ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 91 ชี้แนะ
บทที่ 91 ชี้แนะ
ขณะที่ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากัน ผู้คนมากมายก็พากันวิ่งกรูออกจากตระกูลโจว เช่นเดียวกับกู่เหยาเยี่ย กู่เซวียนเจาและคนอื่น ๆ ที่มาถึงในเวลาเดียวกัน
เมื่อกู่เซวียนเจาเห็นการต่อสู้ระหว่างกู่ชิงลั่วกับโจวหยาซาน เขาก็กล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้าจะไปเกลี้ยกล่อมให้ชิงลั่วหยุดมือ”
กู่เหยาเยี่ยถอนหายใจ “ช่างเถอะ หัวใจของนางจมอยู่กับการแก้แค้นและเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่ต้องระบายออก ไม่เช่นนั้นก็มิอาจสงบลงได้ ปล่อยให้นางสู้เพื่อขจัดความโกรธนั้นเสีย มันจะดีกับนางมากกว่า”
“แต่ตระกูลโจว … ”
“ข้าจะไปเจรจากับพี่โจวเอง แม้ว่าตระกูลกู่ของเราจะเป็นแค่ตระกูลสายเลือดระดับเจ้าอสูร แต่เราก็ยังเป็นลูกหลานของมังกรสุริยะ ไม่ใช่ใครที่ไหนจะมากลั่นแกล้งก็ได้ ในเมื่อโจวชิงขวงกล้าที่จะทำเรื่องเช่นนั้น ก็ย่อมสมควรที่จะต้องชดใช้” ขณะที่พูดกู่เหยาเยี่ยก็บินลงมา
เขาหันหน้าเข้าหาลานบ้านตระกูลโจว ก่อนจะตะโกนขึ้น “กู่เหยาเยี่ยมาเยี่ยมเยียนพี่หยุนเกิง ท่านพอจะสละเวลาให้แก่ข้าสักครู่ได้หรือไม่ ?”
เสียงตอบกลับของชายชราผู้หนึ่งดังขึ้นจากฝั่งด้านตระกูลโจว “ข้ารู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว ความผิดนี้ที่ชิงขวงก่อนั้นหนักหนานัก ทว่าไม่ว่าอย่างไรชิงขวงก็นับเป็นหนึ่งในทายาทไม่กี่คนของตระกูลโจวที่ปลุกสายเลือดบริสุทธิ์ให้ตื่นขึ้นมาได้ ศักยภาพของเด็กนี่ไม่สามารถวัดได้ และกู่ชิงลั่วก็ยังคงมีชีวิตอยู่ เจ้าจะช่วยเห็นแก่หน้าของหยุนเกิงผู้นี้ละเว้นชีวิตของมันได้หรือไม่ ? ตระกูลโจวยินดีที่จะจ่ายหินพลังต้นกำเนิด 1 ล้านก้อนและวางข้อจำกัดที่เข้มงวดกับชิงขวง”
ข้อเสนอที่โจวหยุนเกิงกล่าวมานั้นถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียว แต่กู่เหยาเยี่ยกลับส่ายหัว “ข้าไม่ใช่คนที่ควรได้ตัดสินใจในเรื่องนี้ ท่านควรถามพวกเขา”
เมื่อพูดจบเขาก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
เมื่อกู่ชิงลั่วที่กำลังฟาดโจวหยาซานอย่างต่อเนื่องอยู่ในอากาศได้ยินคำพูดของโจวหยุนเกิง นางก็ตะโกนตอบกลับ “โจวชิงขวงต้องตาย ! เรื่องนี้ไม่มีที่ว่างให้ต้องเจรจากัน !”
“ฮึ่ม !” เสียงฮึดฮัดไม่พอใจดังขึ้นจากฝั่งตระกูลโจว เห็นได้ชัดว่าบรรพบุรุษของตระกูลโจวคนนี้ไม่พอใจกับคำตอบของนางสักเท่าไหร่นัก “สาวน้อย สายเลือดของเจ้าเพิ่งจะตื่นขึ้น เจ้าก็อาละวาดเสียขนาดนี้แล้ว หรือเจ้าคิดว่าเพียงแค่เป็นลูกหลานของมังกรสุริยะแล้วจะทำตามอำเภอใจอย่างไรก็ได้งั้นหรือ ?”
ประโยคนี้ได้แอบแฝงข้อความตอบกลับสิ่งที่กู่เหยาเยี่ยได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้
หากเจ้ามีสายเลือดมังกรสุริยะแล้วมันจะทำไม ?
