ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 88 ถูกพิษ
บทที่ 88 ถูกพิษ
ลูกปัดสีแดงจัดเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้น มันเป็นของเก่าพอสมควร พื้นผิวภายนอกจึงหม่นลงเล็กน้อย หากแต่พลังดุดันภายในกลับไม่อ่อนกำลังลงเลย เพลิงดุดันภายในสามารถแตะสัมผัสได้จากภายนอก
เปลวไฟในลูกกลมนั้นเดือดพล่านราวลาวา ซูเฉินสัมผัสได้ถึงรังสีความร้อนที่แผ่ออกมาได้เลย
ผลึกต้นกำเนิดไฟ !
เป็นผลึกต้นกำเนิดไฟจริง ๆ!
ซูเฉินตาเป็นประกาย
“เป็นแก่นของปีศาจหินหลอมเหลว ข้าได้มาตอนต่อสู้เมื่อสองร้อยปีก่อนตอนปกป้องเมืองจากอสูรกาย แต่สายเลือดข้าไม่เกี่ยวกับไฟจึงไม่เคยใช้ และหาโอกาสนำมันมาแลกเปลี่ยนมาโดยตลอด ไม่คิดเลยว่าจะใช้เวลานานเพียงนี้”
ซูเฉินดีใจนัก “ขอบพระคุณบรรพชนมาก !”
เขากำลังจะรับของมา แต่กู่เหยาเยี่ยพลันหดมือกลับ “ข้าไม่ได้บอกว่าจะให้เจ้าเปล่า ๆ ข้าตอบแทนความดีความชอบที่เจ้าปกป้องเมืองจากอสูรกายด้วยผลึกต้นกำเนิดอสรพิษสายฟ้าไปแล้ว ครั้งนี้ไม่ติดค้างกันอีก ฉะนั้นเจ้าคิดจะใช้อะไรแลกเปลี่ยนเล่า ?”
ซูเฉินยิ้มเจื่อน “บรรพชน ชิงลั่วกับข้าหมั้นกันแล้ว ท่านไม่คิดจะมอบของขวัญพวกเราหน่อยหรือ ?”
“ย่อมมีให้” กู่เหยาเยี่ยตอบ หยิบหินบุปผาน้ำแข็งก้อนหนึ่งจากพื้นที่นั่งขึ้น “เจ้าว่าชิ้นนี้เป็นอย่างไร ?”
จิ้งจอกนั้น จะแก่หงำเหงือกอย่างไรก็คือจิ้งจอก !! หินบุปผาน้ำแข็งราคาสูงนัก มอบให้เป็นของขวัญแสดงความยินดีไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย แต่มันด้อยกว่าผลึกต้นกำเนิดไฟนัก
กู่เหยาเยี่ยต้อนเขาเสียจนมุม ซูเฉินทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่เอ่ยเสียงขื่นว่า “ข้าคืนร้านรวงต่าง ๆ ที่ข้าซื้อไปได้ ทั้งยังจะมอบส่วนแบ่งในเครือข่ายเรือเหาะทั้งหมดของข้าแก่ท่าน”
กู่เหยาเยี่ยชะงักไป “เงินมากทีเดียว เจ้าจะยอมทิ้งมันไปอย่างนี้หรือ ?”
ซูเฉินตอบ “จุดมุ่งหมายของข้าคือการเข้าใจความลับของจักรวาล ไม่ใช่เพื่อครอบครองเงิน เงินเป็นเพียงเครื่องมือที่ข้าใช้เพื่อไปถึงจุดหมายและเป็นการลงทุนเพื่อให้ได้แต่งงานกับชิงลั่วเท่านั้น ในเมื่อข้ามาถึงจุดหมายแล้ว จะละทิ้งมันไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
เมื่อเอ่ยถึงเป้าหมาย เขาก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นมา
กู่เหยาเยี่ยได้ยินแล้วก็ชื่นชมนัก “ดี ดี ดีมาก ! เช่นนั้นข้าก็ยอมรับ”
ว่าจบก็ส่งหินบุปผาน้ำแข็งและผลึกต้นกำเนิดไฟให้ซูเฉิน
ทั้งสองกำลังคุยกันอย่างมีความสุขนั่นเอง ข้ารับใช้คนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามา “บรรพชน บรรพชน มีเรื่องร้ายเกินขึ้นขอรับ !”
