ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 2 ก่อสร้าง
บทที่ 2 ก่อสร้าง
เรือกระดาษลอยอยู่บนฟ้า เหล่าทหารตามมาไม่ห่าง พวกเขารุดหน้ารวดเร็ว แม้เรือจะไม่ได้ลอยช้ามาก แต่ทุกคนก็ยังตามทัน เถียนนิวประหลาดใจนักที่พบว่าไม่ทันพลบค่ำก็มาถึงยอดเขาเทียมสวรรค์กันแล้ว
“ม….. มาถึงแล้ว……” เถียนนิวเอ่ยเสียงกระตุก “เร็วขนาดนี้ได้ยังไง ?”
คำถามสุดท้ายเป็นนางถามตนเอง
“นี่คือยอดเขาเทียมสวรรค์หรือ ? ทิวทัศน์งดงามไม่น้อย” ซูเฉินมองลงจากยอดเขา
ยอดเขาเทียมสวรรค์เป็นยอดเขาที่สูงสง่าที่สุดในเขตเขาหมื่นดาบ เห็นสันเขายอดเขาสูงต่ำทั่วทุกทิศ ราวกับยืนอยู่บนปลายดาบที่ปักอยู่บนเขาก็มิปาน เมฆขาวนุ่มลอยโอบล้อมยอดเขาบดบังมิให้เห็น เป็นภาพงดงามไม่ใช่น้อย
มอง ๆ ดูแล้วซูเฉินก็เหินร่างลงมา “จากนี้ไป ที่นี่เป็นบ้านของเรา”
“โอ้ !” ทุกคนร้องตอบพร้อมกัน พากันส่งเสียงยินดีให้กับบ้านแห่งใหม่
“แต่ต้องทนอีกสักหน่อย ที่นี่ยังว่างเปล่า เราต้องสร้างขึ้นตั้งแต่ต้น” ซูเฉินว่า “ทีนี้ขั้นตอนแรก หั่นภูเขาเสีย !”
เฉิงเถียนไห่ จวินโม่เสีย หลินเฉ่าเซวียน ฉู่อิงหว่าน และคนอื่น ๆ เริ่มเรียกลูกน้องตนออกมา
“กองทหารเขาใต้สมุทร มากับข้า !”
“กองทหารเขามังกร มานี่ !”
“กองทหารขุนเขาซ่อนเร้น เฝ้าระวังอยู่ที่นี่ !”
“กองทหารภูผาคราม ตามข้ามา !”
คำสั่งถูกร้อง เหล่าทหารต่างพากันเดินออกมาตั้งแถวอย่างเป็นระเบียบ
พวกเขาตกลงกันก่อนมาถึงสถานที่นานแล้ว หลังจากแบ่งหน้าที่ ทุกคนก็รู้ว่าตนต้องทำอะไร ดังนั้นการเคลื่อนไหวจึงราบรื่นว่องไว แม้จะมีคนมาก แต่ก็กระทำการอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีใครสับสนว่าตนสมควรไปอยู่ตรงไหน
เถียนนิวมองด้วยความตกตะลึง ซูเฉินเดินเข้ามาเอ่ย “เถียนนิว ขอบคุณที่ช่วยนำทาง งานเจ้าเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจะให้เงามรณะส่งเจ้ากลับ”
เรือกระดาษขาวเริ่มหมุนแล้วลอยลงจากเขา
“นี่ ๆ อย่ารีบสิ !” เถียนนิวตะโกน “บนเขามีพวกท่านอยู่ตั้งเยอะ คงจะใช้ชีวิตลำบากใช่ไหม ? ต้องการอะไรบ้าง ? เสบียง ? น้ำ ?”
ซูเฉินส่ายหน้า “เราตระเตรียมมาพร้อมแล้ว”
“เสื้อผ้าเล่า ?” เถียนนิวพยายามต่อ “อยู่บนเขาอากาศหนาว อย่างน้อยต้องสวมใส่หลายชั้นหน่อย”
ซูเฉินหัวเราะ “ไม่ต้องห่วง เราไม่หนาวหรอก”
เขาโบกมือ เรือกระดาษจึงบินลงจากเขา
เถียนนิวกระทืบเท้าไม่พอใจ “ให้ข้าดูด้วยสิ”
ซูเฉินไม่สนนาง
เถียนนิวจึงได้แต่มองเหล่าทหารที่อยู่บนยอดเขาก่อนจะนั่งลง
พวกเขามาทำอะไรกัน ?
