ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 110 มหาวายุเกลียว
บทที่ 110 มหาวายุเกลียว
กลุ่มนักล่าวายุส่งเสียงคำราม “หากยังอยากรอดก็ยอมแพ้เสียเดี๋ยวนี้ ส่งสมบัติทั้งหมดมา !”
แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสุนัขของทางการที่คอยทำเรื่องสกปรกให้ แต่อย่างไรก็เป็นกลุ่มโจร นิสัยดุร้ายตรงไปตรงมาย่อมไม่ต่างจากโจรชาวมนุษย์
แต่เป็นแค่โจรธรรมดา ไม่ได้หมายความว่าจะอ่อนแอไปด้วย
คนที่นำเผ่าปักษามานั้นไร้ปีก
ปักษาไร้ปีกเหล่านี้เป็นนักรบพิเศษที่ร่างกายแข็งแกร่ง ด้วยเผ่าปักษามีร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิม จึงขาดนักรบที่ใช้ปะทะเป็นเกราะมีชีวิต ดังนั้นจึงพยายามสร้างนักรบเช่นนั้นขึ้นมา
ปักษาไร้ปีกคือหนึ่งในนั้น
เมื่อนักรบเหล่านี้มีระดับพลังสูงพอ ปีกก็จะหลุดออก รับหน้าที่เป็นปักษาเพื่อรบในแนวหน้า
ทว่าหนทางแห่งปักษาไร้ปีกนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก ต้องลงทุนมาก แต่โอกาสสำเร็จมีน้อย สุดท้ายโครงการนี้จึงนับว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
ปักษาไร้ปีกมีไม่ถึงร้อย ส่วนมากถูกเลี้ยงในตระกูลใหญ่เพื่อเอาไว้ใช้งาน สำหรับตระกูลปักษาเหล่านั้น ซึ่งร่ำรวยมากจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร พวกเขาจึงนำเงินมาใช้เช่นนี้ได้โดยไม่ใส่ใจ
เดิมทีก็มีปักษาไร้ปีกไม่มากอยู่แล้ว น้อยคนนักที่จะบ่มเพาะพลังได้ถึงขั้นสูง
ปักษาไร้ปีกตรงหน้าพวกเขามีร่างกายแข็งแกร่ง เทียบเท่าได้กับนักรบโทเทมระดับสูงของพวกคนเถื่อน เอาชนะไม่ง่ายแน่
อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสตระกูลกุยซานนามกุยซานฉางชิง ปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 5 เขาเองก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน
แต่คำว่า ‘อ่อนแอ’ สามารถใช้ได้เป็นส่วนใหญ่เท่านั้น
กุยซานฉางชิงเข้าใจดีว่าปักษาไร้ปีกต้านวิชาอาร์คาน่าได้ เว้นเสียแต่ปรมาจารย์อาร์คาน่าจะสามารถใช้ระดับพลังที่สูงกว่ากดเอาไว้ ไม่เช่นนั้นก็เอาชนะปักษาไร้ปีกได้ยากนัก
อีกทั้งพลังต้นกำเนิดที่แผ่ออกจากร่างศัตรูยังส่องสว่าง เห็นได้ชัดว่าใช้ระดับพลังกดไม่ได้ เช่นเดียวกับรอบกายปักษาไร้ปีกก็เต็มไปด้วยพวกนักล่าอีกต่างหาก
เป็นตอนนั้นที่อิงอิงร้องเสียงโกรธขึ้นมา “หากแกร่งนักก็ไปจัดการเจ้าตัวข้างหลังเราสิ ไม่เช่นนั้นก็แกร่งเสียเปล่า !”
“หือ ?” ปักษาไร้ปีกเหลือบมอง เห็นสิ่งมีชีวิตน่าประหลาดกำลังไล่ล่าพวกเขามาอยู่
เขายิ้มเย้ย “ก็แค่สิ่งมีชีวิตอ่อนแอกระจุกหนึ่ง พวกเจ้าไปจัดการ”
“กรรร !”
