ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 175 ตายเพราะรอยแยกพลังสูญ
บทที่ 175 ตายเพราะรอยแยกพลังสูญ
ดาบของซูเฉินเริ่มเรืองแสง จุดแสงดาวปรากฏบนผิวดาบ
นี่คือพลังต้นกำเนิดยามถูกกลั่นแน่นจนถึงที่สุด ประกายระยิบระยับพร่างพรายออกมาพร้อมพลังอันน่าประหลาด เกิดเป็นแสงดาวส่องสว่างจ้าออกมา
แสงดาวมาบรรจบเป็นริ้วพลัง มุ่งสู่หน้าผากเฮ่อซื่อ รูม่านตาเขาขยายออกด้วยความกลัวสุดขีด
“อย่า !” ฉือหมิงเฟิงร้องตะโกน
มีโอกาสร้องออกมาครั้งเดียวก่อนศีรษะจะกระเด็นไป
ดาบเดียวเท่านั้น !
ใช้เพียงดาบเดียวซูเฉินก็บั่นคอเฮ่อซื่อได้
ทว่าฉือหมิงเฟิงไม่แปลกใจ เพราะท่าดาบนั่นมีกำลังเกินกว่าคนด่านทะลวงลมปราณธรรมดาจะสามารถทำได้ พลังมันแตะถึงคนด่านสู่พิสดารแล้ว
ไม่แปลกที่เฮ่อซื่อไม่อาจรับดาบเดียวจากด่านสู่พิสดารได้
หากจะมีเรื่องน่าประหลาดใจ ก็คือเรื่องที่ซูเฉินสามารถออกท่าดาบที่แกร่งขนาดนั้นออกมาได้อย่างไรมากกว่า
แต่ฉือหมิงเฟิงก็ไม่ประหลาดใจมากมาย ด้วยท่าดาบเป็นของซูเฉิน คนผู้นี้สร้างปาฏิหาริย์มานับครั้งไม่ถ้วน จะสร้างอีกสักครั้งก็คงไม่น่าแปลกแล้วกระมัง ?
ฉือหมิงเฟิงมองร่างไร้ชีวิตของเฮ่อซื่อล้มลง
ก่อนร่างเฮ่อซื่อจะล้มถึงพื้น ซูเฉินก็ชิงเอาแหวนในมือเฮ่อซื่อมาแล้ว
“กรรร !”
เสียงคำรามลั่นดังกึกก้องไปทั่วห้อง
ต้นเสียงมาจากเจ้าปีศาจแรดที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าคลังสมบัติ
แม้ว่าเฮ่อซื่อจะไม่มีโอกาสได้เปล่งเสียง แต่ท่าดาบของซูเฉินก็ทำให้เกิดแรงปั่นป่วนในอากาศ สร้างความผันผวนพลังขึ้นไม่น้อย ซึ่งราชันอสูรกายสามารถสัมผัสได้
เสียงร้องนี้เป็นดั่งระฆังเตือนภัย ดังก้องไปทั่วทั้งวังทันที
ซูเฉินเพียงแต่เดินไปหาฉือหมิงเฟิงด้วยท่าทีสบาย ยื่นมือออกไปแล้วเอ่ยเสียงสงบว่า “ของท่าน”
ฉือหมิงเฟิงกลืนน้ำลายแล้วส่งแหวนพลังให้ซูเฉิน “ข้าเพียงอยากรู้ว่าท่านจะรับมือสถานการณ์อย่างไร ไม่ได้คิดจะหักหลังท่านเลย” เขาอธิบาย
หากมองจากบางมุม นี่เป็นคำอธิบายได้ดีว่าฉือหมิงเฟิงกำลังยอมก้มหัวร้องขอความเมตตา
คนด่านสู่พิสดารก้มหัวให้กับซูเฉินที่เป็นคนด่านทะลวงลมปราณ
“ข้ารู้” ซูเฉินตอบเสียงเบา
เยี่ยเม่ยและตุ๊กตากระดาษขาวก็ส่งแหวนพลังให้ซูเฉินเช่นกัน
เสียงฝีเท้าของสัตว์อสูรร่างยักษ์ได้ยินดังกึกก้องอยู่ที่โถงทางเดินด้านนอก
ซึ่งก็คือเสียงฝีเท้าของเจ้าแรด
ซูเฉินไม่เสียเวลา มุ่งหน้าเข้าไปยังห้องสมบัติชั้นในทันที
พลังของขนนกแยกนภาเกือบหมดแล้ว ขอบของรอยแยกพลังสูญที่ไหวไปมาในอากาศเริ่มสั่นสะท้าน แสดงให้เห็นว่ามันเริ่มไม่มั่นคงแล้ว
ซูเฉินก้าวเข้าไปในหลุมพลัง
ต่อมาตุ๊กตากระดาษขาวและเยี่ยเม่ยจึงก้าวตามเข้าไป
ในขณะที่ฉือหมิงเฟิงกำลังจะข้ามไปบ้างนั่นเอง ก็พลันเห็นซูเฉินที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ใช้ปลายดาบที่ไปที่บางสิ่ง
เขากำลังชี้ไปที่แผ่นรูปแบบต้นกำเนิด
ฉือหมิงเฟิงชะงักค้างไป
เขาจ้องหน้าซูเฉิน
ซูเฉินเอ่ยว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าหากจุดเชื่อมต่อถูกทำลายในฉับพลัน จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อทำการการเคลื่อนย้ายผ่านพลังงานสูญ ?”
ฉือหมิงเฟิงเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว
ซูเฉินเอ่ย “ข้าเองก็ไม่รู้ แต่ข้าอยากรู้นัก ไม่เพียงแต่อยากรู้ว่าเส้นทางจะเกิดอะไร แต่ยังอยากเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากขณะนั้นมีสิ่งมีชีวิตที่กำลังข้ามไปด้วย”
ฉือหมิงเฟิงหลั่งเหงื่อเย็นทั่วหน้าผาก
เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่คว้าตัวเยี่ยเม่ยไว้ เขาน่าจะไปควบคุมทางออกเสียมากกว่า !
เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน ?
สมบัติและเงินตราทำให้ใจเขาหมองหม่น ดวงตาพร่ามัว จิตใจสับสน
เขายังต้องซูเฉินต่อไปอย่างเงียบเชียบ
เสียงฝีเท้าด้านนอกยิ่งดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามมาด้วยเสียงเปิดค่ายกลทีละค่าย ในโถงทางเดินยังมีค่ายกลจำกัดขอบเขตติดตั้งเอาไว้ เจ้าแรดยักษ์ไม่สนใจค่ายกลเหล่านั้นแล้วรีบมุ่งหน้ามายังคลังสมบัติโดยเร็ว
จากนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังตูม เจ้าแรดใช้นอกระแทกเข้ากับประตูหน้า
เคราะห์ดีที่ประตูนี้ไม่ใช่ประตูธรรมดา สร้างขึ้นจากโลหะล้ำค่า ทั้งยังมีค่ายกลมากมายคอยเสริม
แต่กระทั่งประตูที่ทรงพลังเช่นนี้ก็ยังเริ่มส่งเสียงร้องครวญครางภายใต้การโจมตีของเจ้าแรด สุดท้ายก็เริ่มแตกออก
ดูท่าประตูจะพังลงภายในไม่ช้าแล้ว
ฉือหมิงเฟิงจึงเริ่มลนลาน เขาไม่มีทางรับมือกับอสูรทรงพลังพวกนี้ได้แน่
เขาจ้องไปยังซูเฉิน “ซูเฉิน…… ข้า……”
“รู้ซึ้งถึงความรู้สึกที่ถูกทรยศหักหลังหรือยังเล่า ?” ซูเฉินถาม
ฉือหมิงเฟิงพยักหน้าจริงจัง
“เช่นนั้นก็ขอให้ท่านจำความรู้สึกนี้ไว้ ภายภาคหน้าอย่าได้กระทำความผิดเช่นนี้อีก” ซูเฉินเอ่ยเสียงข่มขู่
ราวกับคำนวณมาแล้ว พอเขาพูดจบ ประตูคลังสมบัติก็ถูกทำลาย เจ้าแรดทรงพลังหน้าผวาพุ่งเข้ามาแล้วร้องลั่น คลื่นพลังต้นกำเนิดเผยออกจากกาย ม้วนตัวเข้ามาใส่ฉือหมิงเฟิงราวกับคลื่นยักษ์
คลื่นพลังกำลังจะม้วนตัวกลืนฉือหมิงเฟิงเข้าไป ซูเฉินจึงเก็บดาบแล้วขยับไปด้านข้าง “ออกมาเถอะ”
ฉือหมิงเฟิงจึงรีบกระโดดเข้าไปโดยเร็ว เขากระโดดเข้ารอยแยกพลังไป มาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในป่าขนาดเล็ก
พอรีบหันไปก็เห็นว่าซูเฉินยังคงยืนอยู่หน้ารอยแยกพลัง
“รีบปิดรอยแยกพลังสูญเสียสิ !” ฉือหมิงเฟิงร้องเสียงดังลนลาน
หากเจ้าแรดนั่นข้ามมาได้ ทุกคนก็คงไม่รอด
ซูเฉินเพียงแต่จ้องเข้าไปในรอยแยกพลังสีหน้าสงบนิ่ง
เจ้าแรดขู่คำรามอีกครั้งแล้วพุ่งเข้ามาในรอยแยกพลัง จังหวะที่มันพุ่งเข้ามานั้นเอง ซูเฉินก็ใช้ดาบแทงแผ่นรูปแบบต้นกำเนิด
ตู้ม !
