ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 37 หุบเหว (2)
บทที่ 37 หุบเหว (2)
ดอกไม้ดอกหนึ่งปรากฏขึ้นที่บนผิวน้ำ
ดอกไม้นี้มีขนาดใหญ่เท่ากับภูเขาและกำลังค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาเหนือน้ำทีละน้อย กลีบของมันคลี่ออกมาชั้นแล้วชั้นเล่า… ขณะที่เหล่าทหารกำลังมองดูดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่ สายตาของพวกเขาก็พลันพร่ามัว และร่างของทุกคนก็เคลื่อนเข้าหาดอกไม้นั้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“อย่าไปมองดอกไม้นั่น !” ซูเฉินร้องขึ้น
พลังจิตของเขาแข็งแกร่งกว่าคนส่วนมากอยู่หลายขุม ซูเฉินจึงมองออกทันทีว่าดอกไม้ประหลาดดอกนี้กำลังใช้วิชาสะกดจิตอยู่ และทักษะการสะกดจิตนี้ก็น่าทึ่งยิ่งนัก
เสียงคำรามของชายหนุ่มทำให้เหล่าทหารหลุดจากการสะกดจิตได้ชั่วคราว แต่ร่างเหล่านั้นก็หยุดชะงักไปเพียงชั่วขณะเท่านั้น ก่อนที่จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อดังเดิม นั่นแปลว่าซูเฉินไม่สามารถดึงทหารทั้งหลายให้หลุดพ้นออกมาจากภวังค์นี้ได้
เมื่อเห็นดังนั้น ซูเฉินก็กระแอมไอและกล่าวขึ้น “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ลิ้มรสไอ้นี่สักหน่อยแล้วกัน”
เขาขยับและสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นในมือ… มันคือ ‘วิชาจิตสายฟ้าสังหาร’ ของเขานั่นเอง !
พลังสายฟ้าจำนวนมากเริ่มก่อตัวรวมกันในมือของซูเฉิน จากนั้นจึงค่อย ๆ ควบแน่นจนกลายเป็นคลื่นพลังมหาศาล เขาบีบอัดมันจนถึงที่สุดก่อนที่จะปล่อยให้สายฟ้านั้นกลายสภาพและเปลี่ยนรูปร่างเป็นมังกร
ชายหนุ่มปล่อยมังกรสายฟ้าออกไปด้วยท่าทางที่เรียบง่าย “ไปเลย !”
มังกรสายฟ้าดูเหมือนจะส่งเสียงคำรามขณะที่มันทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าและมุ่งหน้าไปยังจุดศูนย์กลางของดอกไม้ยักษ์
ตอนนี้ทหารที่หลงทิศทางถูกดึงเข้าไปใกล้ ‘ดอกไม้’ ค่อนข้างมากแล้ว และมันก็กำลังอ้าปากขนาดใหญ่ของมันขึ้นซึ่งแสดงให้เห็นว่า ‘กลีบ’ เหล่านั้นไม่ใช่กลีบแต่อย่างใด มันกลับเป็นใบมีดอันคมกริบที่หมุนวนไปอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นภาพลวงให้เห็นเป็นดอกไม้ที่กำลังบานนั่นเอง
ใบมีดที่หมุนวนไปนั้นกำลังรอให้เหล่าทหารเข้าใกล้เพื่อที่จะตัดร่างของพวกเขาเป็นชิ้น ๆ
และในตอนนั้นเอง มังกรสายฟ้าก็พุ่งชนกลีบใบมีดของดอกไม้เข้าอย่างจัง
ตู้ม !
