ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 182 เต้าเหยี่ยให้มาเชิญ
ตอนที 182 เต้าเหยี่ยให้มาเชิญ
“หมายความอย่างไร?” หนิวโหย่วเต้าที่ประคองพู่กันเอาไว้แสดงสีหน้าแปลกใจ “ความหมายในวาจาเมื่อครู่ของเถ้าแก่เกามิใช่คาดหวังว่าขอให้สามารถขอผลตะวันชาดมารักษาอาการป่วยของผู้ว่าการมณฑลได้สำเร็จหรอกหรือ? หรือว่านี่มิใช่เจตนาของทางวังสวรรค์หมื่นวิมาน?”
เกามู่หลานพยักหน้าเอ่ยว่า “ทางวังสวรรค์หมื่นวิมานย่อมต้องหวังให้ผู้ว่าการมณฑลหายดีในเร็ววัน แต่สิ่งที่น้องหนิวทำอยู่นี้คืออะไร?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ในเมื่อคาดหวังให้ขอผลตะวันชาดมาได้ มิสู้แสดงความจริงใจออกมาโดยเขียนให้เป็นทางการดีกว่า เพื่อยืนยันคำพูดให้ประจักษ์”
ใบหน้าเกามู่หลานกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย จ้องมองพู่กันในมือเขา ไม่มีท่าทีว่าจะยื่นมือไปรับ ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “ความจริงใจเก็บไว้ในใจก็พอแล้ว ไยต้องเขียนออกมาด้วย?”
หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “เถ้าแก่เกาคงไม่ทราบ เรื่องที่ผู้น้อยได้ยินมาแตกต่างไปจากที่เถ้าแก่เกาพูด ผู้น้อยได้ยินว่าวังสวรรค์หมื่นวิมานเกรงว่าการร้องขอผลตะวันชาดจะนำพาความเดือดร้อนมาให้วังสวรรค์หมื่นวิมาน จึงส่งเถ้าแก่เกามาสังหารข้า!”
หัวใจเกามู่หลานเต้นตุบๆ ใครแพร่งพรายความลับออกไป?
หากเป็นเมื่อก่อน หนิวโหย่วเต้าจะพูดอะไรนางล้วนไม่มีทางสนใจ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายมีความสัมพันธ์อย่างไรกับหอหิมะเหมันต์ก็ยังไม่อาจทราบได้ นี่ทำให้นางรู้สึกหวั่นใจจริงๆ
นางรีบโบกมือ เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ไม่มีเรื่องเช่นนี้แน่นอน ผู้ใดกันที่เต้าข่าวสร้างเรื่องขึ้นมา?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ในเมื่อเป็นการเต้าข่าวสร้างเรื่อง แล้วไยเถ้าแก่เกาถึงต้องลังเลที่จะเขียนระบุเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย?”
เกามู่หลานไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร ไหนเลยจะยอมเขียนสิ่งที่จะกลายเป็นจุดอ่อนได้ง่ายๆ นางลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ “คนสะอาดไม่จำเป็นต้องมานั่งบอกว่าตัวเองสะอาด ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้า วางพู่กันในมือลง เอ่ยว่า “จะว่าไปแล้วมันก็ใช่ มิสู้ปฏิบัติจริงเลยดีกว่า ในเมื่อวังสวรรค์หมื่นวิมานเองก็หวังว่าจะขอผลตะวันชาดมาให้ได้ อย่างนั้นเรื่องที่จะขอผลตะวันชาดคงต้องรบกวนให้เถ้าแก่เกาเป็นคนไปเอ่ยปากคุยกับหอหิมะเหมันต์เสียแล้ว”
เกามู่หลานชะงักไป จากนั้นรีบเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจทำ แต่ใช่ว่าวังสวรรค์หมื่นวิมานจะไม่เคยร้องขอผลตะวันชาดจากหอหิมะเหมันต์มาก่อน ทว่าอีกฝ่ายไม่ยอมตอบตกลงเลย ต่อให้ข้าเอ่ยปากไปก็ไม่มีประโยชน์”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “บางทีครั้งนี้อาจจะต่างออกไปก็ได้ ข้าจะช่วยแนะนำเถ้าแก่เกาให้ เพื่อให้เถ้าแก่เกาได้เจรจา”
เกามู่หลานเอ่ยว่า “ข้าไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้ ต้องรายงานกลับไปให้ทางสำนักตัดสินใจ ขอตัวก่อน!” นางประสานมือ หันหลังเตรียมเดินออกไป
หนิวโหย่วเต้าเคาะนิ้วลงบนโต๊ะดัง ‘ก๊อกๆ’ สองที “ปล่อยท่านไปเพื่อให้ย้อนกลับมาสังหารข้าน่ะหรือ?”
