ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 58 โจมตีโดยตรง (3)
บทที่ 58 โจมตีโดยตรง (3)
ภูเขานี้แท้จริงแล้วคือร่างกายภาพ แลดูจะถูกปกคลุมด้วยใบไม้เขียวขจีและธารน้ำไหล ด้วยก้อนเมฆที่วนเวียนอยู่รอบยอดเขา มันมีกระทั่งนกน้อยใหญ่ท่าทางสง่าผ่าเผยบินอยู่โดยรอบ
น้ำตกแห่งหนึ่งไหลเชี่ยวเสี่ยงกระหึ่มอยู่ข้าง ๆ หน้าผา
ภาพนี้นั้นช่างสวยสดงดงาม แต่ก็แปลกประหลาดเช่นกัน
อย่างไรแล้ว หุบเหวนรกก็ไม่เคยมีฝนตก พวกมันเป็นพื้นที่ที่ปลีกตัวออกมา และไม่จำเป็นจะต้องมีฝนหรือหิมะมาเติมเต็มน้ำที่สูญเสียไปแต่อย่างใด
หากไม่มีฝนหรือหิมะ แล้วน้ำตกมาจากไหนกันล่ะ ?
ถึงอย่างนั้น มันก็อยู่ที่นั่นจริง ๆ สายน้ำหลั่งไหลลงมาด้านข้างของมันอย่างไร้จุดจบ
มีเงาดำกลุ่มเล็ก ๆ ล่องลอยอยู่ใต้ผิวน้ำรอบภูเขา
อาจจะมองเห็นได้ไม่ชัดนักจากบนอากาศ แต่ซูเฉินก็สัมผัสได้ว่าอสูรทะเลเหล่านั้นล้วนเป็นจักรพรรดิอสูร จากการรับรู้พลังต้นกำเนิดของเขาเอง
จักรพรรดิอสูงเหล่านี้กำลังวนเวียนอยู่รอบภูเขาและปกปักษ์รักษามัน
“นี่คือตำแหน่งของท้องสมุทรโศกาหรือ ? งั้นมันอยู่ไหนกันล่ะ ?” กู่ชิงลั่วถาม
“ข้างบนสุด” ซูเฉินกล่าวขณะพยักเพยิดหน้าไปทางภูเขา
หญิงสาวตกตะลึงไปชั่วขณะ “เจ้าหมายถึง……”
“ข้างบนสุดของน้ำตก หรือเจ้าจะบอกว่า… มันคือต้นกำเนิดของน้ำตกตั้งแต่แรกก็ได้”
แม้ว่าชายหนุ่มจะมองไม่เห็นได้ด้วยตาตัวเอง แต่เขาก็มั่นใจว่ามันเป็นเช่นนั้น
นี่คือการยอมรับในงานของเซียนด้วยกันจากเซียนอีกคนหนึ่ง เช่นเดียวกันกับผู้ฝึกยุทธ์ ที่ฝึกซ้อมและแลกเปลี่ยนหมัดกัน
ความเข้าใจเช่นนี้นั้นลึกซึ้ง และถูกสำแดงออกมาด้วยวิธีการตามสัญชาตญาณ
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญระดับสูงสุดในศาสตร์การฝึกตน ซูเฉินมีความสามารถในการเข้าใจและรับรู้ส่วนประกอบของโลกใบนี้ เพียงครู่เดียว ซูเฉินก็รู้สึกราวกับว่าตนได้ย้อนเวลากลับไป และมองดูวิธีการที่เคอหนีเก๋อได้ประสานก่อร่างสิ่งเหล่านี้ขึ้น
ชายหนุ่มได้มาถึงที่แห่งนี้ และสร้างภูเขาลูกนี้ขึ้นโดยสร้างวงจรวัฏจักรสำหรับพื้นที่โดดเดี่ยวแห่งนี้
น้ำตกนั่นคือแหล่งกำเนิดของทุกสิ่ง !
ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่น้ำตก แต่เป็นบ่อความแข็งแกร่งที่หลั่งไหลออกมาจากท้องสมุทรโศกาต่างหาก !
