ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 167 ความเป็นไปได้
ตอนที่ 167 ความเป็นไปได้
หวงโต้วและหลินหูพลันตกตะลึง ค่อยๆ ใคร่ครวญตาม พยักหน้ารับช้าๆ
หวงโต้วพลันยิ้มออกมา “คุณชายใหญ่ เขาทั้งวางเพลิงเหลาสุรา ทั้งเล่นงานพุ่งเป้ามาหาท่านเช่นนี้ เห็นทีคงจะขายหน้าที่คุณชายใหญ่เกี้ยวพาถังอี๋จนพาลโกรธเสียแล้วขอรับ”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เจ้าดูแคลนเขาไปแล้ว คนเช่นนี้หากมีใจให้ถังอี๋จริง เขาย่อมต้องคิดหาทางพาไปด้วยแน่ แต่นี่กลับทิ้งถังอี๋เอาไว้แล้วหนีไปอย่างไม่ลังเล แปลว่าอีกฝ่ายไม่มีความรู้สึกอันใดต่อถังอี๋เลย สำนักสวรรค์พิสุทธิ์กระทำกับเขาเช่นนั้น นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาไร้ความรู้สึกใดๆ กับนาง โบราณกล่าวไว้ว่าผู้กล้ายากผ่านด่านสาวงามได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือพวกเขายังได้ชื่อว่าเป็นสามีภรรยากัน รูปโฉมของถังอี๋เป็นเยี่ยงไร ทุกคนล้วนมิได้ตาบอด แม้ทราบว่าข้าตามพัวพันถังอี๋ แต่เขากลับทอดทิ้งถังอี๋หนีไปอย่างไม่ใยดี ไม่ได้มีการพัวพันใดๆ กับถังอี๋ทั้งสิ้น คนประเภทนี้จัดการเรื่องราวโดยใช้เหตุผลไม่ใช้อารมณ์ แล้วก็เลือดเย็นเป็นอย่างยิ่ง…คนผู้นี้อันตรายมาก!”
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “อายุเพียงเท่านี้ก็มีความสามารถถึงเพียงนี้แล้ว หากปล่อยไว้นานไปจะต้องกลายเป็นอุปสรรคใหญ่แน่ เก็บไว้ไม่ได้!”
หลินหูเอ่ยว่า “คนที่เดินทางไปเมืองหลวงอยู่ระหว่างทางแล้วขอรับ”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “ที่ข้ากำลังจะพูดก็คือเรื่องนี้ เรียกตัวคนที่ไปเมืองหลวงกลับมาซะ ขนาดตัวตนยังปลอมแปลง ยังคิดว่าเขาจะไปเมืองหลวงอย่างที่บอกจริงๆ หรือ? ”
ทั้งสองครุ่นคิด พบว่าจริงดั่งว่า จึงพยักหน้ารับคำ
หวงโต้วเอ่ยถาม “หากคุณชายใหญ่ต้องการกำจัดเขา อย่างแรกที่ต้องทำคือต้องหาตัวเขาให้พบก่อน อิทธิพลนอกมณฑลเป่ยโจวของพวกเราอ่อนด้อยนัก แผ่นดินกว้างใหญ่ ไม่ทราบเส้นทางการเดินทางของเขา แล้วก็ไม่ทราบว่าเขาจะไปไหน เกรงว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะตามหาเขาได้”
“เขามาทำอะไรที่แคว้นหาน?” เซ่าผิงปอพลันเอ่ยถามขึ้นมา แล้วก็คล้ายกำลังถามตัวเองอยู่ด้วย ตกอยู่ในห้วงความคิด ยกมือไพล่หลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องโถง
หวงโต้วและหลินหูมองหน้ากัน คำถามนี้ค่อนข้างยาก เพิ่งเคยเจอหน้าคนผู้นั้นเป็นครั้งแรก ไม่รู้จักมักคุ้น ใครจะไปรู้ได้ว่าเขามาทำอะไรที่แคว้นหาน
หลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่ เซ่าผิงปอก็เอ่ยเนิบๆ ขึ้นมาว่า “มีสถานที่แห่งหนึ่งที่เขาอาจจะไป แต่ข้าไม่อาจมั่นใจได้”
หวงโต้วและหลินหูถามออกมาแทบจะพร้อมกัน “ที่ใดขอรับ?”
