ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 177 สถานการณ์เปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 177 สถานการณ์เปลี่ยนแปลง
“โอ้ ความปรารถนาของสังขารยากจะเลี่ยงได้ เช่นนั้นคงต้องลองดูหน่อยแล้ว” หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ กวาดมองไปรอบๆ ถือโอกาสขณะที่ไม่มีผู้ใดข้ามสะพานเชื่อมหุบเขา เอ่ยถามว่า “เถ้าแก่ให้การรับรองเป็นอย่างดีเช่นนี้ ผู้น้อยรู้สึกตกใจอยู่บ้างจริงๆ ท่านทำเช่นนี้เพราะเหตุใดกันแน่?”
ฉู่อันโหลวเอ่ยยิ้มๆ “ท่านแม่บ้านบอกว่าต้องรับรองท่านให้ดี มีเรื่องอะไรก็รอให้ท่านได้พักผ่อนก่อนแล้วค่อยคุยกันขอรับ”
“ท่านแม่บ้านหรือ?” หนิวโหย่วเต้าสงสัย เอ่ยถามว่า “เพราะเหตุใด?”
ฉู่อันโหลวกล่าวว่า “ข้าก็ไม่ทราบรายละเอียดเช่นกัน แต่ท่านแม่บ้านว่ามาอย่างไร ข้าก็ต้องจัดการไปตามนั้น บอกให้รับรองเป็นอย่างดีก็ต้องรับรองเป็นอย่างดี ไม่มีเจตนาร้ายเด็ดขาดขอรับ!”
หนิวโหย่วเต้าไม่เอ่ยอะไร
หนิวโหย่วเต้าไม่รู้จริงๆ หรือว่านี่มันเรื่องอะไรกัน? เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเขาแล้วว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น
การวาดภาพให้เฮยหมู่ตานในเมืองไจซิงมิใช่เป้าหมาย เป้าหมายคือซาฮ่วนลี่ ทว่าการวาดภาพให้ซาฮ่วนลี่ก็มิใช่เป้าหมายที่แท้จริงเช่นกัน เป้าหมายที่แท้จริงคือหอหิมะเหมันต์!
หลังจากทราบว่าซาฮ่วนลี่และเสวี่ยลั่วเอ๋อร์ผู้เป็นประมุขหอหิมะเหมันต์เป็นสหายสนิทกัน เขาก็เริ่มใช้ความคิด เริ่มทำการวางแผนเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!
หลักการนั้นง่ายดายนัก สตรีเมื่อได้รับของสวยๆ งามๆ มา พวกนางจะหักห้ามใจไม่นำไปแบ่งปันสหายรักได้หรือ?
ที่ทำเช่นนี้ มิใช่เพื่อผลตะวันชาดเท่านั้น หากแต่เป็นเพราะเขาไร้กำลังจะต่อกรกับพลังของราชสำนักแคว้นเยี่ยน หลังจากสังหารซ่งหลง เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองได้ก่อปัญหาใหญ่ขึ้นมาแล้ว
แต่สิ่งใดที่ควรทำเขาก็ยังต้องทำ ซ่งหลงนั้นเขาจำเป็นต้องฆ่า ต่อให้รู้ว่าจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาก็ตาม เนื่องจากเรื่องบางเรื่องไร้ช่องทางให้ถอยหนี ต่อให้เขายอมถอยอย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่มีทางยอมประนีประนอม มีแต่ต้องสู้กันให้ตายกันไปข้างหนึ่งเท่านั้น หากกระทั่งความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวที่จะสู้ตายเช่นนี้ยังไม่มี เขาก็คงไม่ได้รับการยกย่องให้เป็นเต้าเหยี่ยได้!
เมื่อทำลงไปแล้ว กล้าทำก็ต้องกล้ารับ ต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่ตามมา ต่อให้รู้ว่าราชสำนักแคว้นเยี่ยนลงมือแล้ว ต่อให้ระหว่างทางต้องเจออันตราย เขาก็ต้องยืนหยัดรีบเดินทาง ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อจะขจัดปัญหาใหญ่นั้นให้ได้ในคราวเดียว แล้วก็เพื่อมอบทางลงให้กับราชสำนักแคว้นเยี่ยนด้วย!
