ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 166 ยากจะซาลงได้
ตอนที่ 166 ยากจะซาลงได้
นี่ท่องอะไรกัน? ลูกกวาดหนึ่งเม็ดลูกกวาดสองเม็ดอะไร? คนอื่นๆ พากันมึนงง แต่ทุกคนล้วนมองออกว่าสีหน้าของเซ่าผิงปอดูผิดปกติไปเล็กน้อย
แรกเริ่มเซ่าผิงปอก็ถูกลูกกวาดหนึ่งเม็ดลูกกวาดสองเม็ดอันใดนั่นดึงดูดความสนใจเอาไว้เช่นกัน แต่หลังจากนั้นกลับพบถึงความผิดปกติ หลังจากอ่านจบ เขาก็ค่อยๆ เงยหน้าถามพ่อบ้าน “นี่มันอะไรกัน?”
พ่อบ้านเซ่าซานเสิ่งตอบ “เพลงกล่อมเด็กขอรับ”
เพลงกล่อมเด็กอย่างนั้นหรือ? เซ่าผิงปอเข้าใจแล้ว มิน่าเล่าถึงมีลูกกวาดหนึ่งเม็ดลูกกวาดสองเม็ดอันใดสอดแทรกอยู่ด้วย ทำให้เขามองไม่ออกว่าเป็นบทประพันธ์ประเภทใด หลงนึกว่ามีความหมายลึกซึ้งอันใดแอบแฝงอยู่ ที่แท้เป็นเพลงกล่อมเด็กนี่เอง เขาเอ่ยถามอีกครั้ง “มาจากไหน?”
เซ่าซานเสิ่งตอบว่า “นี่เป็นเพลงกล่อมเด็กที่พวกเด็กๆ ในบางพื้นที่ทางตอนเหนือของแม่น้ำร้องกันตามตรอกซอกซอยขอรับ หลังจากคนของพวกเราพบเข้าก็ส่งข่าวกลับมา”
“ร้องกันทางตอนเหนือของแม่น้ำ…” หัวใจเซ่าผิงปอบีบตัวอย่างรุนแรง ยากจะทำใจยอมรับเหตุการณ์ตอนที่มีการร้องเพลงแบบนี้ไปทั่วท้องถนนได้ เขาค่อยๆ ก้มหน้ามองดูเนื้อหาในกระดาษ
ราชันเป่ยโจวที่พูดถึงในเพลงกล่อมเด็กหมายถึงตระกูลเซ่าชัดๆ แคว้นหานทำอะไรพวกเขาไม่ได้ แคว้นเยี่ยนก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้เช่นกัน นี่ล้วนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แล้วก็นับว่าเป็นความจริงด้วย ปัญหาที่แท้จริงนั้นอยู่ในท่อนหลังของเพลงกล่อมเด็ก บอกว่าบิดาอย่างเซ่าเติงอวิ๋นเป็นเพียงหุ่นเชิดในเป่ยโจว ส่วนผู้ปกครองตัวจริงคือตัวเขาเซ่าผิงปอ!
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือมีคนนำเอาชื่อของเขามาแต่งเป็นเพลง แค่นำคำว่าเซ่าผิงปอสามพยางค์นี้มากลับจากหัวไปท้ายเท่านั้น เมื่อนำมารวมกับความหมายโดยรวมทั้งหมดของเพลงกล่อมเด็กแล้ว มันก็จะกลายเป็นว่าเขาต้องการล้มล้างบิดาทันที!
แค่กลับชื่อเล็กน้อย มันก็ทำให้เกิดความหมายแฝงว่า ‘ล้มล้าง’ ขึ้นมาทันที! คลื่นสงบงดงาม[1] อย่างนั้นหรือ คำว่า ‘คลื่น’ ที่เป็นชื่อของเขาก็บดขยี้แซ่ ‘เซ่า’ อันเป็นแซ่ของบิดาได้พอดี ชื่อนี้ช่างเต็มไปด้วยความคล้องจองจริงๆ ช่างโหดร้ายนัก! หากท่านพ่อได้เห็นแล้วจะคิดอย่างไร?