ระเบิดปะทุขึ้นอย่างรุนแรงและส่งร่างของทหารทั้งหลายให้กระเด็นออกไป
ดอกไม้ยักษ์ส่งเสียงโหยหวนที่แหลมสูงบาดหูทันที
เมื่อแสงสว่างจ้าหายไปก็เผยให้เห็นว่าดอกไม้นั้นถูกเผาไหม้ไปแทบจะทุกส่วน ซึ่งที่ตรงกึ่งกลางของดอกนั้นปรากฏเป็นหัวแมงมุมที่มีของเหลวสีม่วงอมดำอยู่ข้างใน… แมงมุมตัวนั้นกำลังส่งเสียงร้องใส่ซูเฉินด้วยความเดือดดาล
และเพราะอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ความสามารถในการสะกดจิตจึงหายไป
“ต้องอย่างนั้นสิ” ซูเฉินหัวเราะ
วิชาจิตสายฟ้าสังหารของซูเฉินทรงพลังยิ่งนัก ก่อนหน้านี้มันก็สามารถทำให้จักรพรรดิอสูรพิการมาแล้ว และแม้ว่ามันจะส่งผลกับจักรพรรดิอสูรทะเลในประสิทธิภาพที่น้อยกว่า แต่ก็ถือว่าสร้างความเสียหายได้พอสมควร ซึ่งในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าฤทธิ์ของมันจะรุนแรงกว่าที่ซูเฉินคาดไว้เสียด้วย
จักรพรรดิอสูรทะเลได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนักทีเดียว
อสูรทะเลตนนี้เป็นถึงจักรพรรดิอสูรทะเล ! และการที่ซูเฉินทำให้จักรพรรดิอสูรทะเลบาดเจ็บได้ในระดับนี้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวถือว่าน่าประทับใจมากทีเดียว
เมื่อเหล่าทหารรู้แล้วว่าพวกเขาเองก็สามารถเรียนรู้วิชาการฝึกของเจ้านิกายได้เหมือนกัน และสามารถบรรลุไปจนถึงความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันนี้ได้ในอนาคต หัวใจของทุกคนก็เต็มไปด้วยความหวัง
นี่คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของนิกายไร้ขอบเขต ความรู้ทั้งหมดของซูเฉินจะถูกส่งต่อไปยังศิษย์ทั้งหลายในท้ายที่สุด และทำให้ความแข็งแกร่งของนิกายเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“ฟ่อ !” แมงมุมยักษ์ส่งเสียงขู่และพุ่งเข้ามาหาซูเฉินอย่างเกรี้ยวกราด
ทว่าเมื่อสูญเสียความสามารถในการสะกดจิตไปแล้ว ทหารทั้งหลายก็ไม่เกรงกลัวมันอีกต่อไป
ในการเผชิญหน้าครั้งนี้นั้น พลังของซูเฉินค่อนข้างด้อยกว่าฝ่ายตรงข้าม แม้ว่าวิชาจิตสายฟ้าสังหารจะทรงพลังมากก็จริง แต่มันก็ส่งพลังกระจายออกไปมากเกิน และยังต้องใช้เวลาในการเรียกใช้งานนานเกินไปด้วย
แต่การโจมตีจากคนเพียงคนเดียวก็เทียบไม่ได้กับการร่วมมือกันของทหารจำนวนหลายหมื่นคนอยู่แล้ว
หน้าที่หลักของซูเฉินก็คือการรับมือกับสถานการณ์ที่วุ่นวายและแปลกประหลาดนี้ เช่นเดียวกับตอนที่แมลงวันยักษ์ได้เปลี่ยนทิศทางของแรงโน้มถ่วง หรือเมื่อดอกไม้ร่างแมงมุมที่แสนประหลาดตัวนั้นได้สะกดจิตทุกคนไว้ ส่วนเหล่าทหารนั้นก็มีหน้าที่ในการรับช่วงต่อจากซูเฉินและโจมตีฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง
นี่ถือเป็นวิธีการเลือกใช้จุดแข็งของทัพเรือได้อย่างเหมาะสมและดีที่สุดแล้วก็ว่าได้
เมื่อทักษะต้นกำเนิดจากทหารหลายพันคนปะทะเข้ากับร่างของดอกไม้ปีศาจ มันก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและออกตัวหนีไปในทันที
แต่ในทันทีที่มันเริ่มเคลื่อนไหว อีกเสียงหนึ่งก็กล่าวขึ้น “เจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
มือขนาดมหึมาพุ่งตรงลงมาจากท้องฟ้าและตะปบเข้าใส่ดอกไม้ปีศาจจนร่างนั้นกระเด็นออกไป… เป็นจงเจิ้นจวินที่เคลื่อนไหวแล้วนั่นเอง
แน่นอนว่าจงเจิ้นจวินก็ไม่สามารถสยบจักรพรรดิอสูรทะเลด้วยตัวเองเพียงคนเดียวได้เช่นกัน แต่เขารู้ถึงจังหวะการโจมตีโดยที่ยังสามารถรักษาพลังส่วนมากเอาไว้ได้…… อสูรดอกไม้ที่กำลังจะหนีไปนั้นยังไม่ทันได้ขยับก็ถูกหยุดไว้เสียแล้ว
มันร้องโอดโอยและส่งเสียงโหยหวนอย่างขมขื่นขณะที่ร่างนั้นยังรับการโจมตีต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนั้นเอง น้ำทะเลจำนวนมหาศาลก็พุ่งขึ้นที่เส้นขอบฟ้าจนสามารถมองเป็นเสาขนาดใหญ่อีกถึงสามเสาด้วยกัน
ดูเหมือนว่าจักรพรรดิอสูรทะเลอีกสามตนจะสัมผัสได้ถึงการรบกวนจากเหตุเมื่อครู่นี้และมุ่งหน้าตรงมา ณ จุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
หุบเหวเป็นอาณาเขตของจักรพรรดิอสูรทะเล จึงอาจพบพวกมันได้ที่นี่ในทุกที่และทุกเวลา
ในแง่หนึ่งหุบเหวนั้นถือเป็นบ้านของพวกมัน จึงไม่แปลกเลยที่เหล่าจักรพรรดิอสูรจะสนใจเมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาสร้างความวุ่นวายขึ้น
ไม่ช้าหลังจากนั้น เสาน้ำก็ปรากฏขึ้นอีกมากมายจนดูเหมือนว่าน้ำทะเลขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศเสียแล้ว
แรงกดดันมหาศาลที่ก่อตัวขึ้นทำให้หัวใจของทุกคนต้องสั่นสะท้านโดยแทบไม่รู้ตัว
ซูเฉินรู้ว่าเขาจะเสียเวลาไม่ได้จึงสร้างร่างแยกขึ้นและส่งเสียงเรียก “ชิงลั่ว มานี่ !”
ชิงลั่วเหาะไปในอากาศทันที
ทั้งสองคนจับมือกันแน่นพร้อมกับส่งยิ้มให้กันด้วยความรัก จากนั้นทั้งซูเฉินและกู่ชิงลั่วก็พุ่งตัวเข้าหาจักรพรรดิอสูรทะเลที่มุ่งหน้าเข้ามาพร้อม ๆ กัน
อสูรดอกไม้ร่างแมงมุมยังคงส่งเสียงกรีดร้องและบิดร่างกายไปมาด้วยความเจ็บปวดที่ได้รับจากการโจมตีของทัพเรืออย่างต่อเนื่อง
ซูเฉินกับกู่ชิงลั่วเหาะผ่านมันไปโดยไม่ชายตามองเลยแม้แต่น้อย
