ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 188 เขาเหล็กกล้า
บทที่ 188 เขาเหล็กกล้า
มังกรพิษใช้เวลาบินประมาณ 10 วันก่อนจะมาถึงปราการกู่หลาน
ปราการกู่หลานไม่ใช่สวรรค์บนดินเหมือนเมื่อสองหมื่นปีก่อน ในตอนนี้มันได้กลายเป็นเมืองเหล็กกล้าอันโอฬารไปแล้ว
ลักษณะเด่นที่สุดของปราการกู่หลาน คือเทือกเขาที่สร้างขึ้นจากโลหะ
ใช่แล้ว เป็นเทือกเขาที่สร้างขึ้นจากโลหะทั้งหมด ด้วยโลหะที่งอกขึ้นจากพื้นดินและเหยียดขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนดาบโค้งที่ห่อหุ้มปราการกู่หลานอยู่ภายในคมดาบ
นี่คือเขาเหล็กกล้าอันเลื่องชื่อ
เขาเหล็กกล้าเป็นงานสถาปัตยกรรมที่มหัศจรรย์ที่สุดงานหนึ่งที่สร้างโดยผ่าพันธุ์อัจฉริยะ นอกจากเมืองเวหาเผ่าปักษา ก็ไม่มีอะไรเทียบได้อีก
เมืองเวหาเผ่าปักษาเรียกได้ว่าเป็นเมืองที่สร้างขึ้นจากภูมิปัญญาที่ตกผลึก แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ อาณาจักรอาร์คาน่าได้เกณฑ์บุคคลที่มีความสามารถนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างมันขึ้นมา
แต่เขาเหล็กกล้าของคนเถื่อนนั้นเหมือนความโง่เขลาที่ตกผลึกมากกว่า
ภูเขาเหล็กอันสง่างามไม่ใช่ผลลัพธ์จากการวางแผนอย่างชาญฉลาดและการออกแบบที่สร้างสรรค์ แต่เป็นผลพลอยได้จากความโง่ของคนเถื่อน
หลังจากคนเถื่อนค้นพบพื้นที่กู่หลาน ซึ่งในตอนนั้นเปรียบได้เหมือนสวรรค์บนดินแล้ว ก็จัดการสร้างเมืองหลวงที่นั่น เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานถึง 1,800 ปี
แต่เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว จำนวนประชากรก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คนเถื่อนเริ่มรู้สึกว่าทรัพยากรในปราการกู่หลานไม่พอหล่อเลี้ยงผู้คนทั้งหมด
ในตอนนั้นมีทางเข้าออกกู่หลานเพียง 2 ทางเท่านั้น ซึ่งทั้งสองเป็นทางที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา คืออุโมงค์ใต้น้ำและช่องเขาลับ เพื่อเพิ่มพื้นที่ทำกินและทางเข้าออกพื้นที่กู่หลาน คนเถื่อนจึงเสนอความคิดค่อนข้างน่าขันหนึ่งขึ้นมา นั่นคือการทำลายภูเขาสองลูกที่โอบล้อมปราการกู่หลานเพื่อเพิ่มพื้นที่ และแก้ไขปัญหาทั้งสองอย่าง
‘วิธีแก้ปัญหาอันล้ำเลิศ’ นี้หากเป็นมนุษย์เสนอขึ้นมาคงได้ถูกหัวเราะเยาะเป็นเรื่องตลก และคนผู้นั้นก็คงถูกไล่ออกเป็นแน่
แต่จะใช้สามัญสำนึกเพื่อทำความเข้าใจตรรกะความคิดของพวกสติปัญญาต่ำเช่นนี้ไม่ได้
เมื่อรับมือกับพวกสติปัญญาต่ำเช่นนี้ย่อมสามารถเกิดเหตุการณ์คาดไม่ถึงได้มากมายหลายอย่าง
ใช่แล้ว ข้อเสนออันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้ได้รับการยอมรับเข้าจริง ๆ