เถียนนิวไม่เข้าใจ ริ้วแสงดาบเต็มท้องฟ้า แต่กลับมุ่งตรงไปยังพื้น ทิ้งรอยใหญ่ไว้บนยอดเขา
เมื่อทหารทั้ง 8,000 ทำเช่นนี้พร้อมกัน ก็สามารถทำให้แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่นได้
ทันใดนั้นเถียนนิวพลันเข้าใจ ร่างนางสั่นสะท้านแล้วพึมพำออกมา “อย่าบอกนะว่า ?”
เงามรณะหัวเราะเมื่อเห็นเถียนนิวตกใจ “ใช่ ตามนั้นล่ะ แม้ยอดเขาจะสูงมาก แต่ก็แคบเกินไป รองรับคนทั้ง 8,000 ไม่ได้หรอก แต่ถ้าทำลายยอดเขาแล้วก็สร้างที่อยู่ขนาดใหญ่ได้ไม่ยาก”
เงามรณะพูดจบ ริ้วแสงจากดาบนับไม่ถ้วนก็ซัดใส่ยอดเขาต่อไป
ครู่ต่อมา ซูเฉิน หลี่ฉงซาน ฉือไคฮวง และผู้เชี่ยวชาญพลังเก่งกาจคนอื่น ๆ ก็เหินร่างขึ้นฟ้า ปล่อยฝ่ามือปะทะขุนเขา ยอดเขาเทียมสวรรค์เริ่มถล่ม สุดท้ายก็เกิดเสียงดัง ครืน แล้วถล่มลงมาจริง ๆ กองดินม้วนตัวลงมาตามทางลาด
ตู้ม !
เมื่อมันร่วงลงมาตรงหุบเขา ก็เกิดเป็นฝุ่นตลบคลุ้ง พื้นดินสะเทือนไปอยู่ครู่หนึ่ง
คนในเมืองผาเรียบรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนต่างพุ่งออกจากบ้านมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
มีเพียงเถียนนิวเห็นได้ชัดเจนว่ายอดเขาแห่งหนึ่งในเขตเขาหมื่นดาบเตี้ยลงไปมาก
แต่มันก็ยังคงเป็นเขาที่สูงที่สุดในเขตเขาหมื่นดาบ เพียงแต่ยอดปลายแหมถูกตัดจนแบนราบไปแล้ว
หลังจากจัดการพื้นที่ ขั้นต่อไปคือการวางรากฐานสำหรับสร้างที่อยู่อาศัย
เถียนนิวโชคดี ได้เห็นวิธีที่ผู้เชี่ยวชาญพลังใช้สร้างบ้านเป็นครั้งแรก
ก่อนอื่น ซูเฉินลงมือเป็นคนแรก เขายกดาบหั่นภูผาในมือขึ้นวาดเป็นวงกลมก่อนจะซัดลงกับพื้น ริ้วดาบซัดรองพื้นกลายเป็นรอยแยก ทำเช่นนี้เพื่อให้คนงานก่อสร้างทำงานต่อ ผลึกพลังงานจิตของซูเฉินทำให้เขาสามารถจำโครงสร้างและสามารถเลียนแบบออกมาได้ยังแม่นยำ
ต่อมา ทหารผู้ชำนาญอาวุธหนักเริ่มกระจายตัวออกตามเส้นที่ถูกแบ่งไว้ เหล่าทหารของเฉิงเถียนไห่นับว่าเหมาะกับงานใช้แรงเช่นดีที่สุด
ในเวลาเดียวกัน ทหารคนอื่นก็ยกเอาหินที่เตรียมมาไว้ล่วงหน้าออกจากแหวนพลัง และเริ่มนำมาก่อสร้าง
เถียนนิวเห็นภาพนั้นแล้วก็ตกตะลึงสุดชีวิต ทหารทั้ง 8,000 ล้วนมีแหวนพลัง !