เป้าหมายของพวกเขาก็คือการไม่สังหารจักรพรรดิอสูรทะเลแม้แต่ชีวิตเดียว หากแต่เป็นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับท้องสมุทรโศกาให้ได้มากที่สุด ซึ่งหากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ได้ การเดินทางครั้งนี้ก็ถือว่าล้มเหลว ต่อให้จะสามารถสังหารจักรพรรดิอสูรทะเลไปได้มากมายก็คงไม่มีความหมายแต่อย่างใด
ดังนั้นเมื่อแน่ใจแล้วว่าเหล่าทหารได้สร้างแนวรบที่มั่นคงขึ้นแล้ว ทั้งสองก็เริ่มมุ่งหน้าไปยังส่วนที่เป็นตำแหน่งของท้องสมุทรโศกาจริง ๆ ซึ่งที่แห่งนี้สามารถระบุได้ไม่ยากเลย เพราะมันจะต้องเป็นจุดที่จักรพรรดิอสูรทะเลไปรวมตัวกันมากที่สุดอย่างแน่นอน
ขณะที่ซูเฉินกำลังเดินหน้าต่อไปนั้น จักรพรรดิอสูรทะเลก็พากันมุ่งหน้าตามพวกเขาไปด้วย
เขาและกู่ชิงลั่วเข้าใกล้อสูรร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อทั้งสองฝ่ายกำลังจะปะทะกัน ชิงลั่วก็อ้าแขนทั้งสองออกและปล่อยรังสีแห่งสายเลือดมังกรสุริยะออกไปอย่างเต็มที่
คราวนี้สายเลือดของนางมีความบริสุทธิ์เริ่มต้นถึง 60 ส่วน ! ภาพของมังกรสุริยะที่ปรากฏขึ้นเบื้องหลังหญิงสาวนั้นสมจริงราวกับว่ามังกรนั้นมีตัวตนสัมผัสได้ จากนั้นมังกรสุริยะก็พุ่งผ่านหมู่เมฆพร้อมกับกางกรงเล็บอันแหลมคมเพื่อขยี้และสังหารอสูรทะเลตัวเล็กตัวน้อยจำนวนนับไปถ้วนที่อยู่ในบริเวณนั้น
สายเลือดที่บริสุทธิ์ถึง 60 ส่วนนั่นมากพอที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับจักรพรรดิอสูรทะเลได้ และตอนนี้พวกมันก็ไม่กล้าที่จะเข้าใกล้มังกรสุริยะไปมากกว่านี้อีกแล้ว
นี่คืออานุภาพและความยิ่งใหญ่ของมังกรสุริยะ การปรากฏตัวของมันสามารถสยบจักรพรรดิอสูรทะเลและแรงกดดันของพวกมันได้ในทันที
ในขณะเดียวกันนั้น ซูเฉินก็เคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน เขาหยิบเอาแผ่นกลมออกมาและถูมันเล็กน้อยก่อนที่มันนั้นจะเริ่มเปล่งแสงสีอุ่น ๆ ออกมา
ซูเฉินโยนแผ่นกลมนั้นลงไปในน้ำ จานนั้นค่อย ๆ จมลงก่อนจะหายวับไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว
แผ่นรูปแบบต้นกำเนิดนี้ถูกออกแบบมากเพื่อเสาะหาท้องสมุทรโศกา มันสามารถตรวจจับ บันทึก และจากนั้นจึงส่งกระแสความผันผวนในบริเวณนั้น ๆ ไปยังซูเฉิน และให้ข้อมูลที่จำเป็นกับเขา
หลังจากจัดการกับเรื่องนี้แล้ว จุดมุ่งหมายหลักของภารกิจครั้งนี้ก็จะถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์
นี่คือสาเหตุที่ซูเฉินกล่าวไว้ว่าเขาต้องการเวลาเพียงสามวินาทีเท่านั้นเมื่อเขาเข้าใกล้ท้องสมุทรโศกา
ใช่แล้ว…ชายหนุ่มจะใช้เวลาในการจัดการเรื่องนี้เพียงแค่สามวินาทีเท่านั้น
แต่หลังจากจัดการเสร็จสิ้นแล้ว ซูเฉินก็หันไปมองกู่ชิงลั่วและพบว่านางยังคงยื้อเวลาต่อไปได้อีกมาก เขาจึงถามขึ้น “เจ้าไหวใช่ไหม ?”
