ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 168 บุตรธิดา
ตอนที่ 168 บุตรธิดา
สีหน้าเซ่าซานเสิ่งแข็งทื่อไปเล็กน้อย แต่ยังคงรับคำสั่ง “ขอรับ!”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “ไม่ว่าหนิวโหย่วเต้าจะไปที่หอหิมะเหมันต์หรือไม่ จงส่งคนไปแจ้งกับทางตระกูลซ่งในเมืองหลวงแคว้นเยี่ยน ตระกูลซ่งน่าจะหาทางจัดการได้”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาก็ข่มโทสะเอาไว้ เพลงกล่อมเด็กจะส่งผลกระทบต่อทางท่านพ่อมากแค่ไหนเขาไม่อาจแน่ใจได้ เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาสำคัญที่เขาต้องเผชิญหน้าในเวลานี้ ต้องคอยระวังในการจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถ้าหากทางด้านนี้เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดอันใดขึ้น ท่าทีของทางสำนักเขามหาญาณนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เมื่อยังไม่อาจมั่นใจได้ว่าหนิวโหย่วเต้าจะไปที่หอหิมะเหมันต์หรือไม่ เขาก็ไม่สะดวกจะใช้งานอีกฝ่าย เพราะถ้าหากให้อีกฝ่ายไปเสียเที่ยว หรือเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น เกรงว่าคงทำให้ทางสำนักเขามหาญาณไม่พอใจเขาได้
เมื่อเกิดเรื่องเพลงกล่อมเด็กขึ้นมา ทำให้เขาต้องเริ่มจัดการเรื่องราวต่างๆ อย่างระมัดระวัง
เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “พูดถึงตระกูลซ่งแห่งแคว้นเยี่ยนแล้ว มีเรื่องหนึ่งที่ข้ากำลังจะรายงานคุณชายใหญ่อยู่พอดี หวังเหิงที่เป็นหนึ่งในสี่แม่ทัพใหญ่ของกององครักษ์พิทักษ์เมืองหลวงแห่งแคว้นเยี่ยนต้องการรับตัวบุตรสาวที่แต่งเข้าตระกูลซ่งกลับไป ตระกูลซ่งเองก็เขียนหนังสืออนุญาตให้บุตรสาวของเขาออกเรือนใหม่ได้ หวังเหิงประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณชน สถานการณ์ในเมืองหลวงของทางฝั่งตระกูลซ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีขอรับ”
“โอ้!” เซ่าผิงปออุทานด้วยความแปลกใจ เขาใช้ความคิด เอ่ยด้วยความลังเล “ซ่งจิ่วหมิงเป็นคนสนิทของถงมั่ว ทว่าหวังเหิงกลับตัดสัมพันธ์กับตระกูลซ่ง ดูเหมือนจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอันใดขึ้นในราชสำนักแคว้นเยี่ยนเสียแล้ว ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการตายของซ่งหลงหรือไม่ ให้คนจับตาดูเรื่องนี้ต่อไป”
“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งตอบรับ ก่อนจะเอ่ยถามอีกว่า “เช่นนั้นยังต้องแจ้งเรื่องนี้ต่อตระกูลซ่งอีกหรือไม่ขอรับ? ราชสำนักแคว้นเยี่ยนเองก็ต้องการกำจัดหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นคือราชสำนักแคว้นเยี่ยนมีอำนาจมากกว่า”
