ง่าย หากแต่ข้อเสียคือจะล่วงเกินชนเผ่าเพลิงมากกว่าเก่า อีกทั้งยังปิดล้อมยาก เพราะรอบป้อมมีเมืองยุทธศาสตร์ที่มีการเสริมกำลังอย่างแน่นหนา หรือก็คือแม้จะสามารถตีป้อมได้ แต่ก็เสี่ยงจะถูกล้อมเช่นกัน
“ทำไมต้องไปที่นั่น ?” ฉู่อิงหว่านถามขึ้น
“เพราะที่นั่นมีดอกดาราเงิน” ซูเฉินตอบ
ดอกดาราเงินเป็นของที่มีเฉพาะในป่าฮาอูลี่ เป็นพืชหายากที่ใช้ทำตัวยาได้ดียิ่ง
ทุกคนคิดว่าซูเฉินจะหาเหตุผลทางยุทธศาสตร์มาเสริมว่าทำไมต้องตีป้อมถ่าลาสักหลายข้อ แต่ซูเฉินกลับให้คำไร้เหตุผลกลับมา
แล้วว่าต่อ “ข้าอยากได้ดอกดาราเงิน”
“เท่านั้นหรือ ?” ฉือไคฮวงขมวดคิ้ว
เขารู้สึกว่าศิษย์ตนไม่ควรเห็นแก่ตัวเช่นนี้
“ใช่แล้ว เท่านั้น” ซูเฉินตอบคำ “ในเมื่อพวกท่านตัดสินใจไม่ได้ ข้าก็คิดจะเสนอบ้าง ไม่ว่าป้อมถ่าลาจะเป็นเป้าหมายที่ดีหรือไม่ ข้าไม่สน แต่หากไปที่นั่น ข้ารู้ว่าต้องได้ดอกดาราเงินมาเยอะแน่ เจ้านี่ใช้ปรุงยากระตุ้นพลังต้นกำเนิดได้ เมื่อมีดอกดาราเงินมาก ข้าย่อมปรุงยาให้ทัพได้มาก อีกทั้งความสามารถในการกระตุ้นพลังของดอกดาราเงินยังมีประโยชน์ต่อการทดลองหลาย ๆ อย่างของข้า ต้องมีไว้ในแผนการของข้า สำหรับข้ามันจึงสำคัญมาก บางครั้งพวกท่านก็ต้องตัดสินใจ ซึ่งใครที่ได้อำนาจตัดสินใจก็ควรเลือกทางที่ได้ประโยชน์สูงสุด ให้เลวร้ายน้อยที่สุด ข้าพูดสิ่งที่ควรพูดไปหมดแล้ว พวกท่านถกเถียงกันต่อไปเถอะ ตัดสินใจได้เมื่อไหร่ก็บอกข้าด้วย”
หลี่ฉงซานหัวเราะ “พูดได้ดี ต้องเลือกที่เลวร้ายน้อยที่สุด ทุกคนรู้ซึ้งถึงฝีมือซูเฉินดีกระมัง ? หากดีต่อเขา เช่นนั้นก็ดีต่อทัพ เราต้องคำนึงถึงผลได้ผลเสียด้วย”
ทุกคนล้วนพยักหน้าเมื่อได้ยิน
ทุกคนรู้ดีว่าตีป้อมถ่าลาแล้วดีหรือเสียอย่างไร เมื่อคิดรวมกับความต้องการซูเฉินแล้ว ป้อมถ่าลาจึงกลายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดทีเดียว
“เช่นนั้นเมืองที่ล้อมอยู่เล่า ? ป้อมถ่าลามีพวกมันกระจายตัวล้อมอยู่ เข้าไปอาจง่าย แต่จะออกคงยาก” กัวเหวินฉางเอ่ยเสียงวิตก
จุดนี้มีข้อดีและข้อเสียมาก ป้อมถ่าลามีเมืองยุทธศาสตร์ล้อมรอบมากมาย นับเป็นปัญหาใหญ่สุด จำเป็นด้วยหรือที่ต้องเดินหน้าชนกับเผ่าคนเถื่อนแค่เพื่อทรัพยากรพวกนี้ ? หากจำเป็น แม้ชนะก็อาจเสียคนไปมาก พวกเขายังสามารถปะทะเต็มกำลังเช่นนี้ได้อีกกี่ครั้งกัน ?
ทุกคนครุ่นคิดหนัก
เป็นตอนนั้นที่ซูเฉินพลันเอ่ย “ป้อมถ่าลาไม่ไกลจากที่นี่กระมัง”
ฉือไคฮวงเหลือบมองศิษย์ตน เหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ “คงไม่คิดจะฉวยโอกาสใช้ขบวนสัตว์อสูรหรอกนะ ?”
“ทำไมเล่า ?”
ฉือไคฮวงส่ายหน้า “ข้าสู้รบมานานหลายปี เผ่าสัตว์อสูรเองก็มีกลยุทธ์เช่นเดียวกับเผ่าอื่น อาจมีขบวนสัตว์อสูรก็จริง แต่ก็ไม่อาจรุกล้ำเข้าไปมากได้ ไม่เช่นนั้นเผ่าทั้งหลายก็คงได้เข้าห้ำหั่นกันแล้ว อีกทั้งเผ่าสัตว์อสูรในตอนนี้ก็ไม่ใช่เผ่าสัตว์อสูรอย่างเมื่อก่อนหน้า”
“ข้าแค่อยากรู้ว่าขบวนสัตว์อสูรจะเคลื่อนไปถึงป้อมถ่าลาตอนยังอยู่ในจุดสูงสุดได้หรือไม่ ?”
“ทำได้ แต่ได้เฉพาะขบวนขนาดใหญ่เท่านั้น อีกทั้งมันอาจไม่จำเป็นต้องมุ่งหน้าไปทางนั้น”
“หากไปผิดทิศ เราก็ปรับทิศให้มันได้ ส่วนเรื่องขนาดของขบวนสัตว์อสูร… อาจารย์ ท่านรู้กระมังว่าก่อปัญหานั้นง่ายกว่าคลี่คลายปัญหานัก หากแก้เรื่องเผ่าสัตว์อสูรไม่ได้ ก็ปลุกปั่นให้รุนแรงขึ้นเลยเป็นไง ?”
ฉู่อิงหว่านตาเป็นประกาย “ใช่แล้ว อย่างไรเราก็อยู่แดนเผ่าคนเถื่อน มีหรือต้องกลัวขบวนสัตว์อสูร ? ยิ่งใหญ่สิยิ่งดี !”