ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 268 เป็นอะไรกัน
ตอนที่ 268 เป็นอะไรกัน?
เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “เช่นนี้แสดงว่า เขารู้แล้วว่าพวกเรามีความเกี่ยวข้องกับหอจันทร์กระจ่างหรือขอรับ?”
“น่าจะยังไม่แน่ใจ เขาต้องคิดแน่ว่า หากข้าเรียกใช้กลุ่มอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้จริง เขาไหนเลยจะรอดมาจนถึงตอนนี้ได้? ทุกคนที่มีความแค้นกับเขาล้วนจะกลายเป็นเป้าหมายที่เขาสงสัย เขาย่อมสงสัยข้าด้วยแน่นอน แต่คิดว่าคงยังไม่แน่ใจ”
เซ่าผิงปอว่าพลางลุกขึ้นมา เดินอ้อมโต๊ะตัวยาวออกมา “เจ้าจงติดต่อหาพี่จ้าวทันที ถามนางดูว่าคนที่ลงมือครั้งนี้รู้ข้อมูลมากน้อยแค่ไหน ตามหลักแล้วด้วยโครงสร้างของหอจันทร์กระจ่าง มือสังหารเหล่านั้นไม่มีทางรู้อะไรมากจนเกินไป อย่างนี้ก็ดีเลย มิเช่นนั้นหนิวโหย่วเต้าจะต้องวิเคราะห์ได้แน่ว่าข้ามีความเกี่ยวข้องกับหอจันทร์กระจ่าง ต่อกรกับคนประเภทนี้ ทำให้เขาสับสนงงงวยเข้าไว้คือวิธีจัดการที่ดีที่สุด”
“ยังมีอีก ข้าไม่รู้ว่าลิ่งหูชิวไปอยู่กับหนิวโหย่วเต้าด้วยมีเป้าหมายใดกันแน่ แต่จะต้องมีสาเหตุแน่นอน หากว่าลิ่งหูชิวเป็นคนของหอจันทร์กระจ่างจริง หอจันทร์กระจ่างต้องทราบสาเหตุแน่นอน ก่อนหน้านี้คงกังวลว่าตัวตนของลิ่งหูชิวจะถูกเปิดเผยจึงไม่สะดวกขัดขวาง ครั้งนี้ต้องอ้างเรื่องการสูญเสียบุคลากรมาบังคับพี่จ้าวห้ามไม่ให้นางสอดมือเข้ามายุ่งอีกแน่ ลองถามพี่จ้าวดูว่า ครั้งนี้หอจันทร์กระจ่างมีข้ออ้างใดมาห้ามนางให้หยุดเคลื่อนไหวหรือไม่ หากมีล่ะก็ เมื่อนำแต่ละปมเหตุมาเชื่อมโยงกันดูแล้ว ลิ่งหูชิวคนนี้ต้องเป็นคนของหอจันทร์กระจ่างแน่นอน!”
“ในขณะที่ยังไม่รู้ว่าหนิวโหย่วเต้าสังหารจั๋วเชาได้อย่างไร ไม่ควรผลีผลามวู่วาม หากหอจันทร์กระจ่างมีคำสั่งลงมา ก็ให้พี่จ้าวหยุดมืออย่าบุ่มบ่ามลงมืออีก ให้นางปฏิบัติตามคำสั่งไป อย่ายั่วโทสะของหอจันทร์กระจ่างในเวลานี้ จัดการเรื่องม้าศึกให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยว่ากัน อย่าทำให้เสียงานใหญ่”
“อีกอย่าง ตอนนี้ความจริงได้พิสูจน์ข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ของข้าแล้ว หนิวโหย่วเต้าต้องไปจัดการเรื่องม้าศึกที่แคว้นฉีแน่นอน บอกพี่จ้าวซะ พยายามขัดขวางหนิวโหย่วเต้าไม่ให้ได้ม้าศึกโดยไม่ให้กระทบกับงานของเรา ย้ำเตือนนางด้วยว่าต้องไม่กระทบถึงงานของพวกเรา ห้ามฝืนจนเกิดเหตุวุ่นวาย…”
…….
