ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 146 ร่วมสาบาน
ตอนที่ 146 ร่วมสาบาน
บรรยากาศภายในตำหนักค่อนข้างแปลกประหลาด อย่าว่าแต่คนอื่นเลย กระทั่งเฮยหมู่ตานก็มองหนิวโหย่วเต้าด้วยสายตาแปลกๆ เช่นกัน
โหวฉิงเทียนมองหนิวโหย่วเต้าแล้วหันไปมองอวิ๋นฮวน ไม่รู้ว่าอวิ๋นฮวนจะตอบตกลงหรือไม่
อวิ๋นฮวนลังเลเป็นอย่างยิ่ง พึมพำอยู่ในใจว่าคนผู้นี้เป็นใครมาจากไหน นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?
หนิวโหย่วเต้าเห็นเขาลังเลไม่ตอบรับ จึงเอ่ยด้วยความแปลกใจว่า “หรือว่าท่านผู้ดูแลรังเกียจ?”
อวิ๋นฮวนเอียงศีรษะส่งสัญญาณให้โหวฉิงเทียนเล็กน้อย โหวฉิงเทียนเดินเข้าไปหาหนิวโหย่วเต้าทันที รับตั๋วแลกทองทั้งสิบใบมา หมุนตัวคลี่กางออกแล้วกวาดตามองดู ลอบอุทานจุ๊ๆ อยู่ในใจ หนึ่งแสนเหรียญทองอีกแล้ว!
เขาเดินขึ้นบันไดไป มอบตั๋วแลกทองให้อวิ๋นฮวน เอ่ยกระซิบเสียงแผ่วเบาว่า “หนึ่งแสนเหรียญทองอีกแล้วขอรับ!”
เมื่อรับตั๋วแลกทองมาอยู่ในมือ คิ้วข้างหนึ่งของอวิ๋นฮวนพลันเลิกขึ้นมาเล็กน้อย นี่มิใช่เงินจำนวนน้อยๆ เลย
กระทั่งโหวฉิงเทียนเดินลงไปแล้ว อวิ๋นฮวนที่ถือตั๋วแลกทองยี่สิบใบไว้ในมือพลันเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ” ระหว่างที่หัวเราะก็ก้าวอาดๆ ลงบันไดไป เดินไปหยุดตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า ยกมือตบไหล่หนิวโหย่วเต้าแรงๆ “น้ำใจยากจะปฏิเสธได้! น้องชายเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา ดี ข้าชอบ!”
เขาหันกลับไปโบกมือสั่งการโหวฉิงเทียนว่า “ข้ากับน้องเซวียนหยวนถูกชะตากันตั้งแต่แรกพบ ไปตั้งโต๊ะบวงสรวงสวรรค์ด้านนอกถ้ำ ให้สวรรค์เป็นพยานการสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่ของข้ากับน้องเซวียนหยวนในวันนี้!”
“ขอรับ!” โหวฉิงเทียนหันหลังเดินออกไป
หนิวโหย่วเต้าลูบอก ท่าทางดีใจเป็นอย่างยิ่ง ราวกับความปรารถนากลายเป็นจริงอย่างไรอย่างนั้น
“น้องชายมีสภาวะระดับใด?”
