ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 76 การพัฒนา
บทที่ 76 การพัฒนา
วิชาเหนือธรรมชาติวิชาแรกได้ปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษย์โดยไม่เกิดเรื่องโกลาหลใด หากแต่เมื่อหินก้อนแรกถูกโยนลงทะเลสาบไปแล้ว ผลที่ทำให้เกินคลื่นน้ำ ไม่นานก็ย่อมเกิดขึ้นให้รับรู้
หากแต่ในตอนนี้ซูเฉินยังต้องจัดการเรื่องการแต่งงานอยู่
จริง ๆ ก็คือเขาง่วนอยู่กับเรื่องเดียว เรื่องเครือข่ายเรือเหาะ
โครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายเรือเหาะได้ก่อตั้งมั่นคงแล้ว หลี่ชู่เป็นผู้ประกอบการโดยแท้ และเพราะคนชั้นสูงจากหลายตระกูลสายเลือดชั้นสูงต่างอยากทำการค้าด้วย ดังนั้นการก่อสร้างจึงดำเนินไปได้ด้วยดี
หากแต่เครือข่ายเรือเหาะเป็นกิจการที่จำต้องข้ามเขตแดน ทุกจุดเชื่อมของเครือข่ายเรือเหาะจำต้องสร้างขึ้นบนพื้นที่มั่นคง ไม่เพียงแต่ตระกูลสายเลือดชั้นสูงต้องให้ความร่วมมือ ทางการเองก็ต้องสนับสนุนเช่นกัน ดังนั้นหลังจากก่อสร้างแล้ว ไม่เพียงแต่ตระกูลสายเลือดชั้นสูงในเมืองกลืนธาราที่อยากเข้าร่วม กระทั่งตระกูลสายเลือดชั้นสูงจากเมืองอื่น ๆ ก็อยากลองลงมือด้วยเช่นกัน
เป็นสิ่งที่ซูเฉินไม่คาดคิดมาก่อน
ความคิดแรกเริ่มของเขาคือเครือข่ายเรือเหาะจะทำเพียงช่วยเสริมความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลกู่ แต่กลับดึงดูดคนมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียอย่างนั้น
สุดท้ายแม้อยากจบก็จบไม่ได้แล้ว ตอนนี้มีคนมากมายที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป
เคราะห์ดีที่ซูเฉินไม่มีแผนจะหยุดอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าตนจะกลายเป็นผู้ประกอบการด้านเรือเหาะทั้งที่ต้องการทำเรื่องแต่งงานเพียงเท่านั้น
เรื่องทั้งหมดทำเอาเขาไร้คำจะเอื้อนเอ่ย
ตอนนี้ยักษ์ใหญ่ทางการค้ากำลังเดินทางไปตามทางเดินยาวในเมืองสายหนึ่ง กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องต่าง ๆ และวิธีจัดการปัญหาทั้งหลาย
“ข่าวจากเมืองฟากน้ำตะวันตกขอรับ ชาวบ้านที่นั่นไม่อยากให้ตั้งพื้นที่อาหารสัตว์ขึ้นที่นั่น พวกเขาบอกว่าหญ้ากัดกร่อนที่แกะนักโทษชอบกินนั้นทำให้เกิดฝุ่นสีแดงในอากาศ กระทบต่อพืชพันธุ์ที่ปลูกขอรับ”
“แล้วทำไมที่อื่นถึงไม่ร้องเรียนเรื่องนี้เล่า ?”
“หญ้ากัดกร่อนมักถูกรบกวนโดยมันเทศดำ ในเมืองนั้นไม่ค่อยมีใครปลูกมันเทศดำกันเท่าไหร่ แต่เมืองฟากน้ำตะวันตกนั้นเป็นเนิน ขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ จึงทำการเพาะปลูกมันเทศดำที่แข็งแรงเสียมาก ยิ่งหมายความว่าได้รับผลกระทบเยอะกว่า เจ้าเมืองหลี่แห่งเมืองฟากน้ำตะวันตกเรียกข้าเข้าพบตอนพบเรื่อง และหวังว่าพวกเราจะมอบเงินให้หมู่บ้านเขาบ้าง แต่ข้าปฏิเสธไป ท่านก็รู้ว่าพองดเว้นให้คนหนึ่ง คนอื่น ๆ ก็ดาหน้ากันเข้ามา ดังนั้นตอนนี้จึงยังนิ่งอยู่ขอรับ”
“บอกให้ปลูกอย่างอื่นไม่ได้หรือ ?”
