ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 122 เจ้ามันชั่ว!
ตอนที่ 122 เจ้ามันชั่ว!
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ดูเหมือนเถ้าแก่จะกล่าวไว้ว่าแขกที่พักในโรงเตี๊ยมเชิญจันทร์จะได้รับการคุ้มครองในเมืองไจซิงแห่งนี้ ครึ่งปีนี้ข้าจะลองเข้าๆ ออกๆ ดูสิว่าเป็นความจริงหรือไม่”
หยวนฟางหัวเราะฮี่ๆ พยักหน้าเห็นพ้อง “เต้าเหยี่ยพูดมีเหตุผล พวกเราลองดูเถอะขอรับ”
“ได้ ถือว่าพวกเจ้าแน่! ถ้ามีปัญญาพวกเจ้าก็รั้งอยู่ในเมืองไจซิงไปตลอดอย่าออกไปก็แล้วกัน!” เฮยหมู่ตานโมโหจนหน้าดำหน้าแดง แต่ก็ทำได้เพียงขู่ขวัญด้วยวาจา ถ้าจะให้ลงมือที่นี่ นางยังคงไม่กล้าอยู่ดี ใต้หล้านี้จะมีสักกี่คนที่กล้าลงมือในสถานที่แห่งนี้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเมืองแห่งนี้คือหนึ่งในยอดฝีมือที่มีอยู่แค่ไม่กี่คนในโลก
“ขู่ข้าหรือ?” หนิวโหย่วเต้าจ้องมองนาง เอ่ยด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม “เจ้ามองออกมิใช่หรือว่าเบื้องหลังข้ามีกลุ่มอิทธิพลหนุนหลังอยู่? หากข้าออกไป เจ้าแน่ใจหรือว่าจะขวางข้าได้?”
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เฮยหมู่ตานกันฟันกรอด สะบัดแขนเดินออกไป
ขณะที่นางเพิ่งเดินอ้อมพ้นโต๊ะไป จู่ๆ หนิวโหย่วเต้าพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชาขึ้นมาอีกครั้งว่า “อย่าเพิ่งรีบไปเลย หากไม่ตกลง มาเจรจากันอีกทีก็ได้”
เฮยหมู่ตานชะงักเท้า มองไปทางเขา แววตามีทั้งความชิงชังและความคาดหวัง หวังว่าอีกฝ่ายจะเสนอเงื่อนไขที่ตนสามารถยอมรับได้
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างไม่อนาทรว่า “ของแปลกใหม่ที่ไม่เคยกินมักจะน่าลิ้มลองเสมอ เอาล่ะ ข้ายอมถอยให้ก้าวหนึ่ง หลับนอนกับข้าหนึ่งเดือน เป็นอย่างไร? ”
เฮยหมู่ตานกำหมัด พลันเกิดความรู้สึกอยากชกหน้าเขาสักที สุดท้ายกัดฟัน ชี้หน้าหนิวโหย่วเต้าแล้วกล่าวว่า “อย่าให้ถึงทีข้าแล้วกัน!” จากนั้นหันหลังเดินออกไป
ทว่าเพิ่งเดินไปถึงประตู ขณะกำลังยื่นมือไปเปิดประตู หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าจะถอยให้อีกก้าวแล้วกัน หลับนอนกับข้าหนึ่งคืน แค่คืนเดียว!”