ยังมีจุดที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ เพลงกล่อมเด็กเช่นนี้เป็นสิ่งที่ถูกนำไปร้องต่อๆ กันได้ง่าย แล้วก็ขยายตัวออกเป็นวงกว้างเรื่อยๆ ทำให้ตัวเขาเซ่าผิงปอกลายเป็นจุดสนใจของมณฑลเป่ยโจว ตัวเขาที่ยืนอยู่เบื้องหลังบิดาจะดึงดูดความสนใจจากทุกคนมา กลุ่มอิทธิพลที่ต้องการจะเล่นงานมณฑลเป่ยโจวอาจจะพุ่งเป้ามาที่ตัวเขา คนที่ต้องการกำจัดท่านพ่อก็อาจจะหันคมหอกคมดาบมาที่เขาเช่นเดียวกัน เผลอๆ อาจจะมีคนในตระกูลนำเอาเรื่องนี้มาก่อความวุ่นวายเช่นเดียวกัน
ทั้งหมดนี้เป็นแผนชั่วร้ายที่พุ่งเป้ามาที่เขา!
คนที่สร้างเรื่องนี้ขึ้นมามีความคิดจิตใจที่โหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก ทำให้เขารู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา!
คนอื่นๆ ยังไม่รู้ว่าบนกระดาษแผ่นนั้นมีอะไรกันแน่ สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ถังอี๋สังเกตเห็นแล้ว สตรีมักจะมีความละเอียดอ่อนเสมอ นางสังเกตเห็นความโกรธเกรี้ยวและความกลัดกลุ้มเกี่ยวกระหวัดพัวพันกันอยู่ในดวงตาของเซ่าผิงปอ
ถังอี๋ลอบรู้สึกตกใจ แววตาที่น่ากลัวเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกหวาดผวา ภายในหัวนึกถึงคำพูดของหนิวโหย่วเต้าขึ้นมาทันที เซ่าผิงปออันตรายเป็นอย่างมาก!
ในที่สุดเซ่าผิงปอก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดก่อนหน้านี้พ่อบ้านจึงมีสีหน้าเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงที่แฝงอยู่ในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เขารีบสงบอารมณ์ที่กำลังสับสนวุ่นวายทันที เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เพลงนี่ปรากฏขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร?”
เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้สายลับที่จัดวางอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยขอรับ แต่เมื่อสองวันก่อน จู่ๆ เพลงกล่อมเด็กเพลงนี้ก็ถูกร้องกันไปทั่ว สายลับจึงเข้าไปสอบถามเด็กๆ เด็กบางคนบอกว่ามีคนเอาลูกกวาดมาให้แล้วสอนร้อง เด็กบางคนก็บอกว่าเห็นเด็กคนอื่นร้องก็เลยร้องตาม เมื่อสายลับสืบตามเบาะแสที่มีอยู่ ก็สืบพบเพียงว่ามีคนได้รับการจ้างวานให้มาจัดการเรื่อง แต่หาตัวการเบื้องหลังไม่พบขอรับ ”
คนอื่นๆ ยังคงไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังพูดอะไร เพลงกล่อมเด็กมันทำไมหรือ? มีการแพร่ข่าวที่ไม่เป็นผลดีต่อทางนี้อยู่อย่างนั้นหรือ?
ร้องกระจายไปทั่วแล้ว เซ่าผิงปอเองก็ทราบดีว่าเรื่องนี้ปิดคนอื่นไว้ไม่ได้แล้ว ทันทีที่คนเหล่านี้ออกไปข้างนอกก็อาจจะทราบเรื่องทันที แทนที่จะปกปิดอำพรางไว้ มิสู้เผยออกไปเลยดีกว่า เขายื่นกระดาษออกไป ให้คนอื่นๆ ได้ดูเอาเอง
“แผนที่!” เซ่าผิงปอเรียกหา พ่อบ้านให้คนหยิบแผนที่มาทันที กางไว้ตรงหน้าเขา
เซ่าผิงปอลุกขึ้นมาจ้องมองแผนที่พลางเอ่ยถาม “ได้รับข่าวลือมาจากที่ใด?”
พ่อบ้านชี้ไปยังพื้นที่บางส่วน “แรกสุดมาจากอำเภอฉินอันขอรับ จากนั้นก็แพร่ะกระจายไปตามอำเภออื่นๆ ที่อยู่รอบข้างอย่างรวดเร็ว”
เซ่าผิงปอค่อยๆ หลับตาลง
คนอื่นๆ ส่งกระดาษแผ่นนั้นต่อกันเป็นทอดๆ หลังจากเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในเพลงกล่อมเด็กแล้ว แต่ละคนต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมา นี่มันต้องการสร้างความบาดหมางระหว่างพ่อลูกตระกูลเซ่า ผลักเซ่าผิงปอไปสู่ความตายชัดๆ!