“สร้างฐาน”
มุมปากอวิ๋นฮวนกระตุกเล็กน้อย สภาวะของเขาอยู่ในระดับโอสถทอง คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับคนที่อยู่ในระดับสร้างฐาน พบว่าเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ช่างกล้าเอ่ยปากโดยแท้
“น้องชายดูอ่อนเยาว์ แต่บุคลิกท่าทางกลับดูสูงส่งองอาจ…”
“ท่านผู้ดูแลต่างหากที่ดูห้าวหาญไม่ธรรมดา น่าเกรงขามดั่งพยัคฆ์หมอบ…”
เพียงพริบตาเดียวทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างสนิทสนม ต่างฝ่ายต่างเยินยอกันไปมาไม่หยุด ราวกับเป็นพี่น้องแท้ๆ ก็มิปาน ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันอย่างเป็นห่วงเป็นใย
เฮยหมู่ตานที่อยู่ด้านข้างเรียกได้ว่าตกตะลึงอย่างแท้จริง สมองขาวโพลนไปหมด เดิมทีนึกว่าหนิวโหย่วเต้ากินยาผิดสำแดงมา ผลปรากฏว่าอวิ๋นฮวนก็กินยาผิดสำแดงมาเหมือนกัน เป็นไปได้อย่างไร ไม่น่าเชื่อเลย ต่อให้อยู่ในความฝันก็ไม่มีทางคิดถึงว่าผู้ดูแลแห่งเขาข้ามเมฆาจะตอบตกลงร่วมสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่กับคนที่เพิ่งพบหน้าค่าตาได้ง่ายๆ เพิ่งจะพูดคุยกันได้ไม่กี่ประโยคเอง แม้แต่ประวัติความเป็นมาก็ไม่ทราบเลยด้วยซ้ำ
นางยอมรับว่าเงินสองแสนเหรียญทองเป็นเงินก้อนโต ทว่ามันมีอานุภาพถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
ติดตามหนิวโหย่วเต้ามาจนถึงตอนนี้ หนิวโหย่วเต้าใช่คนโง่หรือ? ไม่ใช่!
คนที่เป็นผู้ดูแลเขาข้ามเมฆาได้ ใช่คนโง่หรือ? ย่อมไม่ใช่เช่นกัน!
ดังนั้นภาพที่อยู่ตรงเบื้องหน้าเริ่มทำให้เฮยหมู่ตานนึกสงสัยขึ้นมาแล้วว่าใช่สมองตนมีปัญหาหรือไม่ หรือว่าความรู้ของตนจะตื้นเขินเกินไป?
เจ้าบ้านและอาคันตุกะยิ้มแย้มพูดคุยกันอย่างมีความสุข หลังจากพูดคุยกันไปได้สักพัก อวิ๋นฮวนอ้างว่าต้องไปจัดเตรียมเรื่องพิธีสาบานเล็กน้อย หนิวโหย่วเต้าจึงรีบบอกว่าตนเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก ต้องการออกไปชมทิวทัศน์ด้านนอกเสียหน่อย อวิ๋นฮวนจึงให้คนพาหนิวโหย่วเต้าไปเดินเล่นด้านนอกทันที
หลังภายในตำหนักเหลืออวิ๋นฮวนเพียงคนเดียว อวิ๋นฮวนก็หยิบตั๋วแลกทองยี่สิบใบนั้นออกมาอีกครั้ง ตรวจสอบดูอย่างละเอียด แม้แต่ตัวเขาก็ยังนึกสงสัยอยู่บ้างว่าตั๋วแลกทองนี้จะเป็นของปลอมหรือไม่
โหวฉิงเทียนที่ออกไปจัดการเรื่องราวตามคำสั่งเสร็จเรียบร้อยเดินกลับเข้ามา ขยับมาอยู่ตรงหน้าเขา เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านผู้ดูแลขอรับ ท่านจะร่วมสาบานกับเขาจริงๆ หรือขอรับ?”
อวิ๋นฮวนเอ่ยว่า “อีกฝ่ายให้มาตั้งสองแสนเหรียญทองแล้ว ตั้งโต๊ะพิธีจะเสียเงินสักเท่าไรกันเชียว?”
โหวฉิงเทียนเอ่ยว่า “แต่เห็นๆ อยู่ว่าคนผู้นี้มิได้พูดความจริง พวกเราไม่ทราบตื้นลึกหนาบางของเขาเลยสักนิดนะขอรับ เกรงว่าจะมีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่ ท่านผู้ดูแลโปรดพิจารณาให้ถี่ถ้วนด้วยเถิดขอรับ!”
อวิ๋นฮวนปรายตามองเขาแวบหนึ่ง กล่าวว่า “ข้าไม่ได้ตาบอด เรื่องนี้ยังต้องให้เจ้าเตือนอีกหรือ? เอาเงินมาส่งให้ถึงที่ทำไมจะไม่รับไว้เล่า? เรื่องราวมันต้องว่ากันเป็นเรื่องๆ ไป เรื่องราววุ่นวายของคนอื่นมันไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเราหรือเปล่า?”