เซ่าผิงปอหยุดเดินพลางเหลียวหน้ากลับมา เอ่ยถามว่า “ข้าถามเขาว่าจูเก่อสวินให้ไปจัดการธุระใดที่เมืองหลวง ยังจำได้หรือไม่ว่าเขาตอบอย่างไร?”
ทั้งสองสบตากัน ก่อนหน้านี้ท่านยังบอกอยู่เลยมิใช่หรือว่าหนิวโหย่วเต้าไม่มีทางไปที่เมืองหลวงหรอก? เหตุใดตอนนี้ถึงลากมาโยงเข้ากับเรื่องธุระของจูเก่อสวินอีกล่ะ?
แต่คุณชายใหญ่ท่านนี้สติปัญญาเลิศล้ำ ไม่อาจเอาคนทั่วไปมาเทียบชั้นได้ ทำให้ทั้งสองรู้สึกเลื่อมใสเสมอมา ดังนั้นหวงโต้วจึงทบทวนความคิดของตนแล้วตอบว่า “จำได้ว่าเป็นเพราะเรื่องจุดพักม้าขอรับ ต้องไปแจ้งรายละเอียดกับทางเมืองหลวงแทนจูเก่อสวิน”
เซ่าผิงปอหมุนตัวเดินกลับมา ถามอีกครั้ง “เกิดเรื่องใดขึ้นในจุดพักม้า พวกเจ้าน่าจะทราบกระมัง?”
หลินหูพยักหน้ารับ “ตอนอยู่เมืองหลวงคุณชายใหญ่เคยกล่าวไว้ว่าทางเป่ยโจวก็ได้รับข่าวจากทางเมืองหลวงเช่นกันว่ามีสายลับของแคว้นเยี่ยนแฝงตัวอยู่ในจุดพักม้า เป่ยโจวเองก็ไม่อาจปล่อยให้มีสายลับของแคว้นเยี่ยนอยู่ในพื้นที่ของตัวเองได้ ย่อมต้องให้ความร่วมมือกับราชสำนักทำการกวาดล้าง ได้ยินว่าทั้งหกแคว้นล้วนกำลังทำการกวาดล้างสายลับของแคว้นเยี่ยนที่แฝงตัวอยู่ในจุดพักม้า เรื่องนี้ภายนอกดูเหมือนจะจัดการกันอย่างเงียบๆ แต่ความจริงแล้วใหญ่โตครึกโครมอย่างมาก น่าจะสร้างความเสียหายให้หน่วยข่าวกรองของแคว้นเยี่ยนไม่น้อยขอรับ”
เซ่าผิงปอยืนอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง ถามว่า “เขาบอกว่าเป็นจูเก่อสวินที่ทราบข่าวจากทางแคว้นจ้าวแล้วถึงส่งข่าวมาให้ทางแคว้นหาน พวกเจ้าคิดว่าเขากำลังโกหกข้าหรือไม่?”
หากใคร่ครวญปัญหาไปตามแนวคิดของเขาดู มันก็หาคำตอบได้ไม่ยาก หลินหูตอบว่า “น่าจะมิได้โกหกขอรับ ตอนนั้นเขาทราบฐานะของคุณชายใหญ่แล้ว ในเมื่อสวมรอยเป็นคนของจูเก่อสวิน เขาก็ไม่น่าจะกล้าพูดอะไรเหลวไหลออกมา เพราะถ้าเกิดคุณชายใหญ่ทราบเรื่องอยู่ก่อนแล้ว นั่นมิเท่ากับเป็นการเผยพิรุธตัวเองหรอกหรือ หากเป็นแบบนั้นเขาไหนเลยจะแอบอ้างต่อไปได้ ดังนั้นเขาย่อมต้องพูดในสิ่งที่เชื่อถือได้ขอรับ”
เซ่าผิงปอผายมือออกเล็กน้อย “แต่ปัญหาสำคัญคือแม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้เลยว่านี่เป็นข่าวที่จูเก่อสวินได้มาจากแคว้นจ้าวแล้วถึงจะส่งมาให้แคว้นหาน…อันที่จริงเรื่องนี้มันก็พอจะเข้าใจได้ ข่าวกรองที่เกี่ยวพันในระดับแว่นแคว้น การปิดเป็นความลับนั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่หนิวโหย่วเต้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? เขารู้เรื่องการจับกุมตามจุดพักม้านั้นข้าพอจะเข้าใจได้ แต่เขารู้ได้อย่างไรว่าเป็นจูเก่อสวินที่ส่งข่าวกลับมา? ข้อมูลลับเช่นนี้จูเก่อสวินจะไม่รู้จักเก็บเป็นความลับหรือ เที่ยวแพร่งพรายออกไปส่งเดชได้หรือ?”
