ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 19 เงื่อนไข (1)
บทที่ 19 เงื่อนไข (1)
ฉู่หยวนจ้องมองซูเฉินอย่างเย็นชาพลางกล่าวขึ้นว่า “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านจะสามารถวิเคราะห์คำสาปทั้ง 3 แห่งภูผาสูญของข้าได้ เพราะท่านคือปราชญ์อวิ๋นฝูปานี้เอง ทว่าถึงแม้ท่านจะเป็นปราชญ์ผู้ชาญโลก แต่มันก็ไม่ได้หมายความท่านจะสามารถขโมยวิชาลับของภูผาสูญไปได้ตามต้องการ”
“หืม ? ข้าได้สร้างมันขึ้นมาใหม่ด้วยความสามารถของข้าเอง แล้วเหตุใดท่านถึงกล่าวว่าข้าขโมยกัน ?” ซูเฉินไม่ค่อยพอใจกับคำพูดนั้นเสียเท่าไหร่นัก
“ไม่ว่าจะขโมยหรือสร้างมันขึ้นมาใหม่ ก็มีเพียงตระกูลฉู่เท่านั้นที่สามารถครอบครองคำสาปทั้ง 3 ได้ !” ฉู่เจียงอวี๋กล่าว
ซูเฉินยักไหล่ “แล้วหากข้ายืนยันว่าจะเก็บมันไว้ล่ะ ?”
ฉู่เจียงอวี๋ก้าวออกมาข้างหน้า “เช่นนั้นก็ตายซะ !”
ฉู่หยวนกลับขวางลูกชายของเขาเอาไว้
บรรพบุรุษทั้ง 3 ของตระกูลกู่ยังคงอยู่กับพวกเขาที่นี่ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ได้เอื้อต่อพวกเขามากนัก
ฉู่หยวนไม่รู้ถึงข้อบกพร่องของมนตรามังกรที่ซูเฉินสร้างขึ้น ดังนั้นเขาจึงคิดว่าวิธีการควบคุมของอีกฝ่ายอยู่เหนือกว่าคทามังกร
จักรพรรดิฉู่จึงกล่าวว่า “พวกท่านทั้งสามโปรดออกไปจากที่แห่งนี้เสียก่อนเถิด ทางนั้นจะได้มิอาจใช้ประโยชน์จากพวกท่านได้”
กู่ซินหรงจ้องซูเฉินตาไม่กระพริบ ก่อนกู่เฟยหงจะถอยห่างออกไป 7-8 ลี้พร้อมกับบรรพบุรุษอีก 2 คนในพริบตา แต่พวกเขาก็ยังทิ้งจิตสำนึกเอาไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อค่อยสังเกตการเคลื่อนไหวของสถานการณ์
ซูเฉินไม่ได้พยายามหยุดไม่ให้ราชันมนุษย์ทั้งสามจากไปแต่อย่างใดจนน่าแปลก
แต่มันก็ทำให้ฉู่หยวนถอนหายใจได้อย่างโล่งอก เมื่อซูเฉินได้เลือกที่จะละทิ้งการปกป้องที่ทรงพลังที่สุดของตน
เขากล่าวว่า “หากไม่มีตระกูลกู่อยู่ที่นี่แล้ว ข้าอยากรู้ยิ่งว่าท่านจะต่อต้านพวกข้าอย่างไร ? จับมัน !”
