ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 283 ปล่อยพยานรอดไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว
ตอนที่ 283 ปล่อยพยานรอดไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว
ฉินเหมียนได้ยินก็มีสีหน้ากังวล “นายหญิง อย่าลืมคำเตือนของท่านไป๋นะเจ้าคะ!”
ซูจ้าวปล่อยขาทั้งสองข้างลง ลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาพลางเอ่ยว่า “คำสั่งของอาจารย์ข้าย่อมเชื่อฟัง แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเรียกใช้คนในองค์กรอีก เมืองหลวงแคว้นฉีเป็นแหล่งรวมผู้มีความสามารถ มาแล้วจะได้ออกไปหรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับวาสนาของเขาแล้ว!”
ฉินเหมียนเอ่ยเตือนอีกครั้ง “นายหญิง คุณชายเซ่าก็บอกไว้แล้วว่าไม่ให้ท่านยุ่งกับเขา อย่าให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็นจะดีกว่าเจ้าค่ะ”
ซูจ้าวหมุนตัวกลับมา ผายมือพลางเอ่ยว่า “ข้าไม่ยุ่งกับเขา แต่หากมีคนอื่นไปยุ่งกับเขา เช่นนั้นมันก็ไม่เกี่ยวกับข้า เขาพักอยู่ที่ไหน?”
ฉินเหมียนตอบว่า “เพิ่งเข้าเมืองมา ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะพักที่ไหนเจ้าค่ะ”
ซูจ้าวกล่าวว่า “ข้าอยากพบคนผู้นี้มาโดยตลอด อยากเห็นว่าเป็นคนเช่นไรกันแน่ ได้ยินชื่อเสียงไม่สู้ได้พบพาน เจ้าคิดหาทางจัดการหน่อย”
ฉินเหมียนขมวดคิ้ว “นายหญิง เรื่องนี้ข้าไม่เห็นด้วยนะเจ้าคะ ฐานะของท่านไม่เหมาะจะพบเขาด้วยตัวเอง! จากที่คุณชายเซ่าพูดมา อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากเรื่องบางเรื่องแล้ว คนผู้นี้อันตรายเป็นอย่างยิ่ง หากท่านเป็นฝ่ายเข้าไปทำความรู้จักเขา บางทีจะเกิดเหตุไม่คาดคิดได้ง่าย พลาดพลั้งไปเพียงนิด อาจจะทำให้ฐานะของท่านถูกเปิดเผยได้! เรื่องที่หอไร้ขอบเขตได้แหวกหญ้าให้งูตื่นไปแล้ว เวลานี้เขาต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมากแน่เจ้าค่ะ ความผิดปกติใดๆ ล้วนกระตุ้นความสงสัยของเขาได้ทั้งสิ้น! การตายของจั๋วเชาน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่เรื่องราวจะกระจ่างชัดเจน ข้าไม่เห็นด้วยที่ท่านจะเข้าหาเขาเจ้าค่ะ!”
ซูจ้าวเงียบไปเล็กน้อย ไม่เอ่ยเรื่องนี้อีก ยอมรับความเห็นของฉินเหมียนไปโดยปริยาย
นางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปว่า “เขามาเพราะม้าศึก มีข้าอยู่ที่นี่ เขาอย่าหวังจะได้สมปรารถนา!”