มือของเฮยหมู่ตานที่เพิ่งยื่นออกไปแข็งทื่อ ใบหน้าที่หันออกไปหาประตูมีความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าอยู่ตลอด ยุ่งเหยิงว้าวุ่น สับสนลังเล ความยากลำบากและความทุกข์ทรมานมากมายในช่วงหลายปีมานี้กลั่นตัวอยู่ในใจ
ทั้งกลุ่มฝ่าฟันจนบรรลุสภาวะระดับสร้างฐานได้ นั่นล้วนมาจากการทุ่มเทเอาชีวิตเข้าแลกทั้งสิ้น ปล้นชิงทรัพยากรบำเพ็ญเพียรของคนอื่น ฆ่าคนวางเพลิงก็ทำกันมาไม่น้อยแล้ว กระทั่งตัวเองก็จำไม่ได้แล้วว่ากระทำเรื่องเลวทรามต่ำช้ามามากน้อยเท่าไร แค่เปิดเผยเรื่องที่นางทำออกไปสักเรื่องก็ทำให้ตกที่นั่งลำบากไปตลอดกาลได้แล้ว
ไม่ง่ายเลยกว่าจะฝ่าฟันจนมาถึงวันนี้ได้ ทุกคนล้วนอดทนจนบรรลุระดับสร้างฐานแล้ว ล้วนไม่อยากกลับไปทำเรื่องต่ำช้าเพราะเข้าตาจนเหมือนที่ผ่านมาอีก แต่ถึงแม้จะฝึกบำเพ็ญเพียรจนถึงระดับสร้างฐานแล้วก็ยังมีปัญหายุ่งยากอยู่ นั่นคือพวกนางต้องการทรัพยากรที่ใช้ในการบำเพ็ญเพียรมากขึ้น ของที่ได้มาจากการปล้นชิงลักเล็กขโมยน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ จำเป็นต้องลงมือกับเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ความเสี่ยงก็ยิ่งสูงขึ้น
เดินอยู่ริมน้ำเป็นประจำ มีหรือที่เท้าจะไม่เปียก นี่คือความจริงที่ทุกคนต่างทราบดี ถ้าขืนยังทำเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วต้องพลาดท่าเป็นแน่
พวกพ้องในอดีต ล้มหายตายจากไปทีละคน
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่จู่ๆ ก็อกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาเพียงเพราะมองเห็นยอดฝีมือเข้ามาใกล้พวกเขา ตกใจจนหลั่งเหงื่อโซมร่าง กังวลว่าจะถูกตามคิดบัญชี
ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย จนแทบจะกลายเป็นบ้าอยู่หลายครั้ง
วันเวลาเช่นนี้ ทุกคนไม่อยากเผชิญกับมันอีกต่อไปแล้วจริงๆ ดังนั้นต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าการก่อตั้งสำนักเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับพวกเขา แต่ทุกคนก็ยังพยายามเดินหน้าไปในทิศทางนี้ เพื่อทำภารกิจสามสิบรายการให้สำเร็จแล้ว ทุกคนต้องวิ่งเต้นไปทั่วสารทิศ ความยากลำบากที่ต้องยอมแลกไปไม่ใช่สิ่งที่คนนอกจะจินตนาการได้
เพื่อมาหาคนผู้นี้ นางถูกเถ้าแก่และพนักงานดูหมิ่นเหยียดหยาม ถูกคนผู้นี้เรียกใช้ต้องวิ่งไปวิ่งมา นั่นเพื่ออะไรกันเล่า?
แล้วตอนนี้ โอกาสวางอยู่ตรงหน้าตนแล้ว แค่หลับนอนกับอีกฝ่ายคืนเดียวเท่านั้น แค่ร่วมห้องคืนเดียวก็มีโอกาสเปลี่ยนชะตาชีวิตของตน มีโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของทุกคนได้
แค่ร่วมห้องคืนเดียวเท่านั้น! อีกอย่างตนก็มิใช่สาวน้อยแรกแย้มอันใดแล้ว ร่วมหลับนอนคืนเดียวจะเป็นอะไรไปเล่า?
นางถึงขั้นที่บอกตัวเองอยู่ในใจ อธิบายกับตัวเองอยู่ในใจ ว่านี่มิใช่การทำเพื่อตัวเอง หากแต่ทำเพื่อพวกพ้อง ตกลงรับปากเขาไปเถอะ!
เมื่อเผชิญหน้ากับเงื่อนไขหลับนอนเพียงหนึ่งคืน มือที่ยื่นออกไปของเฮยหมู่ตานเสมือนหนักพันชั่ง ค้างเติ่งอยู่ตรงประตู ไม่ยอมเปิดออกไปเสียที
หยวนฟางก็มองออกเช่นกันว่าเฮยหมู่ตานใกล้จะยอมตกลงแล้ว เขาอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ รอยยิ้มแปลกพิกล ยักคิ้วหลิ่วตาให้หนิวโหย่วเต้า
แต่ก็นึกทอดถอนใจด้วยเช่นกัน เต้าเหยี่ยนี่ก็โหดร้ายจริงๆ ทั้งจะเอาเงินของอีกฝ่าย แล้วก็ยังต้องการตัวของอีกฝ่ายด้วย สตรีนางนี้เป็นฝ่ายมาหาถึงที่ นับว่านางหาเรื่องใส่ตัวโดยแท้
ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีเสียงเปิดประตู หนิวโหย่วเต้าทราบดีว่าเฮยหมู่ตานหวั่นไหวแล้ว เขาค่อยๆ หันกลับไปมองนางที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู พูดล่อลวงนางต่อว่า “เจ้าน่าจะรู้แก่ใจดี หากเจ้าไปหาคนอื่น ต่อให้เจ้าเป็นฝ่ายเสนอตัวยื่นเงื่อนไขนี้ อย่าว่าแต่หนึ่งคืนเลย ต่อให้เป็นหนึ่งปี คนอื่นก็ไม่มีทางตอบตกลง เพราะความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายมันสูงเกินไป”
“เฮยหมู่ตาน หากพลาดโอกาสนี้ไปแล้วจะไม่มีครั้งหน้าอีก หากพลาดโอกาสครั้งนี้ไปแล้ว เจ้าอาจจะต้องพลาดไปชั่วชีวิต ภายหน้าต่อให้นึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ต่อให้นึกเสียใจภายหลังก็ไม่มีทางได้รับโอกาสเช่นนี้อีก ถ้าพลาดครั้งนี้ไป เจ้าก็ลองคิดดูว่าตัวเจ้าในอนาคตจะเป็นอย่างไร เจ้าอยากใช้ชีวิตแบบที่ผ่านมาไปตลอดชีวิตหรือ?”