“สองวันก่อน…” เซ่าผิงปอเอ่ยพึมพำพลางลำดับเรื่องราวในช่วงที่ผ่านมา ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น เอ่ยชื่อชื่อหนึ่งออกมา “จางซาน!”
ทุกคนมึนงง เซ่าซานเสิ่งไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร จึงเอ่ยถาม “คุณชายใหญ่หมายถึงผู้ใดหรือขอรับ?”
เซ่าผิงปอเอ่ยด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น “หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เรื่องนี้น่าจะเป็นฝีมือของจางซานที่วางเพลิงเหลาสุราคนนั้น”
ถังอี๋เอ่ยถามด้วยความตกใจระคนสงสัย “คุณชายใหญ่ เหตุใดจึงมั่นใจว่าเป็นฝีมือจางซานคนนั้น?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “ในช่วงนี้ไม่มีเรื่องใดที่ผิดปกติไม่เข้าเค้า จะมีก็แต่เหตุเพลิงไหม้เหลาสุราที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นก็มีเพลงกล่อมเด็กเกิดขึ้นตามมา อีกทั้งระยะห่างของเวลาก็ประจวบเหมาะกันพอดีด้วย มีความเป็นได้เกือบสิบส่วนว่าจะเป็นเขา”
อันที่จริงยังมีเหตุผลสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เขามั่นใจ แต่เขาไม่ได้บอกออกไป เพลิงไหม้เหลาสุรา มีคนมองเจตนาของตนออก เขาตระหนักได้ถึงแรงกดดันที่ผู้ลงมือมอบให้เขา รับรู้ได้ถึงความอันตรายของอีกฝ่าย คนที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้นมาได้ ซ้ำยังใช้วิธีการโหดเหี้ยมชั่วร้ายเช่นนี้ มันกลับสอดคล้องกันได้พอดี
ถังอี๋เอ่ยถามอีกว่า “ในกลุ่มของจางซานมีกันหลายคน เหตุใดคุณชายใหญ่ถึงมั่นใจว่าเป็นจางซานผู้นั้นเล่า ไม่คิดว่าเป็นคนอื่นในกลุ่มบ้างหรือ?”
เซ่าผิงปอมองนางด้วยสีหน้าราบเรียบ ตอบไปว่า “คนที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นแล้วยังกล้าวางเพลิงเหลาสุราเพื่อหลบหนี หากไม่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้ากลุ่มผู้นั้น ก็ไม่น่าจะมีใครทำเรื่องเช่นนี้ได้ เพียงแค่ดูจากอายุของคนในกลุ่มก็ทราบแล้ว คนอื่นๆ ที่อายุมากกว่ากลับยกให้คนหนุ่มอย่างจางซานเป็นหัวหน้า ชายหนุ่มอ่อนวัยคนหนึ่งสามารถควบคุมผู้ใหญ่หลายคนไว้ได้ ไหนเลยจะใช่คนธรรมดา?”
เขาหันหลังเดินกลับไปนั่งที่เดิม มุมปากเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา “จะว่าไปแล้ว เป็นข้าเองที่มีตาแต่ไร้แวว คิดไม่ถึงว่าจะไปบังคับเชิญตัวยอดคนผู้หนึ่งมาเป็นพ่อครัวเสียได้ เกรงว่าคงยั่วโทสะอีกฝ่ายเข้าแล้ว อีกฝ่ายถึงได้สั่งสอนข้าให้เห็นดีบ้าง เผาเหลาสุราให้ข้าสำลักควันก่อน จากนั้นก็ใช้เพลงกล่อมเด็กเพลงหนึ่งมาค่อยๆ เคี่ยวกรำข้า นับว่าทำให้ข้าได้รับบทเรียนแล้วจริงๆ เกรงว่าผลกระทบจากเรื่องนี้คงจะอยู่ไปอีกนาน ยากจะซาลงไปได้…ครั้งนี้นับว่าได้พบยอดฝีมือที่ไม่ธรรมดาเข้าแล้วจริงๆ จางซานคนนี้ช่างพิเศษนัก!”