“เจ้าเป็นอะไรไป ?” กู่เซวียนเหมี่ยนตะคอกเสียงขุ่น
“บรรพชน เป็นคุณหนูสี่ นาง…… นาง……”
“ชิงลั่ว ?” ซูเฉินอึ้งไปก่อนรีบเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นกับนาง ?”
“นางหมดสติไปขอรับ”
ภายในห้อง เห็นกู่ชิงลั่วนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเผือด ร่างกายไม่ไหวติง
เมื่อซูเฉิน กู่เซวียนเหมี่ยนและกู่เหยาเยี่ยมาถึง ทุกคนก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า
ซูเฉินพุ่งไปหากู่ชิงลั่ว ก่อนจับข้อมือนางตรวจชีพจร
กู่เซวียนเหมี่ยนร้องขึ้น “เกิดอะไรขึ้น ?”
สาวใช้คุกเข่าอยู่บนพื้นเอ่ยเสียงตะกุกตะกักขึ้น “เมื่อครู่นางยังสบายดี แต่จู่ ๆ ก็หมดสติไปเจ้าค่ะ”
“ก่อนหน้านี้นางดื่มหรือกินอะไรหรือไม่ ?” ซูเฉินถาม
สาวใช้ตอบหลังคิดครู่หนึ่ง “เจ้าค่ะ คุณชายโจวส่งขนมมาให้ คุณหนูสี่กินไปชิ้นหนึ่ง”
“โจวชิงขวง ?” กู่เซวียนเหมี่ยนชะงักไป
“ขนมอยู่ไหน ? รีบเอามา !” ซูเฉินตะคอก
สาวใช้จึงรีบนำขนมมา ซูเฉินมองปราดเดียวก็ร่างสั่นเทิ้ม “ขนมมีพิษ”
“เจ้าว่าไงนะ ?” กู่เซวียนเหมี่ยนเริ่มปล่อยไอสังหารออกมา นัยน์ตากรุ่นความเกรี้ยวกราด “โจวชิงขวง !!!”
ถึงจุดนี้แล้วมีหรือเขาจะไม่เข้าใจ ?
โจวชิงขวงต้องไม่พอใจที่กู่ชิงลั่วได้แต่งกับซูเฉิน ทำให้เลือกแก้แค้นเช่นนี้
หากแต่เขาไม่คิดว่าโจวชิงขวงจะกล้าขนาดวางยาพิษนาง
จริง ๆ แล้วคนคนนี้ถูกตระกูลเอาอกเอาใจมาตั้งแต่ก่อน ไม่เคยพบเรื่องร้ายมาก่อน มีนิสัยชอบถือครอง ไม่แปลที่จะลงมือทำเรื่องเช่นนี้
กู่เซวียนเหมี่ยนโกรธจัด “มันอยู่ไหน ?”
“คุณชายโจวกลับตระกูลโจวไปแล้วเมื่อเช้าเจ้าค่ะ”
“ไอ้เลวนั่น !” กู่เซวียนเหมี่ยนร้องเสียงโกรธ หากแต่ก็รู้ว่าไม่ใช่เวลามาใส่ใจเรื่องนั้น ได้แต่เอ่ยว่า “เฉินเอ๋อร์ เจ้าอยู่ดูแลกู่ชิงลั่วที่นี่ ข้าจะไปพาหมอมา !”