เซ่าผิงปอส่ายหน้าเล็กน้อย “เรื่องจุดพักม้า รายละเอียดคำรับสารภาพที่ได้จากการจับกุมข้าได้ดูแล้ว แคว้นเยี่ยนใช้งานสายลับเหล่านี้อย่างระมัดระวัง เดิมทีพวกเขาไม่ได้ทำเรื่องใดที่น่าสงสัยเลย แค่ส่งข่าวออกไปครั้งเดียวเท่านั้น แล้วหนิวโหย่วเต้าทราบเรื่องสายลับในจุดพักม้าอย่างชัดเจนขนาดนั้นได้อย่างไร? ข้าสงสัยว่าจะมีคนคาบข่าวไปบอกเขา ราชสำนักแคว้นเยี่ยนมีคนมากมาย ต่างคนต่างพูดกันไปคนละอย่าง พวกเราไม่อาจทราบสถานการณ์ที่แน่ชัดได้ ให้ตระกูลซ่งไปจัดการเองดีกว่า ต่อให้ตระกูลซ่งจะย่ำแย่เพียงใด อย่างน้อยพวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์ในแคว้นเยี่ยนดีกว่าพวกเรา”
“ขอรับ” เซ่าซานเสิ่งพยักหน้ารับ
“ยังมีอีก ระยะนี้จัดวางกำลังองครักษ์ให้เข้มงวดหน่อย” เซ่าผิงปอเอ่ยเตือนด้วยสีหน้าตึงเครียด
ช่วยไม่ได้ เขาถูกเรื่องเพลงกล่อมเด็กผลักให้ขึ้นไปยืนบนยอดพายุ ไม่ว่าจะเป็นทางแคว้นเยี่ยนหรือแคว้นหาน หรือพวกคนที่ต้องการกำจัดเซ่าเติงอวิ๋นที่มีกองกำลังอิสระ เกรงว่าคงจะหมายตาเขาเข้าแล้ว
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก หนิวโหย่วเต้าลงมือเพียงครั้งเดียวก็สร้างแรงกดดันในด้านต่างๆ ให้เขาได้แล้ว ทว่าเขากลับทำได้เพียงคอยครุ่นคิดว่าจะตามล่าหนิวโหย่วเต้าได้อย่างไร นี่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกเหมือนว่าตัวเองด้อยกว่า ซึ่งเขาไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้เป็นยิ่งนัก
“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งรับคำสั่ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีเรื่องจะสั่งการต่ออีก จึงเอ่ยเตือนว่า “คุณชายใหญ่ รีบไปอาบน้ำเถอะขอรับ ไม่ควรให้ท่านผู้ว่าการมณฑลต้องคอยนานนะขอรับ”
เซ่าผิงปอได้สติกลับมา เดินอาดๆ ออกจากห้องโถง ตรงไปที่ห้องอาบน้ำ
เมื่อไปถึงห้องอาบน้ำก็เปลือยกายทันที แหวกม่านเปิดออก ตรงไปยังอ่างอาบน้ำที่อยู่ด้านหลัง ก่อนจะหย่อนตัวแช่ลงในน้ำอุ่น
ด้านนอกม่าน สาวใช้เดินเข้าออก จัดวางอาภรณ์ไว้
เมื่อสาวใช้จากไป เรือนร่างอ้อนแอ้นอรชรร่างหนึ่งปรากฏขึ้น หญิงสาวในชุดกระโปรงยาวสีมรกตงามสดใสผู้หนึ่งเดินเข้ามา
หญิงสาวอุ้มพิณกู่ฉินไว้ในอ้อมแขน พาดพิณลงบนโต๊ะภายในห้อง นั่งลงข้างพิณ นิ้วเรียวเสลาดีดบรรเลง เสียงพิณติงตังไพเราะแว่วดังขึ้นมา
หน้าผากเปิดกว้างอวบอิ่ม เส้นผมดำขลับวาววับ รูปโฉมงามงดแม้แต่จันทร์ยังต้องหลบมวลผกายังต้องอาย ใบหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนหวานทรงเสน่ห์ หันมองเงาร่างเลือนรางของคนที่แช่ในอ่างอาบน้ำหลังม่าน
