ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 109 รักษาโรค
ตอนที่ 109 รักษาโรค
“ดึกแล้ว อาบน้ำพักผ่อนเถอะ ไม่ใช่เรื่องของพวกเรา พรุ่งนี้เช้าก็ได้ออกไปแล้ว”
จั่วอันเหนียนราชทูตแคว้นฉีที่ร่วมชมจันทร์กับทุกคนเอ่ยขึ้นมา ยกมือปิดปากแล้วหาวคราหนึ่ง
สุยไพ่ราชทูตแคว้นเว่ยเอ่ยถาม “ถูกขังอยู่ที่นี่แล้วจะอาบอย่างไร?”
จั่วอันเหนียนลูบหน้าแล้วตอบว่า “แค่คืนเดียวเท่านั้น อาบหรือไม่อาบก็ไม่สำคัญ”
ฉู่เซียงอวี้ราชทูตแคว้นจิ้นที่เงยหน้ามองดวงจันทร์อยู่เอ่ยพึมพำออกมา “พวกเจ้าว่า จูเก่อสวินกับตาเฒ่าถูไหวอวี้รวมหัวกันเล่นละครหรือเปล่า?”
อีกสองคนตื่นตัวขึ้นมาทันที จั่วอันเหนียนเอ่ยถาม “หมายความว่าอย่างไร”
ฉู่เซียงอวี้ยกมือไพล่หลัง หันมองทั้งสองคนที่จ้องมองตนอยู่ จากนั้นกล่าวว่า “กล้าลงมือสังหารคนในสถานการณ์เช่นนี้ หนิวโหย่วเต้าคนนั้นไม่กลัวตายจริงๆ น่ะหรือ? จุดที่ดูมีพิรุธที่สุดคือผู้บำเพ็ญเพียรของซ่งหลงปลีกตัวไปช่วยเขาไม่ทันเลยสักคน ทั้งหมดล้วนถูกคนของจูเก่อสวินและถูไหวอวี้รั้งตัวไว้ นี่ใช่เรื่องบังเอิญหรือ?”
คำพูดนี้ทำให้สุยไพ่และจั่วอันเหนียนตกอยู่ในภวังค์ความคิด
หลังนิ่งเงียบกันอยู่สักพัก สุยไพ่ก็เอ่ยขึ้นมา “จากที่เจ้าว่ามา การที่จู่ๆ คนของทางจวนผู้ว่าการมณฑลก็โผล่มาขัดขวาง หรือจะทำเพื่อขัดขวางไม่ให้คนของซ่งหลงลงมือกับหนิวโหย่วเต้า? หรือว่าคนของจวนผู้ว่าการมณฑลจินโจวก็เข้ามามีเอี่ยวด้วย? มิเช่นนั้นหนิวโหย่วเต้าจะต้องตายไปแล้วแน่นอน!”
จั่วอันเหนียนกะพริบตาปริบๆ จากนั้นออกความเห็นว่า “จูเก่อสวิน ถูไหวอวี้และจวนผู้ว่าการมณฑลร่วมเล่นละครด้วยกันอย่างนั้นหรือ? ซ่งหลงกับมณฑลจินโจวก็ไม่ได้มีความแค้นอันใดต่อกันนี่นา? หากมีอะไรจริงๆ ซ่งหลงก็คงจะไม่กล้ามาเช่นกัน อีกอย่าง ซ่งหลงเป็นแขก มาร่วมอวยพรวันเกิด สังหารแขกก่อนถึงงานวันเกิด ไม่ว่าจะมองในมุมของความรู้สึกหรือเหตุผลก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเลย! นอกจากนี้ จะบอกว่าเล่นละครก็ดูไม่เข้าเค้าเหมือนกัน! พวกเจ้าคิดว่าจูเก่อสวินจะสั่งให้ถูไหวอวี้ตบหน้าเขาแรงๆ ฉาดหนึ่งหรือ? รอยฝ่ามือที่ประทับอยู่บนใบหน้าเมื่อครู่ข้าได้เห็นอย่างชัดเจน ลงมือหนักทีเดียว!”