เกามู่หลานพลันตกใจ ฝีเท้าหยุดชะงัก ก่อนจะหมุนตัวกลับมา “ข้าเคยบอกไปแล้ว ไม่มีเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด ต้องมีคนเต้าข่าวสร้างเรื่องแน่!”
หนิวโหย่วเต้ามองไปทางอู๋คง “เถ้าแก่อู๋ หากมีคนต้องการสังหารข้า ท่านจะยอมหรือไม่?”
อู๋คงที่รับชมอยู่ด้านข้างมึนงง ยามนี้สำนักหยกสวรรค์จับมือเป็นพันธมิตรกับวังสวรรค์หมื่นวิมาน ไหนเลยจะพูดจาส่งเดชได้ จึงยิ้มแห้งๆ แล้วกล่าวไปว่า “น้องหนิว เรื่องนี้อาจจะมีความเข้าใจผิดกัน หากเถ้าแก่เกาจะสังหารเจ้าคงไม่มีทางมาหาเจ้าที่โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งหรอก หรือว่ามิใช่?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยไปว่า “ท่านกำลังจะบอกว่ารอให้ข้าออกจากโรงเตี๊ยมก่อน นางค่อยลงมือใช่หรือไม่?”
“ไม่ๆๆ” อู๋คงรีบโบกมือปฏิเสธ พบว่าคนผู้นี้ค่อนข้างไร้เหตุผล “ความหมายของข้าคือ หากเถ้าแก่เกามีความคิดเช่นนี้จริง นางก็ไม่จำเป็นต้องถ่อมาหาเจ้าเลย”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เช่นนั้นท่านลองอธิบายมาหน่อย เหตุใดนางถึงเอาแต่ยึกยักไม่ยอมแสดงความบริสุทธ์ใจ?”
อู๋คงกำลังจะพูด แต่พอใคร่ครวญดูแล้วก็พบว่าตนไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปพัวพันด้วยเลย จึงถอนใจพลางกล่าวว่า “น้องหนิว เจ้าถามข้าเรื่องนี้ ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน แล้วจะให้ข้าตอบได้อย่างไร?”
เกามู่หลานเอ่ยขึ้นมา “น้องหนิว ข้าบอกไปแล้ว เอาไว้ให้ข้ารายงานทางสำนักแล้ว ข้าจะมาให้คำตอบเจ้าแน่นอน”
หนิวโหย่วเต้าปรายตามองอย่างเย็นชา “หากท่านไม่กลัวตายก็ลองออกไปดู รอดูเถิดว่าโรงเตี๊ยมนี้จะปล่อยให้คนที่ต้องการสังหารข้าจากไปหรือไม่!”
