ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 213 กระพือข่าว
ตอนที่ 213 กระพือข่าว
ใบหน้าชุยหย่วนตึงเครียด เฝ้ามองทั้งสองจากไป ภายในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกจนปัญญา อีกฝ่ายเพียงกล่าวมาเป็นนัยๆ แต่ตนกลับจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
ก่อนจากไป หยวนฟางที่เดินตามหนิวโหย่วเต้าได้เหลียวมองเขาคราหนึ่ง หัวเราะฮี่ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากได้ติดตามเต้าเหยี่ย หยวนฟางก็ยิ่งพบว่าความคิดในอดีตของตนนั้นผิดพลาด แต่ก่อนเขาคิดว่าคนที่มีพลังสูงส่งล้ำลึกเหล่านั้นต่างหากถึงจะร้ายกาจที่สุด แต่ตอนนี้เขาค่อยๆ เข้าใจขึ้นมาแล้วว่าสิ่งที่ร้ายกาจที่สุดของมนุษย์หาใช่สภาวะไม่ หากแต่เป็นมันสมองของคนบางจำพวกที่สามารถทำลายคนอื่นได้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ที่นี่มีคนที่สภาวะสูงส่งกว่าเต้าเหยี่ยเป็นจำนวนมาก แต่ทุกคนกลับต้องเชื่อฟังคำสั่งของเต้าเหยี่ย
ตอนนี้เขาเองก็เข้าใจแล้วเช่นกันว่าเพราะเหตุใดเต้าเหยี่ยถึงต้องสังหารเซ่าผิงปอคนนั้นให้ได้ แล้วก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเซ่าผิงปอถึงไม่ยอมปล่อยผู้บำเพ็ญเพียรอย่างเต้าเหยี่ยไป
หลังจากเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว หากเขาเป็นเซ่าผิงปอ เขาก็คงไม่มีทางปล่อยเต้าเหยี่ยไปเช่นกัน มิเช่นนั้นคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ที่สำคัญกว่านั้นคือเขาพบว่าเต้าเหยี่ยยังมีบางสิ่งที่เก็บงำเอาไว้ไม่ยอมเปิดเผย นั่นก็คือความแข็งแกร่งด้านสภาวะของเต้าเหยี่ย
ตอนอยู่ที่วัดหนานซาน เขาเคยเห็นเต้าเหยี่ยลงมือมากับตาแล้ว น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!
ที่นอกเมืองไจซิงเขาก็เคยเห็นเต้าเหยี่ยลงมือเช่นกัน ดุดันห้าวหาญ แกร่งกล้าทรงพลัง เต้าเหยี่ยใช้แค่ไม่กี่กระบวนท่าก็สยบคนทั้งกลุ่มได้แล้ว
ความจริงแล้วเต้าเหยี่ยเชี่ยวชาญการต่อสู้ฆ่าฟัน แต่ตัวเต้าเหยี่ยกลับไม่นำออกมาใช้พร่ำเพรื่อ แม้แต่เขาที่คอยติดตามอยู่ข้างกายเต้าเหยี่ย พอผ่านไปนานวันเข้าก็ยังหลงลืมไปได้ง่ายๆ
เมื่อกลับมาที่กระท่อม เด็กหนุ่มกลุ่มหนึ่งบ้างก็หาบน้ำ บ้างก็ผ่าฟืนอยู่ที่เนินเขา หนิวโหย่วเต้าหยุดฝีเท้าเฝ้ามองดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้าลิงยังไม่กลับมาหรือ?”