พอพูดถึงการตบหน้าฉาดนั้น มุมปากของฉู่เซียงอวี้และสุยไพ่ล้วนกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย พอย้อนนึกดู ฝ่ามือฉาดนั้นของถูไหวอวี้ตบเข้าไปเต็มแรงจริงๆ คิดๆ แล้วยังรู้สึกเจ็บแทน
พอว่ากันแบบนี้ นึกทบทวนกันเช่นนี้ ทั้งสามพากันส่ายหน้า เห็นทีคงจะเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ พอในศาลาโกลาหลวุ่นวาย ขัดขากันเอง จึงถูกหนิวโหย่วเต้าคนนั้นฉวยโอกาสหาประโยชน์ อีกทั้งทางนี้ก็ทะเลาะกันดังอึกทึกครึกโครมย่อมทำให้คนของทางจวนผู้ว่าการมณฑลรู้ตัว จึงตามมาระงับเหตุ
หากนี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ซ่งหลงผู้นั้นก็สมควรตายอยู่ที่นี่แล้ว!
“เฮ้อ ไปนอนเถอะ แยกย้ายกันไปหาที่นอนได้แล้ว พรุ่งนี้รอชมเรื่องหรรษาก็พอ” จั่วอันเหนียนหาวพลางโบกมือไปมา จากนั้นหันหลังไปเสาะหาสถานที่พักผ่อนของตน
คนที่เหลือก็แยกย้ายกันไปเช่นกัน เพราะอันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรที่พวกเขาต้องเป็นกังวลเลย พวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้นมณฑลจินโจวก็คงไม่กล้าทำอะไรพวกเขาเช่นกัน เมื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนชัดเจนแล้วก็ต้องปล่อยตัวพวกเขาแน่นอน
กล่าวโดยสรุปคือ ทางมณฑลจินโจวยังคงปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี พามากักบริเวณไว้ที่นี่ก็นับว่ามีอิสระเสรีในระดับหนึ่ง
ส่วนตัวการที่แท้จริงของเรื่องราวกลับถูกจับไปคุมขังไว้ในคุกทั้งสองฝ่าย
ภายในคุกมีคนเดินเข้าออก หนิวโหย่วเต้า หยวนฟางและฟางเจ๋อถูกคุมตัวออกมา คล้ายว่าจะพาตัวออกไปสอบปากคำ
พอเห็นหนิวโหย่วเต้าถูกคุมตัวเดินผ่านทางมา หวงซวี่เซิงที่ถูกขังอยู่เช่นกันพลันถลาเข้ามาทันที สองมือเกาะซี่ลูกกรงเอาไว้ ตะคอกด้วยความโกรธเกรี้ยว “หนิวโหย่วเต้า!”
ซ่งหลงตาย เขาเดือดร้อนหนัก ในฐานะหัวหน้าฝ่าซือติดตาม ซ่งหลงสิ้นชีพลงตรงหน้าเขาต่อหน้าต่อตาคนมากมาย เขาไม่อาจแก้ตัวกับทางราชสำนักแคว้นเยี่ยนได้ และไม่สามารถแก้ตัวกับทางสำนักได้
หนิวโหย่วเต้าเหลียวกลับไปมองในทันที ถือโอกาสจ้องมองเฉินกุยซั่วด้วย เขารู้แก่ใจดี ซ่งหลงไม่รู้จักเขาเลย หากเฉินกุยซั่วไม่เปิดเผยฐานะตัวตนของเขา ก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในมณฑลจินโจว เขานึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อยที่ตอนนั้นไม่ได้สังหารอีกฝ่ายทิ้งตั้งแต่ตอนอยู่ที่วัดหนานซาน!
เฉินกุยซั่วถูกสายตาเยียบเย็นของเขาจ้องมองจนจิตใจหนาวสะท้านขึ้นมา เขาเองก็รู้แก่ใจดีเช่นกัน เรื่องในวันนี้หากไม่เป็นเพราะคนของจวนผู้ว่าการมณฑลออกมายับยั้งได้ทันการ หากไม่เป็นเพราะหนิวโหย่วเต้าไม่มีเวลามาสนใจคนอื่นเพราะข้อจำกัดด้านเวลา เกรงว่าหนิวโหย่วเต้าคงจะมาลงมือกับเขาต่อเป็นแน่!