สายธารของมันไม่เคยหยุดไหล และเมื่อมวลน้ำของท้องสมุทรโศกาผสมเข้ากับน้ำทะเล อสูรทะเลก็จะเริ่มเติบโตอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นแล้ว น้ำตกนี้จึงเป็นแหล่งพลังชีวิตของจักรพรรดิอสูรเหล่านี้
และท้องสมุทรโศกาก็เป็นที่มาของแหล่งพลัง
“งั้นเราจะรออะไรล่ะ ? ไปทำลายมันกันเลยเถอะ !” กู่ชิงลั่วนั้นไม่คิดจะปิดความตื่นเต้นไว้
“อย่ารีบร้อนนักเลย” ซูเฉินกล่าวขณะตะครุบจับมือของนาง
จักรพรรดิอสูรที่อยู่เบื้องล่างไม่ได้มีขึ้นมาเพื่อเป็นของประดับตกแต่งเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีพวกมันอยู่อย่างน้อย 10 ตัวข้างล่างนั่น
นี่คงจะเป็นการป้องกันชั้นสุดท้ายที่เคอหนีเก๋อทิ้งไว้ในท้องสมุทรโศกา พวกมันน่าจะอยู่ใต้การควบคุมของท้องสมุทรแห่งนี้มากที่สุด และคงไม่จากไปโดยง่ายเป็นแน่
แม้ว่าสงครามที่เกิดขึ้นตรงทางเข้าหุบเหวนรกจะดุเดือด กระทั่งที่นี่ยังสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลัง ทว่าเหล่าจักรพรรดิอสูรโดยรอบภูเขาก็ดูไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“ข้าจะปลดปล่อยพลังของสายเลือดมังกรสุริยะเพื่อทำให้พวกมันชะงัก และเจ้าก็สามารถใช้โอกาสนั้นในการทำลายท้องสมุทรโศกา จะต้องกลัวอะไรอีกล่ะ ?” กู่ชิงลั่วกล่าวอย่างลำพอง
ความแข็งแกร่งของหญิงสาวเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และซูเฉินก็ได้เตรียมไม้ตายบางส่วนไว้ให้นางเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็เพื่อใช้พวกมันจัดการกับจักรพรรดิอสูรทะเลเหล่านี้ ดังนั้นแล้ว กูชิงลั่วจึงมั่นใจอย่างถึงที่สุด
แต่ชายหนุ่มก็ตอบอย่างใจเย็น “ยิ่งเป็นเช่นนี้ เรายิ่งควรจะระมัดระวังให้มากขึ้น อย่างแรก จักรพรรดิอสูรที่เฝ้ายามที่นี่นั้นแข็งแกร่งอย่างแน่นอน ถ้าสายเลือดมังกรสุริยะของเจ้าไม่สามารถหยุดพวกมันไว้ได้ล่ะ ? อย่างที่สอง พวกเราไม่เคยเห็นท้องสมุทรโศกามาก่อนด้วยซ้ำ เราจึงไม่รู้เลยว่ามีค่ายกลต้นกำเนิดใดอยู่ใกล้ ๆ หรือไม่ นอกจากนั้น ถ้าพวกเราหามันพบ และมันไม่ได้ถูกค่ายกลต้นกำเนิดป้องกัน มันจะถูกทำลายได้ง่ายถึงเพียงนั้นเลยหรือ ? ถ้ามันถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่แข็งแกร่งล่ะ ? แล้วพวกเราจะทำอย่างไร ?”
กู่ชิงลั่วเบะปาก “ก็ได้ เจ้าคิดทุกสิ่งอย่างถี่ถ้วนเสมอ งั้นเจ้าคิดว่าเราควรทำอย่างไรล่ะ ?”
ซูเฉินหัวเราะ “แน่นอนว่าเราควรโกง !”
