ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) - บทที่ 63 พื้นที่ปลอดภัย
บทที่ 63 พื้นที่ปลอดภัย
ทันทีที่ซูเฉินสัมผัสได้ว่าการเชื่อมต่อกับร่างแยกถูกสะบั้น เขาก็รู้ว่าแย่แล้ว
ร่างแยกสัมผัสอะไรได้เขาย่อมทำได้เช่นกัน
ดินแดนแห่งนี้ใกล้จะล่มสลายเต็มที
การล่มสลายของแดนพลังสูญเป็นสิ่งที่น่าลัว เพราะเมื่อเกิดขึ้นแล้ว หากยังติดอยู่ภายในจะไม่สามารถรอดออกไปได้เลย
หากซูเฉินไปถึงทางออกไม่ทันก็แย่แน่
ซูเฉินจึงถูกบีบให้รีบพุ่งออกไปโดยเร็ว
ราชันจักรพรรดิอสูรกลุ่มใหญ่ก็ไล่ล่าอยู่ด้านหลัง
เช่นนี้แล้วใช้อุบายอะไรอีกก็ไร้ประโยชน์ ความเร็วเท่านั้นที่สำคัญ
ซูเฉินหยิบยาเม็ดออกมากิน มันช่วยเสริมความแกร่งและเปิดใช้พลังของเขา ตอนนี้ซูเฉินไม่เต็มใจใช้มันเท่าไหร่ แต่เขาไม่มีเวลามากังวลเรื่องเล็กน้อยแล้ว เขากลืนยาลงคอ จากนั้นเพิ่มความเร็วจนสุดทันที
แต่ไม่ว่าจะเร็วอย่างไรก็หนีราชันจักรพรรดิอสูรไม่พ้น เพราะอย่างไรเขาก็มีด่านพลังต่ำกว่ามันถึงสองด่าน จึงไม่แปลกที่จะมีกำลังด้อยกว่า
ซูเฉินมองราชันจักรพรรดิอสูรที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ นัยน์ตาเริ่มปรากฎรอยแห่งความสิ้นหวัง
สุดท้ายแล้วเขาต้องมาตายในแดนลับเช่นนี้หรือ ?
หากเขาไม่ตายเพราะแดนล่มสลาย ก็คงตายเพราะถูกราชันจักรพรรดิอสูรสะบั้นร่าง
ไม่ เขาไม่ยอมแพ้ง่ายเช่นนั้นหรอก
ซูเฉินกัดฟันเตรียม เตรียมใช้หุ่นเชิดยักษ์และแมลงภัยพิบัติเป็นไพ่ตายใบสุดท้าย
แต่จังหวะนั้นเอง ปลาปากแหลมตัวโตก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวในพริบตา เขากำลังจะออกท่าโจมตี แต่มันกลับพุ่งผ่านเขาไปแทน
หา ?
เกิดอะไรขึ้นกัน ?
ซูเฉินมองต่อด้วยความตกใจ ปลาปากแหลมยังพุ่งต่อไปยังทางออก ราชันจักรพรรดิอสูรเองก็คำราม ไม่สนใจเขา
ซูเฉินตกใจในตอนแรก แต่ก็พลันเข้าใจ
ราชันจักรพรรดิอสูรเองก็รู้สึกได้ว่าดินแดนแห่งนี้กำลังล่มสลาย รู้ว่าพวกมันต้องรีบหนีออกไป
เมื่อไร้การควบคุมจากท้องสมุทรโศกาแล้ว สติปัญญาและความเป็นอิสระทั้งหมดของพวกมันก็กลับมา ดังนั้นมันจึงเลือกหนี
“ก็ดี…” ซูเฉินพึมพำ
แม้จะไม่พอใจที่ถูกเมินอยู่เล็กน้อย แต่ซูเฉินก็ยังพุ่งไปด้านหน้าต่อ
เป็นตอนนั้นเองที่จู่ ๆ เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น เขาแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า
พลันท้องนภาเกิดรอยแตก เผยให้เห็นหลุมขนาดใหญ่
มันเริ่มสลายแล้วจริง ๆ
การล่มสลายเริ่มเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เกิดรอยแตกไปทั่วพื้นที่เช่นนี้หมายความว่าคงเหลือเวลาอีกไม่นานแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ เขาไม่มีทางหนีออกไปทันแน่
ที่ทางออก กองเรือกำลังดำเนินการถอยแล้ว พวกราชันจักรพรรดิอสูรเองก็รุดหน้าเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวอะไร
ทว่าพวกมันไม่คิดโจมตี คิเพียงจะหนีเท่านั้น
พวกมันอยากออกไปจากที่นี่
รู้เช่นนี้แล้ว หลี่ฉงซานและคนอื่นจึงออกคำสั่งทันใด “หยุดโจมตีแล้วถอยเสีย ! ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ !”