ภายในห้องโถงของเรือนหลังหนึ่ง แสงโคมส่องสว่าง ในห้องมีคนหลายคนนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลม ถังอี๋นั่งอยู่ด้านบน หลัวหยวนกง ซูพั่วและถังซู่ซู่นั่งอยู่สองฝั่งซ้ายขวา
ถังซู่ซู่ได้กลับคืนสู่ตำแหน่งผู้อาวุโสแล้ว!
ภายในโถงเงียบสงัด ทั้งสี่คนนิ่งเงียบไม่พูดจา
“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ หนิวโหย่วเต้าจะสามารถสังหารจั๋วเชาได้อย่างไร!” ถังซู่ซู่เอ่ยทำลายความเงียบ
ซูพั่วเงยหน้าขึ้น ถามว่า “ศิษย์น้องคิดว่าหอหิมะเหมันต์จะนำเรื่องเช่นนี้มาพูดเหลวไหลหรือ?”
ถังซู่ซู่แค่นเสียงเย็นชา “ไอ้เด็กคนนี้เจ้าเล่ห์นัก เขาจะต้องใช้วิธีการกลับกลอกอันใดแน่!”
ซูพั่วคร้านจะเถียงอันใดกับนางอีก ถังอี๋และหลัวหยวนกงก็ไม่ส่งเสียงเช่นกัน ด้วยรู้ว่าเถียงเรื่องนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์
เหตุผลที่ทุกคนเงียบเนื่องจากข่าวนี้ผ่านการยืนยันซ้ำหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ข่าวลวง บนลำดับรายชื่อทำเนียบโอสถที่หอหิมะเหมันต์ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน สาเหตุในการปรับเปลี่ยนลำดับเป็นเพราะหนิวโหย่วเต้าสังหารจั๋วเชา
เรื่องนี้ทำให้สภาพอารมณ์ของกลุ่มคนที่แย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักมาจากหนิวโหย่วเต้า ทั้งยังขับไล่เขาออกจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มีความสับสนเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนั้นต่างคิดกันว่าหนิวโหย่วเต้าเยาว์วัยเกินไป ไม่เหมาะจะแบกรับภาระหนักอึ้ง จึงฝืนกฎสำนักและคำสอนที่ปฐมจารย์ตั้งไว้ ริบเอาตำแหน่งเจ้าสำนักมาจากหนิวโหย่วเต้า
แล้วตอนนี้เล่า อีกฝ่ายไม่เพียงแต่จะปักหลักได้มั่นคงแล้ว ได้ยินว่าความเป็นอยู่ยังไม่เลวเลยด้วย แม้แต่สามสำนักที่แต่ก่อนเคยพึ่งบารมีตระกูลซ่งก็ล้วนฟังคำสั่งเขา สำนักหยกสวรรค์เองก็ต้องไว้หน้าเขาอยู่หลายส่วน นึกถึงอดีตครานั้น สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็พึ่งบารมีตระกูลซ่งเช่นกัน หากว่ากันในแง่ของความแข็งแกร่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดในสามสำนักก็ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ทั้งสิ้น
กระทั่งสามสำนักอีกฝ่ายก็ยังสยบได้ ถ้าขืนยังพูดว่าอีกฝ่ายอายุน้อยไม่เหมาะจะปกครองสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อะไรทำนองนั้นอีก แบบนั้นมันก็คล้ายจะฟังดูเหลวไหลไปหน่อย
รอดพ้นการดักสังหารที่วัดหนานซานและตัดความสัมพันธ์กับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ จากนั้นสังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนจนชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า ซ้ำยังรอดพ้นจากข่าวลือที่แพร่สะพัดขึ้นที่หอหิมะเหมันต์ได้อย่างปลอดภัย ตอนนี้แม้แต่ยอดฝีมือแถวหน้าบนทำเนียบโอสถก็ถูกเขากำจัดอีก
เพียงแค่เรื่องที่ทุกคนได้ทราบมาเหล่านี้ ขอถามหน่อยเถิดว่ามีใครในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ทำได้เช่นนี้ได้บ้าง มีผู้ใดมีฝีมือเช่นนี้หรือไม่? เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปแตะต้อง แต่ศิษย์ที่ถูกขับไล่ออกไปจากสำนักคนหนึ่งของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์กลับเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร้ซึ่งความหวั่นเกรง!