ซูพั่วและถังซู่ซู่มองหน้ากัน ในดวงตาต่างฉายแววสับสนตื่นตะลึง
ถังอี๋ตกตะลึง รู้สึกยากจะเชื่อได้ นี่เป็นฝีมือของหนิวโหย่วเต้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ? หนิวโหย่วเต้าสามารถแต่งเพลงกล่อมเด็กเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างนั้นหรือ?
เรื่องวางเพลิงเหลาสุรานางเชื่อได้ว่าเป็นฝีมือเขา แต่วิธีการที่แยบยลอย่างเพลงกล่อมเด็กเช่นนี้นางไม่เคยแม้แต่จะนึกฝันมาก่อนเลย ไม่กล้าเชื่อจริงๆ ว่านี่คือฝีมือของหนิวโหย่วเต้า!
สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นก็คือเซ่าผิงปอเป็นคนระดับใดกันเล่า? มีอำนาจเส้นสาย เชี่ยวชาญด้านการศึก แตกฉานด้านการปกครอง อายุยังน้อยแต่มากอำนาจบารมี เป็นคนที่มีความสามารถไม่ธรรมดา ตามมุมมองของนาง ในหมู่คนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่มีใครที่จะเทียบชั้นเขาได้ ประกอบกับใบหน้าที่หล่อเหลางามสง่า บุคลิกสุขุมเยือกเย็น นับเป็นยอดชายในหมู่บุรุษ!
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีชาติตระกูลภูมิหลังของเขาที่มีอิทธิพลเพียงนั้น คนประเภทนี้เรียกได้ว่าเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ จากที่นางทราบมา ไม่รู้ว่ามีสตรีมากน้อยเท่าไรที่มองว่าเซ่าผิงปอคือชายในฝัน
เมื่อถูกบุรุษเช่นนี้ตามเกี้ยวพาราสี หากตนมิใช่หญิงที่มีสามีแล้ว หากมิได้เป็นเพราะมีเจ้าของอยู่แล้ว ถึงอี๋คิดว่าแม้แต่ตนก็คงปฏิเสธบุรุษที่สมบูรณ์เพียบพร้อมเช่นนี้ได้ยากลำบากเช่นกัน คล้ายว่าไม่อาจเสาะหาบุรุษที่ดีเลิศไปกว่าคนผู้นี้ได้อีกแล้ว!
แต่นางกลับคิดไม่ถึงเลยว่าบุรุษเช่นนี้จะประเมินหนิวโหย่วเต้าไว้สูงถึงเพียงนี้ ทั้งยังชื่นชมว่าหนิวโหย่วเต้าเป็นยอดคนที่ไม่ธรรมดาด้วย แน่นอนว่านี่มิได้หมายถึงสภาวะของหนิวโหย่วเต้า หากแต่หมายถึงสติปัญญาและความสามารถของหนิวโหย่วเต้า!
ถังอี๋รู้สึกเหมือนตัวเองฟังผิดไป นี่กำลังพูดถึงหนิวโหย่วเต้าอยู่จริงๆ หรือ? พ่อครัวที่ถือมีดหั่นเนื้ออยู่ในครัวคนนั้น เด็กหนุ่มเฉื่อยชาที่อยู่ใต้ต้นท้อคนนั้นเป็นยอดฝีมืออย่างที่เซ่าผิงปอว่ามาจริงๆ น่ะหรือ?
ชั่วขณะนั้นเอง ภาพภายในสวนดอกท้อ เด็กหนุ่มที่มีความเป็นผู้ใหญ่ไม่สมกับวัย บทกลอนของเด็กหนุ่ม บทกลอนของซ่งเหยี่ยนชิง ภาพเหตุการณ์ภาพแล้วภาพเล่าผุดขึ้นมาในหัวนาง
ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้สึกตกใจระคนสงสัยขึ้นมา หากว่าหนิวโหย่วเต้าร้ายกาจอย่างที่เซ่าผิงปอว่ามาจริงๆ เช่นนั้นคำพูดที่หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเตือนตอนอยู่ในห้องครัว ที่บอกว่าเซ่าผิงปอคนนี้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
…..
“ทุกคนเหน็ดเหนื่อยตรากตรำกันมาตลอดทาง เดี๋ยวข้าอาบน้ำชำระร่างกายแล้วยังต้องไปรายงานตัวกับท่านผู้ว่าการมณฑลต่อ!”