โหวฉิงเทียนกระจ่างขึ้นมาทันที เข้าใจความหมายของเขาแล้ว รับเงินแต่ไม่รับงาน ไม่เข้าไปข้องแวะกับข้อพิพาทใดๆ จึงประสานมือกล่าวชื่นชมว่า “ท่านผู้ดูแลปราดเปรื่องยิ่งนัก!”
หนิวโหย่วเต้าและเฮยหมู่ตานที่อยู่ด้านนอกถ้ำถูกผนึกพลังเอาไว้ แม้นอยากจะชมทิวทัศน์ของเขาข้ามเมฆาก็ไปไหนไม่ได้ไกล ทำได้เพียงเดินเล่นอยู่ด้านนอกถ้ำเท่านั้น
แต่ลานด้านนอกถ้ำกลับคึกคักขึ้นมา กำลังตั้งโต๊ะสำหรับทำพิธีร่วมสาบานอยู่
เฮยหมู่ตานเรียบเรียงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเล็กน้อย ฉวยโอกาสตอนที่รอบข้างปลอดคนขยับเข้าไปใกล้หนิวโหย่วเต้า กระซิบเตือนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เต้าเหยี่ยเจ้าคะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คลายผนึกบนร่างให้พวกเราเลย เกรงว่าอวิ๋นฮวนคงมิได้อยากร่วมสาบานกับเต้าเหยี่ยด้วยใจจริง”
หนิวโหย่วเต้าหันกลับมาอย่างช้าๆ สายตาที่มองนางคล้ายกำลังมองดูคนโง่ไม่มีผิด ราวกับกำลังถามว่า หรือเจ้าคิดว่าข้าอยากร่วมสาบานด้วยใจจริง?
เฮยหมู่ตานอ่านสายตาของเขาออก เก้อกระดากเล็กน้อย รู้สึกว่าไม่ควรพูดอะไรปัญญาอ่อนเช่นนี้เลย
แต่มีเรื่องหนึ่งที่นางไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามหยั่งเชิงอีกครั้ง “เหตุใดอวิ๋นฮวนถึงตอบตกลงร่วมสาบานกับท่านง่ายๆ เช่นนี้ล่ะเจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ชัดเจนว่าเห็นแก่เงิน”
เฮยหมู่ตานสังเกตการณ์รอบข้างเล็กน้อย เอ่ยถามอีกครั้งด้วยความสงสัย “ตกลงร่วมสาบานเป็นพี่น้องเพื่อเงินเพียงสองแสนเหรียญทองน่ะหรือเจ้าคะ?”
สองแสนเหรียญทองอย่างนั้นหรือ? หนิวโหย่วเต้ายิ้มเยาะมุมปาก อีกฝ่ายไหนเลยจะทำไปเพราะเงินสองแสนเหรียญทอง อีกฝ่ายทำเช่นนี้เพราะเห็นว่าเขาควักเงินสองแสนเหรียญทองออกมาเป็นของขวัญพบหน้าได้ง่ายๆ ต่างหากล่ะ คงคาดหวังกับของขวัญชดเชยในวันหน้าที่เขาเอ่ยถึง!
แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยอธิบายออกไป ปล่อยให้เฮยหมู่ตานคิดเอาเอง
เมื่อเห็นเขาไม่พูด เฮยหมู่ตานก็ไม่ซักถามต่ออีก หากแต่ยังคงเอ่ยเตือนอีกประโยคว่า “เขาข้ามเมฆาแห่งนี้มิใช่สถานที่ที่ดีเด็ดขาด เต้าเหยี่ยเผยความมั่งคั่งออกมาเช่นนี้ ต้องระวังอีกฝ่ายคิดไม่ซื่อเพราะเห็นแก่ทรัพย์นะเจ้าคะ!”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวอย่างเฉยชา “มาระวังเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว หากฝั่งนั้นเกิดคิดไม่ซื่อขึ้นมาจริงๆ ตอนนี้พวกเราก็หนีไม่ได้อยู่ดี หากเขาไม่ยอมตกลงร่วมสาบาน พวกเราอาจจะเจอปัญหาเข้าจริงๆ ได้ แต่ในเมื่อเขาตอบตกลงแล้ว เจ้าก็คลายความกังวลเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก”
เขาเป็นคนคิดแผนการนี้ขึ้นมาเอง ย่อมต้องทราบถึงความเสี่ยงที่แฝงอยู่ในแผนการดี
เขาบอกไปแล้วว่ามีของติดตัวแค่เพียงเท่านี้ หากอีกฝ่ายจะเล่นงานเขาก็ต้องใคร่ครวญให้ดีสักหน่อย เพราะถ้าเกิดเขามีของติดตัวมาแค่นี้จริงอย่างที่พูด หากเล่นงานเขาไปแล้วล่ะก็ ของขวัญชดเชยในอนาคตก็จะหายไปด้วย คนที่สามารถควักเงินสองแสนเหรียญทองมาเป็นของขวัญพบหน้าได้ จะไม่คู่ควรให้คาดหวังกับของขวัญชดเชยในอนาคตได้อย่างไร? คนที่มีกำลังทรัพย์และมีความมั่นใจเช่นนี้มาหาถึงที่ อวิ๋นฮวนที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาเป็นใครมาจากไหนก็จำเป็นต้องชั่งน้ำหนักดูเช่นกันว่าควรล่วงเกินเขาส่งเดชหรือไม่ ต้องใคร่ครวญดูว่าจะชักนำความเดือดร้อนมาให้หรือไม่
ในเมื่อเขากล้าขึ้นมาหาอวิ๋นฮวน แสดงว่าเขาจะต้องมีความมั่นใจอยู่บ้างถึงได้มา ไม่มีทางขึ้นมาบนนี้ด้วยคิดจะอาศัยโชคเพียงอย่างเดียวแน่นอน ก็เหมือนอย่างที่โบราณว่าไว้ ไม่มีความสามารถ ไม่อาจหาญขึ้นเขาเหลียงซาน!
หลังจัดวางโต๊ะพิธีเสร็จเรียบร้อยแล้ว โหวฉิงเทียนก็เดินเข้ามาเชื้อเชิญ ประสานมือคำนับ ชั่วขณะนั้นไม่ทราบว่าควรเปลี่ยนคำเรียกขานอย่างไรดี จึงเรียกตามเฮยหมู่ตานว่า “เต้าเหยี่ย เริ่มพิธีร่วมสาบานได้แล้วขอรับ”
“ฮ่าๆ!” อีกด้านหนึ่ง อวิ๋นฮวนเองก็เดินหัวเราะเสียงดังออกจากถ้ำ
หนิวโหย่วเต้ารีบเดินเข้าไปหา เมื่อทั้งสองพบหน้ากัน อวิ๋นฮวนยื่นมือมาจับมือเขาเอาไว้ ทั้งสองเดินจูงมือกันไปที่โต๊ะพิธีที่จัดไว้บนหน้าผา
เมฆหมอกลอยล่องอยู่เบื้องหน้าผาขาด สองฝั่งมีปีศาจสิบกว่าตนมาร่วมชมพิธี หลังจากทั้งสองคนไปยืนอยู่หน้าโต๊ะพิธี โหวฉิงเทียนก็จุดธูปสองดอกยื่นส่งให้ทั้งสอง
ทั้งสองยิ้มให้กัน ทยอยคุกเข่าลงบนเบาะกลม
อวิ๋นฮวนถือธูปพลางกล่าวปฏิญาณต่อฟ้าว่า “สวรรค์เบื้องบน ธรณีเบื้องล่าง ข้าอวิ๋นฮวนยินดีสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่กับเซวียนหยวนเต้า นับจากนี้ไปมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน!”