หยวนฟางตอบว่า “ยังขอรับ ตอนนี้มีเพียงเด็กหนุ่มไม่กี่สิบคนนี้ที่ทยอยถูกส่งตัวกลับมา ฝากคำพูดมาว่าให้หางานให้พวกเขาทำ แต่ก็ต้องให้พวกเขาได้กินอาหารดีๆ อิ่มท้องด้วย บอกว่าต้องช่วยเสริมสร้างร่างกายให้พวกเขาขอรับ” ว่าแล้วก็เกาหัวที่ล้านเลี่ยนแกรกๆ พลางเอ่ยถาม “เต้าเหยี่ย นี่เจ้าลิงคิดจะทำอันใดหรือขอรับ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบเสียงราบเรียบ “ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ก็เหมือนวัดหนานซานของปีศาจอย่างเจ้านั่นแหละ อันที่จริงข้าอิจฉาพวกเจ้ายิ่งนัก”
“อิจฉาพวกข้าอย่างนั้นหรือขอรับ?” หยวนฟางมึนงง ไม่รู้ว่าวาจานี้หมายความว่าอย่างไร
หนิวโหย่วเต้าไม่ได้ให้คำตอบเขา หันหลังเดินจากไป
……
ณ จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว เซ่าผิงปอในชุดสีขาวผ้าคลุมดำสาวเท้าเดินออกมาจากในจวน กลุ่มคนที่เฝ้าอยู่สองฝั่งประตูทำความเคารพ
เขาปีนขึ้นหลังม้า ควบม้าไปตามถนน อยู่ท่ามกลางเหล่าผู้คุ้มกัน ดูแล้วสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง
บนท้องถนนไม่รู้ว่ามีสตรีมากน้อยเท่าไรที่บ้างก็จ้องมองเขาด้วยแววตาสดใสเป็นประกาย บ้างก็แอบชม้ายตาแอบมอง แล้วก็มีสาวน้อยบางคนที่แอบมองผ่านรอยแยกบานหน้าต่างพลางกัดริมฝีปากตัวเอง
หนุ่มแน่น หล่อเหลาองอาจ งามสง่าสูงศักดิ์ มากอำนาจบารมี รูปงามเพียบพร้อม ถือกำเนิดในตระกูลร่ำรวย ที่สำคัญที่สุดคือได้ยินว่ายังเป็นโสดไร้คู่ครอง บุรุษเช่นนี้ขอถามหน่อยเถิดว่าสตรีคนใดบ้างจะไม่ชมชอบ
ทุกครั้งที่เซ่าผิงปอปรากฏตัวขึ้นบนถนนในมหานคร ไม่รู้ว่าทำให้สตรีมากน้อยเท่าไรไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยง ไม่รู้เช่นกันว่ามีสตรีมากน้อยเท่าไรที่คิดหาทางได้ใกล้ชิดเขา บ้างก็คิดหาวิธีเรียกร้องความสนใจจากเขา
ทว่ากลับไม่มีผู้ใดทำให้เซ่าผิงปอหวั่นไหวได้เลย พูดให้ถูกคือเขามีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ ทะเยอทะยานใฝ่สูง แล้วก็ไม่ขาดแคลนสตรี ความคิดจิตใจก็ไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับเรื่องสตรีด้วยเช่นกัน
ยิ่งเขาไม่แต่งงาน ก็ยิ่งมีสตรีที่เฝ้าหมกมุ่นคะนึงถึงตัวเขา
แต่สตรีเหล่านั้นกลับไม่ทราบเลยว่าตนได้เห็นเพียงด้านที่สง่างามของเขาเท่านั้น ไหนเลยจะเคยเห็นด้านอื่นๆ ที่เขามานะทุ่มเท ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เหน็ดเหนื่อยไม่รู้จบ
เมื่อกลับมาถึงจวนท่องคลื่น กินอาหารเย็นเรียบร้อย ยามที่เดินเล่นภายในสวน เซ่าผิงปอเอ่ยถามประโยคหนึ่งว่า “ผู่อวิ๋นฟางไปมณฑลจินโจวนานแค่ไหนแล้ว?”
เซ่าซานเสิ่งที่เดินตามตอบว่า “กว่าครึ่งเดือนแล้วขอรับ”
เซ่าผิงปอถามต่อ “ทางไห่หรูเยวี่ยยังไม่มีความเคลื่อนไหวเลยหรือ?”
“จากข่าวที่ทางนั้นส่งกลับมา ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เลยขอรับ” เซ่าซานเสิ่งส่ายหน้า จากนั้นก็ลองสอบถามต่อว่า “จะให้เขาลองไปหาถึงที่ไหมขอรับ?”
เซ่าผิงปอกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น หากเสนอตัวไปหาเอง นั่นกลับจะแหวกหญ้าให้งูตื่นได้ง่ายๆ ท่าทีของไห่หรูเยวี่ยดูผิดปกติเป็นอย่างมาก ดูเหมือนผลตะวันชาดจะได้ผลไม่เลวทีเดียว”
ว่าแล้วก็หยุดเดิน หันไปมองเซ่าซานเสิ่ง เอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ได้ที่แล้ว รวบแหได้แล้ว ลงมือเลย!”
