ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 256 ล้วนเพ่งเล็ง
ตอนที่ 256 ล้วนเพ่งเล็ง
หนิวโหย่วเต้าจ้องมองแผนที่บนโต๊ะแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “นอกจากม้าศึกแล้วข้าก็คิดไม่ออกว่าจะมีสิ่งใดที่ควรค่าพอให้เขาเสี่ยงอันตรายไปทำอะไรลับๆ ล่อๆ เช่นนี้ในแคว้นหาน”
เฮยหมู่ตานถาม “จากแคว้นฉีหรือเจ้าคะ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าว “เมื่อสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง ปัญหาใหญ่ที่ทุกคนต้องเผชิญก็ย่อมไม่ต่างกันมากนัก ส่วนใหญ่แล้วก็ไม่มีทางเลือกอันใดมากนัก ม้าศึกในสองจังหวัดของท่านอ๋องก็ยังต้องการจากทางแคว้นฉีเลย มณฑลเป่ยโจวมีพื้นที่ใหญ่โตขนาดนั้น หากต้องการม้าศึกก็ไม่มีตัวเลือกอื่นใดแล้ว”
“เส้นทางนี้แทบจะตัดผ่านทั่วทั้งแคว้นหานแล้ว มณฑลเป่ยโจวใจกล้าจริงๆ!” เฮยหมู่ตานจ้องมองแผนที่พลางร้องจุ๊ๆ ออกมา
“หากไม่ใจกล้าจะสามารถฮุบกลืนมณฑลเป่ยโจวได้หรือ?” นิ้วของหนิวโหย่วเต้าเคาะลงในตำแหน่งมณฑลเป่ยโจว เอ่ยยิ้มๆ “นี่คือคนที่กล้าต่อกรกับแคว้นหานและแคว้นเยี่ยน สำหรับเขาแล้ว การหยิบยืมเส้นทางน้ำของแคว้นหานมาใช้ไม่นับเป็นอันใดได้เลย เส้นทางน้ำสายนี้ก็ใช่ว่าจะซื้อความสะดวกได้ในระยะเวลาสั้นๆ อีกทั้งไม่กล้าให้แคว้นหานรับรู้ มีแต่จะต้องแอบจัดการอย่างเงียบๆ คาดว่าคงลงแรงไปกับเส้นทางน้ำสายนี้ไว้นานแล้ว พูดอีกอย่างก็คืออีกฝ่ายวางแผนไว้นานแล้ว ไม่เคยกลัวแคว้นหานมาตั้งแต่แรกแล้ว ข้ามหน้าข้ามตาแคว้นหานประหนึ่งว่าแคว้นหานไร้ซึ่งผู้คนอย่างไรอย่างนั้น!”
เฮยหมู่ตานเงยหน้าถาม “เช่นนี้แล้ว แสดงว่าสำนักเขามหายานมีความมั่นใจว่าจะนำเข้าม้าศึกจากแคว้นฉีได้หรือเจ้าคะ?”
“เกรงว่าจะไม่ได้มีแค่สำนักเขามหายานน่ะสิ เบื้องหลังเขาอาจจะมีกลุ่มอิทธิพลที่ใหญ่กว่าและลึกลับกว่าอยู่…” หนิวโหย่วเต้าหรี่ตาลงพลางเอ่ยกับตัวเอง
ที่เขาวิเคราะห์มาเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลอยู่ ตอนเกิดเรื่องลู่เซิ่งจง เฉินกุยซั่วรีบส่งข้อความมาอย่างเร่งด่วน ภายหลังพอสบโอกาสว่างถึงได้รายงานกลับมาอย่างละเอียดอีกครั้ง
เฉินกุยซั่วแจ้งมาอย่างชัดเจนว่าเห็นคนลึกลับกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายเซ่าผิงปอ ลู่เซิ่งจงไม่ได้พลาดท่าติดกับง่ายๆ แต่เป็นเพราะคนลึกลับกลุ่มนี้ปรากฏตัวขึ้น ถึงทำให้ลู่เซิ่งจงถูกจับกุมอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย ลำพังสัตว์ปีกพาหนะสามตัวก็ทำให้หนิวโหย่วเต้าแอบรู้สึกตกใจแล้ว
ราคาของสัตว์ปีกพาหนะนั้นไม่ใช่ถูกๆ เลย หนึ่งตัวอย่างต่ำๆ ก็ต้องเป็นสิบล้านเหรียญทอง สำนักเขามหายานซื้อของสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ไม่ไหว
กลุ่มอิทธิพลที่สามารถใช้สัตว์ปีกพาหนะได้ นอกจากราชวงศ์แคว้นต่างๆ แล้ว ส่วนใหญ่ก็มีเพียงกลุ่มอิทธิพลในโลกบำเพ็ญเพียรที่มีตำแหน่งและมีคุณสมบัติออกความเห็นใน ‘หอเลือนสลัว’ เท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่ได้มีสัตว์ปีกพาหนะแค่ตัวเดียว หากแต่โผล่มาทีเดียวถึงสามตัว!