นักล่าวายุ 3 คนรุดหน้าขึ้นมา
นักล่าวายุทั้ง 3 คนนี้เทียบเท่ากับอัศวินปีก
อัศวินปีกก็บ่มเพาะร่างกายเช่นกัน แม้จะแข็งแกร่งน้อยกว่าปักษาไร้ปีก และอาจน้อยกว่ามนุษย์ส่วนมากที่มีสายเลือดเชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด แต่ก็มีร่างกายที่แกร่งกว่าเผ่าปักษาคนอื่น
จอมเวททหารม้า พลธนู และอัศวินปีก เป็นทหารเผ่าปักษา 3 ประเภทหลักที่พวกเขาพัฒนาขึ้นมา ประเภทอื่นเช่น นักร่ายมนตร์และปักษาไร้ปีก เป็นประเภทพิเศษแยกย่อยไปอีกที คล้ายกับไร้วิญญาณและนักพยากรณ์กระดูกของคนเถื่อน บ่มเพาะขึ้นมาเพื่อทำเรื่องเฉพาะอย่าง ทว่าหลังจากซูเฉินชิงไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดมา นักพยากรณ์กระดูกของคนเถื่อนก็ได้หายไปตลอดกาล
ทั้ง 3 เป็นอัศวินปีกขั้น 3 มีพื้นฐานพลังไม่สูง แต่พลังในการต่อสู้ก็ไม่ต่ำต้อย ทั้งหมดสร้างเกราะป้องกันขึ้นมา ก่อนจะออกท่าโจมตีสิ่งมีชีวิตตัวเดียวกัน
เจ้านั่นคลี่ยิ้มบิดเบี้ยว เผยให้เห็นฟันแหลมคม กระโจนเข้ามากระแทกดาบทั้ง 3 ก่อนจะใช้หัวกระแทกเข้าใส่อย่างแรง
เขารูปร่างประหลาดโผล่ขึ้นมายามมันใช้หัวกระแทกเข้าใส่
เขานั้นเจาะเกราะป้องกันของนักล่าวายุได้ พริบตาต่อมาเขาก็เปลี่ยนรูปเป็นเข็มยาวปลายแหลมนับไม่ถ้วนที่ทะลุเข้าร่างนักล่าวายุจนกลายเป็นเม่น
นักล่าวายุตายทั้งที่ยังไม่ได้ส่งเสียงด้วยซ้ำ
นักล่าวายุที่เหลือตกใจนัก อยากล่าถอย แต่พบว่าขยับร่างกายได้ยากเย็น เหมือนกับแรงโน้มถ่วงหนักขึ้นหลายเท่า สิ่งมีชีวิตตัวนั้นเหวี่ยงแขนทั้งสองพร้อมกันไปในอากาศ ทำให้พวกมันยืดออกอย่างน่าประหลาด เมื่อแขนขาที่เป็นโลหะของมันทะลุทะลวงทั้งสองคนตายไม่นาน ร่างของทั้งสองก็กลายเป็นเม่น ทำเอาเผ่าปักษาคนอื่นใจสะท้าน
นี่มันตัวประหลาดอะไรกัน ? ทำไมถึงดุร้ายอย่างนี้ ?
อีกทั้งยังมากันเป็นฝูงใหญ่ด้วย
กระทั่งปักษาไร้ปีกยังรู้สึกใจสั่นเมื่อเห็นพวกมันจำนวนมากรุดหน้าเข้ามา
เขาตะโกนสั่งเสียงดัง “ถอย ! รีบถอยเร็วเข้า !”
ก่อนหน้านี้ พวกเขายังเตรียมจะปล้นเผ่าปักษาอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับคิดจะหนีแล้ว
ตอนนี้จำนวนคนที่พยายามวิ่งหนีจึงมีขนาดใหญ่ขึ้นอีก
ระหว่างที่หนีก็มีเผ่าปักษาอีกหลายคนที่ถูกดึงเข้าต่อสู้ ทำให้จำนวนคนตายเพิ่มขึ้นเป็น 3 หลัก
โชคดีที่ถึงแม้ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่รวดเร็วนัก ทำให้เผ่าปักษาส่วนมากยังทิ้งระยะห่างได้
แม้พวกมันจะไม่รวดเร็ว แต่เผ่าปักษาก็เพิ่มความเร็วไม่ได้เช่นกัน
สนามแรงโน้มถ่วงกำลังจำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขา ทำให้ไม่สามารถเร่งความเร็วให้มากกว่านี้ได้อีก
สัตว์ประหลาดเหล่านี้ปรับตัวเก่ง ใช้ประสบการณ์เอาชนะศัตรูได้ไม่ยากเย็น
น่าตกใจที่สุดคือ เจ้าพวกนี้ใจร้อนเหลือเกิน ราวกับว่าจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิตไปได้
“บัดซบ นี่มันคุ้มแล้วหรือ ? ดูเหมือนพวกมันจะไม่ปล่อยเราไปเลย ระหว่างเรามีความแค้นอะไรกันขนาดนั้นด้วยหรือ ?” คนตระกูลกุยซานร้องเสียงหลงขึ้นมา
“ข้าไม่รู้ว่าพวกมันมีความแค้นหรือความเกลียดชังกับพวกเราหรือไม่ แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนพาความฉิบหายมาให้” ปักษาไร้ปีกอีกคนด่าเสียงโกรธ
ในตอนนี้ เขาไม่ได้คิดที่จะพยายามปล้นอีกฝ่ายแล้ว
“ทำท่าเป็นแกร่ง แต่เปราะบางนัก !” ชายหนุ่มตระกูลกุยซานเหมือนจะไม่เกรงกลัวปักษาไร้ปีกแล้ว
“รนหาที่ตาย !” ปักษาไร้ปีกจ้องโกรธ ๆ พลันคิดขึ้นได้ว่าที่พวกมันไล่ล่ามาอาจเพราะความหิว ต่อมาจึงจะหาของกินให้พวกมัน ไม่แน่ว่าหากได้กินแล้วอาจจะไม่ไล่ต่อก็เป็นได้
ไม่คิดเลยวาเขากำลังจะลงมือ อิงอิงกลับหยิบของเหลวสีม่วงออกมา “นี่คือพิษกร่อนม่วง หากถูกตัวจะเสียกำลังทั้งหมด หากเจ้ากล้าแตะพวกเขา เช่นนั้นก็ตายไปพร้อมกันนี่ละ”
พิษกร่อนม่วง ?