ที่สำคัญคือเดิมทีศิษย์ที่ถูกขับไล่ออกไปจากสำนักคนนี้สมควรจะได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เป็นคนที่ถูกพวกเขารวมหัวกันใช้แผนกลับกลอกเขี่ยออกจากตำแหน่งเจ้าสำนัก
ยงผิงจวิ้นอ๋องที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ดูแคลน ยามนี้รุ่งโรจน์ขึ้นมา ทำให้ราชสำนักแคว้นเยี่ยนจนปัญญาจะจัดการได้
ศิษย์ที่ถูกขับไล่ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เองก็แสดงความยอดเยี่ยมออกมาได้อย่างต่อเนื่อง เทียบกับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์แล้วห่างชั้นกันนัก
ตระกูลซ่งที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์พึ่งบารมีล่มสลายแล้ว ถูกสังหารล้างตระกูล ตามข่าวที่ทราบมาจากเซ่าผิงปอ ที่ตระกูลซ่งถูกสังหารล้างตระกูลก็เป็นฝีมือของหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน
สำนักสวรรค์พิสุทธิ์โยกย้ายมายังมณฑลเป่ยโจว ยามนี้สถานการณ์เข้าตาจน เกือบถูกสำนักเขามหายานไล่ออกจากมณฑลเป่ยโจว โชคดีที่ได้รับการปกป้องจากเซ่าผิงปอ แต่ทรัพยากรที่ได้รับกลับถูกสำนักเขามหายานสอดมือเข้ามายุ่งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้ได้รับทรัพยากรน้อยลงไปมาก ซ้ำยังต้องทำงานจิปาถะยิบย่อยด้วย
เมื่อนึกย้อนไปถึงจ้าวสยงเกอที่ถูกขับไล่ออกจากสำนักไปในกาลก่อน ยามนี้ก็กลายเป็นยอดฝีมือชั้นแนวหน้าบนทำเนียบโอสถแล้วเช่นกัน อาศัยเพียงนามอย่างเดียวก็สะท้านสะเทือนไปทั่วหล้าได้แล้ว
พอใคร่ครวญถึงเรื่องเหล่านี้แล้ว ซูพั่วก็อดไม่ได้ที่จะลอบหายใจ หลายปีมานี้ การตัดสินใจของสมาชิกระดับสูงในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ดูเหมือนจะเกิดความผิดพลาดอย่างร้ายแรงอยู่หลายครั้ง ทำให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ย่ำแย่ลงไปกว่าเดิม
คำกล่าวที่ว่าทหารเขลาหนึ่งคนจะส่งผลเสียไปทั้งกองทัพ คล้ายสมเหตุสมผลจริงๆ!