หลังจากเรื่องในครั้งนั้น เขาก็ตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งแล้วว่าเบื้องหลังเซ่าผิงปอคนนั้นยังมีกลุ่มอิทธิพลที่ลึกลับเกินหยั่งได้แอบซ่อนตัวอยู่
เฮยหมู่ตานแปลกใจ “เต้าเหยี่ย ท่านจะบอกว่าเบื้องหลังเซ่าผิงปอยังมีกลุ่มอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่กว่าสำนักเขามหายานอยู่อีกหรือเจ้าคะ? ไม่น่าจะเป็นไปได้หรือเปล่าเจ้าคะ หากเป็นอย่างที่ว่าจริง เหตุใดถึงไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวอะไรในเป่ยโจวเลย ไหนเลยจะปล่อยให้สำนักเขามหายานครอบครองผลประโยชน์บนมณฑลเป่ยโจวเพียงลำพังได้? หากเบื้องหลังเซ่าผิงปอมีกลุ่มอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นอยู่จริงๆ เต้าเหยี่ยเป็นศัตรูกับเขา กลุ่มอิทธิพลนั้นไหนเลยจะนิ่งดูดายได้?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเบาๆ “ดังนั้นข้าถึงได้บอกไงว่ากลุ่มอิทธิพลนี้ลึกลับเป็นอย่างมาก คล้ายจะไม่กล้าเผยตัวออกมา เอาเป็นว่ากลุ่มอิทธิพลนี้มีตัวตนอยู่อย่างแน่นอน แต่ข้อมูลที่ข้ามีอยู่ตอนนี้ยังน้อยเกินไป เพียงรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มอิทธิพลนี้กับเซ่าผิงปออออกจะแปลกๆ ก็เหมือนอย่างที่เจ้าว่ามา ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร”
เรื่องการมีอยู่ของกลุ่มอิทธิพลลึกลับนี้ เฮยหมู่ตานไม่รู้ว่าเขารู้ได้อย่างไร อดไม่ได้ที่จะมองดูจดหมายในมือเขาเล็กน้อย ไม่รู้ข่าวที่ว่านั้นจะมาจากคนเดียวกับที่อยู่เบื้องหลังจดหมายลับฉบับนี้หรือเปล่า
นางรู้สึกสงสัยในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้าจัดวางสายลับที่อันตรายเช่นนี่ไปอยู่ข้างกายเซ่าผิงปอตั้งแต่เมื่อไร สายลับคนนี้เรียกว่าแทรกซึมอยู่ในจุดสำคัญของเซ่าผิงปอก็ว่าได้
เหตุผลที่กล่าวเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เซ่าผิงปอจะต้องเก็บเรื่องลักลอบใช้เส้นทางน้ำในแคว้นหานไว้เป็นความลับสุดยอดอย่างแน่นอน หากมิใช่คนที่เซ่าผิงปอไว้วางใจล่ะก็ เขาก็ไม่มีทางส่งไปตรวจสอบเส้นทางน้ำสายนี้ได้ การที่สายลับผู้นั้นสามารถเข้าใกล้กลุ่มอิทธิพลลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเซ่าผิงปอได้ก็ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลดี
แล้วก็เป็นเพราะเหตุนี้ จู่ๆ เฮยหมู่ตานพลันรู้สึกยินดีขึ้นมา เต้าเหยี่ยเห็นนางเป็นคนกันเองแล้วจริงๆ มิเช่นนั้นไม่มีทางปล่อยให้ตนได้ทราบถึงการมีอยู่ของสายลับที่ลึกลับคนนี้แน่นอน
พริบตานั้นเอง เฮยหมู่ตานพลันอารมณ์ดีขึ้นมา!