ความร่ำรวยของซูเฉินยิ่งของขึ้นเมื่อยามซื้อแหวนพลังให้กองทัพกำลังสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจซื้อมาเพิ่มอีก ให้ทุกคนมีคนละวง ทหารแต่ละคนจึงสามารถบรรทุกของที่ใช้สำหรับก่อสร้างได้เป็นจำนวนมาก
ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้วางรากฐานหรือเอาหินก่อสร้างมาวางก็ไม่ได้นั่งเฉย พวกเขาเหินร่างลงจากเขาเป็นระลอก ซัดปราณดาบไปทั่วเพื่อตัดไม้ เก็บเอาไว้ในแหวนพลังแล้วกลับขึ้นยอดเขามาอีกที
นับเป็นภาพสุดท้ายที่เถียนนิวได้เห็นก่อนที่เงามรณะจะพานางออกนอกเขตสายตา เมฆขาวบดบังการมองเห็น ทำให้ภาพคนนับพันกำลังทำงานอย่างมีความสุขหายไป หากแต่เงาภาพที่ได้เห็นกลับทำให้นางไม่ลืมเลือน
เมื่อไม่มีพวกทหารมาคอยถ่วงความเร็ว เงามรณะจึงบินเร็วขึ้น พริบตาเดียวก็กลับมาเมืองผาเรียบแล้ว
เดิมทีชายชราคิดว่าหลานสาวต้องใช้เวลา 2 วันกว่าจะกลับมาถึง ไม่คิดว่าฟ้ายังไม่ทันมืดนางก็กลับมาแล้ว
แต่เถียนนิวนั่งอึ้งอยู่บนเรือกระดาษ ร่างกายไม่ไหวจริงราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว
เจ้าของร้านเหล้าชราเห็นแล้วจึงตกใจ รีบกอดหลานสาวไว้ “เถียนนิว พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเจ้ากระมัง ?”
เถียนนิวหน้าขึ้นสีก่อนผลักอีกฝ่ายออก ยังคงเงยหน้ามองยอดเขาต่อ
เงามรณะลอยจากไปไกลแล้ว
ในขณะที่แหงนหน้ามองหมู่เมฆที่ลอยล้อมรอบเขา เถียนนิวเอ่ยขึ้นว่า “ข้าตัดสินใจแล้วท่านปู่”
“ตัดสินใจอะไร ?”
“ข้าจะขึ้นไปหาพวกเขาบนเขา”
“อะไรนะ ? อย่าล้อเล่นเลย เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน” ชายชราเจ้าของร้านเหล้าตกใจนัก
“ข้ารู้แล้ว ถามระหว่างทางขึ้นไป พวกเขาคิดอาศัยอยู่ที่นั่น บอกว่าอยากตั้งนิกาย !
“ตั้งนิกาย ?” คำเหล่านั้นฟังดูประหลาดหูนัก
“ใช่แล้ว ตั้งนิกาย !” เถียนนิวตอบแล้วพยักหน้าขันแข็ง “ข้าจะไปกราบขอให้เขาเป็นอาจารย์ !”
นางพูดแล้วก็มองไปทางยอดเขา “ข้าจะเรียนวิชาต้นกำเนิดแล้วกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังให้ได้ !”
“เขาไม่รับหรอก”
“ไม่ ต้องรับแน่ พี่ชายสุดหล่อบอกว่าทุกคนมีสิทธิ์ควรได้รับการศึกษา หากมีชะตาก็เข้าร่วมได้ !”
การก่อสร้างบนยอดเขาเทียมสวรรค์ยังคงดำเนินต่อ
มองจะไกล ๆ จะเห็นคนนับพันอยู่บนยอดเขา กำลังทำการก่อสร้างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พวกเขาบินบนอาวุธวิญญาณ ใช้แหวนพลังขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ใช้วิชามากมายในการตัด ทำเป็นแนว และเชื่อมวัสดุเข้าด้วยกัน ความเป็นระเบียบระบบอันโดดเด่นทำให้ทำงานได้ผลดียิ่ง ซูเฉินที่มีผลึกพลังงานจิตนับว่าเป็นหัวหน้าคนงานที่ยอดเยี่ยมที่สุด
หัวสมองเขาแล่นเร็วในขณะที่ตรวจตราแผนการสร้างในทุกจุด ส่งแต่ละคนออกไปจัดการแต่ละปัญหา
คำสั่งทั้งหลายออกจากปาก รับหน้าที่โดยคนเหมาะมือ และรายงานข้อมูลกลับมาให้ซูเฉินเพื่อตัดสินใจรับมืออีกครั้ง