และด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ มีศิษย์ในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์หลายคนที่มีเห็นต่างออกไป เพียงแต่ยังไม่มีใครกล้าพูดออกมาอย่างเปิดเผยเท่านั้น มีคนที่แอบบ่นประณามที่ตอนนั้นใช้วิธีการสกปรกแย่งชิงตำแหน่งหนิวโหย่วเต้ามา
ทุกคนต่างได้เห็นและได้ยินข่าวแล้ว หนิวโหย่วเต้าสร้างชื่อก้องหล้า แม้แต่สำนักอย่างบรรดาสำนักเซียนสถิตทั้งสามสำนักก็ล้วนไปติดตามหนิวโหย่วเต้าแล้ว กระทั่งสามสำนักใหญ่เช่นนั้นหนิวโหย่วเต้าก็ยังให้การสนับสนุนได้ ดังนั้นการจะทำให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ก็น่าจะไม่เป็นปัญหา
สำหรับความเห็นเหล่านี้ พวกถังอี๋ทราบกระจ่างดี แล้วจะให้พูดอะไรได้เล่า? สิ่งที่ทุกคนพูดล้วนเป็นความจริง ทรัพยากรที่เหล่าศิษย์ได้รับน้อยลงเรื่อยๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคิดหาทางอยู่รอดต่อไปให้ได้หรือเปล่า? เป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจแต่กลับไร้ความสามารถ แล้วยังจะไม่อนุญาตให้คนเขาบ่นกันบ้างเลยหรือ?
ตอนนั้นทุกคนคิดว่าหนิวโหย่วเต้าไร้ความสามารถ ดูแคลนหนิวโหย่วเต้า เห็นพ้องต้องกันที่จะถอดหนิวโหย่วเต้าออกจากตำแหน่งเจ้าสำนัก ยามนี้เห็นหนิวโหย่วเต้าโดดเด่นขึ้นมา ทำให้คนอื่นเริ่มนึกย้อนขึ้นมาแล้ว
ครั้งนี้ทั้งสี่มานั่งอยู่ที่นี่ ก็เพราะมีศิษย์บางส่วนในสำนักรวมตัวกันเอ่ยถึงปัญหาแล้ว สอบถามสมาชิกระดับสูงอย่างพวกถังอี๋
ถามอะไรน่ะหรือ? ก็ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างถังอี๋กับหนิวโหย่วเต้า ถามว่าถังอี๋และหนิวโหย่วเต้ายังเป็นสามีภรรยากันอยู่หรือเปล่า
ถังอี๋ไม่ทราบว่าควรจะตอบอย่างไรดี ตอนที่หนิวโหย่วเต้ายังอ่อนแอ นางยังพอบอกได้ว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ตอนนี้หนิวโหย่วเต้ามีชื่อเสียงแล้ว หากนางตอบว่าใช่ แล้วหนิวโหย่วเต้ากลับไม่ยอมรับขึ้นมา เช่นนั้นจะให้นางแบกรับความอับอายไว้ได้อย่างไร!
ยังคงเป็นซูพั่วที่ช่วยตอบไป บอกว่าเจ้าสำนักและหนิวโหย่วเต้ายังคงเป็นสามีภรรยากันอยู่!
ด้วยเหตุนี้เหล่าศิษย์จึงเอ่ยว่าในเมื่อเคยกราบไว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ อีกทั้งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็ไม่เคยประกาศขับไล่หนิวโหย่วเต้าออกจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เลย ไม่มีเหตุผลที่สามีภรรยาจะไม่ติดต่อกัน อีกทั้งศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์เองก็ไม่อาจละทิ้งสำนักไปเป็นเวลานานได้!
พูดเป็นคุ้งเป็นแคว ทว่ากลับไม่ยอมพูดถึงเรื่องที่ตอนนั้นเหตุใดทุกคนต่างเห็นพ้องกันว่าให้ขับไล่หนิวโหย่วเต้าไป แล้วก็ไม่เอ่ยถึงเลยว่าจะจัดการหนิวโหย่วเต้าหรือไม่หากเขาไม่สนใจสำนัก
พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ยังมีความสามารถไปจัดการคนอย่างหนิวโหย่วเต้าได้อีกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นข่าวลือที่ตระกูลซ่งปล่อยออกมาในยามนั้นก็ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์กับหนิวโหย่วเต้า หากเป็นเรื่องขึ้นมา หนิวโหย่วเต้าที่กำลังมีชื่อเสียงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เป็นสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ที่ทำไม่ถูกเอง
ถังอี๋และเหล่าผู้อาวุโสต่างทราบความคิดของศิษย์เหล่านั้นดี พวกเขาต้องการให้ถังอี๋แบกหน้าไปหาหนิวโหย่วเต้า
“ความคิดของเหล่าศิษย์ทั้งหลาย คาดว่าผู้อาวุโสทุกท่านคงทราบกันดี ทุกท่านมีความเห็นอย่างไร?” ถังอี๋ถาม
หลัวหยวนกงถามว่า “เจ้าสำนัก หนังสือหย่าที่หนิวโหย่วเต้าเขียนให้ท่าน ท่านคืนให้เขาไปแล้วจริงๆ หรือ?”