“ขอเพียงเจ้ารับปากหลับนอนกับข้าคืนเดียว ค่าใช้จ่ายในการยื่นเรื่องก่อตั้งสำนักจำนวนหมื่นเหรียญทองนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องคิดหาทางแล้ว ข้าจะให้เจ้าเอง! ในโลกอันวุ่นวายนี้ เงินสิบเหรียญทองก็สามารถซื้อสตรีชั้นดีคนหนึ่งได้แล้ว แต่ข้าที่เสี่ยงจะสูญเสียเงินแสนเหรียญทองแค่ต้องการให้เจ้าอยู่กับข้าเพียงคืนเดียวเท่านั้น”
“คืนเดียว! แค่คืนเดียวเท่านั้น ข้าไม่มีทางป่าวประกาศเรื่องเช่นนี้ต่อภายนอกทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง เจ้าเองก็ไม่มีทางบอกเล่าออกไปเช่นกัน จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ทั้งสิ้น”
ความสับสนว้าวุ่นในใจของเฮยหมู่ตานส่งผลกระทบไปที่มือของนาง นิ้วมือสั่นระริกอยู่รางๆ สุดท้ายก็ค่อยๆ ยื่นออกไป คว้ามือจับประตูไว้ เอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ตอนที่ไอ้สารเลวคนนั้นทิ้งข้าไป ข้าด่าเขาว่ามักใหญ่ใฝ่สูง ด่าว่าเขาไร้ยางอาย! ข้ารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนดีเด่อันใด แต่ข้าไม่อยากกลายเป็นคนที่กระทั่งตัวเองก็ยังนึกดูถูก!”
นางกระชากประตู ก้าวอาดๆ ออกไป
น่าแปลก เฮยหมู่ตานรู้สึกว่าสายลมที่กระทบถูกใบหน้าทำให้แก้มของตนเยียบเย็นขึ้นมา จึงยกมือปาดดู ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นเพราะเหตุใด นางพบว่าตนเองร่ำไห้น้ำตานองหน้าโดยไม่มีสาเหตุ
นางเช็ดน้ำตาบนใบหน้าอยู่หลายครั้ง แต่เช็ดอย่างไรก็เช็ดไม่หมด นางไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ตนเข้มแข็งมาโดยตลอด หลายปีมานี้ไม่เคยร้องไห้เลย ลืมความรู้สึกตอนร้องไห้ไปแล้ว เหตุใดอยู่ดีๆ น้ำตาถึงไหลออกมาได้?
นางลนลานขึ้นมาเล็กน้อย รีบหันมองไปรอบด้าน กวาดตามองไปทั่ว เต็มไปด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าห้องพักของตนคือห้องไหน
นางไม่อยากถูกคนอื่นพบเห็นตนในสภาพนี้ เพียงอยากจะหาห้องเข้าไปหลบซ่อนตัว
ภายในห้อง หยวนฟางงุนงง คิดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้จะปฏิเสธ? ดูจากท่าทางก่อนหน้านี้แล้ว เขานึกว่านางจะตอบตกลงเสียอีก
สายตาเย็นชาที่จ้องมองบานประตูของหนิวโหย่วเต้าค่อยๆ เลือนหายไป ยิ้มมุมปากเล็กน้อย
เพียงคืนเดียวก็สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตไปได้อย่างสิ้นเชิง เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกสับสนลังเลของเฮยหมู่ตาน พอจะเข้าใจว่าการที่สตรีคนหนึ่งจะสามารถปฏิเสธความเย้ายวนใจขนาดนี้ในสถานการณ์เช่นนี้ได้มันช่างเป็นเรื่องที่ลำบากยากเย็นนัก!