หนิวโหย่วเต้ากล่าวต่อว่า “คนอย่างเซ่าผิงปอ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ข้าได้เจอหน้าพูดคุยกับเขา ข้าก็รู้ดีว่าเขาเป็นคนเช่นไร ต้องมิใช่คนธรรมดาแน่นอน ไม่ว่ากลุ่มอิทธิพลนั้นจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ลึกลับแค่ไหน เซ่าผิงปอก็ไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายบงการตามใจชอบแน่นอน ช้าเร็วทั้งสองฝ่ายจะต้องปะทะกันแน่!”
จู่ๆ เฮยหมู่ตานพลันหลุดขำดัง ‘พรืด’ ออกมา
หนิวโหย่วเต้างุนงง อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยไปว่า “ดูเหมือนเจ้าจะอารมณ์ดีเชียวนะ”
เฮยหมู่ตานยักคิ้วหลิ่วตาให้เขา “ข้าดีใจต่างหากล่ะเจ้าค่ะ สายลับที่อยู่ข้างกายเซ่าผิงปอเป็นใครหรือเจ้าคะ? ท่านวางใจได้ ถึงตีให้ตายข้าก็ไม่พูดออกไปแน่นอน!”
ในที่สุดหนิวโหย่วเต้าก็เข้าใจแล้วว่านางดีใจอะไร เขาเปลี่ยนประเด็นไปว่า “แค่นี้ก็ทำให้เจ้าหัวเราะได้แล้วหรือ?”
เฮยหมู่ตานมองหยามคราหนึ่ง เวลาที่ไม่มีคนนอกอยู่ สตรีนางนี้จะเหิมเกริมกับหนิวโหย่วเต้าเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่นหยอกล้อสองแง่สองง่าม นี่ก็คือข้อได้เปรียบของสตรี หากมีบุรุษมาหยักคิ้วหลิ่วตาเช่นนี้ใส่หนิวโหย่วเต้า เกรงว่าคงถูกตีตายไปแล้ว
เมื่อเห็นเขาไม่พูด เฮยหมู่ตานก็ไม่จี้ถามอีก ทราบว่าเรื่องบางอย่างเปิดเผยไม่ได้ นางถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ข้าเพียงแค่รู้สึกทอดถอนใจเจ้าค่ะ ท่านกับเซ่าผิงปอเป็นศัตรูกันมิใช่หรือ แต่เมื่อครู่พอได้ยินท่านกล่าวมาเช่นนี้ ข้ากลับเกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งขึ้นมา”
นางคือคนที่เคยมีส่วนร่วมในการเผยแพร่เพลงกล่อมเด็กเพลงนั้น ทราบถึงปมบาดหมางระหว่างหนิวโหย่วเต้าและเซ่าผิงปอ ส่วนเรื่องหอหิมะเหมันต์ไม่ขอเอ่ยถึงแล้ว นางรู้ดีว่าทั้งสองเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน
หนิวโหย่วเต้าสงสัย “รู้สึกอย่างไร?”
เฮยหมู่ตานถอนหายใจดังเฮ้อ “ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าศัตรูคู่อาฆาตอย่างพวกท่านทั้งสองล้วนเพ่งเล็งกลุ่มอิทธิพลลึกลับกลุ่มนั้นแล้ว คล้ายว่าต่างรู้สึกขวางหูขวางตา!”
หนิวโหย่วเต้าเองก็ยิ้มขึ้นมา “อย่างนั้นหรือ?”