ภาพที่ซ่งเหยี่ยนชิงถูกสังหารในวัดหนานซานยังคงติดตาอยู่ วันนี้ได้เห็นซ่งหลงถูกสังหารต่อหน้าต่อตาอีก ซ่งหลงเป็นถึงราชทูตประจำแคว้นเชียวนะ คิดไม่ถึงว่าเจ้านี่จะกล้าลงมือโหดเหี้ยมต่อหน้าผู้คนมากมาย ซ้ำยังตัดหัวซ่งหลงต่อหน้าผู้คนมากมายอีก บ้าไปแล้วหรือ?
เขาได้แต่ภาวนาขอให้หนิวโหย่วเต้าถูกประหารชีวิตโดยเร็วหลังจบเรื่อง มิเช่นนั้นตนคงต้องซ่อนตัวจากคนบ้าผู้นี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีทางปล่อยตนไปแน่!
ภายในใจหวงซวี่เซิงที่จ้องมองด้วยความโกรธแค้นเต็มไปด้วยความสงสัย มักจะรู้สึกว่าเรื่องราวในคืนนี้มีอะไรแปลกๆ คิดไม่ถึงว่าคนของทางนี้จะลงมือช่วยเหลือไม่ทันการสักคน
สอบปากคำหรือ? ทางจวนผู้ว่าการมณฑลทราบเรื่องราวทั้งหมดดี ยังต้องสอบปากคำอีกหรือ?
การคุมตัวไปสอบปากคำย่อมเป็นการเสแสร้งแกล้งทำแบบขอไปทีเท่านั้น หนิวโหย่วเต้าถูกคุมตัวมาที่จวนผู้ว่าการมณฑล
เรื่องของหนิวโหย่วเต้าจบแล้ว แต่เรื่องของทางจวนผู้ว่าการมณฑลยังไม่จบ ยังต้องตรวจโรค!
ภายในโถงรับแขก เมื่อเห็นหนิวโหย่วเต้าเดินเข้ามา ไห่หรูเยวี่ยทั้งรู้สึกตกใจและทอดถอนใจ พบว่าคนผู้นี้กล้าพูดกล้าทำจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะตัดหัวซ่งหลงต่อหน้าคนมากมาย ช่างใจกล้าจริงๆ!
เรื่องทางเรือนสุคนธา นางย่อมทราบรายละเอียดแล้ว
หนิวโหย่วเต้ามาถึงก็ทำความเคารพพร้อมกล่าวว่า “ขอบพระทัยองค์หญิงใหญ่ที่ช่วยให้กระหม่อมสมปรารถนาพ่ะย่ะค่ะ!”
“ช่วยให้สมปรารถนาอันใด? ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่รู้เรื่องใดทั้งสิ้น!” ไห่หรูเยวี่ยเอ่ยอย่างเฉยชา ปัดเรื่องนี้ออกไปตรงๆ จากนั้นเอ่ยถาม “ที่เรียกเจ้ามา เพราะอยากถามเจ้าว่าเรื่องการรักษา คงจะไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้วใช่ไหม?”