ฉู่หยวนไม่ลังเลที่จะลงมือเลยแม้แต่น้อย
ผู้เชี่ยวชาญด่านหยั่งรู้ฟ้าดินเคลื่อนไหวตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว แรงกดดันอันน่าสะพรึงปะทุออกมาในทันทีที่พวกผู้เชี่ยวชาญทั้งสามปิดกั้นพื้นที่โดยรอบ
ภายใต้การกักขังนี้ ซูเฉินสัมผัสได้ว่าแม้แต่การเรียกใช้พลังต้นกำเนิดยังเป็นเรื่องยากยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงการใช้วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายหรือวิชาอื่น ๆ เพื่อหลบหนี
นี่คือความน่ากลัวของผู้เชี่ยวชาญด่านหยั่งรู้ฟ้าดิน เจตจำนงของพวกเขาเชื่อมโยงกับฟ้าดิน ความคิดและคำพูดของพวกเขานั้นส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถยืมใช้พลังของสวรรค์และปฐพีเพื่อกักขังคู่ต่อสู้เอาไว้ได้ ผู้เชี่ยวชาญด่านหยั่งรู้ฟ้าดินเพียงหนึ่งก็เทียบเท่าได้กับกองทหารที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดีทั้งกองทัพแล้ว
ทว่าซูเฉินกลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ เขากล่าวขึ้น “ต่อให้จับข้าได้ก็ไม่มีความหมายอะไรหรอก…”
พลังต้นกำเนิดในอากาศเป็นมือที่มองไม่เห็นเอื้อมออกมาคว้าซูเฉินไว้ กระแสพลังงานที่รุนแรงกวาดพัดเข้าหาชายหนุ่มประหนึ่งพายุลูกใหญ่
เมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันจากพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ แสงจากแท่นบงกชของซูเฉินกะพริบแสงริบหรี่ ราวกับแสงเทียนในสายลมที่พร้อมจะดับได้ทุกเมื่อ
เขายังคงพูดต่อไป “หากข้าตายหรือถูกจับได้ วิธีการควบคุมคำสาปทั้ง 3 จะกระจายออกไปทั่ว……”
“หยุด !”
เสียงตะโกนดังขัดขึ้น มือพลังต้นกำเนิดหยุดชะงักลงห่างจากหน้าผากของซูเฉินไปไม่ถึงหนึ่งคืบ
สีหน้าของฉู่หยวนน่าเกลียดขึ้นทันตา เขาจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าพูดความจริง ?”
“แดนฝัน” ซูเฉินตอบ “ข้าได้ลงบทความเกี่ยวกับคำสาปทั้ง 3 พร้อมข้อมูลเพิ่มเติมในสถานะปิดผนึกเอาไว้ หากข้าไม่เข้าสู่แดนฝันไประยะหนึ่ง ข้อมูลทั้งหมดก็จะปลดผนึกตัวมันเองและถูกเปิดเผยออกไปในทันที”
“ผู้เฒ่าเซียง ตรวจสอบดูสิ !” ฉู่หยวนตะโกนเสียงดัง
ผู้เชี่ยวชาญด่านหยั่งรู้ฟ้าดินคนหนึ่งได้เปิดใช้งานประทับแดนฝันและเข้าสู่โลกแห่งความฝันของตนอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นครู่หนึ่งผู้เฒ่าเซียงพลันลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งและพูดว่า “มีจริง ๆ …มันเพิ่งถูกปล่อยออกมา”
ฉู่หยวนรู้สึกเย็นวาบไปทั่วกระดูกสันหลัง “แล้ว ?! ท่านทำแค่เข้าไปดูแล้วก็ออกมางั้นหรือ ?!!”
เหตุผลที่จักรพรรดิฉู่สั่งให้ผู้เชี่ยวชาญด่านหยั่งรู้ฟ้าดินเป็นผู้เข้าไปตรวจสอบโดยไม่กังวลถึงความเสี่ยง ย่อมมีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านั้น
เฒ่าเซียงถอนหายใจ “ไม่สามารถปิดกั้นข้อมูลได้”
หัวใจฉู่หยวนดิ่งลง “ขวางมันไว้ซะ ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าใดก็ตาม !”
“ไม่ใช่เรื่องของเงิน แต่มันทำไม่ได้ …มันเป็นราชาแห่งฝัน”
“อะไรนะ ?” ฉู่หยวนตกตะลึง
ซูเฉินเป็นราชาแห่งฝัน ?