“ปัญหาคือพวกเขาไม่เต็มใจ” หลี่ชู่ทำท่าทางจนใจ “ท่านก็รู้ว่าเกษตรกรเหล่านั้นบางครั้งก็ขาดสายตาอันกว้างไกล ข้าส่งคนไปให้คำแนะนำ อธิบายประโยชน์ของการเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น ๆ แล้ว แต่กลับไม่มีใครฟัง สำหรับพวกเขาแล้ว การเปลี่ยนการกระทำนั้นเรื่องใหญ่มาก พวกเราก็น้ำท่วมปาก ผู้อาวุโสสี่ตระกูลกู่เองก็เริ่มข้องใจแล้ว บอกถึงสองครั้งว่าจะส่งคนไปสังหารคนในหมู่บ้านให้ราบคาบ แต่ข้าก็สงบเขาไว้ได้ทั้งสองครา”
ซูเฉินเริ่มมุ่นคิ้ว เอามือไพล่หลังเดินไปมา “ถึงเมืองฟากน้ำตะวันตกจะเป็นเนิน แต่ดินก็น่าจะปลูกพืชอื่นอย่างข้าวฟ่างสีชาดได้ พรุ่งนี้ส่งคนไปเมืองฟากน้ำตะวันตก ตั้งร้านค้าเมล็ดขึ้น แล้วให้เขารับซื้อข้าวฟ่างสีชาดในราคาสูงสักหน่อย”
หลี่ชู่ตาเป็นประกาย “เป็นความคิดที่ดีนัก ชาวนาที่นั่นชอบผลกำไร หากจับต้องได้พวกเราก็น่าจะทำให้เขาเปลี่ยนมาปลูกอย่างอื่นสำเร็จ ข้ากังวลเพียงว่าจะมีคนพยายามก่อเรื่องหลอกลวงเราโดยจงใจ หรือกระทั่งคนที่ไม่คิดจะเชื่อเรา……”
“กับคนที่ไม่เชื่อเจ้าก็ไปเจรจาเสีย ใช้ทองซื้อข้าวฟ่างสีชาดของปีหน้าไว้เลย ส่วนคนที่หมายคิดไม่ซื่อ……” ซูเฉินตาเป็นประกายเหี้ยม “ข้าไม่เคยละเมิดหลักการตน เมื่อต้องหย่อนก็ต้องหย่อน แต่เมื่อต้องสังหารคนที่จิตคิดไม่ซื่อ เช่นนั้นก็ต้องสังหาร !”
หลี่ชูป้องมือ “รับทราบขอรับ”
“มีอะไรอีกหรือไม่ ?”
หลี่ชู่เอ่ยต่อ “เหลียงปั๋วจือเมืองห้วยตะวันออกอ้างว่าหากเครือข่ายเรือเหาะของเมืองกลืนธาราอยากลงจอดในเขตแดนของเขา ทางเครือข่ายต้องแบ่งผลประโยชน์สามในสิบส่วนให้เขาขอรับ”
“สามในสิบส่วน ?” ซูเฉินหัวเราะลั่น “เขาคิดจะปล้นข้าหรือ ? ตัวเลขนั้นเป็นไปไม่ได้”
“ขอรับ ข้าส่งคนไปต่อรองแล้ว ภายหลังข้าถึงรู้ว่าเขาเพียงอยากได้ส่วนแบ่ง”
“อยากได้ส่วนแบ่ง ?” ซูเฉินหรี่ตา “แต่ไม่อยากจ่าย ?”
“ขอรับ”
“ฝันอยู่กระมัง !”
“อย่างไรเขาก็เป็นเจ้าเมืองห้วยตะวันออก หากไม่ตกลง เรือมังกรก็ลงจอดไม่ได้นะขอรับ”
“ใครเป็นคนดูแลเมืองห้วยตะวันออก ? ทำไมเขาถึงไม่ดูแลเล่า ?”
