ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 99 ประตูฟื้นความเยาว์
บทที่ 99 ประตูฟื้นความเยาว์
หากจะมีกองกำลังใดนับเป็นคนกลางระหว่างเผ่าพันธุ์ใหญ่ทั้งห้าได้แล้ว ก็คงจะเป็นกลุ่มผู้เหลือรอดเผ่าอาร์คานา
ผีที่สังหารไม่ตายของเผ่าอาร์คาน่าเหล่านี้ร่อนเร่ไปหลายเผ่า จุดประสงค์ไม่ชัดเจน ไม่แน่ว่าอาจเพียงต้องการเอาตัวรอด หรือพยายามพยายามฟื้นฟูความฝันของพวกตน ทำการดึงเผ่าใหญ่เข้าร่วม ก่อตั้งฐานกำลังไปทั่ว ชักใยก่อนเรื่องใหญ่อยู่หลังม่าน
ไม่เหมือนความสัมพันธ์ของมนุษย์กับเผ่าอาร์คาน่า เผ่าคนเถื่อนยอมรับผู้เหลือรอดเผ่าอาร์คานาได้ดี
ทุ่งหญ้าฮาเหวยรกร้างว่างเปล่าไร้ทรัพยากร มากเสียจนกระทั่งต้องนำเข้าทั้งอาหารและอาวุธ และมนุษย์ที่เป็นช่างผู้เชี่ยวชาญก็จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรเหล่านี้โดยเฉพาะ แน่นอนว่าเผ่าคนเถื่อนไม่อาจซื้อของเองได้ ดังนั้นจึงทำผ่านทางคนกลางเท่านั้น ผู้เหลือรอดเผ่าอาร์คานารู้ดังนี้จึงทำให้เผ่าคนเถื่อนปฏิเสธได้ยาก อีกทั้งเผ่าคนเถื่อนเองเคยเป็นสุนัขเฝ้าให้เผ่าอาร์คาน่าในอดีต เคยชินกับการควบคุมเผ่าพันธุ์อื่นอยู่แล้ว แม้เผ่าตนจะถูกทรมานเช่นกัน แต่ก็ได้รับการปฏิบัติดีกว่าเผ่าอื่นมาก ดังนั้นจึงไม่เกลียดชังอะไรมากนัก
ด้วยเหตุนี้ ผู้เหลือรอดเผ่าอาร์คานาจึงกลายเป็นกลุ่มเปิดในหมู่เผ่าคนเถื่อนไม่มากก็น้อย
ซูเฉินรู้ว่าผู้เหลือรอดเผ่าอาร์คาน่ากลุ่มนี้รู้จักกันในนามประตูฟื้นความเยาว์ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอารามนิรันดร์ของเผ่ามนุษย์ มือแห่งโชคชะตาเผ่าปักษา สมาคมสุกสกาวเผ่าวิญญาณ และเพลิงทมิฬเผ่าท้องสมุทร
ปกติประตูฟื้นความเยาว์มักซื้อทรัพยากรและอาวุธจำนวนมากจากมนุษย์ ส่วนมากได้จากทางอารามนิรันดร์ จากจุดนี้ พวกเขาก็นับเป็นกลุ่มคู่ค้าระยะยาวของอารามนิรันดร์ได้แล้ว
เมื่อได้ยินเรื่องจากเยี่ยเม่ย ซูเฉินจึงตอบกลับทันที “ไปคุยกันที่อื่นเถอะ”
เยี่ยเม่ยหัวเราะคิกคักแล้วตามซูเฉินไป
ทั้งสองเดินกลับไปกลับมา จนกระทั่งถึงเรือนหลังหนึ่ง เมื่อผลักประตูเข้าไปก็เห็นฉือหมิงเฟิงนั่งรออยู่ด้านใน
เมื่อเห็นซูเฉิน ฉือหมิงเฟิงก็หัวเราะหึ ๆ “พี่ชายน้อย ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ?”
“ท่านก็รู้ดี ยังต้องให้พูดอะไรอีก ?” ซูเฉินไม่เสียเวลาพูดสุภาพ นั่งลงทันที “ในเมื่อท่านมา ก็คงมีข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์ข้ากระมัง ?”
เผ่าคนเถื่อนไม่อาจส่งข่าวผ่านแดนฝัน แต่ในโลกจริงก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้
อารามนิรันดร์มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับประตูฟื้นความเยาว์ หากฉือหมิงเฟิงไม่มีข้อมูลวงใน วันนี้ก็คงไม่ปรากฏตัว
ฉือหมิงเฟิงตอบ “ข้าไม่มีข้อมูลฉือไคฮวงโดยเฉพาะเจาะจง แต่มีที่เกี่ยวกับกองทัพกำลังสวรรค์”
“เป็นอย่างไร ?”