เกามู่หลานโมโหขึ้นมา “เจ้าอยากหาเรื่องย่อมอ้างเหตุเพื่อป้ายสีได้ทั้งนั้น หนิวโหย่วเต้า ข้าหวังดีมาเตือนให้เจ้าระวังตัวไว้ เจ้ากลับทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้ อย่าได้ข่มเหงผู้อื่นเกินไปนัก!”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “จะใช่การหาเรื่องป้ายสีหรือไม่ ในใจท่านย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด จะเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้หรือจะให้ข้าพาท่านไปขอผลตะวันชาดจากหอหิมะเหมันต์ ท่านเลือกเอาเองแล้วกัน แต่แน่นอน ท่านจะลองออกไปจากโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งดูก็ได้เช่นกัน!” เขายื่นมือไปหยิบพู่กันบนโต๊ะ ยื่นให้นางพลางรอคอย
เฮยหมู่ตานที่อยู่ด้านข้างลอบจุ๊ปาก ไม่กลัวจะล่วงเกินวังสวรรค์หมื่นวิมานเข้าหรือ?
อู๋คงยืนดูอย่างใจเย็นอยู่ด้านข้าง สถานการณ์ไม่แน่ชัด ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรไปก่อนดีกว่า เขาอยู่ที่นี่ในฐานะตัวแทนของสำนักหยกสวรรค์ ผลประโยชน์ของสำนักหยกสวรรค์สำคัญที่สุด ไม่จำเป็นต้องสร้างความเดือดร้อนให้สำนักหยกสวรรค์
ทรวงอกของเกามู่หลานกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ภายในใจอยากพุ่งเข้าไปกำจัดเขาทิ้งใจแทบขาด ทว่านางไม่กล้า เพราะหากนางทำเช่นนั้นจริง นางจะรอดชีวิตไปจากหอหิมะเหมันต์ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย เผลอๆ ยังจะชักนำเอาหายนะมาให้วังสวรรค์หมื่นวิมานด้วย อย่าเห็นว่าวังสวรรค์หมื่นวิมานเป็นสำนักใหญ่ที่เป็นที่ครั่นคร้ามไปทั่วแคว้นจ้าวแล้วจะนึกย่ามใจ หากว่าหอหิมะเหมันต์คิดทำลายล้างวังสวรรค์วิมานล่ะก็ เพียงแค่พูดออกมาประโยคเดียวก็จัดการได้แล้ว!
ทว่าหนิวโหย่วเต้าไม่ให้โอกาสนางได้เลือกมากนัก มีตัวเลือกเพียงสามข้อเท่านั้น จำเป็นต้องเลือกสักข้อ!
จะเดินออกไปเลยนางก็ไม่กล้า เรื่องโง่ๆ เช่นการเขียนทิ้งไว้เป็นลายลักษณ์อักษรนางก็ไม่มีทางทำ เมื่อลองคิดใคร่ครวญดูแล้ว นางก็คิดว่าต่อให้ตนตามเขาไปร้องขอผลตะวันชาดดูสักรอบก็ไม่น่าจะเป็นอะไร อย่างมากก็แค่เอ่ยปากขอร้องเล็กน้อย หากหอหิมะเหมันต์ไม่ตอบตกลงนางก็ไม่สามารถบังคับอะไรได้อยู่แล้ว “ตกลง! การขอยาให้ผู้ว่าการเซียวนับเป็นเรื่องที่สวมควร ข้าจะไปกับเจ้า ไปเรียกข้าที่ร้านได้ทุกเมื่อ ขอตัวก่อน!”
“จบเรื่องแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย!” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยลอยๆ เดินไปหยุดตรงหน้าชั้นที่วางกระบี่เอาไว้ หยิบกระบี่มาถือไว้ในมือ
เกามู่หลานที่ประสานมือคำนับหมายจะหันหลังเดินจากไปพลันตัวแข็งทื่อ เอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว “อย่างน้อยข้าก็ต้องกลับไปรายงานทางสำนักหน่อยหรือเปล่า?”