เฮยหมู่ตานพยักหน้า “ทางเซ่าผิงปอข้าไม่ทราบ แต่ท่านน่ะรู้สึกขวางหูขวางตากลุ่มอิทธิพลลึกลับกลุ่มนั้นแล้วแน่นอนเจ้าค่ะ!”
“ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรเลย ไม่มีเรื่องขวางหูขวางตาอะไรทั้งนั้น ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้ช่วยเซ่าผิงปอมาเล่นงานข้าอย่างเปิดเผย แสดงว่าจะต้องกังวลอะไรอยู่แน่ โอกาสที่ในอนาคตจะเล่นงานข้าอย่างเปิดเผยก็มีไม่มากเช่นกัน” หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า สายตามองไปยังแผนที่อีกครั้ง “ด้วยอิทธิพลของสำนักเขามหายานจะทำให้สามารถนำเข้าม้าศึกจากแคว้นฉีได้ง่ายดายปานนั้นหรือ? ข้าเพียงแค่กังวลว่ากลุ่มอิทธิพลลึกลับกลุ่มนั้นจะยื่นมือช่วยเหลือเซ่าผิงปอมากกว่า!”
เฮยหมู่ตานเอ่ยว่า “แบบนี้ก็ง่ายสิเจ้าคะ แคว้นหานจะต้องตั้งด่านสกัดไม่ให้ศัตรูจากภายนอกรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ใจกลางของตนแน่ ดังนั้นในตำแหน่งสำคัญๆ ของเส้นทางน้ำจะต้องมีการตั้งด่านตรวจสอบอยู่อย่างแน่นอน แล้วก็ต้องมีทหารคอยประจำการณ์อยู่แน่ หากต้องการสกัดเซ่าผิงปอก็ทำได้ง่ายมาก ขอเพียงเผยข่าวให้ทางราชสำนักแคว้นหานทราบ นี่จะต้องสร้างความเสียหายให้แก่มณฑลเป่ยโจวได้อย่างมากแน่นอนเจ้าค่ะ! ข้าไม่เชื่อหรอกว่ากลุ่มอิทธิพลลึกลับนั่นจะสามารถทำให้แคว้นหานนิ่งเฉยต่อเรื่องนี้ได้ เพราะหากพวกเขามีความสามารถเช่นนั้นจริง แบบนั้นก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำตัวลึกลับอันใดแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
หนิวโหย่วเต้านิ่งเงียบไปเล็กน้อย อันที่จริงตอนแรกเขาก็คิดแบบนี้ ทว่าก็ถูกตัวเขาปัดตกความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว เพราะหากทำแบบนั้น มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวตนของเฉินกุยซั่วจะถูกเปิดเผย!
ในใจเขาทราบดี ในแง่หนึ่งแล้ว เขาและเซ่าผิงปอล้วนเป็นคนประเภทเดียวกัน
ยามที่คนสองคนเผชิญกับปัญหา ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้คนสองคนแตกต่างกันมากที่สุดก็คือตรรกะและแนวคิดที่มีต่อปัญหา บางคนขบคิดเกี่ยวกับปัญหาไปทีละจุด บางคนใช้วิธีคิดแบบเป็นแผนผัง แต่เขาและเซ่าผิงปอต่างมีตรรกะแนวคิดแบบเชื่อมโยงเป็นตาข่ายใยแมงมุม หากมีแมลงเล็กๆ มาสัมผัสเพียงเล็กน้อย ก็จะมีการตอบสนองทันที
ตอนเกิดเรื่องลู่เซิงจง ทางเว่ยตัวตัดขาดเครือข่ายได้ทันเวลา ไม่ปล่อยให้เซ่าผิงปอจับได้ รอบนี้หากทำให้เรื่องเส้นทางน้ำเปิดเผยออกไปอีก เกรงว่าเซ่าผิงปอคงจะรู้ตัวเป้าหมายที่ทรยศหักหลังได้ทันที ต่อให้มีคนที่เกี่ยวข้องมากแค่ไหน ต่อให้มีคนที่อาจจะเปิดเผยความลับอยู่มากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถปกปิดไว้ได้อีก หนิวโหย่วเต้าเชื่อว่าเซ่าผิงปอมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นอยู่
เมื่อคิดถึงว่าไม่ง่ายเลยกว่าจะจัดวางสายลับไว้ข้างกายเซ่าผิงปอได้ คนประเภทนี้มีความระแวดระวังสูงเป็นอย่างมาก ความสามารถในการคิดวิเคราะห์เองก็ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง จะเรียกว่าน่าหวาดกลัวก็ได้ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าเหตุใดตอนนั้นเซ่าผิงปอถึงวิเคราะห์ได้อย่างรวดเร็วว่าเขาจะไปขอผลตะวันชาดจากหอหิมะเหมันต์
เรียกได้ว่าความอับอายที่ได้รับจากฉู่อันโหลวตอนอยู่ที่โรงเตี๊ยมเลื่อมรุ้งนั้นเป็นผลงานของเซ่าผิงปอ!