สีหน้าหยวนฟางราบเรียบ ทว่าในใจรู้สึกกระสับกระส่าย
หนิวโหย่วเต้ายิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ท่านหมอฮว่าคลายโทสะแล้ว สามารถตรวจรักษาโรคได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไห่หรูเยวี่ยได้ฟังก็ใจชื้นขึ้นมา แม้ในใจยังนึกคลางแคลง แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความหวังอยู่ เพราะว่าอีกฝ่ายมีท่าทางมั่นอกมั่นใจนัก ถึงขนาดนำชีวิตมาเป็นประกัน มิเช่นนั้นมีหรือที่นางจะยอมตอบตกลงให้ความร่วมมือเรื่องเรือนสุคนธา แต่แน่นอน นั่นก็เป็นเพราะนางไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบใดๆ ในเรื่องที่เรือนสุคนธาด้วย
นางเองก็กลัวว่าถ้าทอดเวลาไว้นานอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นได้ กลัวว่าอีกฝ่ายจะเล่นลูกไม้อะไรอีก จึงถามว่า “วันหลังมิสู้ยามนี้ ตรวจตอนนี้เลยเป็นอย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “ได้พ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ต้องคลายผนึกในร่างกระหม่อมก่อน”
ไห่หรูเยวี่ยมองไปทางหยวนฟาง หนิวโหย่วเต้าจึงเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “อันที่จริงแล้วยอดหมอตัวจริงคือกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ ผู้ที่จะตรวจอาการให้บุตรชายของพระองค์ก็คือกระหม่อม ก่อนหน้านี้ที่ปิดบังไว้มากมาย นั่นเป็นเพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ องค์หญิงใหญ่โปรดประทานอภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ว่าแล้วก็ประสานมือขอขมา
ไห่หรูเยวี่ยพลันแสดงสีหน้าขุ่นเคืองขึ้นมาทันที แต่พอนึกถึงว่ายังต้องให้อีกฝ่ายทำการรักษาอยู่ จึงทำได้เพียงอดทนเอาไว้ก่อน นางส่งสายตาให้จูซุ่นเล็กน้อย
จูซุ่นรีบออกไปเรียกผู้บำเพ็ญเพียรเข้ามาคนหนึ่ง ทำการคลายผนึกบนร่างให้หนิวโหย่วเต้า จากนั้นคอยเฝ้าอยู่ด้านข้าง ด้วยเกรงว่าหนิวโหย่วเต้าจะก่อเรื่อง
จากนั้นพวกเขาก็ออกจากโถงรับแขก เดินตรงเข้าไปในส่วนลึกภายในเรือน มายังห้องนอนของเซียวเทียนเจิ้น
มีสาวใช้คอยถือตะเกียงให้เพื่อความสะดวกในการรักษา ด้วยการสั่งการของจูซุ่น ภายในห้องจึงจุดตะเกียงเอาไว้ไม่น้อย แสงตะเกียงส่องสว่าง
เซียวเทียนเจิ้นที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนามีสีหน้าเผือดซีด รอบตาดำคล้ำ เห็นได้ชัดว่าหลับไปแล้ว
เมื่อเห็นบุตรชายเป็นแบบนี้ ไห่หรูเยวี่ยพลันมีสีหน้าซับซ้อนขึ้นมา
นางถูกส่งตัวไปเป็นตัวประกันอยู่ที่แคว้นเยี่ยนตั้งแต่ยังไม่เจริญวัย ในใจโศกศัลย์เหลือคณาทว่าไม่อาจกล่าวกับผู้ใดได้ ต่อมาก็ต้องออกเรือนมาอยู่ที่นี่อย่างไม่มีทางเลือก ออกเรือนกับชายอมโรคคนหนึ่ง ผู้ใดเล่าจะทราบถึงความขมขื่นในใจนาง ไม่ง่ายเลยกว่าจะให้กำเนิดบุตรชายได้สักคน ผลคือเป็นบุตรชายก็เป็นคนอมโรคคนหนึ่งเช่นกัน นางไม่รู้เลยว่าชาติก่อนตนทำบาปทำกรรมอะไรไว้กันแน่ ผลกรรมเหล่านั้นถึงได้มาตกอยู่ที่ตัวนาง ทำให้นางต้องแบกรับไว้
นางจำได้ว่าตนเคยคุกเข่าร่ำไห้อ้อวนวอนต่อหน้าเสด็จแม่ เสด็จแม่ปลอบใจนาง บอกนางว่านี่คือเกียรติยศอันยิ่งใหญ่ บอกว่านี่คือชะตาของลูกหลานในราชวงศ์ หลบไม่พ้น เลี่ยงไม่ได้!
เสด็จแม่กล่าวว่า ไม่ว่าวันหน้าจะเป็นอย่างไร คนเป็นแม่อย่างนางทำได้เพียงพยายามปกป้องชีวิตของนางไว้ ปกป้องให้นางได้อยู่สุขสบาย แต่ไม่อาจทำอย่างอื่นให้นางได้ เรื่องอื่นนางต้องพึ่งพาตัวเอง ไม่ว่าวันหน้านางจะทำอะไร เสด็จแม่บอกว่าจะไม่โทษนาง!