หนิวโหย่วเต้าคิดว่าตนอยู่ในที่ลับที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ส่วนเซ่าผิงปอก็อยู่ในที่แจ้ง
แต่ในมุมมองของเซ่าผิงปอ หนิวโหย่วเต้าอยู่ในที่แจ้ง ส่วนตัวเองก็อยู่ในที่ลับที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน เฝ้ารอโอกาสลงมือ
“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งพยักหน้ารับ
……
ณ ภูเขาหิมะ ฟ้าดินมืดมัวอึมครึม พายุหิมะพัดหวีดหวิว
ภายในเหลาสุราแห่งหนึ่ง ยามที่มีพายุหิมะตกหนักนับเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับจิบสุราอุ่นๆ สักกา
กลุ่มคนในโต๊ะหนึ่งกำลังคุยกันอยู่ว่าพายุหิมะจะหยุดตกลงตอนไหน จู่ๆ ชายเคราสั้นคนหนึ่งที่อยู่โต๊ะข้างๆ ยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางเอ่ยว่า “ถึงแม้พายุหิมะจะรุนแรง แต่กลับมีละครสนุกๆ ให้ชม”
คนในโต๊ะนี้ต่างหันไปมอง ใครคนหนึ่งเอ่ยถาม “สหายพูดจามีนัย ไม่ทราบว่ามีละครสนุกอันใดให้ชมหรือ?”
ชายเคราสั้นหันมาถาม “หรือสหายไม่ทราบเรื่องที่หิมะบนภูเขาด้านหลังลูกนั้นถล่มลงมาก่อนหน้านี้?”
คนถามร้องโอ้ขึ้นมา “ละครสนุกที่ว่ามันเกี่ยวข้องกับหิมะถล่มด้วยเหรอ?”
ชายเคราสั้นกล่าวว่า “สหายไม่ทราบหรือว่าบนเขาลูกนั้นมีสิ่งใด?”
มีคนด้านข้างเอ่ยสอดว่า “หมายถึงผลตะวันชาดหรือ?”
คนสองคนซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะตรงมุมห้องหันมองมาทางนี้พร้อมกัน จากนั้นหันกลับไปสบตากันคราหนึ่ง ก่อนจะหันมองมาทางนี้อีกครั้ง
ชายเคราสั้นเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เรื่องอุกกาบาตที่ตกลงมานั้นค่อนข้างน่าประหลาด บังเอิญตกลงมาในตำแหน่งของต้นตะวันชาดพอดี ได้ยินว่าช่วงก่อนหน้านี้ที่มณฑลจินโจวของแคว้นจ้าวก็เคยมีอุกกาบาตตกลงมาเช่นกัน แต่ว่าผู้ว่าการมณฑลจินโจวป่วยด้วยโรคประหลาด จำเป็นต้องใช้ผลตะวันชาดในการรักษา แล้วบังเอิญว่าช่วงก่อนหิมะถล่ม คนที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับทางมณฑลจินโจวคนหนึ่งได้เดินทางมายังหอหิมะเหมันต์ จากนั้นทางหอหิมะเหมันต์ก็เกิดเหตุหิมะถล่มเนื่องจากอุกกาบาตขึ้น เรื่องนี้ดูแล้วน่าสนุก หรือนี่ยังไม่เรียกว่ามีละครสนุกให้ชมอีก?”
เมื่อเขากล่าวมาเช่นนี้ บางคนก็เริ่มใช้ความคิด บางคนก็เริ่มกระซิบกระซาบสอบถามอะไรกัน
แขกโต๊ะข้างๆ ถามด้วยความสงสัย “สหาย คนที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับทางมณฑลจินโจวที่เดินทางมายังหอหิมะเหมันต์คือผู้ใด?”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา พวกเราแค่รอดูเรื่องครื้นเครงก็พอ พูดมากไปจะเสียหายเอา ไยพวกเราต้องหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวด้วยเล่า” ชายเคราสั้นยิ้มอย่างถ่อมตัวและมีลับลมคมใน จากนั้นลุกขึ้นยืน โยนเงินทิ้งไว้แล้วเดินออกไป
แขกสองคนที่นั่งอยู่ตรงมุมลุกตาม เดินตามออกไปอย่างเงียบๆ
ชายเคราสั้นที่ออกมาจากเหลาสุราพลันเร่งฝีเท้า รีบออกจากหุบเขาไปอย่างรวดเร็ว
ปล่อยข่าวลือออกไปแล้ว ทำตามที่เบื้องบนสั่งการไว้ หลังปล่อยข่าวแล้วให้จากไปทันที