หญิงสาวนางนี้มีนามว่าซูจ้าว เป็นญาติผู้พี่ของเซ่าผิงปอ นับว่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเพียงคนเดียวในตระกูลเซ่า
เซ่าผิงปอที่หลับตาแช่อยู่ในน้ำลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงพิณ เหลียวมองเงาร่างพร่ามัวที่อยู่นอกม่าน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่จ้าวกลับมาตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
เสียงพิณหยุดลง เงาร่างนั้นลุกขึ้นยืน เสียงหวานเสนาะหูแว่วขึ้นมา “เพิ่งกลับมาถึงแคว้นหานก็ได้ยินเรื่องเพลงกล่อมเด็กที่มุ่งร้ายต่อเจ้า จึงเร่งกลับมาที่เป่ยโจวทันที มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เซ่าผิงปอวักน้ำสาดหน้าตัวเองเล็กน้อย เอ่ยว่า “เคยได้ยินชื่อหนิวโหย่วเต้าแล้วกระมัง? คนที่สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนผู้นั้นน่ะ…” เขาบอกเล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าวๆ
เงาร่างของซูจ้าวเดินกลับไปกลับมาอยู่นอกม่าน “หนิวโหย่วเต้าคนนี้ชั่วร้ายยิ่งนัก!”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นต้องกังวล ท่านทุ่มเทให้กับเรื่องเกลี้ยกล่อมทางแคว้นฉีกับแคว้นเว่ยก็พอ เพราะหากมณฑลเป่ยโจวคิดอยากทำการใหญ่ ม้าศึกและเสบียงจำนวนมากคือสิ่งที่ไม่อาจขาดได้ รอจนเป่ยโจวก้าวพ้นภาวะความอดอยากไปแล้ว มีกำลังทรัพย์เพียงพอแล้ว ข้าจะเริ่มจัดการเรื่องนี้ พี่จ้าว เรื่องราวเกี่ยวพันถึงอนาคตของมณฑลเป่ยโจว ความรับผิดชอบของท่านหนักหนายิ่ง!”
ซูจ้าวเอ่ยตอบ “เข้าใจแล้ว ข้าฟังจนหูชาไปหมดแล้ว กำลังจัดการอยู่ ไม่เคยชักช้ารีรอ เจ้าวางใจเถอะ”
เมื่ออาบน้ำเสร็จ เซ่าผิงปอเดินออกมานั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งด้านนอก ซูจ้าวโบกมือไล่สาวใช้ออกไป เข้ามาช่วยหวีผมให้เขาด้วยตัวเอง
“ไม่ได้พบกันเสียนาน นอกจากเรื่องงานแล้วไม่มีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับข้าบ้างหรือ?” ซูจ้าวถามด้วยรอยยิ้มละไม
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เดี๋ยวค่อยว่ากัน ข้าเพิ่งกลับมาถึง ยังต้องไปรายงานภารกิจกับทางท่านพ่ออีก”
ซูจ้าวเงียบไปพักหนึ่ง จู่ๆ พลันเอ่ยถามอีกครั้งว่า “เจ้าจะแต่งกับข้าใช่หรือไม่?”
เซ่าผิงปอย้อนถาม “ยังต้องสงสัยอีกหรือ?”
ซูจ้าวเอ่ยว่า “ดี ระบุเวลาที่แน่ชัดให้ข้าที”
เซ่าผิงปอขมวดคิ้ว “ท่านกำลังล้อเล่นอยู่หรือ? ถ้าแต่งท่านตอนนี้ ทันทีที่ตัวตนของท่านเปิดเผยออกไป ท่านยังจะไปจัดการเรื่องทางแคว้นฉีได้อีกหรือ? หรือท่านลืมความแค้นอันใหญ่หลวงของน้าหญิงกับน้าเขยไปแล้ว?”
ซูจ้าวเอ่ย “ข้าว่าเจ้าชอบพอถังอี๋คนนั้นเข้าแล้ว!”
