ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 29.2 ความแปรปรวน (ปลาย)
บทที่ 29.2 ความแปรปรวน (ปลาย)
ตระกูลจูได้พิจารณาแล้วว่ามีความเป็นไปได้ที่ตระกูลหรงจะเรียกหาความช่วยเหลือ แต่ในท้ายที่สุดแล้วการช่วยเหลือที่กำลังมามันก็ดูไม่น่าเป็นไปได้เลย
จูเซียนเหยาเอ่ยขึ้น “ตระกูลที่มีสายเลือดจักรพรรดิอสูรนั้นมีมาอย่างยาวนาน แต่ละตระกูลต่างก็มีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละตระกูล แม้ว่าพวกเราจะเสียเปรียบ แต่ตระกูลจูก็ได้เตรียมราคาที่พวกเขาต้องจ่ายหากพวกเขาลงมือหนักเกินไปแล้ว มันจะหนักหนาสาหัสถึงขั้นที่พวกเขายอมรับไม่ได้ คนนอกจึงมักจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับศึกระหว่างตระกูลที่อยู่มายาวนานเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดข้าก็รู้ว่าตระกูลมีกลเม็ดที่จะสามารถข่มขู่ได้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญด่านหยั่งรู้ฟ้าดิน ตระกูลเฉียน…… ทำไมพวกเขาถึงทำอะไรเช่นนั้นกัน ?”
“มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้นแหละ รางวัลที่พวกเขาให้คำมั่นไว้นั้นมีค่าเสียยิ่งกว่าสิ่งที่ต้องจ่ายไงล่ะ ทำให้มันคุ้มค่าที่พวกเขาจะยอมเสี่ยงถึงเพียงนี้”
“รางวัลแบบไหนกัน ?”
“แล้วทุกอย่างที่เป็นของตระกูลจูล่ะ ?” ซูเฉินพูดอย่างสงบเสงี่ยม “ตราบใดที่ตระกูลเฉียนยังคอยเป็นกำลังเสริมให้ พวกเขาก็สามารถเอาทุกอย่างที่เป็นของตระกูลจูไปได้”
จูเซียนเหยาตะลึงงัน
จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ? หากตระกูลหรงต้องการจะปล่อยทุกอย่างไว้และพวกเขาจะต่อสู้กับตระกูลจูไปทำไมกัน มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ทำไมพวกเขาจึงไม่ทำเพียงรักษาสถานะปัจจุบันไว้ล่ะ ?
มีข้อแตกต่างอยู่อย่างหนึ่ง ตระกูลหรงจะต้องเสียกำลังคนไปจำนวนมาก ปรมาจารย์ร้ายกาจหลายคนที่พวกเขาใช้ทรัพยากรในการฝึกฝน และกระทั่งผู้อาวุโสหรือผู้นำบางคนด้วยก็เป็นได้ แต่ตระกูลหรงก็จะไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ เลย
ชัดเจนแล้วว่าตระกูลหรงตั้งใจที่จะทำร้ายผู้อื่นแม้ว่าจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยก็ตาม !
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ตระกูลเฉียนตกลงร่วมมือด้วย พวกเขาจะต่อสู้ร่วมกับตระกูลหรงโดยที่รักษาผลประโยชน์ของพวกตนไว้ได้ ดังนั้นใครกันล่ะที่จะไม่คว้าโอกาสเช่นนั้นไป ?
จูเซียนเหยาเหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นได้และพูดขึ้นอย่าเฉียบขาด “ตระกูลหรงจะต้องมีปัญหาบางอย่างแน่ ๆ! ไม่มีทางที่มันจะเรียบง่ายขนาดนั้นหรอก !”
“ใช่แล้วละ” ซูเฉินถอนหายใจอีกครั้ง “โชคร้ายนักที่ข้าไม่อาจรู้ได้เลยว่าปัญหานั้นคืออะไร”
ข้อมูลที่เขาสามารถรวบรวมมาได้จากบัญชีนั้นมีอยู่จำกัด แม้แต่ซูเฉินก็ไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นแรงจูงใจให้ตระกูลหรงลงมือในสิ่งที่กำลังทำอยู่ แต่เขาก็มั่นใจว่าตระกูลหรงไม่ได้ขาดสติไปอย่างแน่นอน
“พวกเราต้องบอกท่านแม่เดี๋ยวนี้ !” จูเซียนเหยาพูดและยืนขึ้น
ข้อมูลนี้สำคัญเกินไป เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะยังคงนั่งอยู่ต่อไป
“อย่าใจร้อนนักเลย” ซูเฉินดันให้นางกลับลงไปนั่งดังเดิม “ตระกูลเฉียนจะไม่มาถึงที่นี่ในไม่กี่วันนี้หรอก พวกเรายังพอมีเวลา หากเจ้าบอกแม่ของเจ้าตอนนี้ตระกูลหรงอาจจับพิรุธได้”
หัวใจของจูเซียนเหยาสั่นสะท้าน “เจ้าหมายถึงว่ามีใครบางคนในตระกูลจูทรยศพวกเรางั้นหรือ ?”
“มันมีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น” ซูเฉินกล่าวเช่นเดิม “ก่อนที่พวกเราจะรู้ได้ว่าข่าวเรื่องที่สายเลือดตระกูลจูกำลังแข็งแกร่งขึ้นนั้นไปถึงหูของตระกูลหรงได้อย่างไร เรื่องอื่น ๆ ก็ยังไม่ได้หายไปไหน”
“ท่านแม่ของข้าไม่มีทางทรยศตระกูลจูหรอก !”
“ข้าเชื่อมั่นว่านางจะไม่ทำ แต่ใครจะรู้ล่ะว่านางจะไม่ไปบอกใคร แม้ว่าเจ้าจะกำชับนางเข้มงวดเพียงไร เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่านางจะไม่ทำให้ข้อมูลรั่วไหลออกไป ทักษะต้นกำเนิดประเภทแปลก ๆ นั้นมีอยู่เต็มไปหมด อย่างทักษะในการสอดแนมบทสนทนาของผู้อื่นก็เช่นกัน” ซูเฉินกล่าวอย่างใจเย็น
จูเซียนเหยาตัวแข็งทื่อและพูดจาไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ นางก็เอ่ยขึ้นด้วยความขุ่นเคือง “แล้วเราจะทำอย่างไรดี”
ซูเฉินตอบ “ตามหาว่าใครเป็นคนปล่อยข้อมูลก่อน”
“แล้วเราจะหายังไง ?”
ซูเฉินเงียบกริบ
เขาก้มหัวลงเพื่อครุ่นคิดไม่นานก่อนจะพูดขึ้น “ข้ามีวิธีการที่จะช่วยให้เราสามารถรู้ได้ว่าใครกันที่ทรยศตระกูลจู และมันยังสามารถช่วยเราคาดเดาสาเหตุที่แท้จริงของการกระทำของตระกูลหรงอีกด้วย แต่แผนนี้ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญมากมายและราคาสูงมาก”
จูเซียนเหยางุนงงเล็กน้อย มันจะราคาแพงได้อย่างไรหากว่าต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก และแพงเท่าไหร่กันที่เรียกว่าแพง
จูเซียนเหยาพูด “เจ้าต้องการหินพลังต้นกำเนิดเท่าไรล่ะ ข้าจะขอท่านแม่มาให้เจ้า”
ซูเฉินส่ายหัวไปมา “ข้าไม่ได้หมายถึงหินพลังต้นกำเนิด”
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังวางแผนที่จะใช้ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิด ด้วยของชิ้นนี้ การจะตามหาคำตอบนั้นง่ายดายอย่างเหลือเชื่อ
แต่ค่าเสียหายในการใช้ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดเพื่อสืบสวนเหตุการณ์นั้นสูงกว่าการตามหาความจริงอยู่มากโข ยิ่งมีผู้คนเกี่ยวข้องกับการทำนายมากเท่าไร ผลที่ได้ก็จะยิ่งแปรปรวนมากขึ้น และยิ่งผลลัพธ์นั้นแปรปรวนมากขึ้น ค่าใช้จ่ายของการทำนายก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ตระกูลจูต้องการคำตอบ 2 อย่าง ใครคือผู้ที่ทรยศตระกูลจู และแรงจูงใจในการกระทำของตระกูลหรงคืออะไร
จำนวนคนผู้คนเกี่ยวข้องกับคำตอบเหล่านี้และความทรงพลังของพวกเขานั้นก็ไม่สามารถรับรู้ได้ ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะคาดการณ์สิ่งที่ต้องเสียไป
ซูเฉินดูร่ำรวยพอที่จะจ่ายได้ แต่เขาก็ยังอยากได้อะไรที่ราคาถูกกว่าหากเป็นไปได้
เขาไม่ต้องการให้ตระกูลจูควักกระเป๋าจ่ายแทนเขา ซูเฉินค้นพบว่าการตามหาเบาะแสและกำจัดผลที่แน่นอนออกไปจะสามารถลดค่าใช้จ่ายของการทำนายลงได้