ปักษาไร้ปีกตกตะลึง
สิ่งนี้มีพิษร้ายแรงมาก เขารู้ว่ามันมีผลในระยะกว้าง ใครที่สูดดมเข้าไปจะพบว่าร่างกายไร้เรี่ยวแรง ปรมาจารย์อาร์คาน่าอาจพอมีทางรอดเพราะไม่ส่งผลถึงพลังต้นกำเนิด แต่กับใครที่ใช้พลังกายก็นับว่าเป็นอุบายที่ได้ผลยิ่งนัก ปักษาไร้ปีกไม่ตายเพราะพิษกร่อนม่วง แต่ก็จะหนีพวกมันไม่รอดเช่นกัน
แต่ก็เป็นพิษที่หายากมาก นางไปได้มาจากไหน ?
กระทั่งกุยซานฉางชิงยังจ้องอิงอิงด้วยความตกใจ นางคงไม่ได้ล้อเล่นกระมัง ?
อิงอิงจึงเอ่ย “นายท่านชิงเฮิ่นเป็นคนมอบให้”
เป็นเขา ?
นายท่านชิงเฮิ่นเป็นนักปรุงยาด้วยนี่เอง
กุยซานฉางชิงได้ยินแล้วก็ถอนใจ
ตระกูลกุยซานพยายามสลัดชิงเฮิ่นให้หลุดเพื่อสำรวจดินแดนประหลาดโดยที่ไม่ต้องมีอีกฝ่ายมายุ่งวุ่นวาย แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกบีบให้ต้องใช้ยาของอีกฝ่ายเพื่อความปลอดภัยของพวกตน
ปักษาผู้นั้นก่นด่า “หากมีของเช่นนั้น ทำไมไม่ใช้กับพวกมันตั้งแต่แรกล่ะ ?”
อิงอิงส่ายหน้า “มันใช้ไม่ได้ผลกับเจ้าตัวข้างหลังเราหรอก”
บัดซบ !
พวกเขามีแต่ต้องวิ่งหนีต่อไปอย่างบ้าคลั่งเท่านั้น
น่าเสียดายที่พวกมันไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไปเลย ทำให้เผ่าปักษาตกที่นั่งลำบาก
ที่เลวร้ายที่สุด ก็คือมีพวกมันมาปรากฏตัวที่ด้านหน้าพวกเขาอีก
บัดซบ มองไปตรงไหนก็เจอแต่พวกมัน !
ทุกคนเริ่มรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา
นักล่าวายุที่กล้าหาญคนหนึ่งจ้องพวกมันที่กำลังวิ่งเข้ามาด้านหน้าแล้วร้องขึ้นว่า “ข้าทนพวกมันไม่ไหวแล้ว !”
พูดจบก็ยกดาบขึ้นแล้ววิ่งเข้าใส่สิ่งมีชีวิตประหลาดอย่างไม่เกรงกลัว
น่าตกใจที่สิ่งมีชีวิตนั้นกลับไม่คิดสังหาร แต่ถอยไปหลายก้าวแทน
หือ ?
เกิดอะไรขึ้น ?
นักล่าวายุผู้นั้นก็ชะงักไปเช่นกัน
เขาลองก้าวออกไปอีก พวกมันก็ถอยออกไปอีก
ก้าวออกไป 3 ก้าว พวกมันถอยไป 3 ก้าว สีหน้าตื่นตกใจและหวาดกลัว
พวกมันกลัวเขาหรือ ?
ที่ผ่านมาข้าแกร่งขนาดนี้แต่ไม่รู้ตัวเลยงั้นหรือนี่ ?
ความคิดแปลก ๆ หลายอย่างแวบเข้ามาในหัวของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ความตื่นเต้นของเขาพุ่งสูงขึ้นในขณะที่เขาตะโกนเสียงดังออกมา “ตายเสีย !”