ราชาแห่งฝันคือตำแหน่งที่สูงที่สุดในแดนฝัน ที่ผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดจะสามารถไปถึงได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่ว่าราชาแห่งฝันจะต้องการเผยแพร่ข้อมูลประเภทใด ก็ไม่มีใครสามารถขัดขวางได้ มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ว่ามีเงินจ่ายมากพอหรือไม่อีกแล้ว เพราะมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปิดกั้นข้อมูลไม่ว่าจะเดียววิธีใด นอกเสียจากว่าซูเฉินจะเป็นผู้หยุดกระจายข่าวนั่นด้วยตัวเขาเอง
ปัญหาคือค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปเพื่อให้ได้รับสถานะราชาแห่งฝันมานั้นสูงมากจนเกินไป ราชาแห่งฝันส่วนใหญ่นั้นเป็นผู้ที่อยู่ด่านหยั่งรู้ฟ้าดินแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผู้เชี่ยวชาญด่านหยั่งรู้ฟ้าดินหลายคนก็ไม่เต็มใจที่จะสละเงินก้อนใหญ่เช่นนั้น และเลือกจะอยู่ในตำแหน่งของเจ้าหน้าที่แห่งฝันต่อไป
ท้ายที่สุดแล้ว การจะผลักหินต้นกำเนิดหลายร้อยล้านก้อนทิ้งไปในคราวเดียวก็ยังคงเป็นเรื่องยากเกินจะทำใจ
ถ้าเพียงเพื่ออำนาจ มันก็นับว่าไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
ซูเฉินเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ? เขาได้รับสถานะราชาแห่งฝันมาได้อย่างไรกัน ?
ฉู่หยวนมองไปที่ซูเฉินด้วยความตกใจ
ซูเฉินตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าก็เสียเงินไปมากโขอยู่”
เพล้ง !
มือพลังต้นกำเนิดที่ชะงักค้างแตกกระจายออกเป็นเสี่ยง ๆ
จักรพรรดิฉู่จ้องมองซูเฉินอย่างกินเลือดกินเนื้ออีกครั้ง “ได้ ! เจ้าชนะ !”
ซูเฉินยิ้มเล็กน้อย “แล้วตอนนี้เราจะคุยกันได้หรือยัง ?”
————————————————
ในป่านอกเมืองเมืองฝนต้นฤดู มีโต๊ะชุดหนึ่งถูกจัดตั้งไว้อยู่ข้าง ๆ น้ำตก
ถ้วยชาสองสามถ้วยวางอยู่บนโต๊ะพร้อมด้วยคน 2 คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกัน เป็นฉู่หยวนกับซูเฉิน ถัดจากพวกเขาคือกู่ชิงลั่วผู้กำลังรินชาให้กับทั้งคู่อย่างชำนาญ
ฉู่หยวนยกส่งถ้วยน้ำชาให้กับซูเฉินด้วยตัวเอง
“นี่คือธารหิมะครามเป็นเครื่องบรรณาการจากเจียงโจว เพราะผลผลิตที่ไม่มากนัก เราจึงได้รับแค่เพียงประมาณ 10 จินต่อปีเท่านั้น ปกติแล้วข้าไม่ค่อยได้ดื่มมันเท่าไหร่ แต่วันนี้ข้าจะยกเว้นไว้สำหรับชายหนุ่มที่มีความสามารถเช่นเจ้าเสียหน่อย” ฉู่หยวนยิ้ม
ไม่ว่าตระกูลฉู่จะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ความจริงที่ว่าตอนนี้การฆ่าซูเฉินเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้วก็ยังคงอยู่
หากกำลังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ พวกเขาก็ทำได้เพียงอาศัยการเจรจาเพื่อแก้ไขมัน
นี่เป็นหลักการที่คนใหญ่คนโตทั้งหลายล้วนเข้าใจดี
เมื่อตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ท่าทีขึงขังโกรธแค้นของฉู่หยวนก็อันตรธานหายไป และหันมาเรียกขานซูเฉินว่าชายหนุ่มผู้มีความสามารถแทน
ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิเป็นคนหน้าหนาหรืออะไร แต่เมื่อเป็นเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อคนทั้งอาณาจักร ต่อให้เขาต้องปั้นหน้าแบบใดมันก็ไม่สำคัญเลย
สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การพิจารณาคือผลประโยชน์
ซูเฉินยกถ้วยชาของเขา “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ต้องขอเสียมารยาทแล้ว”
เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยกชาขึ้นซด
ฉู่หยวนมองดูซูเฉินพลางดูแคลนอีกฝ่ายอยู่ในใจ นั่นไม่ใช่ ‘ท่าทาง’ ที่ถูกต้องสำหรับการดื่มชาเลย แต่เขาก็ยังคงยกยิ้มต่อไป “เป็นอย่างไรบ้าง ?”