หวงโต้วและหลินหูใคร่ครวญตาม
เซ่าผิงปอยกมือชูนิ้วพร้อมกระดิกเล็กน้อย “ถ้าลองมองย้อนกลับไปดูข่าวการจับกุมที่ทางเมืองหลวงส่งให้พวกเรา จะพบว่ามันมีความแม่นยำในระดับหนึ่งทีเดียว สายลับทั้งหมดล้วนเพิ่งแฝงตัวอยู่ในจุดพักม้าเมื่อไม่นานมานี้ หากนำเอาหนิวโหย่วเต้ามาเชื่อมโยงเข้ากับช่วงเวลาที่เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น เช่นนั้นมันก็น่าครุ่นคิดแล้ว หนิวโหย่วเต้า สายลับแคว้นเยี่ยน ช่วงเวลาการเข้ามาแฝงตัว ทั้งสามเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันอยู่!”
หลินหูพลันกระจ่างขึ้นมาในทันใด เอ่ยโพล่งออกมา “หนิวโหย่วเต้าสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน กระตุ้นโทสะราชสำนักแคว้นเยี่ยน ราชสำนักแคว้นเยี่ยนจึงสั่งให้สายสืบไปแฝงตัวตามจุดพักม้าต่างๆ เพื่อตามหาเขา ต้องการกำจัดเขา!”
เซ่าผิงปอพยักหน้าเล็กน้อย “จากนั้นเรากลับมาดูเรื่องที่ว่าเขาทราบเรื่องรายงานลับของจูเก่อสวินอีกครั้ง”
หวงโต้วเอ่ยขึ้นมา “เขาอาจจะเป็นคนที่ติดต่อไปหาจูเก่อสวิน!”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เกรงว่าจะไม่ได้ติดต่อไปหาจูเก่อสวินแค่คนเดียว แต่น่าจะติดต่อไปหาราชทูตของแคว้นอื่นๆ ด้วย นี่คือเหตุผลที่แคว้นต่างๆ แทบจะลงมือในเวลาเดียวกัน ตอนที่เขาสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน ราชทูตของแคว้นต่างๆ ล้วนอยู่ด้วย ในเมื่อรู้จักราชทูตแคว้นต่างๆ การจะส่งข่าวไปให้พวกเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร ยังมีอีก แต่ละแคว้นต่างแย่งชิงผลประโยชน์ ต่างฝ่ายต่างมีแผนการแอบซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแคว้นใดเมื่อทราบข่าวนี้ หากไม่มีความจำเป็นจริงๆ ก็ไม่มีทางแจ้งต่อแคว้นอื่นอย่างแน่นอน ตัวเองแค่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็พอ ในใจนึกอยากเห็นบ้านเมืองคนอื่นวุ่นวาย ดังนั้นการที่แต่ละแคว้นลงมือพร้อมกันมันจึงน่าสงสัย”
หลินหูหัวเราะเฮอะๆ เอ่ยว่า “เช่นนั้นยิ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นฝีมือหนิวโหย่วเต้า แคว้นเยี่ยนคิดกำจัดเขา ถูกเขาตอบโต้กลับก็นับเป็นเรื่องปกติ!”
เซ่าผิงปอหมุนตัวกลับมา ยกมือไพล่หลังเดินต่อ ถอนหายใจเบาๆ “โต้กลับเพียงครั้งเดียวก็ทำลายเครือข่ายข่าวกรองที่แคว้นเยี่ยนจัดวางไว้ได้ กระทั่งแคว้นเยี่ยนยังพลาดท่าด้วยน้ำมือเขา พวกเจ้ายังกล้าดูแคลนเขาอีกหรือ?”
หลินหูพลันหุบยิ้มลงทันที ทั้งสองต่างมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ในที่สุดก็ตระหนักได้แล้วว่าเหตุใดคุณชายใหญ่ถึงบอกว่าคนผู้นี้อันตรายมาก!