ชิ้ง! กระบี่ถูกชักออกจากฝัก แสงแดดจากด้านนอกหน้าต่างส่องกระทบใบหน้าเขา “อยู่ที่นี่ก็เหมือนกัน เดี๋ยวข้าให้คนไปเรียกคนที่ร้านของท่านมา มีเรื่องใดท่านก็สั่งให้คนอื่นไปจัดการแทนก็ได้”
“เจ้า…” เกามู่หลานกัดฟัน
อู๋คงประสานมือกล่าวว่า “น้องหนิว ทางข้าถ่ายทอดข้อความเรียบร้อยแล้ว ภายในร้านของข้ายังมีธุระต้องไปจัดการอยู่ ขอตัวก่อน”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ไม่ต้องรีบร้อนไป อยู่ด้วยกันเถอะ มีคนอยู่เป็นเพื่อนสักคนคงจะคลายความเหงาให้เถ้าแก่เกาได้”
สีหน้าอู๋คงคร่ำเคร่งทันที “น้องหนิว นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร? คิดจะกักบริเวณข้าอย่างนั้นหรือ?”
ฟุ่บ! กระบี่สอดกลับเข้าฝัก หนิวโหย่วเต้าโยนออกไป หยวนกังที่ยืนกอดอกอยู่ยื่นมือคว้าไว้ หนิวโหย่วเต้ายกมือไพล่หลังเอ่ยว่า “เถ้าแก่อู๋คิดมากไปแล้ว ข้ากับสำนักหยกสวรรค์ก็นับว่าคุ้นเคยกัน ไม่ยินดีจะอยู่เป็นพยานให้ข้ากับเถ้าแก่เกาหน่อยหรือ? หรือว่ามีชนักติดหลัง คิดจะทำร้ายข้าเช่นกัน?”
อู๋คงเอ่ยเสียงเข้ม “น้องหนิว วาจาไม่อาจกล่าวเหลวไหลได้ เที่ยวกัดคนไปทั่วมิใช่เรื่องดี! หากเจ้าต้องการให้ข้าเป็นพยาน ข้าย่อมตกลง ข้าอยู่ที่ร้านไม่มีทางหนีไปไหน มีธุระก็มาหาข้าได้ทุกเมื่อ”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ข้าจะแจ้งให้คนในร้านค้าสำนักหยกสวรรค์มาพบท่าน มีธุระอะไรก็สั่งลูกน้องไปจัดการได้ เฮยหมู่ตาน ห้องเจ้าว่างอยู่ เชิญทั้งสองท่านไปพักผ่อน!”
แข็งกร้าวจริงๆ! เด็ดขาด แล้วก็ไม่ไว้หน้าแม้แต่นิดเดียว
เฮยหมู่ตานค่อนข้างตกใจ นางมองออกว่านี่เป็นกลยุทธ์จิ้งจอกแอบอ้างบารมีพยัคฆ์ เพียงแต่มันไม่เลยเถิดไปหน่อยหรือ ล่วงเกินวังสวรรค์หมื่นวิมานแล้ว ซ้ำยังล่วงเกินสำนักหยกสวรรค์อีก นี่คิดจะทำอะไรกันแน่?
“ทั้งสองท่าน โปรดตามข้ามา” นางเดินไปตรงหน้าอู๋คงและเกามู่หลานพร้อมผายมือเชิญ
เถ้าแก่ร้านทั้งสองกล้าโกรธกล้าด่า แต่กลับไม่กล้าก่อเรื่องวุ่นวาย สถานการณ์บีบบังคับ จำต้องทำตามที่อีกฝ่ายว่า อู๋คงสะบัดแขนเสื้อพร้อมแค่นเสียงเหอะใส่คราหนึ่ง จากนั้นหันหลังเดินออกไป เกามู่หลานเดินตามไปด้วยสีหน้าตึงเครียด
หนิวโหย่วเต้าปรายตามองพลางเอ่ยเสริมอีกประโยคว่า “เถ้าแก่อู๋ หากปล่อยให้เถ้าแก่เกาหนีไปได้ ก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่ไว้หน้านะ!”