ขณะที่พูด มือก็ดึงเอาไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดออกมา
กู่ชิงลั่วคิดว่าซูเฉินมีแผนการอยู่ในใจ แต่กลายเป็นว่าชายหนุ่มคิดจะใช้ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดเพื่อแก้ปัญหานี้เสียอย่างนั้น รอยยิ้มแห่งความหฤหรรษ์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางอย่างไม่อาจห้าม
แต่เมื่อพิจารณาให้ดียิ่งขึ้น หญิงสาวก็นึกได้ว่าไม่จำเป็นจะต้องคิดแผนการที่เถรตรงขึ้นมา ในเมื่อเราสามารถโกงได้ และสถานการณ์ในตอนนี้ก็ไม่ได้เอื้อต่อแผนการที่เช่นนั้นแต่แรกอยู่แล้ว
นอกจากซูเฉินและกู่ชิงลั่ว ไม่มีใครอื่นใดอยู่ใกล้ภูเขาลูกนั้น นี่หมายความว่าการทำนายของไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดสามารถเกิดได้ง่ายยิ่งขึ้น ! ตราบใดที่ซูเฉินไม่ได้สร้างคำทำนายเกี่ยวกับตัวเขาเอง และถามเพียงแค่เรื่องของท้องสมุทรโศกาเท่านั้น ค่าใช้จ่ายก็จะต่ำลงอย่างถึงที่สุด
แต่ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิอสูรทะเลก็อยู่ที่นี่ด้วยหรอกหรือ ?
ใช่ พวกมันอยู่ และหากจักรพรรดิอสูรเหล่านี้เป็นส่วนประกอบปัจจัยในการทำนายด้วย ราคาก็จะพุ่งสูงอย่างแน่นอน
แต่ปัญหาคือพวกมันเป็นเพียงจักรพรรดิอสูรกลุ่มเดียวที่อยู่ในบริเวณนี้
ตามกฎในการทำนายของไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดแล้ว หากเป้าหมายของคำทำนายมีค่ามากกว่าของเซ่นที่ได้ถวายไป การทำนายก็จะล้มเหลว
ฉะนั้นซูเฉินจึงต้องทำเพียงแค่เซ่นไหว้ตามธรรมดาทั่วไป แล้วค่อยถามคำถาม จากนั้นความสำเร็จหรือความล้มเหลวก็จะปรากฏเอง
หากเขาทำสำเร็จ ผลลัพธ์ก็จะอธิบายได้ในตัวเอง
หากเขาล้มเหลว นั่นก็หมายความว่าจักรพรรดิอสูรจะมาเกี่ยวข้องด้วย หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ ทางเดินนั้นไม่ใช่ทางที่จะเดินต่อไปได้
การไม่ได้รับคำตอบก็เป็นคำตอบในตัวของมันเองเช่นกัน
ซูเฉินเริ่มด้วยคำทำนายที่เรียบง่ายอย่างถึงที่สุด การพยายามจะทำนายว่าเขาจะสามารถบินไปยังยอดเขา และนำเอาท้องสมุทรโศกากลับมาได้หรือไม่ อย่างที่คาดไว้ ชายหนุ่มล้มเหลว
นี่หมายความว่าจักรพรรดิอสูรจะเกี่ยวข้องด้วย
ซูเฉินดูไม่ใส่ใจมากนัก เขากลับสร้างคำทำนายเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนและกู่ชิงลั่วในอีกหนึ่งก้านธูป
คำทำนายล้มเหลวอีกครั้ง หมายความว่าจักรพรรดิอสูรจะไล่ตามพวกเขา ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดจึงไม่สามารถให้คำทำนายได้
สำหรับจักรพรรดิอสูรที่ไม่ยอมไปจากภูเขาง่าย ๆ เพื่อไล่ล่าชายหนุ่ม นั่นอาจเป็นไปได้ว่าเขาจะนำท้องสมุทรโศกาติดมาด้วย นั่นยังส่อเค้ากลาย ๆ ว่ามีความแปรปรวนมากเกินกว่าที่ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดจะคำนวณได้