เซ่าผิงปอถอนใจกล่าวไปว่า “ถังอี๋เป็นหญิงมีสามีแล้ว ข้าตามเกี้ยวพานางด้วยเป้าหมายใดท่านเองก็รู้ ต้องการให้ข้าย้ำถึงความสำคัญของจ้าวสยงเกอให้ท่านฟังอีกรอบหรือไม่?”
รอยยิ้มของซูจ้าวเจือความกลัดกลุ้มไว้เล็กน้อย มือยังคงขยับไม่หยุด “ข้าเข้าใจเหตุผลดี แต่ภายในใจข้ารู้สึกไม่มั่นใจจริงๆ ข้าทำเรื่องสกปรกมากมาย ถ้าหากเจ้ามีวันนั้นแล้ว เจ้ายังจะแต่งกับคนอย่างข้าอีกหรือ?”
เซ่าผิงปอยกมือขึ้น จับมือเรียวงามของนาง มองนางผ่านคันฉ่องพลางเอ่ยว่า “อย่าคิดมากไปเลย ที่ข้ายังไม่แต่งงานจนถึงตอนนี้เป็นเพราะเหตุใดกันเล่า? พี่จ้าว ชาตินี้ข้าจะแต่งกับท่านเท่านั้น!”
ซูจ้าวถอนหายใจเบาๆ “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”
……
ณ จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว เซ่าผิงปอที่อาบน้ำชำระร่างกายเสร็จเรียบร้อยก้าวอาดๆ เข้ามา หยางซวงผู้เป็นพ่อบ้านประจำจวนผู้ว่าการได้รับแจ้งก็รีบเดินเข้ามาทันที นำทางให้เซ่าผิงปอด้วยตัวเอง
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างทาง เด็กสาวที่งามสดใสคนหนึ่งก็กระโดดโลดเต้นออกมาจากในสวนดอกไม้อย่างร่าเริง รูปโฉมคล้ายคลึงเซ่าผิงปออยู่หลายส่วน เป็นเซ่าหลิ่วเอ๋อร์น้องสาวร่วมมารดาของเขา
เมื่อเห็นพี่ใหญ่ปรากฏตัวขึ้น ท่าทางเริงร่าของเซ่าหลิ่วเอ๋อร์พลันหายไปทันที เดินเข้ามาหาด้วยท่าทางเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างกลัวพี่ใหญ่คนนี้
“พี่ใหญ่!” เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ย่อตัวทำความเคารพ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วคิดจะหลบฉากออกไป
“หยุดก่อน!” เซ่าผิงปอเอ่ยเสียงเยียบเย็น
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ตัวแข็งทื่อ เอ่ยถามด้วยความหวาดกลัว “พี่ใหญ่มีเรื่องใดจะสั่งการหรือ?”
พ่อบ้านหยางซวงยิ้มเล็กน้อย น้องชายน้องสาวทุกคนล้วนเกรงกลัวพี่ใหญ่คนนี้
เซ่าผิงปอเอ่ยด้วยแววตาเย็นชา “ได้ยินว่าช่วงนี้พวกเจ้าจัดตั้งชุมนุมกวีอันใดขึ้นมา เหมือนว่าวันๆ เจ้าจะเอาแต่สุมหัวอยู่กับพวกชอบผัดหน้าทาแป้งสินะ ยังมีความเป็นกุลสตรีอยู่หรือเปล่า?”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์กล่าวว่า “พี่ใหญ่พูดจาไม่น่าฟังเลย แค่แลกเปลี่ยนความเห็นเรื่องกาพย์กลอนเท่านั้น ไฉนจึงกลายเป็นการสุมหัวไปได้?”
เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “กาพย์กลอนใช้กินต่างข้าวหรือใช้ออกศึกสังหารศัตรูได้หรือ? ไม่ดูเสียบ้างว่าสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างไร มีชาวเป่ยโจวมากน้อยเท่าไรที่กำลังอดอยาก พวกเจ้าเอาแต่เสพสุขกินเล่นทั้งวัน ลอยไปลอยมา แล้วจะให้ชาวบ้านคิดอย่างไร?”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์ตอบว่า “พี่ใหญ่กล่าวถูกแล้ว วันหน้าข้าจะให้พวกเขาสำรวมเสียหน่อย”
เซ่าผิงปอโน้มตัวไปตรงหน้านางเล็กน้อย “ฟังคำพูดเจ้าแล้ว นี่เจ้ายังคิดจะไปสุมหัวกับพวกนั้นอีกใช่หรือไม่?”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เอ่ยพึมพำเบาๆ “พี่ใหญ่ ใช่การสุมหัวที่ไหนล่ะ กาพย์กลอนเป็นเรื่องงดงาม สามารถกล่อมเกลาจิตใจ ทุกคนล้วนเป็นคนที่มีอุดมการณ์เดียวทั้งสิ้น”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “อุดมการณ์เดียวกันอย่างนั้นหรือ? เด็กผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวคนหนึ่ง หากเจ้ามิใช่บุตรสาวผู้ว่าการมณฑล ลองดูสิว่าจะยังมีสักกี่คนที่ร่วมอุดมการณ์เดียวกับเจ้า ทุกวันถูกคนประจบเยินยอมีความสุขใช่หรือไม่? วันหน้าจงอยู่ในเรือนตั้งใจอ่านตำราคัดอักษร เรียนรู้สิ่งที่สตรีสมควรเรียนรู้ซะ หากกล้าออกไปวุ่นวายอีกก็ลองดู!”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์เอ่ยตอบกลับ “แม่รองอนุญาตแล้วข้าถึงออกไป”
เซ่าผิงปอหรี่ตาลง “ได้ยินว่าเจ้าสนิทกับถานเย่าเสี่ยนในชุมนุมกวีคนนั้นใช่ไหม? มีเวลาว่างเมื่อไรจงพาเขามาพบข้าซะ!”
เซ่าหลิ่วเอ๋อร์พลันเผยสีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมาทันที กล่าวว่า “พี่ใหญ่ ล้วนเป็นสหายของข้าทั้งสิ้น ท่านอย่าทำอะไรส่งเดชนะ!”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “ข้าจะบอกเจ้าไว้นะ เรื่องวิวาห์ของบุตรสาวล้วนขึ้นอยู่กับบิดามารดา มิได้ขึ้นอยู่กับความคิดเหลวไหลของเจ้า หากเจ้าไม่อยากทำร้ายเขา ก็สำรวมตัวเองซะ!” กล่าวจบก็สะบัดหน้า สาวเท้าก้าวจากไป
หยางซวงส่ายหน้าเล็กน้อย เดินตามเขาไป
ขอบตาเซ่าหลิ่วเอ๋อร์แดงเรื่อ หยาดน้ำตาแห่งความคับข้องใจคลออยู่ในดวงตา
ในโถงว่าราชการ ณ สถานที่ว่าราชการของจวนผู้ว่าการมณฑล
เซ่าอู๋ปอบุตรชายคนรองของตระกูลเซ่ากำลังหารือเรื่องงานราชการกับขุนนางสองสามคนอยู่ด้านใน