ทว่าเพิ่งทะยานฝ่าพายุหิมะไปได้ไม่นานนัก ก็มีเงาร่างสองสายโฉบผ่านด้านซ้ายและด้านขวาไปอย่างรวดเร็ว ร่อนลงบนพื้น ยืนขวางอยู่เบื้องหน้าเขา จ้องมองเขาด้วยสายตาเยียบเย็นอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ
ชายเคราสั้นตกใจ หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว แต่ก็พบว่าด้านหลังมีคนเหินทะยานเข้ามาอีกสองคน สกัดทางหนีของเขาเอาไว้
การต่อสู้อันดุเดือดท่ามกลางหิมะเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวก็สิ้นสุดลง ภายใต้การกลุ้มรุมโจมตีของคนทั้งสี่ ชายเคราสั้นเสียแขนไปข้างหนึ่ง ล้มลงบนพื้นหิมะ มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกไว้ กระอักเลือดออกมา
คนผู้หนึ่งทะยานเข้ามา เตะเขาลอยไปหาอีกคนหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้าม อีกฝ่ายจับตัวชายเคราสั้นไว้ ลงมือผนึกเขาอย่างรวดเร็ว
ถุงผ้าสีดำใบหนึ่งถูกสวมครอบร่างชายเคราสั้น
ทั้งสี่แบกชายเคราสั้นจากไปอย่างรวดเร็ว ฝ่าพายุหิมะกลับไปที่หุบเขา ตรงไปยังร้านค้าของสำนักเซียนสถิต
เถ้าแก่เซียวเถี่ยที่อยู่หลังโต๊ะเก็บเงินลุกขึ้นมา ขมวดคิ้วมองถุงผ้าสีดำที่ทั้งสี่แบกเข้ามา เห็นได้ชัดว่าด้านในบรรจุคนผู้หนึ่งเอาไว้
เซียวเถี่ยถามเสียงขรึม “นี่มันอะไรกัน?”
หนึ่งในสี่คนนั้นตอบว่า “อาจารย์อา ทางสำนักคาดการณ์ได้แม่นยำ กล่าวไว้ไม่ผิดเลย มีคนนำเรื่องผลตะวันชาดมากล่าวอ้างก่อเรื่องขึ้นที่นี่จริงๆ ด้วยขอรับ พวกข้าจึงจัดการตามคำสั่ง จับตัวมาได้คนหนึ่งขอรับ”
เซียวเถี่ยเดินออกมาจากหลังโต๊ะเก็บเงินทันที ดึงถุงผ้าสีดำออกด้วยตัวเอง เผยให้เห็นชายเคราสั้นที่หายใจรวยริน เมื่อพินิจดูอย่างละเอียด พบว่าไม่รู้จักอีกฝ่าย
ในเวลานี้เอง มีศิษย์สำนักเซียนสถิตอีกหลายคนเดินเข้ามาจากด้านนอก แบกถุงผ้าสีดำใบหนึ่งเข้ามาเช่นกัน
คนที่มาถึงก่อนร้องเห้ยขึ้นมา “ดูเหมือนจะจับได้อีกคนแล้ว”
เซียวเถี่ยเดินเข้าไปดึงถุงผ้าสีดำออกแล้วพินิจดูอีกครั้ง ยังคงไม่รู้จักอยู่ดี เขาโบกมือไปทางโถงด้านหลัง เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น “แยกกันไต่สวน ง้างปากพวกเขาให้ได้”
เหล่าศิษย์จึงหิ้วตัวผู้บาดเจ็บทั้งสองเข้าไปในด้านในทันที
…..
ที่หอหิมะเหมันต์ แม้พายุหิมะจะรุนแรง แต่เมื่อเกล็ดหิมะร่วงสู่พื้นกลับหลอมละลายทันที ไม่มีหิมะกองทับถม
ฉู่อันโหลวเร่งเดินเข้ามา เข้าไปในศาลาหลังหนึ่ง ประสานมือเอ่ยรายงานหานปิงที่ละเลียดน้ำชาอยู่ “ท่านแม่บ้านขอรับ”
หานปิงถามด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “พบต้นตอของข่าวหรือยัง?”
ตอนนี้ทั่วทุกแห่งในหอหิมะเหมันต์ล้วนกำลังพูดถึงเรื่องหิมะถล่มและผลตะวันชาด ที่นี่ย่อมต้องได้ข่าวมาเช่นกัน
ฉู่อันโหลวตอบว่า “จับตัวคนบางส่วนมาแล้วขอรับ ต่างบอกว่าได้ยินข่าวลือมา คนที่แพร่ข่าวน่าจะหลบหนีไปทันทีหลังกระจายข่าวเสร็จ เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดีขอรับ”
หน้าที่ของเขาคือรับผิดชอบโรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้ง นั่นเท่ากับว่าต้องรับผิดชอบเรื่องจิปาถะในหุบเขาด้วย
หานปิงยิ้มออกมา “โหมกระพือข่าว ดูเหมือนว่ามีคนคิดจะก่อเรื่อง ใจกล้าไม่เบาเลย! เจ้าคิดว่าเรื่องนี้พุ่งเป้าไปที่ผู้ใด?”