แผ่นรูปแบบต้นกำเนิดแตกกระจาย หลุมพลังหายไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าแรดพี่เพิ่งจะพุ่งเข้ามาในหลุมพลังยังคงติดอยู่กลางทาง
ในตอนนั้นเอง ทุกคนเห็นพลังงานสูญรุนแรงแผ่ออกมารอบทิศราวกับใบมีดขนาดเล็ก ค่ายกลนับไม่ถ้วนที่ตั้งเรียงรายอยู่ในโถงทางเดินไม่อาจทำอะไรเจ้าแรดทรงพลังตัวนี้ได้ แต่เมื่อพบกับริ้วพลังงานสูญอันคมเฉียบเข้ามันก็ไม่อาจต้านทาน ถูกหั่นร่างเป็นริ้ว ๆ นับพันทันที เหลือไว้เพียงนอขนาดใหญ่ที่รอดผ่านหลุมพลังแล้วร่วงลงมาตรงหน้าซูเฉิน
“กรรร !”
แม้จะเหลือเพียงหัว เจ้าแรดก็ยังคงส่งเสียงคำรามออกมา ภาพมายาของเจ้าแรดปรากฏขึ้น ภายใต้การควบคุมของภาพมายา เลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วพลันกลั่นแน่นรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้วพุ่งเข้าใส่ซูเฉินราวกับเป็นเศษเหล็ก
ในเมื่อพื้นฐานพลังมันถึงระดับเจ้าอสูรกายแล้ว มันจึงไม่ตายง่าย ๆ แม้จะเหลือเพียงหัว ใช้เวลาสักหน่อยก็จะงอกร่างออกมาใหม่ได้ พลังจิตของพวกมันแข็งแกร่งมากพอที่จะใช้ควบคุมวัตถุภายนอกได้ ตราบเท่าที่พลังจิตยังอยู่ พวกมันก็จะยังมีชีวิตอยู่
แน่นอนว่ากล่าวเช่นนั้นก็ยังนับว่าเกินจริงไป ทั้งด่านผลาญจิตวิญญาณและเจ้าอสูรกายนั้นมีข้อจำกัดอยู่ที่พลังจิต แม้จะสามารถงอกร่างใหม่ได้ ก็ต้องเสียพลังงานจิตเป็นจำนวนมาก
หากเจ้าแรดมุ่งพลังงานจิตไปที่การฟื้นฟูร่างเพียงอย่างเดียว มันก็อาจจะทำได้ แต่ก็ได้เพียงครั้งหนึ่งเท่านั้น ทว่ามันกลับไม่เลือกเช่นนั้น กลับใช้พลังจิตทั้งหมดมุ่งสังหารซูเฉินแทน
ไม่ว่าจะอย่างไร มันก็ต้องสังหารไอ้บัดซบที่ขโมยสมบัติของฝ่าบาทไปให้ได้
เจ้าแรดมีความภักดีเป็นอย่างสูง มันจึงถูกเลือกให้เฝ้าหน้าคลังสมบัติ
โชคไม่ดีที่การโจมตีของมันไร้ผลต่อซูเฉิน
“คิดจะใช้พลังงานจิตโจมตีข้าอย่างนั้นหรือ ? หากเป็นเรื่องพลังจิตข้าแกร่งกว่านัก” ซูเฉินเอ่ยเสียงสงบ
คลื่นพลังงานจิตระเบิดออกมา ทำให้เจ้าแรดรู้สึกราวกับตนต่อกรอยู่กับศัตรูขั้นราชันย์ก็มิปาน
“ไม่ !”
มันร้องลั่น รวบรวมกำลังทั้งหมดพยายามฝืนต้าน
ทว่าจิตของเจ้าแรดอ่อนแอกว่าซูเฉินเป็นทุนเดิม ในตอนนี้มันเองก็ไม่มีร่างกายอีกต่อไปแล้ว จึงไม่อาจฟื้นฟูพลังงานจิตได้อีก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีเต็มกำลังของซูเฉิน เจ้าแรดจึงได้แต่ร้องครวญ จิตกลายเป็นเถ้าธุลี ก่อนจะลอยหายไปกับสายลม
เจ้าอสูรกายจึงถูกสังหารสิ้นไปเช่นนั้น เหลือไว้เพียงผลึกแก้วต้นกำเนิดระดับเจ้าอสูรกายชิ้นหนึ่งที่ลอยเข้ามาในมือซูเฉินเบา ๆ
ผลึกแก้วชิ้นนี้ได้มายากเย็นนัก แต่เมื่อเทียบกับชิ้นที่อยู่ในคลังสมบัติจักรพรรดิอสูรกายแล้ว ก็นับว่าเทียบไม่ติด
ยังไงเสีย… การชิงสิ่งของคนอื่นมักได้ประโยชน์กว่าทำงานอย่างซื่อตรงสุจริตอยู่แล้วนี่นะ