ผู้คนมากหน้าหลายตาพากันดาหน้ามารบกวน เขาจะอาศัยโอกาสนี้ข่มขู่คนเหล่านั้นในคราวเดียว!
ดังนั้นมิใช่ว่าเขาไม่ทราบ หากแต่ทราบกระจ่างดีเลยล่ะ เขาถึงได้จัดฉากให้ฉู่อันโหลวออกมาเดินเล่นเป็นเพื่อนเช่นนี้
ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ ควบคุมความเป็นไปของสถานการณ์!
อู๋คงผู้เป็นเถ้าแก่ของร้านค้าสำนักหยกสวรรค์ยืนอยู่ตรงประตูร้าน กำลังให้ความสนใจกับกลุ่มของฉู่อันโหลวอยู่เช่นกัน
ศิษย์คนหนึ่งที่ออกไปสืบข่าววิ่งกลับมา ค้อมกายเอ่ยรายงานเสียงเบาว่า “อาจารย์อา ท่านลองเดาสิขอรับว่าคนที่อยู่ข้างกายฉู่อันโหลวคือผู้ใด?”
อู๋คงปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “มัวอมพะนำอะไร? ข้าไม่เคยเจอเขามาก่อน จะรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือผู้ใด?”
ศิษย์จึงกล่าวว่า “อาจารย์อา เป็นหนิวโหย่วเต้าที่ทางสำนักส่งข่าวมาให้พวกเราค้นหาขอรับ!”
“ห๊า!” อู๋คงตกตะลึง เอ่ยถาม “เจ้าแน่ใจหรือ?”
ศิษย์ตอบว่า “ข้าสอบถามมาแล้ว ทั้งสี่คนที่อยู่ด้านหลังมีนามว่าเฮยหมู่ตาน เหลยจงคัง ต้วนหู่และอู๋ซานเหลี่ยงขอรับ ในข้อมูลที่ทางสำนักส่งมาก็บอกว่าอาจจะมีผู้ติดตามมาสี่คนมิใช่หรือขอรับ ลักษณะของเด็กหนุ่มที่นำอยู่ด้านหน้าคนนั้นก็ตรงตามข้อมูลที่ทางสำนักบรรยายเอาไว้ นอกจากหนิวโหย่วเต้าแล้วยังจะเป็นใครไปได้ล่ะขอรับ?”
คนของสำนักหยกสวรรค์ที่อยู่ทางนี้ไม่เคยเห็นหนิวโหย่วเต้าเลย ยามที่ทางซางเฉาจงไปขอร้องให้สำนักหยกสวรรค์ช่วยเหลือ พวกซางเฉาจงก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกัน พวกเขาย่อมแจ้งลักษณะบางอย่างของเป้าหมายไป หยวนฟางไหนเลยจะกล้าปิดบังอำพราง ย่อมต้องบอกรายละเอียดต่างๆ ของผู้ติดตามคนอื่นๆ อย่างชัดเจน
ส่วนคนของสำนักหยกสวรรค์ที่รู้จักหนิวโหย่วเต้าก็ยังอยู่ในมณฑลหนานโจวของแคว้นเยี่ยน ถ้าคิดจะตามมาคงจะไม่ทันการเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้นคือหลังจากสมาชิกระดับสูงของสำนักหยกสวรรค์หารือกันแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้คิดจะทุ่มเทกำลังเพื่อช่วยเหลือหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน ไม่ได้เร่งส่งกำลังมาสนับสนุนเลย สำหรับพวกเขาแล้ว หนิวโหย่วเต้ามิได้มีความสำคัญแม้แต่น้อย แค่หนิวโหย่วเต้าเพียงคนเดียวไม่คุ้มค่าพอให้สำนักหยกสวรรค์ระดมกำลังพล
