ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 47 แผนจุดลอย
บทที่ 47 แผนจุดลอย
หลังเมืองล่องนภาหยุดอยู่กับที่ เผ่าปักษาจึงไม่อาจผงาดครองทวีปได้อีก
ยามอยู่ในเมืองไม่อาจมีใครต้านเผ่าปักษาได้ แต่ออกมาเมื่อไหร่ก็ถูกรังแกได้โดยง่าย
ดังนั้นความสามารถในการโจมตีของเผ่าปักษาจึงด้อยกว่าการป้องกันมาก ทำให้กลายเป็นพวกรักสันโดษไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ซึ่งก็ยิ่งทำให้เผ่าปักษาตกที่นั่งลำบากเมื่อสภาพแวดล้อมภายในเริ่มเสื่อม
ประการแรก ดินแดนที่เผ่าปักษาครอบครองนั้นเล็กเกินไป
แม้เมืองล่องนภาจะทรงพลัง แต่ก็เป็นแค่เมืองแห่งหนึ่ง จะมีพื้นที่มากเท่าไหนกันเชียว ?
เผ่าอื่นมีเมืองนับพันในมือ ส่วนเมืองล่องนภามีรัศมีกว้างเพียงไม่กี่หมื่นลี้ ออกแดนแล้วก็ไม่มีใครกลัวพวกเขา ทั้งยังจะรังแกอีกต่างหาก
ไม่ว่าจะมีเผ่าปักษาจำนวนน้อยแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นเผ่าหนึ่ง เมื่อไม่มีงานในมือ จำนวนจึงเพิ่มขึ้น แต่พื้นที่มีเท่าเดิม ชีวิตจึงลำบากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ฟ้าจะกว้าง แต่ก็สร้างอะไรออกมาไม่ได้ !
เผ่าปักษาจึงต้องคิดหาหนทาง
ในปี 5800 ยุคดาราใหม่ เผ่าปักษาเคลื่อนทัพเพื่อขยายดินแดน
ครั้งนั้นเลือกสู้กับเผ่ามนุษย์ หัวหน้าศาสนาของเผ่าปักษาตัดสิใจโจมตีมนุษย์และเผ่าช่างฝีมือเพื่อส่งบทลงโทษแห่งสวรรค์ให้ทั้งสอง
แต่ผ่านไป 5,000 ปี มนุษย์เหล่านั้นไม่เหมือนกับพวกที่ตั้งสัมพันธมิตรเสรีภาพเมื่อคราก่อน
ภายใต้การนำของกู่ฉางจือ ราชันแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ เผ่ามนุษย์กำลังแกร่งถึงขีดสุด
เผ่าปักษากรำศึกหนัก บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ผู้นำซึ่งก็คือปีกชราบาดเจ็บสาหัส ส่วนฝันสีเลือดกลับมาเมืองล่องนภาแล้วก็ทำการปลิดชีพตนเอง
ในปี 6200 ยุคดาราใหม่ แผลเก่าปีกชราก็กรีดเปิดทำให้สิ้นใจลง คงหลานจืออิงขึ้นครองบัลลังก์ต่อ
ระหว่างสมัยของคงหลานจืออิง เผ่าปักษาส่วนมากยอมจำนวนต่อความโดดเดี่ยว แต่คงหลานจืออิงเสนอว่าเมืองล่องนภาเพียงแห่งเดียวไม่พอทำให้เผ่าแกร่งขึ้นได้เอง จำต้องมีเขตแดนและกำลังให้มากกว่าเดิม