“ไม่ต้องตั้งค่ายกลแล้ว ทุกคนถอย !”
“ถอย !”
“หวูดดดดด !!!”
เสียงลั่นสั่งให้ถอยกระหึ่มทั่วฟ้า กองเรือเริ่มถอยภายใต้คำสั่งของผู้บัญชาการทั้งหลาย
ด้านนอกหุบเหวนั้น เกิดคลื่นใหญ่รุดหน้าออกมาจากทางเข้า ส่งร่างคนนับไม่ถ้วนกระเด็นไป ตามมาด้วยราชันจักรพรรดิอสูรที่ถูกซัดกระเด็น
ช่องน้ำวนนั้นยังคงพ่นคนออกมาราวกับวาฬพ่นน้ำ
ราชันจักรพรรดิอสูรที่หนีออกมาได้ไม่ได้โจมตีกองเรือ พวกมันร้องลั่นยินดี จากนั้นมุดลงใต้น้ำ แหวกว่ายอย่างมีความสุขกับอิสระที่เพิ่งได้รับ ทำให้กองเรือถอนหายใจโล่งอกและกลับมาจัดระเบียบกองเรือใหม่
ภายในหุบเหว กู่ชิงลั่วยังทอดสายตามองไปไกลด้วยความเป็นห่วง “ซูเฉิน ซูเฉิน… รีบกลับมาได้แล้ว !”
ทว่ากลับไร้วี่แววของซูเฉินแต่อย่างใด
ผืนนภายังคงแตกเป็นเสี่ยงอยู่เรื่อย ๆ และน้ำทะเลก็เริ่มลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ราชันจักรพรรดิอสูรหลายตัวที่อยู่ถัดออกไปสักหน่อยก็ถูกคลื่นน้ำวนดูดเข้าไปด้วย พวกมันกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว พยายามหนีออกมาแต่ก็ไร้ผล
หลี่ฉงซานเหินร่างเข้ามา “ชิงลั่ว รีบไปเถอะ ที่นี่กำลังจะสิ้นสลายจนหมดแล้ว หากไม่รีบไปจะสายเกินการ”
“แต่ซูเฉินยัง…”
“ไม่มีเวลามารอเขาแล้ว !” หลี่ฉงซานตะโกนตาแดงก่ำ “หากยืนยันจะรอเขา เจ้าก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วย”
“ไม่ !” กู่ชิงลั่วตะโกนลั่น
นางไม่อยากได้ยินคำตอบนั้น
ฉือไคฮวงจึงเหาะบินเข้ามาบ้าง “ซูเฉินหนังเหนียวจะตาย ไม่ตายง่าย ๆ หรอก แต่หากเจ้ารั้งอยู่อาจกลายเป็นภาระเขาได้”
“เช่นนั้นหรือ ?” กู่ชิงลั่วจ้องฉือไคฮวงนิ่ง
ผู้เข้ามาใหม่ยังไม่ทันตอบ พลันนางก็รู้สึกถึงแรงฟาดที่ท้ายทอย
หญิงสาวหันไปด้วยความตกใจ พบว่าเฉิงเถียนไห่คว้ามือนางไว้ “ขออภัยด้วย พอดีจะฟาดให้หมดสติแล้วพาตัวไป แต่ลืมไปว่าตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้าแล้ว”
“……”
ทุกคนอึ้งไป ด้วยทั้งหมดล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญพลัง ทำให้สังหารได้ยากมาก และจะทำให้หมดสตินั้นยากยิ่งกว่า
แต่อึดใจต่อมา ฉือไคฮวงและหลี่ฉงซานก็สบตากัน ก่อนรวมกำลังกดดันกู่ชิงลั่ว คลื่นพลังสูงส่งพลันขัดขวางการเคลื่อนไหวนางไว้ “ไป !”
จากนั้นก็เขวี้ยงร่างนางไปยังทางออก
“ไม่!” กู่ชิงลั่วร้องลั่น ปลดปล่อยสายเลือดมังกรสุริยะออกมาโดยสัญชาตญาณ
“ขอร้องล่ะภรรยาท่านเจ้านิกาย ออกไปเถอะ !” หลี่ฉงซานตะโกน
“ขอภรรยาท่านเจ้านิกายโปรดออกไปเถอะ !” ศิษย์นิกายทั้งหลายเองก็ลงมือเช่นกัน รวมคลื่นพลังส่งออกไปผลักร่างหญิงสาว
กู่ชิงลั่วทรงพลังมาก สายเลือดมังกรสุริยะสามารถสยบได้กระทั่งราชันจักรพรรดิอสูร ดังนั้นแม้จะรวมพลังกันโจมตีนางก็ไม่กลัว แต่หากดึงดันจะโจมตีก็อาจทำอันตรายพวกเขาได้ ในจังหวะที่ลังเลนั้นเอง คลื่นพลังก็โอบล้อมร่างกาย ส่งนางออกไปยังทางเข้า ก่อนจะหายวับไปไม่เหลือร่องรอย
หลังส่งกู่ชิงลั่วออกไปแล้ว หลี่ฉงซานจึงตะโกน “คนอื่น ๆ ก็ออกไปเสีย !”