เซ่าฝูปอบุตรชายคนที่สามของตระกูลเซ่ายังคงสวมชุดเกราะไว้ ยืนพิงอยู่ริมหน้าต่าง ในปากคาบใบไม้ไว้ใบหนึ่ง มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเบื่อหน่าย ทันใดนั้นม่านตาพลันหดตัว เขาออกมาจากริมหน้าต่าง เดินมาหาเซ่าอู๋ปอ ดึงชุดของเซ่าอู๋ปอแล้วเอ่ยว่า “พี่รอง มาแล้ว มาแล้ว”
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงมองออกไปด้านนอกพร้อมกัน เห็นเซ่าผิงปอเดินอาดๆ เข้ามา แต่กลับไม่ได้ก้าวเข้ามาด้านใน หากแต่เดินออกไปอีกด้านหนึ่งพร้อมกับหยางซวง
เมื่อเห็นเขาไปแล้ว เซ่าฝูปอฮัมเพลง “เมฆราชันปลอม คลื่นราชันจริง…”
เซ่าอู๋ปอถองศอกใส่เขาทีหนึ่ง ให้เขาหุบปาก
ด้านข้างโถงว่าราชการมีหออยู่หลังหนึ่ง เซ่าเติงอวิ๋นที่มีรูปร่างกำยำบึกบึนยืนอยู่ด้านบนหอ มองบุตรชายที่อยู่ด้านล่างหอกำลังเดินเข้ามา แววตาค่อนข้างซับซ้อน
นึกถึงอดีตครานั้น ยามนั้นหนิงอ๋องยังมีชีวิตอยู่ ทว่าบุตรชายคนนี้กลับคิดหาทางเกลี้ยกล่อมเขาทุกวิถีทางให้ละทิ้งความรุ่งโรจน์ในเมืองหลวงเสีย บอกให้เขายื่นคำร้องขอมาประจำการอยู่ที่มณฑลเป่ยโจวอันเป็นชายแดนของแคว้น ต่อมาหนิงอ๋องถูกลอบสังหาร ราชสำนักกวาดล้างกองกำลังเก่าของหนิงอ๋อง ทว่าเขากลับแปรพักตร์เพราะการผลักดันของบุตรชายผู้นี้ จึงทำให้เขาพ้นเคราะห์มาได้ กลายเป็นเจ้าศักดินาของมณฑลแห่งหนึ่ง
ยามนั้นเขาลังเลยิ่งนักว่าควรแปรพักตร์หรือไม่ เพราะหนิงอ๋องเป็นผู้สนับสนุนเขาให้เติบโตจากนายกองคนหนึ่งจนขึ้นมาเป็นแม่ทัพใหญ่ที่กุมอำนาจกองทัพใหญ่ได้ เขาได้รับเมตตาจากหนิงอ๋องอย่างท่วมท้น อีกอย่างหนึ่ง หลังจากแปรพักตร์แล้ว ยังไม่แน่ว่าแคว้นศัตรูจะปฏิบัติต่อเขาด้วยดี
ทว่าพอเกิดเรื่องขึ้น เขาถึงได้พบว่าบุตรชายคนนี้ได้ช่วยเตรียมการในหลายๆ เรื่องเอาไว้ให้เขาแล้ว
ภายหลังเขาถึงตระหนักได้ว่านับตั้งแต่ที่เกลี้ยกล่อมให้เขาออกจากเมืองหลวง บุตรชายคนนี้ก็เริ่มไม่วางใจสถานการณ์ของทางหนิงอ๋อง จึงวางแผนเตรียมการไว้เพื่อการมาถึงของวันนี้
บุตรชายคนนี้ไม่เหมือนเขา หากแต่ฉลาดเฉลียวเหมือนมารดาของเขา จนใจที่ฮุ่ยอี้เยามารดาของเขาด่วนจากโลกนี้ไปเร็ว
เขาได้รับข่าวเรื่องเพลงกล่อมเด็กแล้ว หลังจากได้อ่านเนื้อหาเพลงกล่อมเด็ก คลื่นสงบงดงามอันใดนั่นเขามิได้กังวลเลย แต่เขากลับนึกเสียใจว่าปีนั้นไม่ควรแต่งอนุเข้ามาเลย ไม่ควรให้กำเนิดบุตรชายอีกสองคน ไม่ว่าจะเป็นด้านความฉลาดปราดเปรื่องหรือความสามารถ บุตรชายคนนี้คือผู้สืบทอดที่เหมาะสมที่สุด แต่สิ่งที่เขากังวลคือหากบุตรชายคนนี้ได้กุมอำนาจขึ้นมา เขาจะยอมละเว้นบุตรชายของเขาอีกสองคนหรือไม่?
…………………………………………………