บอกว่าจะไปขอผลตะวันชาดอันใดนั่น เรื่องนั้นมีความสำคัญต่อสำนักหยกสวรรค์ด้วยหรือ? ความเป็นความตายของไห่หรูเยวี่ยและความเป็นความตายของบุตรชายไห่หรูเยวี่ยมิได้มีความสำคัญต่อสมาชิกระดับสูงของสำนักหยกสวรรค์เลย ส่วนปัญหาที่เป็นประเด็นสำคัญทางสำนักหยกสวรรค์ได้หารือกับวังสวรรค์หมื่นวิมานอย่างลับๆ แล้ว
ในมุมมองของสำนักหยกสวรรค์ ไม่ว่าวังสวรรค์หมื่นวิมานจะเปลี่ยนเอาผู้ใดมาปกครองมณฑลจินโจวก็ไม่ได้มีความต่างกัน ขอเพียงซางเฉาจงที่สามารถฝึกฝน ‘กององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญ’ ออกมาได้ยังอยู่ในมือพวกเขาก็พอ
ปัญหาที่ไห่หรูเยวี่ยและซางเฉาจงต่างกังวลใจ ปัญหาที่คนระดับล่างกังวลใจล้วนไม่ได้มีความสำคัญอะไรสำหรับสมาชิกระดับสูงของสำนักหยกสวรรค์เลย
สำนักหยกสวรรค์เองก็ไม่ต้องการให้ซางเฉาจงผูกติดอยู่กับไห่หรูเยวี่ยมากเกินไป เพราะแบบนั้นอาจจะทำให้พวกเขาควบคุมซางเฉาจงได้ลำบากขึ้น
และเป็นเพราะเหตุนี้ การที่หนิวโหย่วเต้าเดินทางมาร้องขอผลตะวันชาดโดยพลการทำให้สมาชิกระดับสูงของสำนักหยกสวรรค์ไม่พอใจเท่าไร บุ่มบ่ามล่วงเกินหอหิมะเหมันต์มันใช่เรื่องสนุกหรือ? หากเกิดเรื่องขึ้น ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ประกอบกับหนิวโหย่วเต้ามีฐานะเป็นอาชญากรสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยน สำนักหยกสวรรค์ไม่อยากเข้าไปข้องแวะด้วย ไหนเลยจะส่งคนมาช่วยเหลือได้!
แต่แน่นอน พวกเขายังต้องไว้หน้าซางเฉาจงอยู่ ดังนั้นจึงส่งข่าวมาให้ทางนี้ แต่ก็เพียงเพื่อแจ้งข่าวเตือนภัยต่อหนิวโหย่วเต้าเพียงเท่านั้น
“…..” อู๋คงลูบเคราพลางใช้ความคิด นี่มันอะไรกัน? เรื่องนี้อยู่นอกเหนือคำสั่งของทางสำนักไปไกลแล้ว!
เขามองดูหนิวโหย่วเต้าที่เดินออกไปไกลแล้ว ตัวเขาไม่สะดวกที่จะใช้สถานะคนของสำนักหยกสวรรค์ไปติดต่อหนิวโหย่วเต้าอย่างเปิดเผย อีกทั้งเวลานี้ยังไม่เข้าใจว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่ เมื่อมีฉู่อันโหลวอยู่ เขาก็ไม่สะดวกจะเข้าไปทักทายเช่นกัน
เขาคิดวนไปวนมา ก่อนจะหันกลับเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว เตรียมส่งข่าวไปรายงานอย่างเร่งด่วน!
ณ ร้านค้าของวังสวรรค์หมื่นวิมาน ภายในห้องห้องหนึ่งที่อยู่ลึกเข้าไปภายในร้าน สตรีนางหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนตั่งศิลา เป็นเกามู่หลานผู้เป็นเถ้าแก่ร้าน
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เกามู่หลานค่อยๆ เก็บลมปราณแล้วลืมตาขึ้น เอ่ยว่า “เข้ามา!”
ศิษย์คนหนึ่งผลักประตูเข้ามา ประสานมือรายงานอยู่หน้าตั่ง “อาจารย์อา หนิวโหย่วเต้าปรากฏตัวแล้วขอรับ!”