คำปฏิญาณค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ปรากฏถ้อยคำจำพวกจะร่วมเป็นรวมตาย หรือหากผิดคำสาบานขอให้เป็นอะไรๆ ไป คาดว่าคงเป็นเพราะกลัวจะไม่ค่อยเป็นมงคล
มุมปากของหนิวโหย่วเต้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา เอ่ยเช่นเดียวกันว่า “สวรรค์เบื้องบน ธรณีเบื้องล่าง ข้าเซวียนหยวนเต้ายินดีสาบานเป็นพี่น้องต่างแซ่กับอวิ๋นฮวน นับจากนี้ไปมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน!”
หลังโขกศีรษะสามครั้งก็พากันลุกขึ้น ก้าวเข้าไปปักธูปลงในกระถาง
เมื่อหันกลับมามองหน้ากัน หนิวโหย่วเต้าประสานมือเอ่ยว่า “คารวะพี่อวิ๋น!”
อวิ๋นฮวนหัวเราะฮ่าๆ ตบแขนหนิวโหย่วเต้า “น้องเซวียนหยวน!”
ปีศาจบำเพ็ญเพียรที่อยู่รอบข้างได้รับสัญญาณจากโหวฉิงเทียน บ้างก็ไชโยโห่ร้อง บ้างก็ประสานมือกล่าวว่า “ยินดีกับท่านผู้ดูแล ยินดีกับเต้าเหยี่ยด้วย!”
หนิวโหย่วเต้าประสานมือขอบคุณปีศาจรอบข้าง
หลังจัดพิธีอย่างเรียบง่ายเสร็จเรียบร้อย อวิ๋นฮวนโบกมือไล่บริวารออกไป หันกลับมาเอ่ยกับหนิวโหย่วเต้าอีกครั้งว่า “น้องเซวียนหยวน อยู่ที่นี่นานสักหน่อยสิ จะได้เที่ยวเล่นอยู่ในเขาข้ามเมฆาให้เต็มที่”
เขากำลังครุ่นคิดว่าจะสามารถรั้งตัวหนิวโหย่วเต้าเอาไว้แล้วค่อยๆ สืบหาภูมิหลังของเขาได้หรือไม่
หนิวโหย่วเต้าถอนใจแล้วกล่าวว่า “ขอน้อมรับเจตนาดีของพี่อวิ๋นไว้ แต่ข้ามีนัดกับผู้อื่นแล้ว หากผิดคำพูดคงไม่ดี ยังต้องเร่งเดินทางต่อ ไม่อาจรั้งอยู่นานได้ แค่ได้มาพบพี่อวิ๋นก็ทำให้ข้ามีความสุขอย่างมากแล้ว ไว้จะกลับมารบกวนในภายหลัง”
ด้านนอกยังมีคนตามล่าตัวอยู่ เขาเองก็ไม่สะดวกจะรั้งอยู่ที่นี่นานนัก
“รีบร้อนขนาดนี้เชียวหรือ?” อวิ๋นฮวนค่อนข้างแปลกใจพอสมควร เนื่องจากไม่เห็นหนิวโหย่วเต้าเผยเจตนาที่แท้จริงออกมาเลย อีกทั้งตอนนี้ก็จะจากไปแล้ว หรือว่าตนจะคิดมากไปจริงๆ?
“จริงสิ!” หนิวโหย่วเต้าตบหน้าผากเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “เกือบลืมไปเลย ยังไม่ได้ไปคารวะท่านป้าเลย ไปคารวะท่านป้าก่อนแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย!”
เขาเองก็อยากถือโอกาสนี้ไปทำความรู้จักอวิ๋นจีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังผู้นั้นเช่นกัน
อวิ๋นฮวนกล่าวด้วยความเสียดาย “ตอนนี้เกรงว่าคงจะไม่ได้ ท่านแม่อยู่ระหว่างเก็บตัวบำเพ็ญเพียร ไม่รับแขก!”
ความจริงคือไม่สามารถพาใครไปพบอวิ๋นจีส่งเดชได้
หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้คำหนึ่ง พยักหน้าหงึกๆ “แบบนั้นก็ไม่ควรรบกวนจริงๆ เช่นนั้นเอาไว้ครั้งหน้ามีโอกาสแล้วค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน ข้าต้องขอตัวลาก่อนล่ะ…โอ้ใช่ ก่อนไปข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอร้อง หวังว่าพี่อวิ๋นจะให้ความช่วยเหลือได้!”