ทั้งสองหยุดชะงักเล็กน้อย ไม่ได้สนใจ เดินออกไป
หยวนกังเดินไปตรงหน้าชั้น วางกระบี่กลับคืนที่ หันหลังเดินไปหยุดอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้าที่ยืนมือไพล่หลังอยู่ริมหน้าต่าง มองดูเขา
หนิวโหย่วเต้าคล้ายกำลังพูดคุยกับตัวเองอยู่ “ความแตกแล้ว ถ้าได้ผลตะวันชาดมาอย่างไม่ชอบธรรม ถึงมีก็เหมือนไม่มี เอากลับไปแล้วไห่หรูเยวี่ยก็คงไม่กล้าใช้เช่นกัน”
หยวนกังถาม “กลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
เท่าที่เขาจำได้ ช่วงหลังๆ เต้าเหยี่ยไม่ค่อยลงมือ แต่ถ้าได้ลงมือก็แทบจะไม่มีทางผิดพลาดเลย
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “เจอยอดฝีมือเข้าแล้ว เป็นฝีมือของเซ่าผิงปอคนนั้น คิดไม่ถึงว่าจะจับทางฉันได้เร็วขนาดนี้ คนคนนี้รับมือยากกว่าที่ฉันคิดไว้ ฉันคิดไม่ออกว่าเขารู้ได้ยังไงว่าฉันจะมาขอผลตะวันชาดที่หอหิมะเหมันต์ คนคนนี้อันตรายมาก!”
หยวนกังพูดว่า “ผมจะไปมณฑลเป่ยโจว หาโอกาสกำจัดเขาทิ้ง”
หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “อันตรายเกินไป ข้างกายเขามียอดฝีมืออยู่หลายคน หาโอกาสลงมือได้ยาก”
หยวนกังถาม “คุณคิดจะจัดการยังไง?”
“นายไปสืบมาหน่อยว่าเป็นสำนักไหนที่หนุนหลังตระกูลเซ่าอยู่ ไปที่ร้านค้าของอีกฝ่ายแล้วแจ้งชื่อฉัน เชิญตัวเถ้าแก่ร้านมา แล้วก็สำนักเซียนสถิต สำนักคีรีพิลาส สำนักเมฆาล่องด้วย ไปเชิญมาให้ฉันทีเดียวเลย…” หนิวโหย่วเต้าสั่งการ
หลังจากทั้งสองหารือกันอยู่พักหนึ่ง หยวนกังก็ออกไปอย่างรวดเร็ว
หยวนกังที่เพิ่งก้าวพ้นประตูเผชิญหน้ากับเฮยหมู่ตาน เฮยหมู่ตานขวางเขาไว้ กระซิบถาม “เต้าเหยี่ยทำแบบนี้จะเป็นอะไรหรือเปล่า?”
สำหรับนางแล้ว วังสวรรค์หมื่นวิมานและสำนักหยกสวรรค์เป็นสำนักที่มีอิทธิพลอย่างมาก
“เต้าเหยี่ยรู้ดีว่าอะไรควรไม่ควร!” หยวนกังไม่คุยไร้สาระกับนาง กล่าวจบก็เดินไป เคาะประตูห้องเรียกเว่ยตัวออกไปด้วยกัน
เฮยหมู่ตานมองดูเขาเดินหายลงไปยังชั้นล่าง ปากขยับขมุบขมิบอยู่ครู่หนึ่ง สบถด่าแบบไร้สุ้มเสียง
….
ในโถงโรงเตี๊ยม หยวนกังเข้าไปสอบถามเสี่ยวเอ้ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เรียกตัวต้วนหู่ อู๋ซานเหลี่ยงและเหลยจงคังมา ก่อนจะออกจากโรงเตี๊ยมแล้วมุ่งหน้าไปยังร้านค้าของสำนักเขามหาญาณ
“ท่านลูกค้า ต้องการซื้อหรือต้องการขายสิ่งใดขอรับ?”