“ยังมีชีวิต แต่กำลังตกที่นั่งลำบาก ระหว่างทางกลับถูกสกัด ถูกบีบให้แยกจากกัน พอข้ารู้ความ พวกเขาก็อยู่ในเขตเขาหมาป่าคลั่งแล้ว แต่ตอนนี้บอกยากว่าอยู่ที่ไหน เจ้าก็รู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ หากรั้งอยู่ที่ใดนานไปก็จะถูกสังหารได้”
“ท่านมีข้อเสนออะไร ? และต้องการอะไรบ้าง ?” ซูเฉินถามตามตรง
ฉือหมิงเฟิงถอนหายใจ “หากถามว่าต้องการอะไรมากที่สุดก็คงเป็นท่านแน่นอน โทเทมโลหิตสลาย ภาพจุติสายเลือดต้นกำเนิด และอาวุธวิญญาณล้วนมีค่าน้อยกว่าท่าน ที่ท่านสร้างขึ้นไม่ใช่แค่วิชาเปล่า ๆ แต่เป็นหนทางสู่ความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน บนเส้นทางนี้ท่านก็สร้างขึ้นมาสามสิ่งแล้ว ท่านยังหนุ่มนัก ต่อไปย่อมต้องสร้างความสำเร็จใหญ่อีกเป็นแน่ ดังนั้นตัวท่านนี่ล่ะคือของมีค่าที่สุดที่จะเอ่ยปากขอได้”
“ข้าไม่ได้มีไว้ขาย” ซูเฉินว่า
“แต่ท่านก็ไม่กลัวตาย อาณาจักรเหล็กเลือดเต็มไปด้วยอันตราย ไม่ว่าสิ่งใดก็อาจปลิดชีวิตได้ ท่านอาจตายเมื่อไหร่ก็ยังได้ แล้วทำไมถึงได้ค้านการขายตนเองเช่นนั้น ?”
“สุดท้ายทุกคนก็ต้องตาย เรื่องบางอย่างก็จัดการได้ เรื่องบางอย่างก็ไม่ได้ อารามนิรันดร์ชื่อเสียงไม่ได้ดีเด่นอะไรนัก ท่านโน้มน้าวให้ข้าเข้าร่วมไปก็ไร้ประโยชน์”
“แล้วท่านคิดหรือว่าร่วมมือกันเช่นนี้มันดีกว่า ?”
“อย่างน้อย ๆ ข้าก็ยังมีทางเลือก ยังปฏิเสธได้ เวลาร่วมมือกับพวกท่าน หากเป็นเรื่องผลประโยชน์ข้าไม่คิดใส่ใจนัก และก็ไม่ติดขัดหากพวกท่านจะจัดการคนที่ข้าเหม็นขี้หน้า แต่ข้าสามารถปฏิเสธหรือต่อต้านการกระทำอื่น ๆ ที่พวกท่านทำได้ตลอดเวลา แต่หากเข้าร่วมอารามนิรันดร์แล้ว ข้าคงเสียอิสระไป ในสายตาข้า อารามนิรันดร์ก็เหมือนกับกลุ่มอื่น ๆ มีทั้งชั่วและดี ข้าไม่เลี่ยงพวกท่านเพราะเรื่องชั่ว แต่ก็จะต่อต้านการกระทำชั่วร้ายของพวกท่าน ดังนั้นหากอารามนิรันดร์อยากทำเรื่องชั่วช้าขึ้นมาก็ไม่ต้องมาหาข้า ไม่เช่นนั้นข้าอาจยื่นมือเข้าแทรก ดังนั้นแล้วเอาคนอย่างข้าเข้าไปมันได้อะไรกัน ? ถึงเข้าไปจริง ข้าก็ยังต่อต้านพวกท่าน หากทำเรื่องที่ข้าไม่ชอบ ข้าย่อมต่อสู้สังหารให้สิ้น”
ฉือหมิงเฟิงได้ยินแล้วอึ้งไป อึดใจใหญ่ ๆ จึงพยักหน้าเอ่ย “ท่านพูดถูก ข้าคิดไม่รอบคอบเอง ทุกกลุ่มการย่อมมีเรื่องชั่วทั้งนั้นเมื่อเติบโต ท่านไม่เข้าร่วมจะดีเสียกว่า ไม่เช่นนั้นท่านก็เลี่ยงเรื่องพวกนี้ไม่ได้ ย่อมมีความขัดแย้งตามมา เรื่องราวเป็นเช่นนี้ดีอยู่แล้ว ดีไม่น้อย”