อวิ๋นฮวนใจเต้นเล็กน้อย มาแล้ว คาดว่าคงจะเข้าประเด็นแล้ว จึงยิ้มละไมเอ่ยไปว่า “ว่ามาสิ!”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “หลายวันก่อนข้าไปล่วงเกินคนบางคนในเมืองไจซิงเข้า สังหารศิษย์ของสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาสไปสามสี่คน ถูกตามพัวพันมาตลอดทาง ประเดี๋ยวข้าจะให้คนล่อพวกเขามาที่นี่ รบกวนพี่อวิ๋นช่วยจัดการพวกเขาให้ข้าได้หรือไม่?”
แววตาอวิ๋นฮวนวูบไหว สามสำนักนี้เขาก็เคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่ไม่เคยคบค้าสมาคมอันใด จึงยิ้มแล้วตอบไปว่า “ไม่มีปัญหาๆ ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
“พี่อวิ๋นเป็นคนพูดง่ายตรงไปตรงมาจริงๆ ด้วย เช่นนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรไม่จำเป็นอีก ข้าขอลาตรงนี้เลยแล้วกัน!”
ทั้งสองสนทนากันครู่หนึ่ง จนกระทั่งหนิวโหย่วเต้าเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาด้วยตัวเอง อวิ๋นฮวนจึงคล้ายนึกขึ้นมาได้ว่าบนร่างของน้องชายผู้นี้ยังมีผนึกอยู่ พลันโมโหขึ้นมา เรียกคนมาคลายผนึกทันที
จากนั้นอวิ๋นฮวนอ้างว่ามีธุระปลีกตัวไปไม่ได้ จึงไม่ได้ไปส่งด้วยตัวเอง แต่สั่งให้โหวฉิงเทียนไปส่งแทน
เมื่อออกจากเขาข้ามเมฆา ระหว่างที่เดินทางกลับไปยังสถานที่ซ่อนตัวก่อนหน้านี้ เฮยหมู่ตานยังคงรู้สึกเหมือนเพิ่งชมละครปาหี่ไป
ระหว่างที่เหินทะยานกันอยู่ เฮยหมู่ตานเอ่ยถามว่า “เต้าเหยี่ย ท่านคิดว่าอวิ๋นฮวนจะช่วยจัดการคนของสามสำนักให้จริงไหมเจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเยาะหยันกับตัวเอง “ข้าก็ไม่ได้คาดหวังอะไรอยู่แล้ว! แต่แน่นอน หากเขามีน้ำใจช่วยเหลือจริงๆ นั่นย่อมเป็นเรื่องดี”
เฮยหมู่ตานไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงยิ้มเจื่อนแล้วเอ่ยว่า “เต้าเหยี่ยใจกว้างนัก เสียเงินสองแสนเหรียญทองไปง่ายๆ เช่นนี้เลย”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ย่ำม้าท่องทั่วหล้า ลมก็ดี ฝนก็ช่าง ไม่อาจขัดขวางข้าได้! เหยียบย่างไปตามเส้นทาง ทำความรู้จักสร้างสหาย อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงิน”
เฮยหมู่ตานเอ่ยว่า “ขออภัยที่ข้าต้องพูดตรงๆ แต่ข้าไม่เห็นว่าอวิ๋นฮวนจะมีท่าทีอยากคบท่านเป็นสหายเลยนะเจ้าคะ”
“เจ้ายึดติดไปแล้ว บนโลกนี้ไหนจะเลยมีคนที่ถูกใจเจ้ามากมายปานนั้นได้ พงพนากว้างใหญ่วิหคพันธุ์ใดล้วนมีทั้งสิ้น อันว่าคบหาสหายล้วนต้องมีจุดเริ่มต้น เมื่อมีจุดเริ่มต้นแล้วถึงจะมีอนาคต ส่วนเรื่องราวในอนาคตก็เอาไว้ว่ากันในอนาคต”
……………………………………………….