เป็นตอนนั้นที่แผนจุดลอยถูกเสนอขึ้นมา
แผนจุดลอยทำให้เผ่าปักษาต้องพัฒนาการก่อสร้างให้สามารถสร้างเมืองลอยฟ้าขนาดเล็กที่มีพลังโจมตีสูงขึ้นมาได้ ทำเช่นนี้ก็จะสามารถปกป้องความปลอดภัยของทั้งเมืองล่องนภาและเผ่าปักษาได้
จุดลอยเป็นแค่หุ่นจำลอง เป็นเมืองล่องนภาของเทียมเท่านั้น
เผ่าปักษาจ้างกำลังพลจำนวนมากเพื่อหาของที่สามารถเก็บพลังงานจลน์ไว้ได้ ยอมละทิ้งความหยิ่ง ประนีประนอมกับเผ่าช่างโลหะและเผ่าช่างฝีมือ อีกสองเผ่าก็ไม่ถูกกับเผ่าพันธุ์อัจฉริยะอื่นเช่นกัน หลังจากสบถสาบานกับพระแม่แห่งเผ่าปักษาแล้ว เผ่าช่างฝีมือและเผ่าช่างโลหะบางส่วนจึงเปลี่ยนข้างและกลับมาอยู่ใต้ปีกเผ่าปักษาอีกครั้ง
เผ่าปักษาเอาใจทั้งสองอย่างถึงที่สุด จนถึงวันนี้ก็ยังมีอิทธิพลต่อเผ่าปักษาไม่น้อย
ในปี 7400 ยุคดาราใหม่ เผ่าปักษาสังหารราชาของอาณาจักรอาร์คาน่าที่สองได้ ได้เครื่องมือเก็บพลังงานสำรองมา ซึ่งเป็นผลพลอยได้มาจากการสร้างแกนพลังงานแห่งซาร์ค เมื่อมีมันเป็นตัวกลไกแล้ว เผ่าช่างฝีมือและเผ่าช่างโลหะจึงสามารถสร้างเมืองลอยฟ้าขนาดเล็ก ชื่อว่า ‘ปราสาทแสงต้นกำเนิด’ ขึ้นได้
ในปี 8700 ยุคดาราใหม่ เผ่าปักษาพึ่งอำนาจของศาสนาพวกตนและบ่อพลังต้นกำเนิดของพระแม่เพื่อสร้างเมืองลอยฟ้าแห่งที่สอง นามว่า ‘ดาราแห่งปักษา’
ในปี 9600 ยุคดาราใหม่ เผ่าปักษาได้หินวิญญาณลอยมาจำนวนมาก ซึ่งนำมาสร้างเมืองลอยฟ้าแห่งที่สาม นามว่า ‘เมืองวิญญาณลอย’
ในปี 11200 ยุคดาราใหม่ เผ่าปักษาและเผ่าคนเถื่อนประมือกันอีกครั้ง เผ่าปักษาใช้เมืองลอยฟ้าทั้งสามเอาชนะไปได้
ในปี 13000 ยุคดาราใหม่ เผ่าปักษาใช้กระดูกเทพอสูรบรรพกาลที่ได้จากเผ่าคนเถื่อนสร้างเมืองลอยฟ้าแห่งที่สี่ ชื่อว่า ‘เมืองพลังต้นกำเนิดปีศาจ’
ในปี 14800 ยุคดาราใหม่ เผ่าปักษาพบอสูรดึกดำบรรพ์ที่สับสนตัวหนึ่ง อย่างแรกก็ล่อมันมาเมืองล่องนภา ก่อนโจมตีและกดพลังมันไว้ สละวีรบุรุษและสาวกศาสนาไปเป็นจำนวนมากจึงฝึกมันให้เชื่องได้ สร้างเมืองลอยฟ้าแห่งที่ห้าขึ้นบนหลังมัน นามว่า ‘หอคอยแห่งความโกลาหล’