เขาอยู่เงียบๆ เป็นเวลานาน วางแผนอย่างรอบคอบเพื่อโจมตีกลับไป ใครจะไปรู้ว่าเซ่าผิงปอกลับใช้วิธีเหนือความคาดหมาย สังหารพวกอนุหร่วนทิ้งเพื่อหลบเลี่ยงภัย!
การต่อกรกับคนประเภทนี้ เขารู้ดีว่าโอกาสที่จะส่งตัวคนแบบเฉินกุยซั่วไปเป็นคนที่สองช่างริบหรี่เป็นอย่างมาก
อีกทั้งปมบุญคุณความแค้นระหว่างเฉินกุยซั่วกับตัวเขาก็มีมาตั้งนานแล้ว เริ่มตั้งแต่ที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์แล้ว ช่วงเวลานั้นเขายังไม่รู้จักเซ่าผิงปอ เรื่องที่วัดหนานซานในภายหลัง เขาก็ยังไม่รู้จักกับเซ่าผิงปอ ต่อมาก็เรื่องที่มณฑลจินโจว เขายังคงไม่รู้จักกับเซ่าผิงปออยู่ดี
ต่อให้เซ่าผิงปอเป็นเทพเซียน ก็ไม่มีทางคาดคิดว่าคู่แค้นตั้งแต่เมื่อครั้งที่อยู่ในสำนักซั่งชิงจะทำงานให้เขา แล้วก็ไม่มีทางคาดคิดว่าคนที่ดักสังหารเขาที่วัดหนานซานจะทำงานให้เขา ยิ่งไม่มีทางคาดคิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อย่างการสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนที่มณฑลจินโจวขึ้นแล้ว อีกฝ่ายจะยังทำงานให้เขาได้
เฉินกุยซั่วมีความแค้นกับตัวเขา ไปคลุกคลีอยู่กับทางตระกูลซ่ง ผูกติดอยู่กับทางตระกูลซ่ง จนกระทั่งตระกูลซ่งถูกฆ่ากวาดล้างยกตระกูลก็ติดตามซ่งซูไปพึ่งพิงเซ่าผิงปอ ประวัติของเฉินกุยซั่วไร้ซึ่งจุดให้คลางแคลงใจ สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ รับมือกับการตรวจสอบและข้อสงสัยต่างๆ ได้
เมื่อดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนบทบาทหน้าที่ของเฉินกุยซั่วจะมีความสำคัญอย่างมากเช่นกัน
หากมิใช่เพราะข่าวที่เฉินกุยซั่วส่งมาให้ เขาก็ไม่มีทางทราบเลยว่าเบื้องหลังเซ่าผิงปอจะยังมีกลุ่มอิทธิพลลึกลับเช่นนั้นซ่อนตัวอยู่อีก ถ้าไม่ทราบเรื่องนี้ วันหน้าอาจจะเสียเปรียบอย่างมากได้!
หากมิใช่เพราะข่าวที่เฉินกุยซั่วส่งมาให้ เขาก็ไม่มีทางรู้ข้อมูลเส้นทางน้ำที่เป็นความลับเช่นนี้ของเซ่าผิงปอด้วยเช่นกัน นี่ทำให้เขาสามารถโจมตีเซ่าผิงปอกลับไปอย่างหนักได้ทุกเมื่อ!