จูซุ่นเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า กระซิบถาม “ต้องการให้ปลุกหรือไม่?”
หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า เดินตรงเข้าไป นั่งลงข้างเตียง
จูซุ่นเข้าไปช่วย เลิกผ้าห่มออกเล็กน้อยอย่างเบามือ ดึงแขนข้างหนึ่งของเซียวเทียนเจิ้นออกมา
หนิวโหย่วเต้าทาบนิ้วลงบนชีพจรข้อมือของเซียวเทียนเจิ้นเบาๆ ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวกายของเซียวเทียนเจิ้น เขาก็รับรู้ได้ถึงความหนาวเย็น ซุกอยู่ในผ้าห่มที่หนาขนาดนี้ในสภาพอากาศเช่นนี้ แต่ร่างกายกลับยังหนาวเย็นถึงขนาดนี้อย่างนั้นเหรอ? เขาหันไปมองกระถางไฟที่จัดวางไว้ในห้องทันที
เขาสงบใจลงละวางความคิดฟุ้งซ่าน ค่อยๆ หลับตาลง ส่งปราณแท้เข้าไปตรวจสอบ
พอตรวจสอบดูก็ลอบรู้สึกตกใจ เส้นลมปราณของเซียวเทียนเจิ้นเรียวเล็กจนน่าตกใจ เหมือนเด็กเล็กอายุเพียงไม่กี่ขวบอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังเปราะบางเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีความแข็งแรงใดๆ เลย ไม่ใช่แค่เส้นลมปราณเท่านั้น เส้นเลือดเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน แม้แต่หัวใจก็เช่นเดียวกัน เพียงคิดดูก็รู้แล้วว่าในชีวิตประจำวันผู้ป่วยรายนี้คงไม่กล้าขยับเขยื้อนกระทบกระเทือนมากนัก มิเช่นนั้นจะเป็นการรนหาที่ตายเอาได้
นี่คือคนที่ไม่เคยได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กอย่างสนุกสนานเลย หนิวโหย่วเต้าสรุปอยู่ในใจ!
หากว่ามีเพียงเท่านี้ก็ว่าไปอย่าง แต่สิ่งที่แปลกกว่านั้นคือเส้นลมปราณมีความหนาวเย็นมาตั้งแต่กำเนิด เป็นต้นเหตุที่ทำให้อุณหภูมิร่างกายลดต่ำ แม้แต่อุณหภูมิของเลือดในร่างกายก็ต่ำกว่าคนทั่วไปด้วยเช่นกัน
หนิวโหย่วเต้านึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าคนประเภทนี้จะมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ แล้วก็ไม่รู้เช่นกันว่าจวนผู้ว่าการมณฑลใช้ความพยายามไปมากมายเพียงใดเพื่อบำรุงรักษาเขา
ที่เขาบอกว่าจะตรวจรักษาให้เซียวเทียนเจิ้นย่อมเป็นคำกล่าวอ้างเท่านั้น อันที่จริงควรบอกว่ามาตรวจสอบดูจะดีกว่า ไม่ใช่ทางนี้บอกว่าเป็นอย่างไรก็จะเชื่อไปตามนั้นได้ ต้องยืนยันให้แน่ใจว่าไห่หรูเยวี่ยมิได้หาข้ออ้างบอกปัด
หลังจากแน่ใจแล้ว หนิวโหย่วเต้าก็โคจรปราณหยางภายในร่างอย่างเงียบๆ
ปราณแท้ในร่างเขาแตกต่างจากปราณแท้ทั่วไป แบ่งออกเป็นปราณหยินและปราณหยาง นี่น่าจะเป็นที่มาของชื่อเคล็ดวิชามหาจักรวาลกระมัง