การกล่าวคำซ้ำเช่นนี้ ดูท่าคำซูเฉินจะโน้มน้าวเขาสำเร็จ
จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ดูท่าจะเหลือตัวเลือกเดียว จริง ๆ แล้วข้าก็ไม่มีตัวเลือกอะไรมากนัก ข้าบอกสิ่งที่ให้ได้ก่อนเป็นไง ? ท่านไม่คุ้นทั้งเรื่องคนและผังอาณาจักรเหล็กเลือด พวกข้าหาข้อมูลเรื่องเผ่าคนเถื่อนและแผนที่โดยละเอียดให้ได้ ว่ามีชนเผ่าใด ตั้งอยู่ที่ไหนบ้าง ทั้งยังพวกข้อห้ามทางสังคมต่าง ๆ แน่นอนว่าท่านต้องสาบานกับผลไร้สาบานว่าจะไม่แพร่ข้อมูลพวกนี้ออกไป”
ผลไร้สาบานเป็นผลไม้ประหลาด ไม่ว่าคำใดที่พูดในชั่วระยะหนึ่งหลังกินมันลงไปแล้วจะถูกบันทึกลงไป หากมีเวลาใดคนผู้นั้นกลับคำ ผลไร้สาบานก็จะทำงาน ทำให้ร่างของผู้กินอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ
ผลไร้สาบานไม่สังหารคน แต่เปลี่ยนรูปร่างได้ ทำให้อ้วนเสียจนขยับร่างยังลำบาก ผลก็รุนแรงใช่เล่น ส่วนมากแล้วการสาบานกับผลไร้สาบานนั้นใช้งานได้ดีมากทีเดียว
ซูเฉินพยักหน้า “ไม่มีปัญหา มีอะไรอีกไหม ?”
“ท่านไปถามประตูฟื้นความเยาว์เรื่องข้อมูลเกี่ยวกับเผ่าคนเถื่อนและกองทัพกำลังสวรรค์ได้เลย แต่ต้องเป็นการซื้อข้อมูลนะ พวกเขาจะตั้งราคามา อาจไม่ขอราคามากเพราะไว้หน้าพวกข้า แต่เป็นราคาเท่าไหร่พวกข้าก็ไม่อาจกำหนด”
“แล้วถ้าข้าอยากจะขอความช่วยเหลือจากพวกเขาในการเดินทางของข้าล่ะ ? ต้องจ่ายด้วยหรือไม่ ?”
“ถูกต้อง หากมีจ่ายก็ย่อมได้ พวกเขาทำทุกอย่าง ตามทฤษฎีแล้ว ให้จ้างไปสู้กับเผ่าคนเถื่อนยังได้”
ในแง่ของวัฒนธรรมภายในกลุ่มแล้ว ประตูฟื้นความเยาว์และอารามนิรันดร์นั้นคล้ายกัน ถูกดึงเข้ามาเพราะความฝัน ผลักดันด้วยผลประโยชน์
ซูเฉินหัวเราะเสียงเย็น “ก็คงมีราคาสูงเหลือคณาจนจ่ายไม่ไหวกระมัง ? เช่นหินพลังต้นกำเนิดพันล้านล้านก้อน ?”
ฉือหมิงเฟิงหัวเราะเช่นกัน “เช่นนั้นซื้อทั้งอาณาจักรเหล็กเลือดยังได้”
ทฤษฎีเป็นแค่ทฤษฎี ไม่มีใครคิดจริงจัง
แต่กระนั้น ซูเฉินก็พอใจ
เขาเอ่ย “พวกท่านไม่เห็นจ่ายอะไรมากมาย ก็แค่แผนที่กับข้อมูลเล็กน้อยเท่านั้น ข้าก็ยังต้องซื้อหาทุกอย่างเองอยู่ดี”
“นี่ก็มากแล้ว ประตูฟื้นความเยาว์ไม่เต็มใจส่งของให้อยู่แล้ว เพราะมันเสี่ยงมาก หากไม่ใช่เพราะข้าเชื่อใจท่านว่าท่านไม่ใช่คนเช่นนั้น ผลไร้สาบานผลเดียวก็คงไม่พอจะทำให้พวกเขาหมดแรงจูงใจในการขายพวกมันให้อาณาจักรหลงซางได้หรอก”
ในยุคสมัยเช่นนี้ แผนที่นับว่ามีค่า มีมูลค่าสูงมากทีเดียว
ซูเฉินคิดเล็กน้อยก่อนเอ่ย “ข้าแลกโทเทมโลหิตสลายได้”