“ไม่จำเป็น ข้าเป็นหมอฝีมือดีที่สุดแล้ว” ซูเฉินตอบเสียงเรียบ
ว่าแล้วก็หยิบหนังสัตว์อสูรออกมา
เจ้าสิ่งนี้ชอบกินพิษมาก ว่ากันตามหลัก มันจึงสมควรจะกลืนกินพิษทุกอย่างเข้าไป
เมื่อคลี่มันออกมาแล้ว ฟองสีดำก็คืบคลานออกมาจากร่างกู่ชิงลั่ว ก่อตัวกลายเป็นหยดน้ำกลมสีดำอย่างรวดเร็ว
“หญ้าฟองแก้วสีม่วง ?” ซูเฉินรู้ชนิดพิษทันที
หญ้าฟองแก้วสีม่วงเป็นยาพิษที่น่ากลัวอย่างยิ่ง มันสามารถกัดกร่อนร่างกายได้อย่างรวดเร็วและทำร้ายเส้นทางพลังต้นกำเนิดในร่าง กระทั่งคนด่านสู่พิสดารยังต้านพิษแรงเช่นนี้ได้ยาก ใครจะคิดว่าโจวชิงขวงจะใช้พิษแรงเช่นนี้กับกู่ชิงลั่ว ? เจ้านั่นมันบ้าไปแล้วจริง ๆ
ซูเฉินโกรธนัก หนังสัตว์อสูรค่อย ๆ ลอยเป็นระลอกคลื่นอยู่เนหือร่างกู่ชิงลั่ว ดูดกลืนพิษทั้งหลายที่แผ่ออกมา
หากแต่เมื่อพิษถูกดูดออกไปแล้ว อาการกู่ชิงลั่วก็ไม่ดีขึ้นสักนิด กลับกัน ร่างนางกลับมีแสงแดงเรือง ๆ ออกมา ลมหายใจยิ่งหนักหน่วงขึ้นกว่าเก่า
ทันใดนั้นนางก็กระอักเลือด สีหน้าซีดเผือดยิ่งย่ำแย่ลงกว่าเดิม
“เกิดอะไรขึ้น ?” กู่เซวียนเหมี่ยนยิ่งกระสับกระส่าย
ซูเฉินตอบเสียงเศร้า “หญ้าฟองแก้วสีม่วงพิษร้ายเกินไป แม้จะถอนพิษออกมาหมดแล้ว แต่อาการพิษยังคงอยู่ เมื่อไร้หญ้าฟองแก้วสีม่วงคอยกดดัน ปฏิกิริยาของร่างกายนางจึงไม่อาจควบคุมได้…… เรายังมาช้าเกินไป”
หญ้าฟองแก้วสีม่วงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เวลาพิษทำงานนั้นสั้นมาก แต่ในช่วงเวลานั้นกลับสร้างอาการบาดเจ็บรุนแรงได้หนักหนาสาหัสนัก
นับตั้งแต่ที่กู่ชิงลั่วสลบไป จนถึงตอนที่ซูเฉินรักษานางก็ผ่านไปหลายอึดใจ ในระหว่างนั้น หญ้าฟองแก้วสีม่วงได้ซึมเข้าร่างกู่ชิงลั่ว กัดเซาะกระดูก เกิดเป็นความเสียหายที่เห็นได้ชัดเจน เนตรมองโลกจุลภาคของซูเฉินเห็นชัดเจนว่าภายในนางมีเลือดออกไปทั่ว หญ้าฟองแก้วสีม่วงได้ทำลายการทำงานของอวัยวะภายในส่วนมากของนางไปแล้ว ทำให้อาการนางทรุดลงอย่างรวดเร็ว
ได้ยินแล้วกู่เซวียนเหมี่ยนและกู่เหยาเยี่ยก็ร่างสั่นเทิ้ม
ทั้งสองคุ้นเคยกับหญ้าฟองแก้วสีม่วงดี ดังนั้นจึงรู้ว่าซูเฉินบอกความจริง
“แล้วเราทำอะไรไม่ได้เลยหรือ ?” กู่เซวียนเหมี่ยนถามขึ้น