“ใช้ได้เลยทีเดียว ข้าไม่ใช่คนรักชาดังนั้นข้าจึงไม่อาจบอกได้ว่ามันดีมากน้อยเพียงใด ข้ารู้แค่ว่ามันเป็นรสชาติที่ค่อนข้างสดชื่น กลิ่นหอมที่ทิ้งค้างอยู่ในคอนั้นไม่เลวเลย”
“แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว” ฉู่หยวนยิ้ม “ด้วยวัยเพียงเท่านี้ เจ้ากลับมีความสามารถในการทำความเข้าใจถึงจุดสำคัญจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าจะสามารถไขความลับคำสาปทั้ง 3 ของข้าได้”
“ข้าก็แค่ค่อนข้างโชคดี” ซูเฉินตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“โชคบางประเภทอาจดูเหมือนโชคดีในตอนแรก แต่ก็อาจเป็นปัญหาใหญ่ในภายหลัง” ฉู่หยวนกล่าว
ซูเฉินพยักหน้า “ฝ่าบาทกล่าวได้ถูกต้อง หากข้าได้ตระหนักถึงผลที่ตามมาจากการกระทำของข้า ข้าคงจะคิดทบทวนก่อนจะศึกษาคำสาปทั้ง 3”
แน่นอนว่าผลสุดท้ายแล้ว เขาจะยังคงศึกษามันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอยู่ดี แต่ซูเฉินก็เลือกที่จะไม่พูดออกไป
“ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นเราก็ทำได้แค่เผชิญหน้ากับมันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เจ้าก็ควรจะจำเอาไว้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตระกูลฉู่ของข้าจะไม่ยอมให้ความลับของคำสาปทั้ง 3 รั่วไหลไปอย่างเด็ดขาด”
ซูเฉินพูดอย่างไม่แยแส “แต่ข้าเองก็รู้เช่นกันว่าเมื่อมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น สิ่งแรกที่ควรต้องทำคือการควบคุมสถานการณ์ให้เกิดผลเสียน้อยที่สุด แทนที่จะคิดเพ้อฝันว่าย้อนอดีตได้”
ฉู่หยวนโกรธมากจนเริ่มหัวเราะขึ้น “ดี ดีมากเจ้าเด็กน้อย ! ช่างกล้าหาญเสียจริง !”