สำหรับคนเถื่อน การเจาะเขาทั้งสองไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ อย่างไรพวกเขาก็เป็นคนที่ขนย้ายอารามพลังต้นกำเนิดที่ตั้งอยู่ในแดนอาร์คาน่า มายังปราการกู่หลาน
เผ่าพันธุ์อัจฉริยะอื่นอาจไม่สามารถทำได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนเถื่อนจะทำไม่ได้เช่นกัน
และเพราะงานนี้ใช้เพียงกำลังภายนอกเท่านั้น จึงไม่แปลกที่พวกเขาสามารถทำได้สำเร็จ
ถ้าหากสามารถขนย้ายอารามพลังต้นกำเนิดมาจนถึงที่นี่ได้ ก็สามารถทำลายภูเขาสองลูกได้เช่นกัน
คนเถื่อนจึงเริ่มทำหน้าที่ขนย้ายภูเขาอย่างโง่งม
และไม่ใช่เพียงตระกูลเดียว แต่ได้รับแรงสนับสนุนจากคนทั้งหมด
สุดท้าย คนเถื่อนก็สามารถทำลายภูเขาขนาดใหญ่ทั้ง 2 ลูกได้ภายในเวลาเพียง 300 ปี
ปราการกู่หลานซึ่งไม่ใช่พื้นที่มหัศจรรย์ที่หลบซ่อนอยู่ในหุบเขาอีกต่อไป แต่กลายเป็นเมืองใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่ราบว่างเปล่า
หลังจากนั้นไม่นาน คนเถื่อนจึงต้องชดใช้ผลจากความโง่ของตนเอง
หลังจากทำลายภูเขาทั้งสองแล้ว ก็พบว่ารอบข้างของปราการกู่หลานเริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดินแดนที่ก่อนหน้าเป็นสวรรค์บนดินเริ่มเหี่ยวเฉาและตายลง เมื่อไม่มีภูเขาทั้งสองคอยปกป้องแล้ว บรรยากาศรกร้างจากทางเหนือก็รุกคืบเข้ามาทำลายความอุดมสมบูรณ์ของปราการกู่หลานอย่างรวดเร็ว หากไม่ใช่เพราะมีธารานิรันดร์ที่ทำให้ผืนดินชุ่มชื้น ผลิตทรัพยากรจำเป็นได้ ปราการกู่หลานคงจะล่มสลายไปนานแล้ว
เรื่องนี้ทำให้คนเถื่อนตื่นตกใจนัก
พวกเขารวมตัวกันถกเถียงปัญหานี้กันอีกครั้ง
และก็มีข้อเสนอแปลกประหลาดถูกเสนอขึ้นมาอีก
คนเถื่อนบางคนเชื่อว่า ในเมื่อทำลายภูเขาแล้วเกิดเรื่องเช่นนี้ ก็สร้างมันขึ้นมาใหม่เพื่อแก้ปัญหาไม่ได้หรือ?
แทบนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนคิดเช่นนี้ขึ้นมาได้ แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ข้อเสนอได้รับการยอมรับ
คนเถื่อนมักจะมองโลกเรียบง่ายตรง ๆ หากทำลายภูเขาแล้วเกิดเรื่องแย่ก็สร้างมันกลับคืนสิ
สวรรค์คงจะสงสาร ทำให้สติปัญญาอันน่าสมเพชได้นำมาซึ่งประโยชน์ในที่สุด
คนเถื่อนผู้หนึ่งบอกว่าในเมื่อจะสร้างขึ้นใหม่ ก็ใช้เหล็กไปเลยเสียสิ เพราะมันทั้งแข็งแกร่งและทนทาน ทั้งยังใช้เป็นกำแพงได้อีก
ข้อเสนอนี้ได้รับการยอมรับเช่นกัน
หลังจากนั้น คนเถื่อนจึงเริ่มสร้างภูเขาขึ้นมาใหม่
พวกเขาใช้เวลา 300 ปีในการทำลายภูเขาสองลูก แต่จะสร้างมันกลับคืนให้เหมือนเดิมต้องใช้เวลามากกว่าเดิม 20 เท่า
ความล้มเหลวของงานนี้ทำให้เกิดการล่มสลายของสองเผ่าที่มีอำนาจอยู่ในขณะนั้น เผ่าขวานสังหารและเผ่าอินทรีแดง