เกามู่หลานพลันขมวดคิ้ว “ให้เขามาพบข้าทันที!”
สำหรับทางฝั่งซางเฉาจง สถานการณ์ในยามนั้นเร่งด่วนนัก เพื่อความปลอดภัย พวกเขาจึงได้ส่งข่าวไปหาทางไห่หรูเยวี่ยด้วย ให้ไห่หรูเยวี่ยขอร้องทางวังสวรรค์หมื่นวิมานลงมือช่วยเหลือเช่นกัน
ทว่าทางวังสวรรค์หมื่นวิมานก็ไม่ค่อยเห็นด้วยในเรื่องนี้ อันที่จริงที่ผ่านมาสมาชิกระดับสูงของวังสวรรค์หมื่นวิมานมีความเห็นที่แตกกันเป็นสองฝ่ายในเรื่องที่ไห่หรูเยวี่ยปกครองมณฑลจินโจวมาโดยตลอด มีบางคนให้การสนับสนุน และมีบางคนที่เสนอให้เปลี่ยนตัว ยามนี้คนผู้หนึ่งที่กล้าลงมือสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนในมณฑลจินโจวอย่างอุกอาจกลับวิ่งมาก่อเรื่องถึงหอหิมะเหมันต์อีก หากเกิดปัญหาขึ้นมาล่ะก็ วังสวรรค์หมื่นวิมานจะแบกรับความรับผิดชอบนี้ไม่ไหว โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าไห่หรูเยวี่ยกระทำเรื่องนี้โดยปิดบังวังสวรรค์หมื่นวิมานเอาไว้ ทำให้วังสวรรค์หมื่นวิมานไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง หากมิใช่เพราะไห่หรูเยวี่ยได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสหลีอู๋ฮวาอย่างเต็มที่ เกรงว่าครั้งนี้คงจะต้องมอบบทเรียนให้ไห่หรูเยวี่ยสักหน่อยแล้ว ให้ไห่หรูเยวี่ยได้หลาบจำ!
ข่าวที่เกามู่หลานได้รับจากทางสำนักคือทันทีที่พบตัวหนิวโหย่วเต้า ให้ขัดขวางเขาไม่ให้ก่อเรื่องวุ่นวายทันที หากจำเป็นก็ให้สังหารทิ้งได้เลย!
หนิวโหย่วเต้าเพียงคนเดียว ไม่ได้มีความสำคัญต่อวังสวรรค์หมื่นวิมานเช่นเดียวกัน
ขอถามหน่อยเถิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ วังสวรรค์หมื่นวิมานจะส่งคนมาช่วยหนิวโหย่วเต้าได้อย่างไร!
“เอ่อ…” ฝ่ายศิษย์เอ่ยอย่างลำบากใจอยู่บ้าง “ฉู่อันโหลวเถ้าแก่โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งกำลังเดินเล่นเป็นเพื่อนเขาขอรับ ถ้าจะเรียกเขามา เกรงว่าไม่ใคร่สะดวกนัก!”
เขายังไม่ทราบว่าทางสำนักมีความคิดอย่างไรต่อหนิวโหย่วเต้า
เกามู่หลานผงะไป “เจ้าว่าอะไรนะ? ฉู่อันโหลวเดินเล่นเป็นเพื่อนเขาอย่างนั้นหรือ? เดินเล่นที่ไหน?”