เขาโบกมือให้หยวนฟาง ชี้ออกไปนอกประตู “ไป ไปตามนางกลับมา”
“……” หยวนฟางหมดคำพูด เอ่ยอย่างยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เต้าเหยี่ย จะเรียกกลับมาทำไมขอรับ นางไม่ยอมตอบรับตกลงนี่ขอรับ!”
เขาบ่นอยู่ในใจ ท่านอยากทำเรื่องหน้าไม่อายเช่นนี้ก็แล้วแต่ท่านสิ จะลากข้าเข้าไปยุ่งด้วยทำไม ผู้ออกบวชไหนเลยจะกระทำเรื่องเช่นนี้ได้
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “บอกนางว่ายกเลิกเงื่อนไขนี้แล้ว ให้นางกลับมา… มัวมองอะไรอยู่ บอกให้เจ้ารีบไปไง ถ้าตามคนกลับมาไม่ได้ เจ้าก็ไม่ต้องเสนอหน้ากลับมา”
เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? หยวนฟางเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก ทำได้เพียงรีบเดินออกไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง หยวนฟางกลับมา เฮยหมู่ตานเองก็เข้ามาด้วย แต่ครั้งนี้เดินก้มหน้าเข้ามา ไม่ได้มีท่าทางกระฉับกระเฉงอยากโน้มน้าวเจรจาเหมือนตอนที่พบกันคราแรกอีก
หนิวโหย่วเต้าชี้จอกสุราเปล่าที่วางอยู่ตรงหน้า เอ่ยยังเฉยเมยว่า “รินสุรา!”
เฮยหมู่ตานกัดริมฝีปาก เดินมาหยุดหน้าโต๊ะ ยกการินสุรา หลังรินสุราเสร็จ ยามที่วางกาสุราลง นางเห็นหนิวโหย่วเต้าจ้องมองใบหน้าตนด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายมิยิ้ม
นางพลันลนลานขึ้นมาเล็กน้อย เบือนหน้าหนีไป
หนิวโหย่วเต้ายิ้มพลางเอ่ยถาม “ตาเป็นอะไรไป? ทั้งชื้นทั้งแดง ร้องไห้หรือ?”
เฮยหมู่ตานฝืนหันกลับมาอย่างรวดเร็ว “ว่ามา จะเปลี่ยนเงื่อนไขอย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เงื่อนไขของข้าเจ้าก็รู้ดี หลับนอนกับข้าหนึ่งคืนคือเงื่อนไขสุดท้ายที่ข้าจะยอมรับได้แล้ว ข้าจะให้โอกาสเจ้าพิจารณาดูอีกครั้ง!”
หยวนฟางกลอกตา ยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ? ชอบมากขนาดนั้นเชียวหรือ?
เฮยหมู่ตานโมโหอับอาย ทำแบบนี้มันปั่นหัวตนอยู่ชัดๆ นางชี้หน้าเขา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดคล้ายไม่ตายไม่ยอมเลิกรา “เซวียนหยวนเต้า บัญชีแค้นนี้ ข้าจำไว้แล้ว!” หันหลังสะบัดหน้าเดินจากไปอีกครั้ง
“ช้าก่อน!” หนิวโหย่วเต้าตะโกนเรียก เอ่ยลอยๆ ออกอีกประโยคว่า “ฟังไม่ออกหรือว่าล้อเล่น? เจ้านี่ไร้อารมณ์ขันเกินไปรึเปล่า! กลับมา คุยเรื่องจริงจังกันเถอะ”
เฮยหมู่ตานหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่หันกลับมา ทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็ว ถูกปั่นหัวจนโมโหแทบตายแล้ว รู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นบ้า
นางไม่ได้หันกลับมาทั้งตัว เพียงเหลียวหน้ากลับมาจ้องมองเขาเท่านั้น
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยกับหยวนฟางว่า “ไม่ใช่เงินของเจ้า เจ้าเก็บใส่กระเป๋าไม่ละอายใจหรือ? คืนใบเสร็จนั้นให้นางซะ”
“ห๊า!” หยวนฟางตาค้าง นี่เล่นอะไรอีก!
ความรู้สึกสงสัยฉายชัดอยู่ในดวงตาของเฮยหมู่ตาน นางค่อยๆ หันกลับมา
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “บอกให้เจ้าคืนใบเสร็จเมื่อกี้นี้ให้นาง เจ้าไม่ได้ยินหรือ?”