ฉู่อันโหลวเอ่ยเบาๆ “หากวิเคราะห์จากข่าวลือที่แพร่กระจายออกมาแล้ว ถ้าไม่พุ่งเป้าไปที่มณฑลจินโจว ก็คงพุ่งเป้าไปที่…หนิวโหย่วเต้าขอรับ”
“ข่าวลืออย่างนั้นหรือ?” หานปิงแค่นเสียงเหอะแล้วกล่าวพึมพำกับตัวเอง “ไม่มีไฟไหนเลยจะเกิดควัน เหตุใดข้าฟังแล้วกลับรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่หลายส่วน? เจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นฝีมือของมณฑลจินโจวหรือไม่ก็หนิวโหย่วเต้า?”
ฉู่อันโหลวพลันตกใจ เอ่ยถามว่า “ท่านแม่บ้าน หรือว่าจะเกิดเรื่องกับผลตะวันชาดจริงๆ ขอรับ?”
เขายังคงไม่ทราบถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนยอดเขา เขารับผิดชอบดูแลโรงเตี๊ยมและเรื่องราวในหุบเขา เรื่องที่ภูเขาด้านหลังไม่เกี่ยวข้องกับเขา ตอนเกิดเหตุหิมะถล่มก็ไม่ได้ถูกเรียกตัวไป จึงไม่ได้มีส่วนร่วมอะไร ข่าวเรื่องต้นตะวันชาดถูกปิดเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่ทราบเรื่องอะไรเลย
หานปิงพยักหน้าเล็กน้อย
ฉู่อันโหลวพลันสาปแช่งโคตรเหง้าของหนิวโหย่วเต้าอยู่ในใจ นึกเสียใจว่าไม่ควรรับเงินนั้นเลย ตอนที่รับเงินมานึกว่าเรื่องราวล้วนอยู่ในการควบคุมของตน นึกว่าหนิวโหย่วเต้าที่อยู่ในการควบคุมของตนไม่อาจสร้างปัญหาอะไรได้ ไม่มีทางเกิดเรื่องอันใดขึ้นได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะพัวพันมาถึงเรื่องแบบนี้ได้
“หนิวโหย่วเต้ากับมณฑลจินโจวคงไม่ใจกล้าขนาดนั้นกระมังขอรับ?” ฉู่อันโหลวกล่าวตอบด้วยความลังเล ทว่าในใจกลับไม่มีความมั่นใจเลย ไอ้เดรัจฉานตัวนั้นใจกล้ายิ่งนัก กล้าหาประโยชน์จากหอหิมะเหมันต์ต่อหน้าเขามาแล้ว แล้วยังจะมีเรื่องใดที่ไม่กล้าทำอีก เผลอๆ อาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็ได้
ภายในใจเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ อยากจะตบปากตัวเองสักทีสองทียิ่งนัก จนปัญญาที่นึกเสียใจไปก็ไม่ประโยชน์ หากเป็นฝีมือของหนิวโหย่วเต้าจริงๆ อีกฝ่ายได้วางแผนมานานแล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่กลัวว่าเขาจะหุนหันทำอะไร มีความเป็นได้สูงว่าจะมีแผนอะไรสำรองเอาไว้อยู่ หากเขากล้าทำอะไรวุ่นวายล่ะก็ อีกฝ่ายจะต้องลากเขาเข้าไปพัวพันด้วยแน่
หานปิงเอ่ยเนิบๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ไร้ลมย่อมไม่เกิดคลื่น ดูเหมือนข้าจะต้องไปเยือนมณฑลจินโจวด้วยตัวเองสักครั้งแล้ว”
แม่งเอ่ย! ภายนอกฉู่อันโหลวคล้อยตามอย่างเชื่อฟัง ทว่าในใจกลับก่นด่าหนิวโหย่วเต้าอย่างดุเดือด
แล้วก็ได้แต่แอบภาวนา หวังว่าจะไม่ใช่ผีมือของไอ้สารเลวผู้นั้น มิเช่นนั้นตัวเองคงต้องมีปัญหาหนักแน่
……
ณ จังหวัดชิงซาน ตะวันทอแสงเจิดจ้า เฮยหมู่ตานยืนอยู่หน้าประตูกระท่อมเอ่ยรายงานว่า “เต้าเหยี่ย เจ้าสำนักเฟ่ยมาเจ้าค่ะ”
หนิวโหย่วเต้าที่นั่งสมาธิอยู่ในห้องค่อยๆ เก็บลมปราณ ลืมตาขึ้นมา หย่อนขาสองข้างลงมาจากเตียง
………………………………………………………..