ศิษย์ตอบว่า “เดินอยู่ในหุบเขาหอหิมะเหมันต์ทางด้านนอกขอรับ ดูจากท่าทางแล้ว ฉู่อันโหลวดูเกรงใจเขาอย่างมากทีเดียวขอรับ”
เกามู่หลานลงจากตั่งอย่างรวดเร็ว ออกมานอกร้านค้า เรียกศิษย์มาชี้ทาง ศิษย์คนนั้นชี้เงาร่างคนผู้หนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
เมื่อเห็นเป้าหมายเลี้ยวขึ้นไปด้านบน เกามู่หลานก็ทะยานกายเหินขึ้นไปด้านบนทันที ยืนคอยอยู่ข้างทาง
ในที่สุดพวกหนิวโหย่วก็เดินมาถึง ยามที่เดินผ่านตรงนี้ไป นางมองเห็นฉู่อันโหลวชี้ไปที่ร้านค้าแห่งหนึ่งที่กำลังตอกลิ่มแกะสลักบานประตูดังติงๆ ตังๆ พลางอธิบายว่า “นี่คือร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ สำนักนิกายในโลกบำเพ็ญเพียรไปๆ มาๆ บานประตูของร้านค้าจำนวนไม่น้อยของที่นี่ที่ถูกเปลี่ยนอยู่บ่อยครั้ง…”
ศิษย์คนนั้นมาหยุดยืนอยู่ข้างกายเกามู่หลาน กระซิบว่า “สี่คนที่อยู่ด้านหลังทำการตรวจสอบแล้วขอรับ เป็นเฮยหมู่ตาน ต้วนหู่ อู๋ซานเหลี่ยงและเหลยจงคัง เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ฉู่อันโหลวก็ตรงกับรายละเอียดที่ได้รับแจ้งมา เป็นหนิวโหย่วเต้าไม่ผิดแน่ขอรับ!”
ในอดีตที่ผ่านมา สำหรับหลายๆ คนแล้ว พวกเฮยหมู่ตานเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักที่ไม่ควรค่าให้เหลือบแลเท่านั้น แต่ตอนนี้นับว่าได้เข้ามาอยู่ในสายตาของคนจำนวนมากแล้ว กลายเป็นเป้าหมายที่หลายๆ คนให้ความสนใจ
เกามู่หลานพูดไม่ออก ใช่ฉู่อันโหลวแสดงความเกรงใจหนิวโหย่วเต้าเสียที่ไหนล่ะ นี่เขากำลังรับหน้าที่นำเที่ยวด้วยตัวเองอยู่ชัดๆ!
หนิวโหย่วเต้าสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนเชียวนะ! หนิวโหย่วเต้ามีคดีแบบนี้ติดตัว คิดไม่ถึงว่าฉู่อันโหลวจะยังมาเดินเล่นกับหนิวโหย่วเต้าอย่างเปิดเผยเช่นนี้ ฉู่อันโหลวคิดอะไรอยู่? หอหิมะเหมันต์คิดอะไรอยู่? เหตุใดถึงรู้สึกว่ากำลังจงใจให้ข่าวแพร่ออกไปด้านนอกเล่า หนิวโหย่วเต้าเป็นคนที่ได้รับการปกป้องจากทางนี้อย่างนั้นหรือ!
สถานการณ์ดูเหมือนจะเกิดความเปลี่ยนแปลง เกามู่หลานไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการ รีบกลับเข้าไปในร้าน ส่งข่าวไปรายงานทางสำนักอย่างเร่งด่วน…
ภายในห้องสะอาดเอี่ยมไร้ฝุ่น พื้นปูหินหยกขาวนวล มีห้องอาบน้ำที่สามารถแช่น้ำพุร้อนได้ มีห้องหนังสือพร้อมอุปกรณ์เครื่องเขียนครบครัน ทั้งยังมีห้องรับแขกงามวิจิตรด้วย บนผนังแขวนภาพอักษร ของตกแต่งแต่ละอย่างล้วนเป็นของชั้นเลิศ ใส่ใจในทุกรายละเอียด
และเนื่องจากห้องพักนี้ตั้งอยู่ในส่วนหลังคาทรงโค้งที่อยู่เหนือขึ้นไปด้านบนโรงเตี๊ยม อยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าทั้งหุบเขา เมื่อเปิดหน้าต่างออกไปจะมองเห็นทิวทัศน์ภายในหุบเขาหอหิมะเหมันต์ เมื่อทอดตามองออกไปไกลๆ จะเห็นทิวเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะได้
เผยเหนียงจื่อที่ตรวจสอบดูทุกซอกทุกมุมในห้องลอบทอดถอนใจ ใช่ว่าในอดีตนางจะไม่เคยมาที่โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง แต่นางไม่ทราบจริงๆ ว่าภายในโรงเตี๊ยมจะมีห้องพักชั้นดีเช่นนี้อยู่ด้วย มิน่าเล่าถึงบอกว่าไม่เปิดให้บริการทั่วไป หากแต่ใช้สำหรับรับรองแขกคนสำคัญเท่านั้น ดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นเพราะเซวียนหยวนเต้าคนนั้น ตนถึงมีโอกาสได้มาเห็นห้องพักเช่นนี้
ชายหนุ่มตุ้งติ้งที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมา เมื่อเผยเหนียงจื่อหันกลับไปมองก็ตะลึงงัน กลับไปสวมชุดสตรีแล้วหรือ?