ถังอี๋เงียบไป เดิมทีเป็นเพราะถูกเซ่าผิงปอตามเกี้ยวพา เพื่อตัดความคิดของคนบางส่วนในสำนัก นางจึงบอกว่าคืนให้หนิวโหย่วเต้าไปแล้ว
ทว่าตอนนี้ สุดท้ายนางก็พูดความจริงออกมา “ข้าบอกข้าไม่อาจรับไว้ได้ เผาทิ้งต่อหน้าเขาไปแล้ว”
“…..” ทั้งสามคนพูดไม่ออก นี่มันอะไรกัน? เจ้าเผาทิ้งอย่างนั้นหรือ? ในเมื่อเจ้าเผาทิ้งต่อหน้าอีกฝ่าย เจ้าก็ไม่ควรพูดว่าอีกฝ่ายรับคืนไปแล้วหรือเปล่า เช่นนั้นตอนนี้พวกเจ้าสองคนนับเป็นอะไรกัน?
แต่ถังซู่ซู่กลับมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมา “ในเมื่อเขาไม่ได้รับ เช่นนั้นเขาอาจจะยังยืนกรานความคิดที่จะหย่าก็เป็นได้ ความคิดของเหล่าศิษย์ในสำนักพอจะเข้าใจได้ แต่เราก็ไม่อาจปล่อยให้เจ้าสำนักไปทำเรื่องเสียเกียรติได้เช่นกัน ตามความเห็นข้า ด้วยสถานการณ์ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ในปัจจุบันนี้ยังพอจะมีโอกาสกลับมารุ่งเรืองได้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของรูปร่างหน้าตาหรือความสามารถ เซ่าผิงปอล้วนเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความรักลึกซึ้งต่อเจ้าสำนักด้วย หากเจ้าสำนักครองตัวเป็นโสดไปตลอดก็คงไม่เข้าท่า มิสู้ลองพิจารณาดู!”
นางคือคนที่ไม่ยินดีให้หนิวโหย่วเต้ากลับมายังสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มากที่สุด ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย ลำพังแค่เรื่องที่นางพยายามสังหารหนิวโหย่วเต้าครั้งแล้วครั้งเล่า หากหนิวโหย่วเต้ากลับมาแล้วจะให้นางเผชิญหน้าอย่างไรเล่า?
ซูพั่วกล่าวว่า “ข้าคัดค้าน มีรูปร่างหน้าตาและความสามารถแล้วอย่างไรเล่า? อุปนิสัยล่ะจะว่าอย่างไร สังหารพี่น้องและแม่เลี้ยง จะให้เจ้าสำนักฝากชีวิตไว้ได้อย่างไร?”
ถังซู่ซู่กล่าวว่า “ศิษย์พี่ สังหารพี่น้องและแม่เลี้ยงเป็นข่าวลวง ข่าวลวงไหนเลยจะเชื่อถือได้? หากเป็นอย่างที่ศิษย์พี่ว่ามาจริง ดูแคลนอุปนิสัยของคนเขา เช่นนั้นการที่พวกเราอาศัยบารมีของเขานั้นนับเป็นอันใดเล่า?”