“โอ้!” หยวนฟางหยิบใบเสร็จออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร เดินไปหยุดข้างกายเฮยหมู่ตาน เอ่ยอย่างไม่ใคร่เต็มใจนัก “เอ้า เอาไป”
เฮยหมู่ตานค่อยๆ รับใบเสร็จมาถือไว้ มองดูเล็กน้อย ไม่ผิดแน่ เป็นใบเสร็จแผ่นนั้น
นางเองก็งุนงงเช่นกัน มองหนิวโหย่วเต้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ทราบว่าหมายความว่าอย่างไร ไม่ต้องการเงินของนางเช่นนี้ แปลว่าไม่รับปากช่วยเหลือด้วยเช่นกันใช่หรือเปล่า?
หากเป็นเช่นนี้ นางก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเลวร้ายอันใด อย่างน้อยก็ได้เงินที่เสียไปกลับคืนมา
หนิวโหย่วเต้านั่งอยู่ตรงนั้น ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ไยเจ้าถึงรีบร้อนจ่ายค่าเช่าให้ข้านักล่ะ? ข้าขอให้เจ้าจ่ายหรือ? ข้าไม่ใช่ว่าไม่มีปัญญาจ่ายเสียหน่อย จำเป็นต้องให้เจ้ามาช่วยจ่ายด้วยหรือ?”
เฮยหมู่ตานเกิดความรู้สึกอยากซัดหน้าเขาขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนหน้านี้เจ้าหมายความเช่นนั้นชัดๆ ตอนนี้กลายเป็นข้าผิดเสียอย่างนั้น!
หนิวโหย่วเต้ายิ้มละไมเอ่ยต่อไปว่า “ของที่สามารถใช้เงินทองแลกเปลี่ยนมาได้ข้าไม่สนใจ หากเจ้าตกลงหลับนอนกับข้าจริงๆ ข้าก็ไม่มีทางหลับนอนกับเจ้า และไม่มีทางช่วยเหลือธุระนั้นของเจ้า เงินหนึ่งพันแปดร้อยเหรียญทองนี้เจ้าก็อย่าหมายจะได้คืน แต่สุดท้ายเจ้าปฏิเสธ ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการเงินของเจ้า เรื่องที่ว่าก็จะช่วยให้เจ้าสมปรารถนา ต่อไปเจ้าไม่จำเป็นต้องบากหน้าไปขอร้องผู้ใดแล้ว เจ้าบอกกับพวกพ้องของเจ้าได้เลย นับจากวันนี้ไปจะเริ่มต้นกันใหม่!”
เฮยหมู่ตานยืนทื่ออยู่ที่เดิม นางกระจ่างแล้ว ก่อนหน้านี้อีกฝ่าย ‘ล้อนางเล่น’ อยู่จริงๆ ด้วย
หนิวโหย่วเต้าพลันขยิบตาให้นาง “คุ้มค่าที่ร้องไห้แล้วกระมัง?”
คำพูดนี้รวมถึงสายตานั้นโจมตีเข้าที่จุดอ่อนของนางอย่างไม่มีสาเหตุ สารพัดอารมณ์ที่ถูกกดข่มลงไปก่อนหน้านี้พลันเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจอีกครั้ง น้ำตาไหลซึมออกมาอีกครั้งด้วยความคับข้องใจ จ้องมองหนิวโหย่วเต้าพลางร้องด่าด้วยน้ำเสียงที่เหมือนพยายามข่มกลั้นไม่ให้ร่ำไห้ออกมา “เจ้ามันชั่ว!”
หนิวโหย่วเต้ายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ “ขอบคุณสำหรับคำชม! คืนใบเสร็จให้เจ้าไปแล้ว อย่าลืมเก็บไว้ให้ดี เงินจำนวนน้อยนิดคุ้มค่าพอให้ร้องไห้ฟูมฟายหรือ?”
เฮยหมู่ตานมองใบเสร็จในมือ นึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้านี้ พลันควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ยกมือปิดปากตน เท้าค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปจนหลังชิดมุมผนัง จากนั้นย่อตัวนั่งลงบนพื้นอย่างช้าๆ ซุกหน้าไว้ในเข่าทั้งสองข้าง ร้องไห้ดัง ‘ฮือๆ’ ถึงอยากกลั้นก็กลั้นไว้ไม่อยู่แล้ว ยิ่งกลั้นยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ร้องไห้เหมือนใจจะขาด เจ็บปวดรวดร้าวนัก
หนิวโหย่วเต้าถือจอกสุราไว้ ทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง ถอนหายใจเบาๆ “เฮ้อ! สตรีล้วนสร้างจากน้ำโดยแท้ แหย่นิดแหย่หน่อยก็ร้องไห้ฟูมฟายแล้ว ไม่ไหวเลยจริงๆ!”
…………………………………………………..