เซ่าผิงปอลุกขึ้นแล้วเอ่ยเชิญแขกกลับไป
ทุกคนพากันประสานมือกล่าวอำลาทันที
คนทั้งกลุ่มออกมาจากห้องโถง ส่วนใหญ่เป็นองครักษ์ที่ประจำอยู่ในจวนท่องคลื่นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องออกไปจากจวน
แต่พวกถังอี๋กลับต่างออกไป ผู้นำของสำนักหนึ่งไม่อาจพำนักอยู่ในบ้านของคนอื่นไปตลอดได้ ตามปกติแล้วยังมีเรื่องราวในสำนักของตนให้สะสางจัดการ อีกทั้งตนยังเป็นสตรี ยิ่งไปกว่านั้นคือเซ่าผิงปอคอยตามเกี้ยวพาตนอย่างเปิดเผยอีก จะให้พักอยู่ในบ้านของอีกฝ่ายนั้นไม่เหมาะจริงๆ นางเองก็จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงคำครหา
ระหว่างเดินทางกลับ ซูพั่วเอ่ยถามเบาๆ “หรือว่าจะเป็นฝีมือของเขาจริงๆ?”
ถังอี๋และถังซู่ซู่นิ่งเงียบ ยากจะยืนยันได้
ถังอี๋นึกถึงคำพูดของจ้าวสยงเกอขึ้นมา ตงกัวเฮ่าหรานไม่มีทางรับศิษย์ส่งเดช เขาทำเช่นนั้นย่อมต้องมีเหตุผลแน่นอน!
ซูพั่วกลับลอบทอดถอนใจ หากหนิวโหย่วเต้าปราดเปรื่องถึงเพียงนั้นจริง ยังไม่ต้องไปสนใจว่าวิธีการของเขาโหดเหี้ยมหรือไม่ เพราะสำหรับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ในตอนนี้แล้ว หากคิดอยากจะฟื้นฟูสำนักให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง พวกเขากลับต้องการผู้นำที่มีความสามารถเช่นนี้ หากความสามารถของหนิวโหย่วเต้าสูงส่งอย่างที่เซ่าผิงปอประเมินไว้จริงๆ เช่นนั้นตอนนี้จะทำอย่างไร? คนที่เดิมทีควรจะได้เป็นผู้นำของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อย่างชอบธรรมกลับถูกพวกเขารวมหัวขับไล่ออกไปเสียแล้ว
…..
“อาจารย์หวง อาจารย์หลิน โปรดหยุดก่อน คุณชายใหญ่ให้มาเชิญขอรับ!”
หวงโต้วและหลินหูเป็นศิษย์ของสำนักเขามหาญาณ สำนักเขามหาญาณเป็นกลุ่มอิทธิพลที่ให้การสนับสนุนเซ่าเติงอวิ๋น ทั้งสองรับผิดชอบดูแลความปลอดภัยให้เซ่าผิงปอ
ทั้งสองที่เพิ่งจะเดินผ่านประตูวงเดือนเข้าสู่เรือนด้านข้างถูกเซ่าซานเสิ่งที่รีบตามมาเรียกตัวเอาไว้ เชิญกลับเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อกลับมาที่โถงรับแขก พวกเขามองเห็นเซ่าผิงปอนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สองมือวางบนเข่า หลับตานิ่งเงียบ
ทั้งสองเดินเข้าไปหาพลางประสานมือเอ่ยถาม “คุณชายใหญ่มีเรื่องใดจะสั่งการหรือขอรับ?”
เซ่าผิงปอที่หลับตาอยู่เอ่ยเนิบๆ ว่า “มีผู้ใดยังจำคำพูดของจางซานที่กล่าวกับถังอี๋บนท่าเรือริมแม่น้ำได้บ้าง?”
ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง ใคร่ครวญดูเล็กน้อย หวงโต้วนึกทบทวนแล้วเอ่ยว่า “คนผู้นั้นพูดจาเสียมารยาทไปบ้าง แต่ข้ากลับพอจำได้ ทันทีที่เขาเห็นถังอี๋ก็เอ่ยชมว่าเป็นโฉมงามคนหนึ่ง หลังจากถูกคุณชายใหญ่ตักเตือน เขายังถามคุณชายใหญ่อีกว่าถังอี๋ใช่แขกผู้มีเกียรติที่คุณชายต้องการรับรองหรือไม่ จากนั้นยังชมด้วยว่าคุณชายใหญ่กับถังอี๋เหมาะสมกันยิ่งนัก”
“ชมหรือ? ตอนนี้ดูแล้วเหมือนจะเป็นคำเสียดสีมากกว่า!” เซ่าผิงปอเอ่ยอย่างเฉยชา
หวงโต้วฉงน “เสียดสีหรือขอรับ?”
เซ่าผิงปอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา “พอลองเอารายละเอียดต่างๆ มาเรียบเรียงดูแล้ว ข้าคิดว่าข้ารู้แล้วว่าเขาคือใคร เขาน่าจะเป็นหนิวโหย่วเต้าคนนั้น!”
ทั้งสองประหลาดใจ หลินหูเอ่ยถาม “หนิวโหย่วเต้าที่เป็นสามีของถังอี๋คนนั้นน่ะหรือขอรับ? คุณชายใหญ่ เหตุใดถึงคิดเช่นนี้ขอรับ?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “อย่างน้อยตอนที่เขาทำตัวหยาบคายไร้มารยาทกับถังอี๋ คนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ทั้งสามคนกลับไม่มีใครแสดงท่าทีอะไรออกมาเลย ตอนนั้นข้าก็รู้สึกแล้วว่าปฏิกิริยาของทั้งสามคนตอนที่ได้พบเขาดูผิดปกติไปเล็กน้อย จากนั้นทั้งสามก็ผลัดกันไปที่ห้องครัว น่าจะไปพบเขา จากจุดนี้แสดงให้เห็นว่าคนที่รู้จักเขาไม่ได้มีแค่คนเดียว หากแต่รู้จักเขากันทั้งสามคน”
“ข่าวลือด้านนอกที่เกี่ยวกับถังอี๋และหนิวโหย่วเต้าพวกเจ้าน่าจะเคยได้ยินกันแล้ว ถูกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์กักบริเวณไว้ห้าปี บังคับยึดตำแหน่งเจ้าสำนักไป อีกทั้งยังคิดจะสังหารเขาอีก อายุยังน้อยแต่สามารถเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ได้ก็นับว่าไม่ธรรมดาแล้ว คนที่สังหารสมาชิกตระกูลซ่งแล้วยังอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ได้จะเป็นคนธรรมดาได้หรือ? สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนในมณฑลจินโจวแล้วยังหนีรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย นี่ยิ่งไม่ธรรมดาเข้าไปใหญ่ ภายหลังซางเฉาจงกับมณฑลจินโจวร่วมมือกัน เรื่องนี้จะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับการที่เขาไปปรากฎตัวในมณฑลจินโจวได้หรือ? เมื่อนำเรื่องราวที่ไม่ธรรมดาแต่ละเรื่องมารวมเข้าด้วยกัน การที่เขาใช้วิธีการเช่นนี้มาเล่นงานข้าก็ไม่ได้นับว่าน่าประหลาดใจเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจึงสงสัยว่าการที่ซางเฉาจงสามารถผงาดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา จุดที่สำคัญก็คืออายุ อายุของหนิวโหย่วเต้าน่าจะใกล้เคียงกับจางซาน เมื่อนำปัจจัยแต่ละอย่างมาเชื่อมโยงกับตัวเขามันก็สอดคล้องกันพอดี นอกจากหนิวโหย่วเต้าแล้วยังจะเป็นผู้ใดได้อีก? เมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุการณ์บนท่าเรือก็นับว่าอธิบายได้แล้ว!”
……………………………………………………………
[1]คลื่นสงบงดงาม ในภาษาจีนออกเสียงว่า ปอผิงเซ่า ซึ่งเป็นการนำเอาชื่อเซ่าผิงปอมากลับคำ เมื่อนำเอาชื่อที่ทำการกลับแล้วมาแยกอ่านทีละตัว มันจะมีความหมายที่แฝงอยู่ในแต่ละตัวดังนี้ ปอ หมายถึง เซ่าผิงปอ, ผิง มีอีกความหมายหนึ่งว่า บดขยี้ เอาชนะ, เซ่า หมายถึง แซ่ของเซ่าเติงอวิ๋นผู้เป็นพ่อของเซ่าผิงปอ