เมืองลอยฟ้าแห่งที่ห้าทำให้กำลังของเผ่าปักษาทวีคูณ เริ่มเรืองอำนาจอีกครั้งหนึ่ง
ทว่าในตอนนั้น เผ่าปักษาก็ใช้ทรัพยากรไปจนหมด ไม่อาจหาทางสร้างเมืองลอยฟ้าขึ้นได้อีกแล้ว
ในที่สุดก็ตัดสินใจเลียนแบบเมืองลอยฟ้าแห่งที่สี่ขึ้นมา โดยมุ่งเน้นไปที่โครงกระดูกที่เหลืออยู่ของเทพอสูรบรรพกาล
เทพอสูรบรรพกาลมีพลังอำนาจเหลือเชื่อ หลายครั้งที่ซากร่างยังมีคุณสมบัติพิเศษเหลืออยู่ ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดก็นับเป็นตัวอย่างหนึ่ง
‘เมืองพลังต้นกำเนิดปีศาจ’ ถูกสร้างขึ้นจากกระดูกของเทพอสูรบรรพกาลประเภทนก มันเหลือกระดูกสันหลังที่เก็บพลังไว้เต็มเปี่ยม สามารถลอยฟ้าได้เอง ดังนั้นจึงเป็นตัวที่พยุงทั้งเมืองเอาไว้ เผ่าปักษาย่อมหาทางอื่นเสริมความแกร่งให้เมืองลอยฟ้าเช่นกัน แต่อย่างไรกระดูกต้นกำเนิดนี้ก็เป็นแก่นแท้ของเมืองลอยฟ้าอย่างไร้ข้อกังขา
เผ่าปักษาได้แต่หวังว่าจะพบร่างเทพอสูรบรรพกาลอีกเพื่อสร้างเมืองลอยฟ้าแห่งใหม่ขึ้นมา
ในปี 17200 ยุคดาราใหม่ เผ่าปักษาพบร่างเทพอสูรบรรพกาลที่สิ้นใจขณะหลับอีกร่าง
แต่มันอยู่ในแดนมนุษย์
เพื่อจะนำกระดูกเทพอสูรบรรพกาลในแดนมนุษย์ออกมา เผ่าปักษาจึงจงใจหาเรื่องให้ฮ่องเต้ชางเกรี้ยว สุดท้ายฮ่องเต้ชางก็ยกเลิกสนธิสัญญาภูเขาตะวันตกที่มีมากว่าหมื่นปี
เผ่าปักษาจึงทำสงครามกับเผ่ามนุษย์
เผ่าปักษาที่มีเมืองลอยฟ้าห้าแห่งรู้สึกว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม แต่ก็ร่วงหล่นสู่ความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว
แม้ราชวงศ์เทพสวรรค์จะเริ่มเสื่อมอำนาจ เผ่าปักษาก็ยังไม่อาจต้านทานได้ แม่ทัพหลินจงฮุยกรีธาทัพเอาชนะเผ่าปักษา ตี ‘เมืองวิญญาณลอย’ โจมตี ‘ดาราแห่งปักษา’ สาหัส ทั้งยังสังหารทหารปักษาไปกว่าห้าแสน
ราชาเผ่าปักษาในตอนนั้นหนีกลับเมืองล่องนภา จากนั้นปลิดชีพตนเองตามฝันสีเลือดไป
เผ่าปักษาเปลี่ยนผู้นำอีกหลายครั้ง และเริ่มกลับมาสันโดษอีกครา ด้วยพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่มากแล้วจึงปกป้องเมืองลอยฟ้าทั้งสี่อย่างแน่นหนา เป็นเช่นนี้กระทั่งหยงเยี่ยหลิวกวงขึ้นครองบัลลังก์