“ข้ากำลังคิดอยู่ !” ซูเฉินตอบ ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็หยิบยาฟื้นพลังขึ้นป้อนนาง เริ่มใช้พลังต้นกำเนิดเพื่อพยุงอาการนางไว้
หากแต่อาการบาดเจ็บจากหญ้าฟองแก้วสีม่วงแรงเกินไป กระทั่งยาฟื้นพลังชั้นยอดสุดที่ซูเฉินพกไว้ก็ยังไม่อาจเยียวยาอาการกู่ชิงลั่วได้
ซูเฉินใจหล่นร่วงเมื่อมองพลังชีวิตของนางค่อย ๆ มอดไป
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป กู่ชิงลั่วคงรั้งได้อีกไม่นาน
“แค่ก ๆ!” กู่ชิงลั่วเริ่มไอเอาเลือดจำนวนมากออกมาอีก
“ชิงลั่ว อดทนไว้ก่อน !” ซูเฉินตบอกกู่ชิงลั่วหนัก ๆ และพยายามเพิ่มยาที่ร่างนางจะซึมซับเข้าไปได้ กระนั้นทั้งสัมผัสจากพลังต้นกำเนิดและเนตรมองโลกจุลภาคกลับบอกเขาว่าพลังชีวิตของกู่ชิงลั่วยังคงถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายพวกเขาก็มาช้าเกินไป
“ไม่ !” ซูเฉินร้องเสียงหวนขึ้น
เขาใส่พลังต้นกำเนิดในร่างนางเรื่อย ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ตอบสนอง
เขามองใบหน้านางที่ซีดลงเรื่อย ๆ มองเลือดที่หยดลงจากมุมปากนางแล้ว ไม่ เลือดออกจากทุกทวารบนร่างนางเลยต่างหาก ใจเขาก็ค่อย ๆ เยียบเย็นลง
“ชิงลั่ว !” กู่เหยาเยี่ยมองภาพนั้นด้วยสายตาวิตก
แม้เขาจะเป็นคนด่านผลาญจิตวิญญาณ แต่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เขากลับไร้กำลังทันใดได้
กู่เซวียนเหมี่ยนเดินไปมาด้วยความกระวนกระวายใจ
“เจ้าจะไม่ตายชิงลั่ว อย่างไรข้าก็ไม่ปล่อยให้เจ้าตาย” ซูเฉินเอ่ยเบา ๆ พลางจ้องกู่ชิงลั่ว
จากนั้นหยิบยาขวดหนึ่งขึ้นมา ใช้พลังต้นกำเนิดเพื่อช่วยให้กู่ชิงลั่วดื่มมันลงไป
“นั่นยาอะไร ?” กู่เหยาเยี่ยกับกู่เซวียนเหมี่ยนถามขึ้นพร้อมกัน
ไม่ใช่ว่าทั้งสองไม่เชื่อใจซูเฉิน เพียงแต่สัมผัสได้ตามสัญชาตญาณว่ามันคงไม่ใช่ยาธรรมดาแน่
“ยาที่จะไม่ทำให้นางตาย” ซูเฉินตอบเสียงเบา บนใบหน้าไร้แววสุขแต่อย่างไร
“มันมีผลข้างเคียงงั้นหรือ ? อย่างเช่น พื้นฐานพลังจะหายไป ?” กู่เซวียนเหมี่ยนถาม
ซูเฉินส่ายหน้า “ไม่เลย จริง ๆ แล้วกลับเป็นตรงกันข้าม……”
ได้ยินแล้วกู่เหยาเยี่ยก็ชะงัก แล้วเจ้าจะกังวลอะไรหนักหนาเล่า ?
หากแต่ในหัวพลันมีความคิดหนึ่ง กู่เหยาเยี่ยรู้สึกใจสั่นขึ้นมา “หรือว่า……”
ตู้ม !
ร่างไร้สติของกู่ชิงลั่วพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ขึ้นมา