“สบายมาก !” กู่ชิงลั่วตอบเสียงดังฟังชัด
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำอะไรอีกสักหน่อยก็แล้วกัน” ซูเฉินหยิบของอีกอย่างออกมา ซึ่งในคราวนี้ก็คือผลึกที่ถูกผนึกไว้ จากนั้นจึงสร้างผนึกฝ่ามือขึ้นมาเหนือมัน เขาหันไปมองจักรพรรดิอสูรทะเลที่อยู่ไกลออกไปและยังคงถูกต้านทานไว้ด้วยฝีมือของกู่ชิงลั่ว พวกมันไม่กล้าที่จะเดินหน้าเข้ามามากกว่านี้แล้ว แต่ก็ยังไม่อยากจะถอยหนีออกไป…
พลังที่ผันผวนของจักรพรรดิอสูรทะเลเหล่านี้สร้างแรงกดดันให้กับกู่ชิงลั่วอย่างมหาศาล นางทำได้เพียงต้านทานมันไว้อย่างสุดความสามารถเท่านั้น
ซูเฉินรู้ว่าเขาไม่มีเวลามากนัก
ชายหนุ่มกวาดสายตามองจักรพรรดิอสูรทะเลที่มารวมตัวกันก่อนจะเลือกเป้าหมายที่เหมาะสมได้ในที่สุด
“อดทนอีกนิดนะ !” เขาร้องบอกขณะที่ทะยานไปยังเป้าหมาย
ซูเฉินเลือกจักรพรรดิอสูรฉลามร่างยักษ์ตนหนึ่ง ร่างของฉลามนี้ปกคลุมไปด้วยหนามอันแหลมคมที่ทำให้มันดูดุดันยิ่งนัก จักรพรรดิอสูรตนนี้สามารถทำลายป้องปราการได้เพียงแค่ขยับร่างกายเท่านั้น…
ซูเฉินชักดาบออกมาขณะมุ่งหน้าเข้าหาเป้าหมาย
ดาบไร้แสง…
แสงสีทองเริ่มหลั่งไหลไปตามพื้นผิวของดาบไร้แสง และก่อตัวขึ้นเป็นดาบเล่มโต…มันคือดาบศิราทองคำนั่นเอง
อาวุธชิ้นนี้ที่ได้รับการเลี้ยงดูมาด้วยโลหะล้ำค่ามากมายนั้นช่างน่าเกรงขามนักเพราะมันคืออาวุธที่ผสานพลังของเครื่องมือต้นกำเนิดกับวิชาอาร์คาน่าเข้าด้วยกัน
ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ซูเฉินก็ปลดปล่อยพลังโจมตีที่แข็งแกร่งจนน่าตกใจออกไป
ดาบนั้นแหวกอากาศออกไปทันที !
เมื่อดาบศิราทองคำสัมผัสกับส่วนหัวของฉลาม มันก็ตัดผ่านเข้าไปได้อย่างง่ายดายราวกับใบมีดที่หั่นเต้าหู้ให้ขาดออกอย่างไรอย่างนั้น
“กรรรร !” ฉลามยักษ์ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
แม้ว่ามันจะเกรงต่ออานุภาพของมังกรสุริยะ แต่จักรพรรดิอสูรทะเลก็ขุ่นเคืองนักที่ถูกทำให้บาดเจ็บ หนามแหลมที่บนหลังของมันพลันพุ่งออกมาราวกับหอกเล่มยาว และเป้าหมายของมันก็คือซูเฉินนั่นเอง
“หยุด !” ซูเฉินตะโกนใส่ฉลามยักษ์
แม้ซูเฉินจะเป็นผู้ฝึกตนด่านผลาญจิตวิญญาณ แต่ความเข้าใจในวิชาอาร์คาน่าของเขาก็อยู่ในระดับสิบแล้ว เมื่อต้องโจมตีฉลามยักษ์ด้วยวิชาอาร์คาน่าระดับสิบ แม้แต่ฉลามที่ดุร้ายตัวนี้ก็ยังต้องสะท้าน
ไม่ช้าซูเฉินก็ใช้วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายเพื่อพาร่างตัวเองไปปรากฏอยู่บนหลังของฉลามยักษ์
เขายัดผลึกในมือลงไปในบาดแผลของเจ้าฉลาม จากนั้นจึงใช้ทักษะต้นกำเนิดสำหรับฟื้นฟูเพื่อให้แผลที่เหวอะออกนั้นปิดเข้าหากันเร็วขึ้นก่อนที่จะเหาะออกไป
ฉลามยักษ์สับสนไปชั่วขณะก่อนที่จะกลับมามีสติอีกครั้งและยิงหนามแหลมใส่ซูเฉินอย่างต่อเนื่อง
ซูเฉินบิดดาบสายมองและใช้ด้านเรียบของใบมีดรับหนามเหล่านั้นไว้
ทว่าการโจมตีของจักรพรรดิอสูรทะเลนั้นน่ากลัวและดุดันยิ่งนัก อีกทั้งพลังที่ส่งมาก็ยังทำให้ร่างของชายหนุ่มกระเด็นไปในอากาศอีกด้วย
…แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่นั่นก็คือสิ่งที่ซูเฉินต้องการเช่นกัน !