“กู่หวายซง”
เมื่อได้ยินชื่อแล้ว สีหน้าซูเฉินก็ทะมึนลงเล็กน้อย
กู่หวายซงเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่ากู่เซวียนเหมี่ยน หนึ่งในสมาชิกสมาคมข่ายตระกูล แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เหมือนกู่เซวียนเจาหรือกู่เซวียนอวี่ เขาทั้งดื้อรั้นและเกลียดการต้องรับผิดชอบงาน
เดิมทีซูเฉินก็ไม่รู้ว่ากู่หวายซงจะเป็นเช่นนี้ เขาเพียงอยากดึงตัวคนจากสมาคมข่ายตระกูลมาฝั่งเขาเท่านั้น แต่เมื่อสำเร็จแล้ว ความคิดต่อสถานการณ์ของเขาจึงเปลี่ยนไป
อาทิเช่น ตอนนี้เขาเริ่มจู้จี้จุกจิกแล้ว
เขาเสียใจที่ดึงตัวกู่หวายซงเข้ามา
แต่เสียใจก็สายไปแล้ว เขาก้มหัวครุ่นคิดก่อนกล่าว “ยังไม่ต้องสนใจเส้นทางเมืองห้วยตะวันออกแล้วกัน เราต้องเปลี่ยนการแบ่งผลประโยชน์สักหน่อย ต่อไปเส้นทางนี้จะได้รับการดูแลจากผู้ดูแลพิเศษ ทุกอย่างจะให้พวกเขาควบคุม แน่นอนว่าพวกเขาย่อมได้รับรางวัลเพิ่มเติมด้วย”
“เช่นนั้นผลกำไรเราจะลดลงมากนะขอรับ” หลี่ชู่เอ่ย
ซูเฉินตอบ “ข้าไม่ได้ริเริ่มเครือข่ายเรือเหาะเพื่อเงินอยู่แล้ว”
ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูเฉินก็ยังไม่ลืมว่าเขาทำมันไปทำไม
หากทำให้ไม่ยุ่งยากได้ จะเสียกำไรไปสักหน่อยก็ไม่เป็นไร
หลายอย่างขึ้นอยู่กับว่าเจ้ายอมจ่ายหรือไม่ หากซูเฉินยอมจ่าย ปัญหายุ่งยากก็อาจกลายเป็นเรื่องง่ายได้ทันที
สามวันถัดมา เหลียงปั๋วจือก็ถอดถอนคำขอก่อนหน้า แล้วให้ความร่วมมือกับเครือข่ายเรือเหาะเมืองกลืนธารา กู่หวายซงที่เดิมทีเกียจคร้านก็เริ่มลงมือทำงาน วิ่งวุ่นไปทั่ว เส้นทางเครือข่ายเรือเหาะไปยังเมืองห้วยตะวันออกจึงเป็นรูปเป็นร่างอย่างรวดเร็ว
ทำให้ซูเฉินรู้ว่าความเกียจคร้านนั้นเป็นความสัมพันธ์ ที่ส่งผลให้มุมมองต่อบางสิ่งของเขาเริ่มเปลี่ยนไป
อาจกล่าวได้ว่ากระบวนการสร้างเครือข่ายเรือเหาะทั้งหมดนี้ทำให้ซูเฉินเข้าใจความเป็นไปของใต้หล้าโดยรวมได้มากขึ้น เขาที่พยายามทำความเข้าใจคนอื่น ๆ ก็ยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับแผ่นดินที่อาศัยอยู่เช่นเดียวกัน
แต่ก่อน เขามักใช้เล่ห์เหลี่ยมในการจัดการเรื่องต่าง ๆ แต่เมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ และสั่งสมประสบการณ์มาเรื่อยแล้ว เขาก็เริ่มมองมันในภาพรวมมากขึ้น
กระบวนการทั้งหมดนี้ทำให้การคิดของซูเฉินและความรอบรู้ของเขาขึ้นสู้จุดสูงระดับใหม่
อาจเพราะเรื่องนี้จึงทำให้เขาสร้างวิชาสะเทือนสวรรค์และพิภพอย่างจิตตัดฟ้าขึ้นมาได้กระมัง
เวลาผ่านไป พริบตาเดียวก็ผ่านไปหลายเดือนแล้ว การก่อสร้างเครือข่ายเรือเหาะถึงขั้นตอนสุดท้ายในที่สุด
ซูเฉินกับกู่ชิงลั่วเองก็สนิทสนมกันขึ้นเรื่อย ๆ ซูเฉินกลายเป็นแขกประจำบ้านตระกูลกู่ไปแล้ว เข้าออกตระกูลได้ตามใจชอบ
ซูเฉินกับกู่ชิงลั่วย่อมกลายเป็น ‘คนรู้จัก’ กัน ก่อนจะค่อย ๆ กลายเป็นมี ‘มิตรภาพ’ ต่อกัน
ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน
ไม่นานก็จะถึงเวลาที่เขามาสู่ขอแล้ว
หากแต่เมื่อถึงจังหวะสำคัญนี้กลับเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น