“ไม่ได้!” หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “หากจำเป็นจริงๆ ข้ายินดีจะให้เซ่าผิงปอได้ม้าศึกจำนวนมากไป แต่จะเปิดเผยเส้นทางน้ำสายนั้นของเขาไม่ได้!”
เฮยหมู่ตานตกตะลึง “เพราะอะไรเจ้าคะ? เต้าเหยี่ย ท่านก็รู้ว่าทันทีที่เซ่าผิงปอได้รับม้าศึกจำนวนมากไป นั่นจะทำให้เขามีกำลังการรบที่แข็งแกร่ง มณฑลเป่ยโจวจะมีอำนาจขึ้นมาได้ง่ายๆ นะเจ้าคะ!”
หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้า “ไม่จำเป็นเลย! อย่าสนใจเพียงเรื่องตรงหน้า ต้องมองไปไกลๆ!”
“…..” เฮยหมู่ตานพูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าเขาจะปล่อยโอกาสเล่นงานศัตรูเช่นนี้ไปเสียได้!
เรื่องบางอย่างหนิวโหย่วเต้าไม่สะดวกจะอธิบายกับนาง อันที่จริงหลักเหตุผลง่ายดายยิ่ง เขาไม่คิดว่าหากเซ่าผิงปอสูญเสียม้าศึกเหล่านั้นไปแล้วจะไม่สามารถลุกขึ้นมาใหม่ได้ ด้วยความสามารถของเซ่าผิงปอแล้ว มีความเป็นไปได้ที่เขาลุกขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง
ส่วนตัวเขา ตอนนี้เขายังไม่มีวิธีจัดการเซ่าผิงปอ อันที่จริงเขาล้มเหลวในการเล่นงานเซ่าผิงปอมาหลายครั้งแล้ว
สำหรับเขาแล้ว จุดที่อันตรายที่สุดของเซ่าผิงปอไม่ใช่เรื่องที่เซ่าผิงปอจะได้รับม้าศึกไปมากน้อยเท่าไร แต่จุดที่อันตรายที่สุดก็คือตัวของเซ่าผิงปอเอง
หากยังหาโอกาสโจมตีให้ถึงชีวิตไม่ได้ เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้เฉินกุยซั่วถูกจับได้ง่ายๆ
“เต้าเหยี่ย ท่านกลัวว่าสายลับที่อยู่ทางนั้นจะถูกจับได้หรือเจ้าคะ?” เฮยหมู่ตานยังคงอดไม่ได้ที่จะเกลี้ยกล่อมด้วยความหวังดี “เราให้สายลับถอนตัวออกมาก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นก็ได้นี่เจ้าคะ!”
หนิวโหย่วเต้าโบกมือพลางกล่าวว่า “พอแล้ว อย่าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก ปล่อยให้เน่าในท้องไปเสีย อีกทั้งข้าก็มิใช่ท่อนไม้ ในเมื่อรู้แล้วว่าเขาคิดจะทำอะไร ไหนเลยจะนั่งดูเขาทำสำเร็จได้ ขอเพียงม้าศึกยังอยู่ในเขตแคว้นฉี ไหนเลยจะปล่อยให้แคว้นหานยึดไปได้!”
เฮยหมู่ตานผงะไปเล็กน้อย จากนั้นดวงตาพลันเปล่งประกาย ใช่แล้ว แคว้นฉีไม่ใช่คนตายเสียหน่อย!
หนิวโหย่วเต้ายกมือไพล่หลัง สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง เอ่ยเนิบๆ ว่า “ควบม้าไปทั่วหล้า ลมก็ดี ฝนก็ช่าง! ตอนนี้สิ่งที่ข้ารู้สึกฉงนใจคือเหตุใดแขกที่ข้ารอถึงยังไม่มาเสียที น่าแปลก หรือว่าลิ่งหูชิวจะน่ากลัวขนาดนั้นจริงๆ?”
………………………………………………………………..