ซูเฉินจิบชาอย่างไม่รีบร้อน “ข้าได้เห็นความลับของคำสาปทั้ง 3 ไปแล้ว นั่นคือความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ และข้าเชื่อว่าฝ่าบาทย่อมเข้าใจว่าไม่ว่าข้าจะยื่นเงื่อนไขแบบใด มันก็ต้องไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงอยู่แล้ว ฉะนั้นคนนอกอย่างข้าจึงไม่มีทางทำอะไรได้นอกจากศึกษาวิธีควบคุมพวกมันไปเสีย ส่วนทั้งหมดที่ตระกูลของท่านทำได้ในตอนนี้ คือป้องกันไม่ให้มีคนอื่นรู้เรื่องนี้เพิ่มอีก”
“นั่นก็จริง ถ้าอย่างนั้นตราบใดที่คุณชายซูเต็มใจที่จะลบข้อมูลออกจากแดนฝันแล้วสาบานว่าจะไม่เปิดเผยความลับของคำสาปทั้ง 3 หรือใช้มัน เช่นนั้นข้า ฉู่หยวน ก็ยินดีที่จะแลกเปลี่ยนหินต้นกำเนิดพันล้านหรือสมบัติในวัง นอกจากนี้ข้าจะขอสาบานว่าข้าจะไม่ทำร้ายคุณชายซูอีก”
คำสัญญาที่ฉู่หยวนกล่าวมาฟังดูดีอยู่ไม่น้อย แต่ซูเฉินไม่ได้สนใจพวกมันสักนิด เขายิ้ม “แล้วหากเป็นเช่นนี้แทนล่ะ ? แก้ไขเงื่อนไขสักเล็กน้อย เอาเป็นข้าจะไม่ลบข้อมูลออกจากแดนฝันจากนั้นฝ่าบาทก็ปล่อยข้าไป ข้าสามารถสาบานได้ทันทีเลยว่าข้าจะไม่เปิดเผยความลับใดที่เกี่ยวข้องกับคำสาปทั้ง 3”
“แล้วถ้าเจ้าตายด้วยเหตุผลอื่นล่ะ ? ตระกูลฉู่จะจบสิ้นไปพร้อมกับเจ้าหรือไม่ ?” ฉู่หยวนถาม
นี่คือปมปัญหาใหญ่ที่สุดที่พวกเขาต้องแก้ไข
ไม่ต้องพูดถึงเหตุร้ายในอนาคต เอาแค่ยามนี้ใครจะมารับประกันว่าซูเฉินจะไม่เผชิญอันตรายหรือเสียชีวิตลงเร็ว ๆ นี้ได้กัน ?
ถ้าเขาตาย ความลับของตระกูลฉู่ก็จะถูกเปิดเผย มันจะไม่กลายเป็นหายนะของตระกูลเขาหรอกหรือ ?
นี่คือสิ่งที่ฉู่หยวนไม่อาจยอมรับได้
แต่ถ้าซูเฉินลบข้อมูลออก งั้นเขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าตนจะปลอดภัย ?
ก็แค่ปิดตาแล้วเชื่อในคำสาบานของตระกูลฉู่ ?
ไม่มีวัน ! แม้แต่ตระกูลฉู่ยังไม่คิดจะเชื่อเขา แล้วเหตุใดซูเฉินจึงต้องเชื่อกัน !!
ถ้าซูเฉินเลือกลบข้อมูลออกจากแดนฝัน ฉู่หยวนก็คงจะฆ่าเขาในทันทีหลังจากเขาลบเสร็จ เพราะไม่ว่ายังไงชายหนุ่มก็เป็นตัวตนเดียวที่สามารถทำให้ความลับของคำสาปทั้ง 3 รั่วไหลออกไปได้
จะหินต้นกำเนิดหลายพันล้านก้อนหรือสมบัติล้ำค่าต่างก็ล้วนเป็นเพียงเหยื่อล่อ ยิ่งฉู่หยวนสัญญามากเท่าไหร่ ซูเฉินก็ยิ่งไม่เชื่อเขามากขึ้นเท่านั้น
หากจะกล่าวให้ถูกต้องแล้ว ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดระหว่างทั้งสองคือเรื่องความไว้วางใจ
ต่างฝ่ายต่างก็ไม่สามารถไว้ใจอีกฝ่ายได้ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาเดินเข้าสู่ทางตันของการเจรจานี้
โชคดีที่ซูเฉินรับรู้ถึงทางตันนี้ตั้งแต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะมาถึงแล้ว ดังนั้นอย่างน้อยที่สุด เขาก็รู้วิธีหนึ่งที่สามารถทำลายทางตันนี้ได้
เขาพูดอย่างไม่เร่งรีบ “เหตุใดเราไม่มาประนีประนอมกันสักนิดล่ะ ? ข้าสามารถลบข้อมูลทิ้งได้ แต่นั่นจะต้องเป็นหลังจากที่ข้าออกจากภูผาสูญไปอย่างปลอดภัยแล้ว”
ฉู่เจียงอวี๋อดไม่ได้ที่จะกล่าวขัดจังหวะ “หากหลังเจ้าจากไปแล้วไม่ยอมลบมัน เราจะทำอะไรเจ้าได้อีกเล่า ?”