หยงเยี่ยหลิวกวงเป็นราชาที่หนุ่มนัก แต่เขาต่างจากราชาองค์ก่อน นั่นคือเขาเข่นฆ่าเพื่อนั่งบัลลังก์นี้
ราชาเผ่าปักษาหนุ่มคิดไกลผู้นี้เชื่อว่าหากเผ่าปักษาจะแกร่งขึ้นได้ ก็ต้องละทิ้งความพึงใจ ไล่ตามสิ่งที่ฝันใฝ่เสีย
ดังนั้นจึงคิดทำตามคงหลานจืออิง
หลังจากผ่านช่วงการสังหารภายในไปแล้ว หยงเยี่ยหลิวกวงที่กุมอำนาจไว้อยู่หมัด ก็เริ่มเดินตามทางคงหลานจืออิง โชคร้ายที่ซากเทพอสูรบรรพกาลเมื่อครั้งนั้นถูกทำลายไปจากการขัดแย้งขนาดใหญ่ไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว หยงเยี่ยหลิวกวงจึงได้แต่รอให้พบร่างเทพอสูรบรรพกาลอีกตัว
เขารอจนกระทั่งไม่นานมานี้จึงพบ
ซูเฉินและผ้าเท่อลั่วเค่อรู้ทันทีว่าเผ่าปักษาคิดทำอะไรเมื่อเชื่อม ‘จุดลอยที่ 6’ เข้ากับซากร่างเทพอสูรบรรพกาลที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า
“ข้านี่โง่จริง น่าจะคิดได้ตั้งแต่ที่บอกว่ามีเทพอสูรบรรพกาลตายอยู่ที่นี่แล้ว” ซูเฉินพึมพำ
“แผนการเป็นเช่นนี้เองหรือ” เงามรณะเองก็อึ้งไป
มีเพียงผ้าเท่อลั่วเค่อที่นอนอยู่เฉย ๆ มานับหมื่นปีที่ไม่รับรู้เรื่องราวของเผ่าปักษาในส่วนนี้เลย
ดังนั้นซูเฉินจึงจำเป็นต้องอธิบาย
“เช่นนี้นี่เอง” ผ้าเท่อลั่วเค่อถอนใจ “เช่นนั้นอีซาตัวก็สามารถทำตามฝันและสร้างแหล่งพลังงานไร้จำกัดขึ้นได้สินะ”
“ท่านรู้จักผู้สร้างแกนพลังงานแห่งซาร์คหรือ ?” ซูเฉินประหลาดใจอยู่บ้าง
ผ้าเท่อลั่วเค่อตอบ “ใช่ ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นศิษย์ในสถาบันข้า เป็นศิษย์ของศิษย์ข้าอีกที เขาทำข้าประทับใจนัก มุ่งมั่นจะสร้างแหล่งพลังไร้จำกัดให้ได้ ตอนนั้นข้าผลักดันเขา เชื่อมั่นในตัวเขา น่าเสียดายที่ข้าตายก่อนได้เห็นเขาเติบใหญ่ เช่นนั้นก็สำเร็จจริงสินะ ?”
ประวัติศาสตร์อาณาจักรอาร์คาน่าลึกซึ้งมาก ดังนั้นผ่านไปหมื่นปีจึงมีคนเก่งมากมายผงาดขึ้นมาและร่วงหล่นลงไป ผ้าเท่อลั่วเค่อเคยได้พบคนเหล่านี้ตัวเป็น ๆ นับว่าเป็นเพราะชะตาโดยแท้
นกขมิ้นเปลวเพลิง อดกล่าวไม่ได้ “อีซาตัวซ่าเค่อสร้างพลังงานไร้ที่สิ้นสุดขึ้นมาได้ภายใต้คำแนะนำของเผ่าปักษา !”