เหลือคนอยู่ไม่มากแล้ว ในหมู่ศิษย์นิกายไร้ขอบเขต ก็เหลือแค่พวกที่ภักดีอย่างสุดตัวเท่านั้นที่ยังรั้งรออยู่ พวกเขาไม่รีบจากไป แต่กลับถามว่า “แล้วท่านเจ้านิกายเล่า ?”
หลี่ฉงซานกัดฟันตอบ “ท่านเจ้านิกายมีโชคช่วย เขาไม่เป็นไรแน่ ตอนนี้ขอข้าสั่งให้พวกเจ้าทั้งหมดออกไปจากที่นี่”
ทุกคนยังดูลังเล จนฉือไคฮวงคำรามออกมา “ออกไปเสีย !”
ศิษย์นิกายไร้ขอบเขตจึงได้แต่พากันเข้าช่องลอดน้ำวนจากไป
หลี่ฉงซานกับฉือไคฮวงเหลือบมองไปไกลแล้วเอ่ยพึมพำ “ซูเฉิน เจ้าต้องรอดกลับมาให้ได้เล่า”
พวกเขาเองก็ยังไม่อยากจะจากไป
ราวกับสัมผัสได้ถึงความคิดของพวกเขา ซูเฉินก็รู้สึกประหนึ่งสัมผัสถึงทางออกที่อยู่ห่างออกไปได้
มันอยู่ไม่ห่างไปจากชายหนุ่มเท่าไร
กระนั้นซูเฉินก็รู้ว่าตัวเขาไม่อาจเคลื่อนที่ไปได้
ถึงตอนนี้ทั่วท้องฟ้าเต็มไปด้วยรูไม่ต่างกับหลังคาเก่า และไม่เหลือลมแผ่วเบาพัดผ่านอีกต่อไป
แต่ดินแดนที่กำลังล่มสลายกำลังก่อให้เกิดลมพายุดุดัน
ซูเฉินประเมินดูแล้วว่าตนเองไม่สามารถจัดการมันได้
รู้ดังนั้นแล้ว เขากลับสงบใจได้มากขึ้น
หากหลบหนีออกไปไม่ได้ก็ต้องหาทางรอด
การที่บรรยากาศรอบกายสลายไปเรื่อยนั้นน่ากลัว แทบไม่เหลือโอกาสรอดให้เขา แต่คำว่าแทบไม่เหลือก็แสดงว่ายังมีโอกาส นั่นคือชายหนุ่มยังมีหวังอยู่
จังหวะนั้นเอง ในหัวของซูเฉินก็มีความคิดมากมายไหลผ่าน หัวสมองผลึกแก้วของเขาหมุนเร็วจี๋ สุดท้ายก็คิดหนทางรอดที่เป็นไปได้มากที่สุดออกมาได้
จากนั้นชายหนุ่มจึงถอนใจออกมา “ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายก็ยังต้องพึ่งแก”
พูดจบก็หยิบเอาต้นกล้าเล็กออกมา
ท้องสมุทรโศกานั่นเอง
ทันทีที่ต้นกล้าปรากฏขึ้น รอยแยกรอบกายก็ดูเหมือนจะหยุดเกิดอย่างไรก็อย่างนั้น
ท้องสมุทรโศกาเป็นเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นจากทรัพยากรล้ำค่าหลายอย่าง นอกจากชิ้นที่สามารถเร่งการเจริญเติบโตได้แล้ว ตัวมันยังเป็นเครื่องมือศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับพลังเชิงพื้นที่ ดังนั้นแดนที่ล่มสลายจึงเริ่มกลับมามั่นคง เห็นได้ชัดว่าพอนำท้องสมุทรโศกาไป ดินแดนจึงเริ่มสลายตัวลง
หากมีผล ก็ย่อมมีเหตุ
หากท้องสมุทรโศกาเป็นต้นเหตุทำให้พื้นที่รอบกายล่มสลาย เช่นนั้นมันก็เป็นแหล่งพลังที่ทำให้รอบกายมั่นคงได้เช่นกัน
แต่สาเหตุที่ตรงกันข้ามเหล่านี้ ให้ผลแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การทำลายย่อมง่ายกว่าการสร้าง ท้องสมุทรโศกาเป็นต้นเหตุที่ทำให้แดนพลังสูญล่มสลาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าดินแดนนั้น ๆ จะสามารถซ่อมแซมมันเองขึ้นมาใหม่ได้