ซูเฉินยังคงทำนายต่อ โดยคราวนี้เลือกทิศทางที่ต่างออกไป
พูดง่าย ๆ คือเขาต้องการดูว่ามีวิธีการที่จะบรรลุเป้าหมายโดยไม่ต้องเผชิญกับจักรพรรดิอสูรอยู่หรือไม่
ครั้งที่สาม ชายหนุ่มทำนายเกี่ยวกับวิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกาย
ระยะของทักษะนี้นั้นไกลไม่น้อย ณ จุดนี้ ซูเฉินสามารถกระโดดได้ถึงครั้งละหนึ่งพันจั้ง จุดสูงสุดของระยะที่สมาชิกของเผ่าพันธุ์อัจฉริยะสามารถไปถึงได้ในตอนแรก โชคไม่ดีนักที่จักรพรรดิอสูรมีระยะสายตาที่กว้างไกลเหนือธรรมชาติ และจักรพรรดิอสูรบางส่วนที่มีขนาดใหญ่กว่า ก็มีขนาดหลายร้อยจั้งตั้งแต่เริ่ม ไม่มีทางเลยที่วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายจะสำเร็จ
วิชาภูติลั่นแสงจะพาชายหนุ่มไปไกลพอ แต่จำเป็นต้องส่งร่างเลียนแบบของตนเองออกไปก่อน
ซูเฉินเลือกสิ่งนั้นเป็นการทำนายครั้งที่สี่ แต่ก็ล้มเหลวอีกครั้ง
ครั้งที่ห้า ซูเฉินทำนายว่าจะประดิษฐ์ยาปกปิดตัวตนขึ้นมา แต่ก็ล้มเหลว
ครั้งที่หก ซูเฉินถามว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น หากเขาออกไปดึงดูดความสนใจเหล่าจักรพรรดิอสูร ในขณะที่กู่ชิงลั่วฉวยโอกาสในการไปเอาท้องสมุทรโศกามา
ล้มเหลว!
ซูเฉินพยายามลองคำถามที่ต่างกัน แต่พวกมันก็ล้มเหลว
ปริมาณเครื่องเซ่นของซูเฉินที่ไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดกำลังกลืนกินนั้น กำลังบอกเขาอย่างไร้ความปราณี ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าไปใกล้ท้องสมุทรโศกาโดยไม่ให้จักรพรรดิอสูรรู้ตัว
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องใช้กำลังเท่านั้นแล้วล่ะ” กู่ชิงลั่วกระโดดขึ้นยืน เตรียมพร้อมรบเป็นที่เรียบร้อย
“ไม่ ข้ายังคิดได้อีกอย่างหนึ่ง” ซูเฉินกล่าว
“อะไรหรือ?”
ซูเฉินทำมือเป็นสัญลักษณ์ และแมลงภัยพิบัติก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“เราจะส่งมันไป”
แม้ว่าแมลงภัยพิบัติจะทรงพลัง แต่พวกมันก็พึ่งพาจำนวนอันมหาศาลเพื่อรุมล้อมศัตรู
แมลงภัยพิบัติเพียงตัวเดียวนั้นน่าเกรงขามน้อยกว่ามาก และคงจะไม่ถูกเหล่าจักรพรรดิอสูรทะเลสังเกตเห็น
เครื่องเซ่นเริ่มหายไปจากแท่นบูชา
คราวนี้ ภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
แมลงภัยพิบัติบินแวบไปแวบมารอบ ๆ รูปราวกับผึ้ง ต่อมา มันก็หยุดลงบนยอดของน้ำตก
ซูเฉินและกู่ชิงลั่วเห็นรูปปั้นยักษ์อ้าปากกว้างยืนอยู่บนยอดสูงสุด
น้ำตกออกมาจากปากนั้นนั่นเอง
แมลงภัยพิบัติพยายามเข้าไปในปากของรูปปั้น ทว่าลำแสงสีขาวก็พุ่งออกมาจากตาของรูปปั้นแทบจะทันที ลำแสงปะทะเข้ากับแมลงภัยพิบัติเข้าอย่างจัง
แมลงภัยพิบัติที่ได้รับความต้านทานจากการโจมตีของจักรพรรดิอสูรทะเลมาจนถึงตอนนี้ ก็ถูกเผาลงในทันที
ภาพนั้นหายวับไป
ซูเฉินและกู่ชิงลั่วต่างพากันนิ่งอึ้ง