ทั้งสองคนพอจะเข้าใจแล้วเช่นกันว่าเหตุใดคุณชายใหญ่ถึงกริ่งเกรงคนผู้นี้ถึงเพียงนี้ การที่คนผู้นี้แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรต่อทางนี้นับว่าไม่ใช่เรื่องดีเลยจริงๆ เมื่อย้อนไปกลับดูเรื่องเพลงกล่อมเด็กอีกครั้ง เกรงว่าคงมากพอจะทำให้คุณชายใหญ่ต้องปวดหัวไปพักใหญ่ทีเดียว!
หวงโต้วถามด้วยความสงสัย “คุณชายใหญ่ แล้วนี่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของเขาหรือขอรับ?”
เซ่าผิงปอค่อยๆ เดินไปนั่งลงในตำแหน่งประธาน “หรือว่าไม่เกี่ยวเล่า? เมื่อรู้แล้วว่าแคว้นเยี่ยนต้องการกำจัดเขา เจ้าคิดว่าเขาต้องไปที่ใดถึงจะปลอดภัยที่สุด?”
หวงโต้วตอบว่า “ถ้าไม่หาสถานที่สักแห่งเพื่อหลบซ่อนตัว ก็ต้องกลับไปซ่อนตัวกับทางซางเฉาจงขอรับ”
เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “แต่เขากลับมิได้ทำเช่นนั้น รู้ทั้งรู้ว่าราชสำนักแคว้นเยี่ยนต้องการกำจัดเขา เขาไม่เพียงแต่ไม่หลบ แต่ยังออกมาเพ่นพ่านด้านนอกอีก ถ่อมาไกลถึงขนาดนี้ มาที่แคว้นหาน เขามาทำอะไรที่แคว้นหาน?”
หวงโต้วและหลินหูสบตากันเงียบๆ เรื่องนี้ยากจะคาดเดาได้จริงๆ
“เสี่ยงอันตรายเดินทางมา นั่นแปลว่าเขามีเรื่องที่ต้องจัดการ! เมื่อเข้าใจถึงสาเหตุแล้ว เราก็ค่อยไปมองดูสถานการณ์โดยรวมของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีร่องรอยให้ไล่ตามได้ ความสามารถของเขาพวกเราเองก็ประจักษ์แล้ว การที่เขาปรากฏตัวขึ้นในมณฑลจินโจวนั้นมิใช่เรื่องบังเอิญเด็ดขาด เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นใต้หล้าล้วนทราบดี ซางเฉาจงจับมือกับทางมณฑลจินโจว อาศัยกองกำลังของมณฑลจินโจวชิงเอาจังหวัดชิงซานมาได้ เช่นนั้นเขาไปทำอะไรที่มณฑลจินโจว? มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนว่าเขาไปช่วยให้ซางเฉาจงจับมือเป็นพันธมิตรกับมณฑลจินโจวได้สำเร็จ”
“ท่านพ่อของข้าเป็นกองกำลังเก่าของหนิงอ๋องซางเจี้ยนปั๋ว ค่อนข้างให้ความสนใจกับซางเฉาจงบุตรชายของหนิงอ๋องมาโดยตลอด เคยได้ยินท่านพ่อเล่าว่าไห่หรูเยวี่ยแห่งมณฑลจินโจวเคยมีสัมพันธ์รักกับหนิงอ๋องอยู่ระยะหนึ่ง แต่หนิงอ๋องสิ้นแล้ว หากจะมาอ้างถึงความสัมพันธ์แต่หนหลังมันก็ออกจะฝืนไปเสียหน่อย อาศัยเพียงเรื่องนี้ยังไม่เพียงพอให้ไห่หรูเยวี่ยส่งกำลังทหารมาสนับสนุนได้! เรื่องราวเกี่ยวพันถึงสองแคว้น ไห่หรูเยวี่ยทำแบบนี้มีความเสี่ยง นางเองก็จำเป็นต้องใคร่ครวญถึงมณฑลจินโจว มิเช่นนั้นนางเองก็คุมมณฑลจินโจวเอาไว้ไม่ได้เช่นกัน”