ผลจากการสั่งงานเช่นนี้ทำให้เริ่มเห็นเค้าลางสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ขึ้นเร็วจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ในวันเดียว ยอดเขาเทียมสวรรค์ก็แบนราบ ถูกวางรากฐาน ในวันที่สองเริ่มสร้างโครงวัง ศิลาหัวมุม เสาค้ำ แผ่นพื้น และอื่น ๆ ถูกจัดเรียงอย่างมีระเบียบโดยผู้เชี่ยวชาญพลังทั้งหลาย พวกเขาเหินร่างไปตรงจุด จากนั้นก็วางชิ้นส่วนลงแล้วตอกมันลงให้แน่น แผ่นไม้ประสานกันแล้วถูกเคลือบด้วยโคลนกาวพิเศษ จากนั้นก็ใช้ไฟที่ได้รับการควบคุมอย่างดีเผาจนแห้ง
คานขวางถูกวางเข้าด้วยกันเหมือนต่อบ้านของเล่นคานแล้วคานเล่า ตามด้วยแผ่นกระเบื้องที่ลอยเรากลับมีปีก ลอยเข้ามาวางตนเองลงตรงจุดเหนือคานขวาง
หากมีใครพลังหมดก็จะมีคนมาแทนที่ คนที่พลังหมดก็จะไปยังกระโจมคนงานชั่วคราวเพื่อไปพักและบ่มเพาะพลังเพิ่ม
พอถึงวันที่ 3 สิ่งก่อสร้างหลักก็สร้างเสร็จสมบูรณ์ วังแห่งนี้สูงอย่างน้อย 300 จั้ง ทว่ามีเพียง 5 ชั้นเท่านั้น ภายในยังว่างเปล่า แต่ความสูงของตัววังนั้นสร้างขึ้นจากหินภูเขาที่ถล่มลงมา แต่เมื่อสร้างโครงสร้างหลักเสร็จแล้วก็ยังมีงานที่ต้องทำอยู่ พวกเขาเริ่มสร้างที่พักอาศัยขนาดเล็กโดยมีวังใหญ่เป็นศูนย์กลาง
คนงานก่อสร้างเริ่มทำการก่อสร้างทั่วยอดเขา โดยมีวังไร้ขอบเขตอยู่ตรงกลาง
“เช่นนั้นก็น่าจะเสร็จใน 7 วัน” ซูเฉินพึมพำ
“เป็นปาฏิหาริย์จริง” หลี่ฉงซานถอนใจชม
การก่อสร้างใหญ่โตเช่นนี้นับว่าน่าอัศจรรย์ใจมาก แม้จะเป็นในโลกที่มนุษย์มีพลังวิเศษก็ตาม
ซูเฉินยังคงเป็นคนที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์เช่นนี้ขึ้นมาได้
มีแต่เขาที่มีเงินมากเพียงพอจะซื้อแหวนพลังแจกทุกคนในกองทัพกำลังสวรรค์ได้ ที่สำคัญคือมีแต่เขาที่สามารถคำนวณเรื่องซับซ้อนได้ภายในเวลารวดเร็ว ทำให้ทุกคนสามารถทำงานได้โดยไร้ปัญหา
ไม่มีใครที่เผ่ามนุษย์จะสามารถพึ่งพาได้เหมือนเช่นซูเฉินอีกแล้ว
ในตอนที่ทุกคนกำลังประหลาดใจเป็นยิ่งนัก ศิษย์คนหนึ่งก็เข้ามารายงานซูเฉิน
“ท่านเจ้านิกาย มีเด็กผู้หญิงขอพบขอรับ”
เมื่อเดินทางมาถึงยอดเขา ซูเฉินก็ไม่ใช่ซูเฉินอีก แต่เป็นเจ้านิกายไร้ขอบเขต และเป็นผู้ออกคำสั่งแก่ทุกคนในที่นี้ กองทัพกำลังสวรรค์อันแข็งแกร่งกว่าแปดพันนับเป็นศิษย์ของนิกายไร้ขอบเขต หลี่ฉงซานและคนอื่น ๆ ย่อมกลายเป็นผู้อาวุโสในนิกาย
ได้ยินเช่นนั้น กระทั่งซูเฉินยังชะงักไป “เด็กผู้หญิง ?”
“ขอรับ ! คนที่นำทางพวกเรามาเมื่อหลายวันก่อน”
“เป็นนางหรือ ? นางมาทำอะไรที่นี่ ?” ซูเฉินอึ้งไป
ศิษย์กล่าว “นางบอกว่าอยากกราบท่านเป็นอาจารย์และขอเข้านิกายขอรับ”
“เข้านิกายข้า ?” ซูเฉินชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะลั่น “เรายังไม่ทันเปิดประตูอย่างเป็นทางการก็มีคนพยายามจะเข้ามาแล้วงั้นหรือ ?”
ได้ยินดังนั้นทุกคนก็หัวเราะ
“เช่นนั้น…… ท่านเจ้านิกาย จะรับศิษย์คนนี้ไหมขอรับ ?”
“ก็ต้องรับสิ ! ทำไมจะไม่รับ ?”
“ไม่จำเป็นต้องทดสอบความสามารถหรือขอรับ ?”
ซูเฉินเลิกคิ้วสูง “ใครก็ตามที่อยากเข้านิกายค่านับว่ามีชะตาต้องกัน ทุกคนสามารถสั่งสอนได้ไม่ว่าจะมีพื้นฐานมาจากที่ใด ไม่จำเป็นต้องทดสอบความสามารถหรอก”