“เพราะว่าภรรยาของข้ายังคงอยู่ที่นี่” ซูเฉินตอบ
ทุกคนงุนงงชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะพากันหันมองไปทางกู่ชิงลั่ว
มือที่บอบบางของนางยังคงรินชาและน้ำให้กับทุกคน การเคลื่อนไหวที่สง่างามไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของซูเฉินเลยแม้แต่น้อย เมื่อได้เห็นดวงตาที่สวยงามและน่าดึงดูดใจของกู่ชิงลั่ว ฉู่เจียงอวี๋ก็อดรู้สึกประทับใจไม่ได้
“นาง… ” แซ่ฉู่ทั้งคนพ่อและคนลูกต่างก็ตกตะลึง
“ใช่ ภรรยาของข้าเอง” ซูเฉินกล่าวในขณะที่จิบชาอย่างใจเย็น “ชิงลั่วเป็นสมาชิกของตระกูลกู่ ตลอดชีวิตของนางไม่อาจจากภูผาสูญไปได้ แม้แต่ตัวข้าก็ไม่มีหนทางจะพานางออกไป ด้วยการที่นางยังต้องอยู่ที่นี่ มันก็เท่ากับว่าท่านมีคนที่สามารถจับเป็นตัวประกันได้”
ในตอนนั้นเองซูเฉินกับกู่ชิงลั่วก็หันมองหน้ากัน จากนั้นรอยยิ้มพลันปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาทั้งคู่
ซูเฉินกล่าวต่อ “เพื่อประโยชน์ของชิงลั่ว ทันทีที่ข้าออกจากภูผาสูญข้าจะลบข้อมูลออก ด้วยวิธีนี้ไม่ว่าในอนาคตข้าจะเจอปัญหาใดมันก็จะไม่มารบกวนพวกท่าน ในขณะเดียวกันเมื่อชิงลั่วอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกท่าน ข้าก็จะไม่สามารถถ่ายทอดความลับของคำสาปทั้ง 3 ให้กับใครได้ แล้วความลับนี้ก็จะถูกฝังลืมไปกับข้า”
“แน่นอนว่าในฐานะสามีของชิงลั่ว ข้าย่อมจะมาเยี่ยมนางเป็นครั้งคราว เมื่อข้าเข้าสู่เขตภูผาสูญแล้วข้าจะลงข้อมูลผนึกอีกครั้ง ในเวลานั้นตระกูลฉู่จะเป็นผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของข้า สุดท้ายข้าอยากจะขอให้ภรรยาของข้าได้รับการดูแลที่ดีที่สุดและมีอิสระมากที่สุดเท่าที่จะได้ ข้าจะไม่ขอท่านอนุญาตให้นางออกจากที่นี่ แต่ตราบใดนางยังยังคงอยู่ที่นี่ นางก็ควรจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด”
ฉู่หยวนกับฉู่เจียงอวี๋ชำเลืองมองกัน
เนื่องจากมันเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องจัดการ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องยอมรับว่าข้อเสนอของซูเฉิน นับเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาตอนนี้อย่างแท้จริง
“แค่นั้น ?” ฉู่เจียงอวี๋ถามขึ้น
ซูเฉินลูบนิ้วของเขา “ยังมีคำขอเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกอย่าง ข้าไม่ได้ต้องการอะไรอย่างหินต้นกำเนิดนับพันล้านหรือเครื่องมือต้นกำเนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ ข้าแค่ต้องการแหวนต้นกำเนิดขององค์รัชทายาทแทนค่าเก็บความลับนี้เท่านั้น”