“ว่ากันตามหลักแล้ว กองกำลังของซางเฉาจงอ่อนแอ ไห่หรูเยวี่ยเองก็ไม่มีทางยอมส่งกำลังทหารไปสนับสนุนเช่นกัน ดังนั้นการโน้มน้าวไห่หรูเยวี่ยน่าจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก ด้วยความสามารถของหนิวโหย่วเต้า การที่เขาไปปรากฏตัวอยู่ในมณฑลจินโจวจึงมิใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร ซึ่งความจริงมันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว เรื่องที่ก่อนหน้านี้ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่ไม่เคยคิดถึงกลับเกิดขึ้น คิดไม่ถึงว่ามณฑลที่ใหญ่โตอย่างมณฑลจินโจวจะจับมือเป็นพันธมิตรกับซางเฉาจงที่มีเพียงอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งได้”
“เช่นนั้นเพราะเหตุใดไห่หรูเยวี่ยจึงยอมตกลงส่งกำลังทหารไปสนับสนุน? เมื่อนำเอาเรื่องราวมาเรียบเรียงดูอีกครั้ง หนิวโหย่วเต้าสร้างพันธมิตรได้สำเร็จ ทางซางเฉาจงก็เปิดศึกทันที เขาไม่ได้กลับไปหาซางเฉาจง กลับยอมเสี่ยงอันตรายออกมาเพ่นพ่านด้านนอกทั้งๆ ที่ตนเพิ่งสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนไป รู้ทั้งรู้ว่าราชสำนักแคว้นเยี่ยนลงมือตามล่าแล้ว เขาก็ยังมุ่งหน้ามาที่แคว้นหาน นี่มันผิดปกติ!”
“ลำดับข้อสงสัยในเรื่องนี้มันเป็นแบบนี้ หนิวโหย่วเต้าใช้วิธีการใดในการขอเป็นพันธมิตร? เหตุใดไห่หรูเยวี่ยจึงยอมตกลงส่งกำลังทหารไปสนับสนุน? เหตุใดหนิวโหย่วเต้าจึงเสี่ยงอันตรายมาแคว้นหาน? เมื่อมองจากระยะเวลาแล้ว ความจริงเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นในระยะเวลาใกล้ๆ กัน และข้อสงสัยทั้งสามข้อนี้ก็จำเป็นต้องมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างถึงจะเกิดขึ้นมาได้ เช่นนั้นพวกเราก็เอาเงื่อนไขอะไรบางอย่างที่ยังไม่ทราบนั้นแทนเข้าไปในข้อสงสัยเหล่านี้แล้วลองลำดับเหตุการณ์ดูอีกครั้งหนึ่ง เราก็จะรู้ว่าหนิวโหย่วเต้ายื่นเงื่อนไขอะไรบางอย่างเพื่อขอเป็นพันธมิตร ไห่หรูเยวี่ยตอบรับเงื่อนไขนั้นแล้วส่งกำลังทหารไปสนับสนุน เช่นนี้เรื่องที่หนิวโหย่วเต้ามาแคว้นหานก็มีคำตอบแล้วมิใช่หรือ?”
หลินหูตอบว่า “หนิวโหย่วเต้ามาแคว้นหานเพื่อทำตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้!”
หวงโต้วพยักหน้านิดๆ
เซ่าผิงปอเอ่ยถาม “เช่นนั้นเงื่อนไขอะไรที่ทำให้ไห่หรูเยวี่ยตอบตกลงได้ แล้วยังต้องมายังแคว้นหานด้วย? เงื่อนไขใดที่คนธรรมดาทำให้สำเร็จลุล่วงไม่ได้ จำเป็นต้องใช้ผู้บำเพ็ญเพียร ทางฝั่งซางเฉาจงก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้บำเพ็ญเพียร เหตุใดต้องให้หนิวโหย่วเต้าเสี่ยงอันตรายมายังแคว้นหานด้วย? ทางไห่หรูเยวี่ยก็ใช่ว่าจะขาดผู้บำเพ็ญเพียร เป็นเรื่องใดกันล่ะที่แม้แต่ผู้บำเพ็ญเพียรของทางไห่หรูเยวี่ยก็ยังจัดการไม่ได้ จำเป็นต้องให้หนิวโหย่วเต้าเป็นคนจัดการ?”
“เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ข้าก็นึกถึงเรื่องเรื่องหนึ่งขึ้นมา บุตรชายของไห่หรูเยวี่ยคล้ายจะป่วยด้วยโรคประหลาด ได้ยินว่าถ่ายทอดมาจากบิดาของเขา!”