การดึงคานออกจากบ้านย่อมทำให้บ้านถล่ม แต่ถ้าสอดคานกลับไปตอนที่บ้านกำลังจะถล่มก็ไม่ได้ทำให้บ้านกลับมาเป็นดังเดิม ทั้งยังไม่แน่ว่าจะทำให้บ้านหยุดถล่มได้ ได้แต่ถ่วงเวลาเล็กน้อยเท่านั้น
ซูเฉินคำนวณแล้ว ก็ยังมีเวลาไม่พอที่เขาจะไปถึงทางออกได้อยู่ดี
แต่เคราะห์ดีที่เขาไม่หวังพึ่งมันอย่างเดียว
บ้านจะถล่ม จะใช้ท้องสมุทรโศกาหยุดก็ไม่ได้ แต่ก็เป็นไปได้ว่าอาจใช้มันสร้างห้องปลอดภัยให้ตัวเองได้
กล้าต้นน้อยเริ่มขยายใหญ่ ธารน้ำเริ่มไหลออกจากใบมันอีกครั้ง… คือบ่ออมตะ
ไม่สิ ตอนนี้เรียกมันว่าวสันต์เวียนน่าจะถูกกว่า
ราวกับว่าสายธารยาวนี้หมุนเวียนไปรอบต้นไม้ เป็นธารน้ำไหลวนไปมา และค่อย ๆ เกิดพื้นที่มั่นคงที่แยกตัวออกจากแดนขึ้นมาแห่งหนึ่ง
ซูเฉินรู้สึกว่าพื้นที่เท่านี้ยังไม่กว้างพอที่จะสามารถใช้ตั้งบ้านหินได้
น้ำที่ไหลเวียนอยู่ใต้เท้าเริ่มสะสม เกิดเป็นโคลนขึ้น
ก่อเกิดเป็นเกาะน้อยขึ้นมา
ใช่แล้ว ซูเฉินกำลังพยายามใช้ท้องสมุทรโศกาเพื่อสร้างแดนแยกขึ้นมานั่นเอง
แม้ชายหนุ่มจะไม่สามารถสอดคานกลับเข้าไปในบ้านเพื่อซ่อมให้บ้านเหมือนใหม่ได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถใช้คานดามไว้เหนือศีรษะเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัย ใช้เอาชีวิตรอดในระยะเวลาสั้น ๆ ได้
ด้วยพลังสูงส่งของท้องสมุทรโศกา การสร้างดินแดนแยกออกมาจึงไม่ใช่เรื่องยาก รูปปั้นเมื่อก่อนหน้าก็เป็นเครื่องย้ำเตือนได้ดี
น่าเสียดายที่ซูเฉินไม่มีเวลามาสร้างพื้นที่กว้างขวาง ดังนั้นจึงพยายามขยายพื้นที่ให้ได้มากที่สุด และเตรียมจองที่ที่จำเป็นในการใช้ชีวิต เพื่อให้ตนรอดชีวิตได้นานที่สุด
ตราบเท่าที่แดนส่วนสุดท้ายยังไม่แตกสลาย ช่องน้ำวนก็จะยังไม่หายไป กู่ชิงลั่วและคนอื่น ๆ ก็ยังสามารถหาทางช่วยชายหนุ่มได้
ใช่แล้ว ทางเลือกที่ดีที่สุดของเขาคือการสร้างพื้นที่ปลอดภัยขึ้นมา
การกระทำของเขาทั้งมีประสิทธิภาพและชาญฉลาด ไม่นานเกาะแห่งหนึ่งก็เริ่มปรากฏขึ้นมา
และเพื่อให้มั่นใจว่าเขามีทรัพยากรเพียงพอในการเอาชีวิตรอด ซูเฉินยังรวบรวมน้ำทะเลบางส่วนเข้ามาด้วย เกิดเป็นพื้นที่ที่สามารถใช้หล่อเลี้ยงชีวิตตนได้ระยะหนึ่งขึ้น
ถึงกระนั้น เขาก็เพิ่งจะเตรียมการ ในตอนที่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงปริร้าวเท่านั้น เกาะของเขาที่เพิ่งจะทำให้มั่นคงขึ้นมาเกิดรอยแยกขึ้นมาแล้ว
เป็นไปได้อย่างไรกัน ?
ซูเฉินนิ่งอึ้งไปเมื่อเห็นพวกอสูรทะเลทั้งหลายพากันพุ่งเข้ามายังเกาะน้อยที่เพิ่งสร้างขึ้นมา