จากนั้นก็ฟาดดาบลงไป
ริ้วดาบคมกริบกระแทกเข้าที่ศีรษะของสิ่งมีชีวิต ทำให้เกิดเสียงดังเคร้ง
เกิดประกายไฟพุ่งออกมา แต่ผิวหนังของมันไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนด้วยซ้ำ
นักล่าวายุใจสั่น แต่พวกมันกลับยังยืนนิ่ง เหมือนกับจ้องอะไรด้านหลังเขาอยู่
ครั้งนี้ ปักษาผู้นั้นรู้แล้วว่าคงมีอย่างอื่น
เขาหันไป ก็พบปักษาแปลกหน้าผู้หนึ่งที่โผล่มาตอนใดไม่อาจรู้ได้
เขาสวมหน้ากากปีศาจสีน้ำเงิน เดินเข้าสนามต่อสู้มือไพล่หลัง ให้กลิ่นอายแปลกแยกอย่างสิ้นเชิง
เขาทำเพียงแค่ยืนจ้องเจ้านั่นนิ่งเท่านั้น
อิงอิงตะโกนมาจากไกล ๆ “นายท่านชิงเฮิ่น !”
เป็นชิงเฮิ่นหรือ ? คนที่ผลิตพิษกร่อนม่วงหรือ ?
แต่ทำไมเจ้าพวกนั้น… ถึงกลัวเขาล่ะ ?
เผ่าปักษาในที่นี้ไม่มีใครอยากเชื่อสายตาตน
เป็นไปไม่ได้
เจ้าพวกนี้แข็งแกร่งมาก จำนวนก็มาก รวมพลังกันแล้ว ปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 7 ยังรับมือได้ยากเย็น
แล้วทำไมต้องมากลัวนายท่านชิงเฮิ่น ?
เมื่อไหร่ใจเกิดคำถาม ก็เห็นว่านายท่านชิงเฮิ่นก้าวออกไป
ทุกย่างก้าวทำให้เจ้าสิ่งมีชีวิตถอยออกไป
เห็นได้ชัดว่ากลัวเขาขนาดไหน
คนที่ยืนมองก็ได้แต่มองจนตาแทบหลุด
“เป็นปรมาจารย์อาร์คาน่าขั้น 9 หรือ ? ไม่จริงหรอก กลิ่นอายไม่แกร่งเพียงนั้น” ปักษาไร้ปีกพึมพำกับตนเองด้วยความตกตลึง
แต่จะเชื่อหรือไม่ พวกมันก็แสดงความกลัวยามได้อยู่ต่อหน้าซูเฉินอย่างแท้จริง
ซูเฉินเห็นสีหน้าหวาดกลัวแล้วก็หัวเราะ “ข้าจะให้โอกาสยอมแพ้ หากยอมแพ้เสียก็จะไม่ถูกสังหาร”
เขาจะให้มันยอมแพ้งั้นหรือ ?
ไม่มีใครอยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ฝ่อออ !” เจ้าสิ่งมีชีวิตแยกเขี้ยวขู่ซูเฉิน
มันอาจจะฟังไม่เข้าใจก็เป็นได้
ซูเฉินเห็นดังนั้นก็ถอนใจ “เอาเถอะ เช่นนั้นแล้วก็ได้แต่ทำเหมือนเดิม แต่เพื่อไม่ให้พวกเจ้าวิ่งไปทั่วเหมือนเมื่อก่อน ข้าได้เตรียมการมาแล้ว จะทำให้งานในภายหลังของข้าง่ายดายยิ่งขึ้น”
ซูเฉินพูดจบก็วาดมือร่ายวิชาอาร์คาน่า
ท้องฟ้าพลันมืดครึ้ม เกิดแรงลมพุ่งขึ้นสูง สอดประสานกันกลายเป็นตาข่ายลม กักขังเผ่าปักษาและสิ่งมีชีวิตนั้นเอาไว้ภายใน
มีสิ่งมีชีวิตประหลาดตัวหนึ่งพยายามหลบหนี แต่ก็มีแรงลมพุ่งเข้าใส่ ลากมันกลับเข้ามาในตาข่ายลมด้านข้างจุดที่ซูเฉินยืนอยู่
“ไง” ซูเฉินเอ่ยทักทายมันก่อนจะฟันหัวมันขาด
ตัวอื่น ๆ ได้แต่ร้องเสียงตกใจ อยากหนีใจจะขาด แต่ก็ถูกแรงลมรุนแรงขวางเอาไว้ เมื่อก้าวเท้าออกไปก็ถูกเหวี่ยงกลับเข้ามาหาซูเฉิน สุดท้ายก็ถูกกักขังเอาไว้ภายใน
“มหาวายุเกลียว ?” เผ่าปักษาที่มีความรู้มากหน่อยมองแล้วก็จำการโจมตีของซูเฉินได้