แม้จะถูกจับไว้ ทว่าความผยองของเผ่าปักษาก็ทำให้นางไม่ยอมทิ้งเกียรติยศที่เคยมี
“อ้อ ? เจ้ามองเห็นเช่นนั้นหรือ ?” ผ้าเท่อลั่วเค่อหัวเราะ “ก็ดูทำให้ผลงานของเจ้าดูยิ่งใหญ่ขึ้นเหมือนกันนะ แต่น่าเสียดาย อีซาตัวซ่าเค่อที่ข้ารู้จักเขามีความใฝ่ฝันเช่นนี้มาแต่ต้นแล้ว เผ่าปักษาเคยเป็นทาสพวกข้ามาก่อน ความผยองเช่นนี้อย่ามาพูดต่อหน้าข้าดีกว่า คิดหรือว่าเจ้าจะมีค่าพอมาคอยชี้นำปรมาจารย์อาร์คาน่าได้ ? ที่ข้าเห็น ดูเหมือนเป็นเขาที่หลอกใช้เจ้าต่างหากเล่า ? อีกทั้งสุดท้ายอาณาจักรอาร์คาน่าก็ล่มสลาย ทำให้พวกเจ้ามีโอกาสเงยหน้าขึ้นมา ต้องกล่าวว่าเผ่าปักษาคงจะฉลาดอยู่บ้างกระมัง ก็เปลี่ยนเมืองไร้เทียมทานอย่างเมืองล่องนภาให้กลายเป็นกระดองเต่าได้นี่ ฮ่า ๆ”
ผ้าเท่อลั่วเค่อว่าแล้วก็หัวเราะหยัน
เมื่อความอับอายที่สาหัสที่สุดของเผ่าปักษาถูกเอ่ยถึงเช่นนั้น นกขมิ้นเปลวเพลิงจึงทั้งอายทั้งโกรธ
“เอาล่ะ กลับเข้าเรื่องหลักเถอะ ในเมื่อเป็นแผนเจ้า แล้วรังแมลงนี่จะทำอย่างไร ?”
“รังนี้จะเป็นพาหะของจุดลอยที่ 6 ชั่วเวลาหมื่นปี เราไม่เคยย่อท้อต่อการสร้างเมืองลอยฟ้าแห่งที่หกเลย รังนี่เป็นพาหนะที่เราเจอในแดนไกลแสนไกล มีพลังจิตกล้าแข็งมาก ทั้งยังผลิตแมลงออกมาไม่สิ้นสุด กลายเป็นทหารโดยธรรมชาติ การเคลื่อนไหวของเมืองลอยฟ้าเหล่านี้เป็นปัญหาใหญ่มาโดยตลอด แต่หากมีรังนี่ก็ไร้ปัญหา เพราะมันมีชีวิต บินเองได้ ในแดนไกลแห่งนั้น พวกเราเห็นแมลงท้องตัวยักษ์บินไปมา อุ้มแมลงอีกนับไม่ถ้วนไว้กับร่าง เราเชื่อว่าหากเราบ่มเพาะมันให้กลายเป็นเมืองลอยฟ้าแห่งต่อไป มันจะต้องเหนือกว่าแห่งอื่นแน่ ทั้งพลังและอำนาจอาจเทียบเมืองล่องนภาเลยก็ได้”
“แล้วทำไมเอามาไว้ที่นี่ ?”
“เพราะมันยังมีจุดอ่อน แม้จะมีพลังจิตแกร่ง แต่ร่างกายอ่อนแอมาก เป็นปัญหาใหญ่ของมันทีเดียว มันยังแกร่งไม่พอ เราจึงต้องหาทางทำให้มันแกร่งขึ้นจริงให้ได้”
“ก็เลยนำมันมาไว้ที่นี่ ? เพื่อสกัดร่างวานรกินทองหรือ ? แต่ครั้งนี้คิดจะใช้มันเป็นอาหารของเมืองลอยฟ้า ไม่ใช่เอามาเป็นแกนหลักเมืองสินะ !” ผ้าเท่อลั่วเค่อชะงักไป “สวรรค์ ช่างสิ้นเปลืองจริง ๆ!”
“แล้วเจ้าพบที่นี่ได้อย่างไร ? ทั้งยังมาติดต่อกับตระกูลหรงแต่แรกได้อย่างไรกัน ?”
“ทุกอย่างเป็นไปตามที่พระแม่ทำนายไว้” นกขมิ้นเปลวเพลิงตอบ