หลินหูเอ่ยว่า “ลิขิตหยินกลืนชีพจร!”
หวงโต้วเอ่ยว่า “ผลตะวันชาด!”
ทั้งสองแทบจะโพล่งออกมาพร้อมกัน แม้นคำพูดจะต่างกัน แต่ความนัยที่สื่อกลับเป็นเรื่องเดียวกัน
คนที่คอยจับตาดูไห่หรูเยวี่ยนั้นมีอยู่ไม่น้อย มิใช่เพราะความงามของนาง หากแต่เป็นเพราะโรคของบุตรชายนางคือตัวตัดสินว่ามณฑลจินโจวจะถูกเปลี่ยนตัวผู้ปกครองหรือไม่
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “หลังนำเอาเรื่องนี้มาแทนที่ในตัวแปรก่อนหน้านี้ ปมปริศนาส่วนใหญ่ก็คล้ายจะได้รับการคลี่คลาย มีความเป็นไปได้สูงว่าหนิวโหย่วเต้าจะไปที่ภูเขาหิมะเพื่อไปขอผลตะวันชาดจากหอหิมะเหมันต์!”
“นี่…” หวงโต้วเอ่ยด้วยความฉงน “ของที่กระทั่งคนอย่างไห่หรูเยวี่ยก็ยังขอมาไม่ได้ เขาไปแล้วจะมีประโยชน์หรือขอรับ?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “นี่ก็คือเหตุผลที่ข้าไม่กล้ายืนยัน เพราะยังไม่ได้ของมาอยู่ในมือ ไห่หรูเยวี่ยจะยอมส่งกำลังทหารไปสนับสนุนง่ายๆ ได้อย่างไร? ข้าอาจจะวิเคราะห์พลาดไปก็ได้ ถ้าหนิวโหย่วเต้าเพียงแค่อาศัยแคว้นหานเป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางล่ะ?”
หลินหูเอ่ยว่า “ไม่ว่าเขาจะไปขอผลตะวันชาดจริงหรือไม่ ในเมื่อมีความเป็นไปได้เช่นนี้ อีกทั้งคุณชายใหญ่ก็ต้องการกำจัดเขา พวกเราก็แค่ส่งคนไปดักรอก็ใช้ได้แล้วขอรับ”
เซ่าผิงปอส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “สำหรับเรื่องนี้ข้าเตรียมแผนการอื่นเอาไว้แล้ว ตอนนี้ข้ามีเรื่องจะรบกวนพวกเจ้าสองคน เรื่องเพลงกล่อมเด็กนี้ พวกเจ้าก็ได้เห็นกับตาแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ข้าจึงหวังว่าพวกเจ้าจะรายงานกับทางสำนักเขามหาญาณด้วย”
“ไม่มีปัญหาขอรับ!” หวงโต้วและหลินหูรับคำ สบตากันแวบหนึ่ง ทราบดีว่าคุณชายใหญ่ผู้นี้คงจะต้องปวดหัวกับเรื่องเพลงกล่อมเด็กนั้นไปอีกพักใหญ่
หลังจากทั้งสองคนออกไปแล้ว สีหน้าของเซ่าผิงปอก็คร่ำเคร่งลง หันไปมองพ่อบ้านเซ่าซานเสิ่งที่ยืนกุมมืออย่างเงียบๆ อยู่ด้านข้าง เอ่ยว่า “เด็กเล็กไม่รู้ความ ย่อมมีบ้างที่จะถูกชักจูงให้ทำเรื่องไม่สมควร ผู้ใหญ่เองก็ควรจะออกมาดูแล ส่งคนจำนวนหนึ่งไปยังพื้นที่ที่มีการร้องเพลงกล่อมเด็ก สร้างตัวอย่างที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวออกมา สยบข่าวลือด้วยข่าวลือ!”
แม้จะทราบดีว่าหากไม่ได้อยู่ในเขตอิทธิพลของตน มันก็เป็นไปได้ยากที่จะยับยั้งไม่ให้เพลงกล่อมเด็กเช่นนี้แพร่กระจายออกไปได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องหาทางควบคุมเอาไว้เสียหน่อย จะปล่อยให้แพร่กระจายออกไปจนเด็กทั่วหล้าพากันร้องกันหมดไม่ได้กระมัง!
…………………………………………..