ขณะที่พุ่งตัวไปในอากาศ เขากลับตัวไปมาอยู่หลายครั้งเพื่อหาตำแหน่งที่มั่นคง ก่อนจะปรากฏกายขึ้นที่ข้างกู่ชิงลั่วอย่างพอดิบพอดี
“เป็นอย่างไรบ้าง ?” กู่ชิงลั่วร้องถาม
“สำเร็จ !” ซูเฉินตอบพร้อมกับหัวเราะ
“ถ้าเช่นนั้นก็กลับกันเถอะ” กู่ชิงลั่วกล่าว สีหน้าของนางซีดเซียวเหลือเกินและถึงกับกระอักเลือดออกมา
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวใช้พลังจนถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว ในบริเวณนี้มีจักรพรรดิอสูรทะเลมารวมตัวกันเกือบร้อยชีวิต และแม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้วัดกันในด้านของความแข็งแกร่งโดยตรง แต่แรงกดดันที่พวกมันส่งมาก็ยากนักที่กู่ชิงลั่วจะต้านทานได้
เมื่อภารกิจของนางสำเร็จแล้วในตอนนี้ กู่ชิงลั่วก็ผ่อนพลังจิตลงได้ ซึ่งนั่นทำให้แรงกดดันมหาศาลจากจักรพรรดิอสูรทะเลแผ่เข้ามาถึงตัวและทำให้นางบาดเจ็บทันทีนั่นเอง
ซูเฉินคว้าร่างของกู่ชิงลั่วไว้ก่อนที่นางจะร่วงลงไป
ตู้ม !
เมื่อไม่มีกูชิงลั่วคอยกดพวกมันไว้ จักรพรรดิอสูรทะเลก็เริ่มสร้างคลื่นลูกยักษ์และซัดมันเข้าใส่ซูเฉินโดยไม่รอช้า
พลังทำลายล้างของคลื่นเหล่านี้รุนแรงยิ่งนัก หากมันซัดเข้าใส่เมืองมนุษย์… เมืองนั้นคงหายวับไปกับตาในทันที
แต่ขณะที่คลื่นนั้นกำลังจะปะทะเข้าใส่ซูเฉิน เขาและกู่ชิงลั่วก็พลันหายวับไปจากตรงนั้นในพริบตา
ทั้งคู่ปรากฏกายอีกครั้งแทบจะในทันทีที่จุดเดิมก่อนจะมุ่งหน้ามาที่นี่
ทัพเรือเพิ่งจะกำจัดดอกไม้ปีศาจได้สำเร็จและกำลังริบเอาของที่ได้มาจากการสังหาร
ซูเฉินปรากฏกายขึ้นอย่างกะทันหันและล้มลงทันที ต้องขอบคุณที่หลี่ฉงซานอยู่ตรงนั้นและรับร่างเขาไว้ได้ทัน “ท่านเจ้านิกาย !”
“ภารกิจสำเร็จแล้ว ออกไปจากที่นี่กันเถอะ !” ซูเฉินกล่าวพร้อมกับเลือดเต็มปากที่ถูกพ่นออกมา
ตอนนี้วิชาภูติลั่นแสงช่วยให้ซูเฉินพาใครอีกคนหนึ่งติดมากับเขาด้วยได้ก็จริง แต่มันก็ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรงด้วยเช่นกัน
“ถอยทัพเดี๋ยวนี้ !” หลี่ฉงซานคำรามขึ้น
ตั้งแต่วินาทีแรกที่เข้ามาในหุบเหวแห่งนี้ พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่นี่ไม่มากไปกว่าสิบนาทีด้วยซ้ำ แต่กำลังจะต้องกลับออกไปเสียแล้ว……
ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ซูเฉินคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด การเดินทางครั้งนี้เรียบง่ายและเป็นไปได้อย่างไม่มีอุปสรรคใด ๆ จริง ๆ