“พอแล้ว!” ถังอี๋เอ่ยขัด จ้องมองถังซู่ซู่แล้วเอ่ยถาม “ท่านต้องการให้ข้าทอดกายเพื่อเกียรติยศในฐานะย่ารอง หรือต้องการให้เจ้าสำนักอย่างข้าทอดกายเพื่อเกียรติยศของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ในฐานะผู้อาวุโสเล่า? หากทำเช่นนี้เพื่อให้ได้ ‘เกียรติยศ’ มา สำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะมีหน้ารับไว้ได้หรือ? จะไม่อกตัญญูต่อเหล่าบรรพชนหรือ? ”
ถังซู่ซู่เอ่ยแย้ง “หากตกลงปลงใจกัน จะบอกว่าเป็นการทอดกายเพื่อเกียรติยศได้อย่างไร?”
ถังอี๋กล่าวว่า “ชาตินี้ข้าไม่มีทางแต่งงานใหม่อีก ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก!”
ถังซู่ซู่ขมวดคิ้วแน่น
หลัวหยวนกงเอ่ยเนิบๆ “เจ้าสำนักตัดสินใจเด็ดขาดเช่นนี้ คิดมาดีแล้วใช่หรือไม่?”
…….
นภากว้างใหญ่ ทุ่งหญ้าไกลสุดลูกหูลูกตา สายลมพัดโชยใบหญ้า มองเห็นฝูงวัวฝูงแกะ
ฟ้าครามกระจ่างสดใสดั่งอัญมณี แต่งแต้มด้วยเมฆขาวดั่งปุยนุ่น ทำให้จิตใจคนเบิกบาน
ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทอดตัวสูงต่ำเป็นระลอกคลื่น ต้นหญ้าเขียวขจีไหวเพื่อมตามแรงลม
ม้ายี่สิบกว่าตัวถูกควบขี่วิ่งห้ออยู่บนทุ่งหญ้า ควบผ่านวัวแกะฝูงแล้วฝูงเล่า
อาชาปราดเปรียววิ่งทะยานรวมกันเป็นฝูงอยู่เบื้องหน้า มีอย่างน้อยหลายร้อยตัว แผงคอแผ่สะบัด อิสระไร้พันธนาการ องอาจปราดเปรียว!
คนเลี้ยงม้าโบกไม้พลอง ลูกม้าตัวจ้อยพยายามไล่ตามหลังฝูงม้าอย่างสุดกำลัง
เมื่อควบผ่านฝูงม้า พวกหนิวโหย่วเต้ายังคงมุ่งหน้าต่อไป เมื่ออยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่แห่งนี้ จิตใจก็รู้สึกเป็นอิสระขึ้นมาเช่นกัน
เสื้อผ้าบนร่างของแต่ละคนล้วนผลัดเปลี่ยนเป็นชุดของชนเผ่าเร่ร่อนแล้ว บนศีรษะของหนิวโหย่วเต้ายังสวมหมวกหนังใบหนึ่งไว้ด้วย
วิ่งเลียบไปตามแม่น้ำที่ไหลคดเคี้ยวไม่หยุดพัก ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะหลงทางเลย แล้วก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนสัตว์พาหนะด้วย ชนเผ่าเร่ร่อนพักอยู่ริมแม่น้ำ ขอเพียงวิ่งเลียบไปตามแม่น้ำ เดินทางไปได้ระยะหนึ่งก็มักจะเจอกับคอกล้อมรั้วของคนเลี้ยงสัตว์เสมอ จ่ายเงินให้เล็กน้อย ม้าแบบใดก็มีให้เจ้าเลือกเปลี่ยนได้ทั้งสิ้น
ขอเพียงเข้าเขตแคว้นฉี ในด้านนี้ย่อมสะดวกสบายกว่าแคว้นอื่นๆ มากนัก
ม้าพันธุ์ดีที่แคว้นอื่นขาดแคลน ในแคว้นนี้กลับเป็นสิ่งที่มีอยู่เยอะที่สุด
…………………………………………………….