“งั้นก็มีการป้องกันติดตั้งไว้สินะ” กู่ชิงลั่วกล่าว
แสงสีขาวนั้นคืออะไรกัน ? มันดูธรรมดา แต่พลังที่แท้จริงของมันนั้นน่าเกรงขามทีเดียว
“เอาล่ะ อย่างน้อยเราก็พบวิธีการแฝงตัวเข้าไปโดยไม่ต้องเผชิญกับจักรพรรดิอสูรแล้ว” ซูเฉินกล่าวขณะพยายามสำรวมท่าทีไว้
หากแมลงภัยพิบัติเพียงตัวเดียวจะไม่ดึงความสนใจของจักรพรรดิอสูร สถานการณ์ก็จะแก้ไขได้ง่ายขึ้นมากโข
ซูเฉินดึงเอาขวดที่บรรจุเลือดของตนออกมา และใช้การหยุดเวลาชั่วคราวกับมัน ก่อนที่จะปล่อยให้แมลงภัยพิบัตินั้นบินจากไป เมื่อแมลงภัยพิบัติมาถึงแหล่งที่มาของน้ำตก เลือดก็จะกลายเป็นร่างเลียนแบบ ทำให้ซูเฉินสามารถใช้ภูติลั่นแสงได้
ส่วนวิธีที่ชายหนุ่มจะออกมานั้นยิ่งเรียบง่ายขึ้นไปอีก เขาสามารถทิ้งร่างเลียนแบบไว้ที่นั่นได้เลย
ที่จริงแล้ว ซูเฉินยังเคยทำกระทั่งทิ้งร่างเลียนแบบไว้ที่ทางเข้าสู่หุบเหวนรก
“เจ้าต้องระวังตัวนะ” กู่ชิงลั่วบีบมือของเขาแน่น ขณะที่นางกล่าวด้วยความรักใคร่ห่วงใย
“ไม่ต้องห่วง แค่รอข่าวดีของข้าที่นี่ก็พอ” ซูเฉินกล่าว
ร่างเลียนแบบร่างหนึ่งปรากฏขึ้น ซูเฉินสามารถติดต่อกับกู่ชิงลั่วได้ เพราะจิตใจขอชายหนุ่มนั้นเชื่อมต่ออยู่กับมัน
แมลงภัยพิบัติบินออกไปกับเลือดของซูเฉินอย่างรวดเร็ว มันไปถึงยังบริเวณของรูปปั้นอีกครั้ง
แต่คราวนี้ แทนที่จะพยายามเข้าไปในปากของรูปปั้น มันกลับปล่อยให้เลือดหยดหนึ่งร่วงหล่นลงไป
จังหวะที่เลือดหยดนั้นแตะถึงพื้นดิน ร่างเลียนแบบหนึ่งก็ปรากฏขึ้น พริบตาต่อมา พื้นที่โดยรอบร่างเลียนแบบนั้นก็สั่นไหวเบา ๆ ขณะที่ร่างตัวจริงได้เข้ามาแทนที่ตัวปลอม
ชายหนุ่มได้กระโดดข้ามช่องว่างมาอย่างง่ายดาย และปรากฏกายขึ้นตรงหน้ารูปปั้น
เพราะร่างเลียนแบบทั้งสองนั้นใกล้กัน ครั้งนี้เขาจึงไม่ได้ใช้พลังงานในการกระโดดมากนัก
ขั้นแรก เขาใช้วิชาปกปิดตัวตนเพื่อปิดบังรัศมีตัวเอง พยายามอย่างสุดความสามารถไม่ให้เหล่าจักรพรรดิอสูรสังเกตเห็น แล้วเขาก็เก็บแมลงภัยพิบัติไว้ ก่อนที่จะเริ่มตรวจสอบรูปปั้นอย่างระมัดระวัง
รูปปั้นนั้นสูงราว ๆ สามร้อยฉื่อและยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขา
คำทำนายของไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิดฉายอยู่ไม่นานพอที่ซูเฉินจะสามารถมองให้ชัดเจนได้ แต่ในเมื่อตอนนี้ชายหนุ่มสามารถทำได้แล้ว เขาก็ตกตะลึงอยู่ไม่น้อย
เพราะแท้จริงแล้วใบหน้าของรูปปั้นนี้ไม่ใช่ไม่ใช่ใบหน้าของชาวอาร์คาน่า
ชาวอาร์คาน่านั้นมีรูปร่างเตี้ยโดยกำเนิด ความสูงที่แท้จริงของพวกเขาจึงไม่ได้สำคัญมากนัก แต่แขนขาของรูปปั้นนี้ ทั้งผอมเพรียวและโอนอ่อน หูก็แหลมชี้ประจวบกับผิวสีเขียวจาง ๆ มองก็รู้ว่ารูปปั้นนี้ไม่ใช่ชาวอาร์คาน่า อันที่จริงแล้ว มันมีความคล้ายคลึงกับเผ่าจิตวิญญาณทมิฬผู้ใกล้สูญพันธุ์ต่างหาก !