ยกตัวอย่างเช่น หากรู้ว่าใครบางคนพึ่งจะฆ่าอีกคนหนึ่งไป ก็จะสามารถรู้ได้ว่าฆาตกรนั้นจะถูกเพ่งเล็งเพื่อแก้แค้นในสักวันหนึ่ง
นี่เป็นตัวอย่างที่เรียบง่ายและมีเหตุผลทีเดียว
ในตัวอย่างนี้ ฆาตกรคือสิ่งที่รู้อยู่แล้ว และความเป็นไปได้ของการแก้แค้นก็คือผลลัพธ์
เมื่อข้อเท็จจริงและผลลัพธ์เรียงกันตามหลักเหตุผล และทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีเหตุผลที่จะเปลี่ยนผลที่จะเกิดขึ้น สถานการณ์ก็จะดำเนินต่อไปเช่นนั้น
หากระหว่างกระบวนการนี้มีคนที่แข็งแกร่งบางคนปรากฏขึ้นและบังคับให้ผู้ที่ต้องการแก้แค้นนั้นหยุดลง ผลก็จะเปลี่ยนแปลงไป คนที่ทรงพลังคนนั้นถือเป็นความแปรปรวน
เหตุไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดต้องการของเซ่นที่ยิ่งใหญ่เพื่อทำนายว่ามนุษย์จะมีพฤติกรรมอย่างไรเพราะมนุษย์นั้นจะแปรปรวนต่อ ๆ กัน
ยิ่งมีคนเกี่ยวข้องมากเท่าไร ผลที่ตามมาก็จะยิ่งแปรปรวนมากเท่านั้น
เมื่อผู้คนนับไม่ถ้วนกลายเป็นตัวแปรปรวน ผลในอนาคตก็จะแปรปรวนอย่างถึงที่สุด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้คงจะต้องใช้การสังเวยมหาศาลจึงจะทำให้ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดตอบคำถามให้ได้
แล้วถ้าตัวแปรปรวนเหล่านั้นถูกกำจัดออกไปล่ะ ?
ด้วยตัวอย่างดังกล่าว หากใครบางคนรู้ว่าฆาตกรจะไปพบกับผู้ที่แข็งแกร่งคนนั้นเข้าและได้เตรียมการอย่างเหมาะสม ความแปรปรวนนั้นก็จะคงที่มากขึ้น และการทำนายก็จะง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน
หากผู้คนจากตระกูลที่คอยตามแก้แค้นรู้เรื่องนี้เข้า ตัวคนในที่นั้นก็จะต้องถูกรวมอยู่ในการคาดเดาผลที่อาจเกิดขึ้นด้วย
อะไรจะเปลี่ยนไปนั้นเป็นเรื่องในอนาคตโดยขึ้นอยู่กับเหตุผลและการพิจารณาของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
หรือพูดอีกอย่างได้ว่า แม้ฝ่ายที่ตามล้างแค้นจะไม่ได้ครอบครองไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิด พวกเขาก็สามารถทำการทำนายได้ ในสถานการณ์แบบนี้หากใครบางคนที่มีไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดต้องการจะใช้งานมัน ค่าเสียหายก็จำลดลงอย่างมาก เป็นเพราะไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดนั้นไม่ได้ถูกใช้เพื่อวิเคราะห์อย่างรุนแรงแต่ใช้ตามหลักเหตุและผลของตัวผู้ใช้แทน
หากจะว่าง่าย ๆ ก็คือ ผลในอนาคตนั้นถูกกำหนดโดยปัจจัยที่แปรปรวนหลายอย่าง ทุก ๆ ความแปรปรวนที่สามารถกำจัดออกไปได้จะลดความลำบากยากเข็ญในการทำนาย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน
ดังนั้นแล้ว ซูเฉินจึงคาดหวังว่าจะสามารถกำจัดความแปรปรวนบางส่วนออกไปก่อนแล้วจึงค่อยไล่เรียงไปเพื่อลดค่าใช้จ่ายลงจำนวนมาก และโอกาสที่จะประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้นอีกด้วย