“คุณชาย ท่านไม่แต่งเป็นบุรุษแล้วหรือเจ้าคะ?” เผยเหนียงจื่อถามด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มตุ้งติ้งในชุดกระโปรงยาวสีชมพูเดินมานั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทำหน้ามุ่ยใส่กระจก “เถ้าแก่คนนั้นมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าข้าเป็นสตรี น่าเบื่อ ไม่แต่งแล้ว รีบช่วยข้าหวีผมเถอะ!”
เผยเหนียงจื่อพูดไม่ออก เจ้าเพิ่งรู้หรือ? นางเดินมาหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบหวีขึ้นมา ช่วยสางผมยาวสลวยให้ “คุณชายแต่งเป็นสตรีดูงามกว่านะเจ้าคะ”
ชายหนุ่มตุ้งติ้งเอ่ยว่า “เรียกคุณชายแล้วดูแปลกๆ ไม่ต้องเรียกแล้ว”
“เจ้าค่ะ คุณหนู” เผยเหนียงจื่อส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา
ชายหนุ่มตุ้งติ้งชี้ไปรอบๆ “เจ้าดูสิ เช่นนี้ต่างหากที่เรียกว่าโรงเตี๊ยม ที่พวกเราพักกันระหว่างทางนั่นเรียกโรงเตี๊ยมได้อย่างนั้นเหรอ ที่นี่ถึงแม้พื้นที่จะคับแคบ แต่การตกแต่งกลับโอ่อ่ากว่าในวังเสียอีก”
เผยเหนียงจื่อกล่าวว่า “อีกฝ่ายบอกไว้แล้วนี่เจ้าคะว่านี่เป็นสถานที่สำหรับรับรองแขกคนสำคัญ มิใช่ห้องที่ผู้ใดก็สามารถเข้ามาพักได้”
หลังจากทำผมเสร็จ ชายหนุ่มตุ้งติ้งลุกขึ้นหมุนตัว ท่วงท่าชดช้อย กระโปรงแผ่บานแล้วหุบลง นางยกกระโปรงขึ้นแล้วเอ่ยถาม “เป็นอย่างไรบ้าง ข้าสวยหรือเปล่า?”
เผยเหนียงจื่อวางหวีลง ตอบไปว่า “สวย คุณหนูสวยที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มตุ้งติ้งพลันมีท่าทางพึงพอใจ เอ่ยขึ้นว่า “ไปเถอะ พวกเจ้าไปเล่นกับเซวียนหยวนเต้าอะไรนั่นดีกว่า” กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไป
“ไปเล่นกับเขาหรือเจ้าคะ?” เผยเหนียงจื่อนึกว่าตนฟังผิดไป รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ สาวน้อยคนนี้สมองกลับไปแล้วหรือ? จึงรีบคว้าตัวนางไว้ เอ่ยไปว่า “คุณหนู ท่านแพ้เดิมพันมาหนึ่งตาแล้วนะเจ้าคะ หนึ่งล้านเหรียญทองเลยนะเจ้าคะ! กลับไปคงยากจะแก้ตัวได้”
“เฮ้อ เดี๋ยวเรื่องนี้ข้ารับผิดชอบเอง เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก เงินทองเป็นของนอกกาย พูดเรื่องเงินช่างหยาบคายนัก”
……………………………………………………..