เมื่อทั้งห้าคนเข้าไปในร้านค้าของสำนักเขามหาญาณ พนักงานก็เข้ามาต้อนรับสอบถาม เพียงแต่น้ำเสียงที่สอบถามค่อยๆ เปลี่ยนไป สายตาเหลือบมองพวกต้วนหู่ที่อยู่ด้านหลังหยวนกังเป็นระยะ ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นคนเหล่านี้มาแล้ว
หยวนกังยื่นมือผลักพนักงานให้พ้นทาง สายตาจ้องมองคนที่อยู่ด้านหลังโต๊ะเก็บเงิน เดินเข้าไปพลางเอ่ยถาม “เถ้าแก่อยู่หรือไม่?”
เมื่อเห็นพฤติกรรมของหยวนกัง พวกต้วนหู่ที่อยู่ด้านหลังต่างเหงื่อตกเล็กน้อย สำนักที่สามารถให้การสนับสนุนมณฑลแห่งหนึ่งได้ไหนเลยจะใช่คนที่ล้อเล่นด้วยได้ แต่คนผู้นี้กลับปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจเลยจริงๆ
พนักงานคนนั้นอึกอักลังเล ทว่าไม่ได้ตอบโต้อะไร
คนที่อยู่หลังโต๊ะเก็บเงินลุกขึ้นมา เขาคือเหมยสือไคผู้เป็นเถ้าแก่ร้าน
เหมยสือไคกวาดตามองคราหนึ่ง สังเกตเห็นพวกต้วนหู่เช่นกัน เอ่ยถามเนิบๆ “ข้าคือเถ้าแก่ร้าน ทุกท่านมีธุระใดหรือ?”
หยวนกังกล่าวว่า “เต้าเหยี่ยให้มาเชิญ”
เหมยสือไคพอจะเดาได้แล้วว่า ‘เต้าเหยี่ย’ ที่เขาพูดถึงคือผู้ใด ถึงแม้เซ่าผิงปอจะไม่ให้คนของสำนักเขามหาญาณลงมือ แต่เมื่อทางสำนักเขามหาญาณทราบเรื่องย่อมต้องคอยจับตามองเอาไว้เช่นกัน
“ไม่ทราบว่าเป็นเต้าเหยี่ยไหนหรือ?” เหมยสือไคแสร้งถามทั้งๆ ที่รู้
“หนิวโหย่วเต้า!”
ยามที่ออกจากร้านค้าของสำนักเขามหาญาณ คนที่ติดตามหยวนกังหายไปคนหนึ่ง เหลยจงคังถูกทิ้งไว้ให้นำทางเหมยสือไค
คนที่เหลือตรงไปยังร้านค้าของสำนักเซียนสถิตต่อ
ทันทีที่เข้าไปในร้าน ศิษย์สำนักเซียนสถิตเข้ามาต้อนรับ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านลูกค้า…”
ผัวะ! หยวนกังพลันเหวี่ยงหมัดออกไป ชกเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายเต็มแรง
พละกำลังหนักหน่วงเป็นอย่างยิ่ง ศิษย์สำนักเซียนสถิตที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกชกจนกระเด็นลอยออกไป ‘พรูด!’ กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง เสียงกระดูกซี่โครงหักร้าวดังแว่วออกมา ตัวคนกระเด็นไปชนชั้นวางสินค้าล้มระเนระนาด
เว่ยตัวและพวกต้วนหู่ตกใจ นึกสงสัยว่าคนผู้นี้บ้าไปแล้วหรือเปล่า
เสียงโครมครามนี้ทำให้กลุ่มคนในร้านค้าของสำนักเซียนสถิตพากันพุ่งตัวออกมาด้วยความตกใจ ล้อมพวกเขาไว้ เซียวเถี่ยปรากฏตัวขึ้นแล้วตะคอกว่า “ผู้ใดกัน?”
หยวนกังยืนตระหง่านอยู่กับที่ เอ่ยอย่างเฉยเมย “เถ้าแก่ที่ดูแลร้านคือผู้ใด ตามพวกเราไปหน่อย เต้าเหยี่ยให้มาเชิญ!”
……………………………………………………