ท้ายที่สุดพวกเขายังคงอยู่ภายใต้การปกครองของ 7 อาณาจักรอยู่ดี !
ถ้าโจวหยุนเกิงตั้งใจ เขาย่อมสามารถโจมตีและถ่วงเวลาตระกูลกู่ไว้ได้ เมื่อคนของอาณาจักรหลงซางผู้รับผิดชอบในการจัดการกับเรื่องนี้มาถึง กู่ชิงลั่วก็จะไม่สามารถทำอะไรได้อีก
“สายเลือดของข้าเพิ่งจะตื่นขึ้นแล้วมันอย่างไร ? หากเจ้าไม่ยอมส่งตัวโจวชิงขวงออกมา ตระกูลโจวทั้งหมดจะต้องชดใช้ !” กู่ชิงลั่วตะโกนด้วยความโกรธ
นางรู้สึกได้ว่านางมีเวลาเหลืออีกไม่มากแล้ว คนที่รับผิดชอบในการจัดการสถานการณ์นี้คงจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้า พวกเขามีวิชาลับที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ไล่ล่าผู้ที่มีสายเลือดมังกรสุริยะโดยเฉพาะ ไม่ว่านางจะหนีไปที่ไหนพวกเขาก็สามารถหาตัวนางเจอได้ในทันที ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้ที่สายเลือดตื่นขึ้นแล้วจึงทำได้เพียงยอมจำนนอย่างเงียบ ๆ
กู่ชิงลั่วได้เตรียมการพร้อมสำหรับการมุ่งหน้าไปที่ภูผาสูญเอาไว้แล้ว เพราะเหตุนี้นางจึงต้องการแก้แค้นให้เรียบร้อยก่อนที่จะจากไป
การโจมตีด้วยกรงเล็บอย่างต่อเนื่องทำให้อากาศรอบด้านสั่นไหว ส่งให้เปลวไฟทวีความร้อนและรุนแรงมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
ถึงแม้ว่าสายเลือดของกระเรียนสีชาดหรือราชันอสูรตาแดงจะอ่อนแอในด้านการต่อสู้ซึ่ง ๆ หน้า ทว่าความสามารถในการหลบหลีกของมันก็นับว่าน่าประทับใจ โจวหยาซานรู้จุดอ่อนของกู่ชิงลั่วดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะพยายามสู้กับนาง และเลือกเลี่ยงการโจมตีเพื่อถ่วงเวลาเอาไว้แทน
เขาได้มองเห็นและตัดสินตามความจริงอย่างชัดเจน ว่าพวกเขานั้นสมควรต้องชดใช้สิ่งที่โจวชิงขวงได้ทำลงไป แต่การปรากฏตัวของกู่ชิงลั่วทำให้เรื่องทุกอย่างกลับตาลปัตร
หากกู่ชิงลั่วยังอยู่ที่นี่ไม่ว่าอย่างไรโจวชิงขวงจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่หากนางไม่อยู่แล้ว ตระกูลกู่คงจะไม่ออกหน้าสู้เพื่อคนที่ไม่ได้อยู่ในตระกูลอีกต่อไป เมื่อถึงเวลานั้นอีกฝ่ายอาจเลือกที่จะรับค่าเสียหายและจากไปก็เป็นได้
ด้วยเหตุนี้ตระกูลโจวจึงตัดสินใจที่จะถ่วงเวลาเอาไว้ให้มากที่สุด
“ไอ้สารเลว !” กู่ชิงลั่วเองก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ นางจึงกระวนกระวายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งนางกังวลมากขึ้นเท่าไรการโจมตีของนางก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น และพลาดเป้าไปจากโจวหยาซานยิ่งขึ้นอีก กู่ชิงลั่วยังคงเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญด่านทะลวงลมปราณเท่านั้น การที่นางสามารถต่อสู้กับผู้ที่อยู่ในขั้นแท่นบงกชทั้ง 7 ได้นั่นถึงขนาดนี้ก็นับว่าน่าประทับใจมากพอแล้ว ทว่าการจะเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้นั้นคงจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไป
ในเวลานี้เป็นที่เข้าใจกันทุกคนดีว่า นับตั้งแต่ที่กู่ชิงลั่วเริ่มสู้กับโจวหยาซาน การที่จะมีใครสักคนเข้าไปแทรกแซงถือว่าไม่สมควรอย่างมาก
โจวหยาซานเองก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน เขาจึงเยาะเย้ยนางอย่างจงใจขณะที่คอยหลบการโจมตี เพื่อพยายามยั่วยุให้นางจมดิ่งลงไปในความโกรธและเสียจังหวะการจู่โจม ถ้าโต้กลับในตอนนี้เขาอาจจะชนะด้วยซ้ำ แต่การเอาชนะอีกฝ่ายไม่ใช่สิ่งที่โจวหยาซานสนใจ แค่ถ่วงเวลาไว้ได้ก็เพียงพอแล้ว
เมื่อซูเฉินตระหนักถึงความตั้งใจของฝั่งตรงข้าม เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
จากนั้น จู่ ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นไปว่า “ชิงลั่ว ใช้ฝ่ามือดอกไม้บินสร้างตาข่ายดอกไม้”
แม้ว่ากู่ชิงลั่วจะปลุกสายเลือดมังกรสุริยะของนางขึ้นมาแล้ว แต่นางก็ยังคงสามารถใช้ฝ่ามือดอกไม้บินได้ ในแง่ของพลังมันแย่กว่ากรงเล็บมังกรเมฆาอยู่มาก หากมีใครอื่นมาบอกนางให้ทำเช่นนี้ กู่ชิงลั่วไม่มีทางฟังอย่างแน่ ทว่าหากเป็นซูเฉินแล้วนางเชื่อในการตัดสินใจของเขา
ทันทีที่ซูเฉินพูด กู่ชิงลั่วก็ปล่อยตาข่ายพลังที่ถักทออย่างหนาแน่นออกจากมือของนางใส่โจวหยาซาน
“ตะแกรงเงาหมอก ตาข่ายลมพิสุทธิ์ !” ซูเฉินกล่าวขึ้นอีกครั้ง
ตาข่ายลมพิสุทธิ์นี้ถูกสร้างขึ้นโดยซูเฉิน เขาสอนกู่ชิงลั่วเอาไว้ตั้งแต่เมื่อตอนที่พวกเขายังอยู่ในสถาบันมังกรซ่อนเร้น อย่างไรก็ตามครั้งนี้ซูเฉินขอให้นางใช้มันโดยการผสานกับฝ่ามือดอกไม้บิน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้กู่ชิงลั่วคงจะไม่สามารถทำได้ ทว่ามังกรสุริยะของนางตื่นขึ้นแล้ว พลังต้นกำเนิดที่นางสามารถเข้าถึงได้เรียกได้ว่าแทบจะไร้ขีดจำกัด ริ้วเส้นไหมที่มองไม่เห็นพุ่งฝ่าสายลมออกไปเบื้องหน้าในรูปแบบของตาข่าย
ความเร็วของโจวหยาซานนั้นเกินสามัญไปมากก็จริง ทว่าไม่ว่าแมลงวันจะเร็วสักแค่ไหนพวกมันก็ยังกลัวใยแมงมุมอยู่ดี
ขณะที่เขาพุ่งผ่านอากาศด้วยความเร็วที่น่าทึ้งนั่น ตาข่ายลมพิสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วที่ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันแม้แต่น้อย และคลุมรอบตัวเขาเอาไว้ในทันที ความเร็วที่ทำให้โจวหยาซานถูกจับตัวได้ยากนี้ กลับทำให้เขาไม่สามารถหลบเลี่ยงตาข่ายเหล่านี้ได้ทัน เส้นตาข่ายที่คมกริบบาดลึกลงไปในผิวหนัง ความแข็งแกร่งทางกายภาพที่มีทำให้เขารอดจากการโจมตีไปได้ หากเป็นผู้อื่น พวกเขาคงจะถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้ว
สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือซูเฉินที่ยังคงพูดออกมาไม่หยุด “ตี้ชาง อินเจียว ยิวเหมิน ซี่ไห เซวี่ยไห … (1)”
เขาระบุตำแหน่งการโจมตีเกือบ 10 จุดในลมหายใจเดียว และทุกตำแหน่งคือจุดอ่อนของโจวหยาซานที่ถูกเผยออกมาในเวลานั้น
กู่ชิงลั่วโจมตีด้วยฝ่ามือดอกไม้บินอย่างไม่ลังเล แม้กรงเล็บมังกรเมฆาของนางจะทรงพลัง แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่เพิ่งได้เรียนรู้มาจากสายเลือดที่เพิ่งตื่นทำให้นางยังไม่คุ้นชินกับมันนัก กลับกันฝ่ามือดอกไม้บินนี้เป็นสิ่งที่นางฝึกฝนมานานกว่า 20 ปีแล้ว และคุ้นเคยเป็นอย่างดี