ปราณหยางถ่ายเทเข้าสู่ร่างของเซียวเทียนเจิ้นอย่างเงียบๆ ไหลไปตามเส้นลมปราณ กระจายไปทั่วร่างของเซียวเทียนเจิ้น เขาอยากจะลองดูว่าจะสามารถขับไล่ไอเย็นในเส้นลมปราณของเซียวเทียนเจิ้นออกไปได้หรือไม่
“อื้อ…” จู่ๆ เซียวเทียนเจิ้นก็คล้ายจะนอนละเมอ มีเสียงอึกอักบางอย่างแว่วผ่านริมฝีปากออกมา
ทุกคนที่เฝ้าอยู่ด้านข้างรีบมองไปที่ใบหน้าของเขาทันที ดวงตาไห่หรูเยวี่ยพลันทอประกาย ฉายแววอัศจรรย์ใจ พบว่าใบหน้าของบุตรชายค่อยๆ ปรากฏสีเลือดขึ้นมาแล้ว นิ้วมือเกี่ยวกันไปมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ในใจนึกอยากจะถามว่าเป็นอย่างไร แต่พอเห็นหนิวโหย่วเต้าหลับตานิ่งเงียบก็ไม่กล้ารบกวน
ภายในแววตาที่จูซุ่นมองหนิวโหย่วเต้าก็ปรากฏความหวังขึ้นเล็กน้อย
ภายในห้องเงียบสงัดถึงขนาดที่ว่าหากมีเข็มหล่นลงพื้นก็ยังได้ยิน
ทว่าสถานการณ์มันก็ไม่ได้ดีงามอย่างที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้ สถานการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไร มีเพียงหนิวโหย่วเต้าเท่านั้นที่ทราบดีที่สุด
สภาพเส้นลมปราณของเซียวเทียนเจิ้นมีความพิเศษจริงๆ หนิวโหย่วเต้าใช้ปราณหยางขับไล่ไอเย็นในเส้นลมปราณทั่วร่างออกไปหมดแล้วชัดๆ แต่พอดึงปราณหยางกลับมา ไอเย็นในเส้นลมปราณก็กลับมาอีกครั้ง ไม่ทราบเช่นกันว่าโผล่มาจากไหน
หนิวโหย่วเต้าทำได้เพียงแผ่ปราณหยางไปตามเส้นลมปราณทั่วร่างอีกครั้ง ปล่อยปราณหยางค้างไว้เป็นเวลานานเพื่อปกป้องเส้นลมปราณทั่วร่าง เตรียมห่อหุ้มเอาไว้สักระยะ ใช้ความร้อนห่อหุ้มเส้นลมปราณของเขาเอาไว้ ทำให้ความร้อนแผ่คลุมไปทั่วร่างแล้วค่อยว่ากันอีกที
สีหน้าของเซียวเทียนเจิ้นค่อยๆ กลายเป็นสีแดงปลั่ง รอยคล้ำรอบดวงตาก็ค่อยๆ จางลง บนใบหน้าเผยให้เห็นถึงความรู้สึกปลอดโปร่งผ่อนคลายอย่างที่พบเห็นได้น้อยนัก
สุดท้ายร่างกายก็ค่อยๆ ร้อนผ่าวขึ้นมา มีเสียงพึมพำลอดออกมาจากปาก “ร้อน…หิว…น้ำ!”
หนิวโหย่วเต้าลืมตามองเขา
คิดไม่ถึงว่าบุตรชายจะรับรู้ถึงความร้อนได้แล้ว ไห่หรูเยวี่ยปรีดานัก รีบเดินเข้าไปข้างเตียง ผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นขวางนางไว้ กลัวว่าหนิวโหย่วเต้าจะทำอันตรายนาง
ไห่หรูเยวี่ยกลับโบกมือให้เขาถอยไป เอียงตัวนั่งลงข้างเตียง มองหนิวโหย่วเต้าที่นั่งอยู่ตรงข้าม เมื่อเห็นว่าหนิวโหย่วเต้าไม่ได้คัดค้าน จึงลองยื่นมืออกไป
ยามที่มืออังอยู่ตรงจมูกของบุตรชาย นางรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่บุตรชายหายใจออกมาได้อย่างชัดเจน เมื่อลองแตะฝ่ามือลงบนหน้าผากของบุตรชายเบาๆ นางก็สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่ร้อนผ่าว!
…………………………………………………….