เคอหนีเก๋อเป็นชาวอาร์คาน่า ความจริงที่ว่าเขาไม่ได้สร้างรูปปั้นเป็นร่างของชาวอาร์คาน่านั้นช่างน่าสบสนงงงวย อย่างน้อยก็น่าจะเป็นอย่างนั้น
แต่ซูเฉินก็ไม่มีเวลาไตร่ตรองคำถามนี้นานเกินไป เขามองขึ้นไปยังปากขนาดยักษ์ของรูปปั้น แล้วจึงเริ่มบินขึ้นไปบนอากาศ
ท้องสมุทรโศกาควรจะอยู่ข้างใน ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องเข้าไปหากต้องการนำมันไปด้วย
ไม่มีทางที่ซูเฉินจะพยายามบุกฝ่าเข้าไปข้างในเมื่อได้เห็นแสงสีขาวที่ปรากฏขึ้นในคำทำนายของไม้เท้ากระดูกต้นกำเนิด เขาจึงสร้างร่างเลียนแบบอีกร่างขึ้นแทน เพื่อดูว่าร่างเลียนแบบจะสามารถแฝงตัวผ่านการป้องกันของรูปปั้นไปได้หรือไม่
แม้ว่าซูเฉินจะไม่ได้เชี่ยวชาญในค่ายกลต้นกำเนิดเป็นพิเศษ ในฐานะนักวิจัยไฟแรง ชายหนุ่มก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องมีกลไกที่เปิดใช้งานแสงสีขาวนั่น ตราบใดที่เขาไม่ไปกระตุ้นกลไกนั้น ก็จะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ซูเฉินไม่รู้ว่าแสงสีขาวนั้นถูกเปิดใช้งานได้อย่างไร แต่ก็มีแนวโน้มว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่พยายามเข้าไป จะถูกสังหารในทันที
ร่างเลียนแบบถูกสร้างขึ้นจากหยดเลือดของซูเฉินเท่านั้น รัศมีความแข็งแกร่งของมันจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกตรวจพบ
นอกจากว่ารูปปั้นนั้นจะใช้แสงสีขาวสังหารกระทั่งยุง ร่างเลียนแบบก็มีแนวโน้มที่จะไม่กระตุ้นกลไกเฉพาะนั้น
ร่างเลียนแบบไม่สามารถหลอกล่อจักรพรรดิอสูรได้เพราะพวกมันมีตา แต่ก็ไม่ใช่กรณีเดียวกันกับรูปปั้น
ขณะที่เขาคิดพิจารณาอยู่ ร่างเลียนแบบก็เข้าไปในปากของรูปปั้น แน่นอนว่าไม่มีลำแสงสีขาวโจมตีออกมา
เพียงชั่วเสี้ยวกะพริบตา ตัวซูเฉินเองก็ปรากฏขึ้นภายในปากของรูปปั้น…