นางสามารถใช้มันได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้มันจะอ่อนแอแต่ด้วยการสนับสนุนของสายเลือดมังกรสุริยะ ส่งผลให้มันกลายเป็นการโจมตีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ นอกจากนี้พวกมันยังพุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนโจวหยาซานโดยตรง ทำให้เขารู้สึกปวดหัวอย่างหนัก
ในตอนนั้นเองเส้นไหมที่มองไม่เห็นนับไม่ถ้วนก็ได้พุ่งเข้าหาโจวหยาซาน ยิ่งเขาบินเร็วมากขึ้นเท่าไหร่พวกมันก็ยิ่งพัวพันเขามากขึ้นเท่านั้น ถึงบาดแผลที่พวกมันทิ้งเอาไว้จะไม่ได้ลึกมากนัก ทว่าจำนวนของมันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจสักเท่าไหร่
ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของโจวหยาซาน เขาหยุดหลบหลีกแล้วเปลี่ยนมาโจมตีแทน ภาพลวงตาของนกกระเรียนสีขาวปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา มันกางปีกออกสร้างสายลมที่ทรงพลังพัดเอาตาข่ายลมพิสุทธิ์ปลิวหายไปจนหมด
“กรงเล็บมังกรเมฆา ด้านหน้าทางขวา !” ซูเฉินตะโกน
นิ้วของกู่ชิงลั่วกลายเป็นกรงเล็บแทงตรงเข้าหาฝ่ายตรงข้าม
โจวหยาซานที่เพิ่งจะพุ่งไปข้างหน้า ไม่เคยคาดคิดเลยว่าซูเฉินจะอ่านเส้นทางการโจมตีของเขาออก แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้นชายหนุ่มสังเกตเห็นไปถึงรูปแบบการบินที่เป็นนิสัยของเขาเลยด้วยซ้ำ
การโจมตีอย่างกะทันหันของกู่ชิงลั่ว ส่งผลให้โจวหยาซานพุ่งเข้าใส่กรงเล็บมังกรเมฆาของนางเข้าอย่างจัง
กรงเล็บมังกรเมฆากับเป้าหมายของมันเข้าปะทะกันในทันทีทันใด
โจวหยาซานนั้นเร็วมาก แต่เพราะความเร็วนั่น ทำให้แรงตอนปะทะกับการโจมตีของอีกฝ่ายรุนแรงมากขึ้น
การโจมตีด้วยกรงเล็บครั้งนี้ ได้สร้างหลุมเลือด 5 แห่งขึ้นบนหน้าอกของโจวหยาซาน และบังคับให้เขาต้องกระอักเลือดออกมา
ถึงกระนั้นสมาชิกตระกูลโจวผุ้นี้ก็ยังคงเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารที่มีแท่นบงกชครบทั้ง 7 ชั้นแล้ว พลังงานจากแท่นบงกชของเขาเริ่มกระจายไปทั่วบาดแผล เพื่อชะล้างพลังต้นกำเนิดของมังกรสุริยะที่หลงเหลืออยู่ออกไป
เวลาเดียวกันนั้นซูเฉินก็ได้จับจ้องไปที่โจวหยาซาน
วิชาสรรพสิ่งลวงตา !
โจวหยาซานชะงักค้างไปชั่วขณะ
ช่วงเวลาชั่วขณะนั้นเป็นเหมือนชั่วนิรันดร์สำหรับเขา
กู่ชิงลั่วฟาดกรงเล็บเข้าใส่โจวหยาซานอีกครั้ง แต่เป้าหมายในคราวนี้คือหัวของเขา
*****
จุดฝังเข็มตามร่างกายในการแพทย์แผนจีน
地仓 – จุดตี้ชาง จุดฝังเข็มบนใบหน้า อยู่บริเวณด้านข้างมุมปาก
阴交 – จุดอินเจียว ( 三阴交 – จุดซานอินเจียว ) จุดฝังเข็มบริเวณขาด้านใน เหนือตาตุ่มด้านในขึ้นไป 3 นิ้ว
幽门 – จุดยิวเหมิน จุดฝังเข็มบริเวณท้อง อยู่เหนือสะดือไป 6 นิ้ว
气海 – จุดซี่ไห จุดฝังเข็มบริเวณท้องน้อย บนแนวกึ่งกลางลำตัว อยู่ใต้สะดือ 1.5 นิ้ว
血海 – จุดเซวี่ยไห จุดฝังเข็มบริเวณต้นขาด้านหน้า อยู่เหนือขอบในของฐานกระดูกสะบ้าขึ้นไป 2 นิ้ว