หกพันปีต่อมา เขาเหล็กกล้าก็ถูกสร้างขึ้นโดยสมบูรณ์ ธรรมชาติในปราการกู่หลานค่อย ๆ ฟื้นตัว อันที่จริงช่วงสุดท้ายของการสร้างเขาเหล็กกล้าถูกสร้างขึ้นมากเกินความจำเป็น สำหรับคนเถื่อนแล้ว มีแต่การสร้างภูเขาให้สูงเท่าเดิมเท่านั้นที่จะสามารถชดเชยให้กับความโง่เขลาเมื่อก่อนหน้านี้ได้
เขาเหล็กกล้าในปัจจุบันเป็นของสร้างขึ้นที่สง่างามที่สุดชิ้นหนึ่งที่เผ่าพันธุ์อัจฉริยะสามารถทำขึ้นมา
ภูเขาเหล็กเหล่านี้ ซึ่งสูงเสียดฟ้า ไม่อาจมีสิ่งก่อสร้างใดที่สูงเกินกว่ามันไปได้เลย
ในเวลาเดียวกันมันก็กลายเป็นปราการที่ทรงพลังที่สุดในใต้หล้า เป็นกำแพงที่ไม่อาจทำลาย ไม่มีใครหาญกล้าจะทำลายประการของกู่หลานได้เลย
เคราะห์ดีที่คนเถื่อนไม่ได้โง่ถึงขั้นลืมสร้างประตูทางออก
นอกจากอุโมงค์ใต้น้ำแล้ว ภูเขาที่สร้างขึ้นมาใหม่มีทางออก 12 ทาง
หลังประตูแต่ละบานคือเส้นทางที่ทอดยาวไปหลายลี้ เป็นความยาวที่น่าตกใจไม่น้อย
ทหารคนเถื่อนจำนวนมากคุ้มกันอยู่บนยอดเขา ด้านบนสุดจะมีกองทหาร ประจำอยู่ ใช้ทั้งชีวิตทำงานและพักผ่อนอยู่บนนั้น
กระทั่งนกที่จะบินขึ้นไปบนยอดยังต้องได้รับการอนุญาตก่อน
เพราะเขาเหล็กกล้าสูงเกินไป ยอดสูงเสียดฟ้า ที่ยอดเขาจึงเกิดไต้ฝุ่นอยู่ตลอด แม้แต่นกที่บินได้สูงก็ยังทนต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้ได้ยาก
อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นปราการที่ไม่อาจทำลายได้ เป็นกำแพงเมืองที่ไม่มีวันทลาย
แต่หากมองจากมุมมองของมนุษย์ การสร้างเกราะกำบังเช่นนั้นนับว่าเสียดายของนัก !
เสียตั้งแต่ต้นจนจบ
นอกจากคนเถื่อน ก็ไม่มีใครคิดจะโจมตีสถานที่ที่ยากจนข้นแค้น เว้นแต่พื้นที่ภายในเมืองหรอก
และผู้บุกรุกไม่จำเป็นต้องใช้กำลังบุกตะลุยเข้าไปด้วย
นั่นคือเรื่องในขณะนี้
ตานปาลงจากหลังมังกรพิษ หลังจากบังคับมาลงจอดอยู่นอกกำแพงเมือง “ข้าคือหัวหน้าชนเผ่ากิ้งก่ากรวด ตานปา นี่หลักฐาน”
เหรียญกระดูกที่มีกลิ่นอายโบราณปรากฏขึ้นในฝ่ามือตานปา
นี่คือเหรียญยืนยันตัวตนของหัวหน้าชนเผ่ากิ้งก่ากรวด สร้างมาจากแก่นกระดูกของราชากิ้งก่ากรวด ตัวมันยังเป็นเครื่องมือต้นกำเนิดทรงพลังชิ้นหนึ่งด้วย
ตานปาใส่พลังเข้าไปในเหรียญ ภาพมายาของกิ้งก่ากรวดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของตานปา เผยกลิ่นอายดุดันทว่ากลมกลืนออกมา ชวนให้นึกถึงภาพมายาจากสายเลือดที่มนุษย์ถือครอง
ทหารชนเผ่าเพลิงยกมือขึ้นเหนืออกแล้วคำนับเมื่อเห็นภาพนั้น “ทำความเคารพหัวหน้าเผ่า ! ปราการกู่หลานขอยินดีต้อนรับ”
“ปราการกู่หลานจงเจริญ !” ตานปาตอบ ลงจากหลังมังกรแล้วเดินเข้าเมืองไป
“เท่านี้หรือ ?” ซูเฉินถาม
“จะเอาอะไรอีกเล่า ?”
“นึกว่าเขาจะถามว่าเรามาทำอะไร”
ตานปาหัวเราะ “หากไม่มีเรื่อง ปกติแล้วหัวหน้าเผ่าจะมาด้วยความสมัครใจเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น…… คือเรื่องอารามพลังต้นกำเนิด”