ฉินเหมียนอยากจะพูดอะไรอีก นางยกมือขึ้นปราม “เจ้าคิดมากไปแล้ว เรื่องนี้พวกเราไม่จำเป็นต้องออกโรงเลย คนกลัวชื่อเสียง หมูกลัวอ้วนพี เขาสังหารจั๋วเชาไป อีกทั้งยังทำให้ลำดับบนทำเนียบโอสถเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วหล้าอีกครั้ง เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อว่าเขาจะมีความสามารถพอจะสังหารจั๋วเชาได้ คนที่กล้าท้าทายจั๋วเชาอาจจะมีไม่มาก แต่คนที่กล้าท้าทายผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างฐานอย่างเขาน่าจะมีไม่น้อย”
“เขาซ่อนตัวอยู่ในจังหวัดชิงซาน มีสำนักหยกสวรรค์คอยคุ้มครองอยู่ จึงไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขา แต่เมื่อมาที่นี่ย่อมไม่มีใครคอยคุ้มครองเขาเช่นนั้นอีก หากสังหารผู้ที่ฆ่าจั๋วเชาได้ คาดว่าคงมีคนจำนวนมากที่ไม่อยากพลาดโอกาสในการสร้างชื่อเสียงเช่นนี้ไป! ปล่อยข่าวออกไปเดี๋ยวนี้ บอกว่าหนิวโหย่วเต้าผู้สังหารราชทูตแคว้นเยี่ยนมาแล้ว!”
หลังจากฉินเหมียนได้ฟังก็ยิ้มนิดๆ พยักหน้ากล่าวว่า “เรื่องนี้จัดการได้เจ้าค่ะ แล้วก็จะได้ถือโอกาสนี้หยั่งเชิงความสามารถของเขาด้วย ดูว่าพอจะเค้นเอาความจริงเรื่องการตายของจั๋วเชาออกมาได้หรือไม่ ดูว่าเบื้องหลังเขามียอดฝีมือคนอื่นอยู่หรือไม่!”
……
ในย่านรุ่งเรืองของเมืองหลวง ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่งที่มีลานเรือนทอดลึกเข้าไป เงียบสงัดแม้อยู่ในย่านคึกคักจอแจ
ลิ่งหูชิวพาหนิวโหย่วเต้าเดินวนรอบสวนหนึ่งรอบ เอ่ยถาม “น้องหนิว ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง?”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “ที่นี่ตั้งอยู่ในย่านรุ่งเรือง ไม่มีใครกล้ามาก่อเรื่องวุ่นวาย หากถูกรบกวน จะต้องทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรที่คอยอารักขาเมืองหลวงให้ราชสำนักรู้ตัวแน่ ปลอดภัยไร้กังวล เส้นสายของพี่ลิ่งหูยอดเยี่ยมจริงๆ เพิ่งมาถึงก็ได้ที่พักดีขนาดนี้แล้ว”
“ให้มันน้อยๆ หน่อย!” ลิ่งหูชิวมองอย่างดูแคลน “พูดเรื่องงานเถอะ จากนี้เจ้าเตรียมจะจัดการอย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เดินทางมาไกล ทุกคนพักผ่อนให้เต็มที่สักวันก่อน แล้วก็ให้ข้าได้ทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมสักหน่อยด้วย”
“ตกลง เช่นนั้นก็พักผ่อนกันก่อนเถอะ ทางเจ้ามีคนมาก ยกเรือนหลักให้เจ้าแล้วกัน ถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้ไปหาข้าที่เรือนตะวันตก” ลิ่งหูชิวกล่าวจบก็พาหงซิ่วและหงฝูจากไป
จากนั้นทางนี้ก็จัดแจงมอบหมายงานให้เหล่าผู้ติดตาม พอทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว หนิวโหย่วเต้าก็เอ่ยถามกงซุนปู้ “มีข้อมูลคร่าวๆ ของทางนี้ไหม?”
กงซุนปู้ตอบว่า “สายสืบที่อยู่ทางเมืองหลวงเตรียมไว้แล้วขอรับ พวกเขารู้แล้วว่าพวกเราพักอยู่ที่ไหน อีกประเดี๋ยวก็น่าจะส่งมาถึงขอรับ”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้า
กระทั่งกงซุนปู้ออกไปแล้ว เฮยหมู่ตานจึงกล่าวว่า “ข้าจะไปเตรียมน้ำร้อนให้นะเจ้าคะ” นางรู้ดีว่ากิจวัตรประจำวันของหนิวโหย่วเต้าเป็นอย่างไร พอเข้าที่พักจะต้องอยากอาบน้ำแน่นอน
ผู้ใดจะทราบว่าหนิวโหย่วเต้ากลับส่ายหน้าเล็กน้อย เอ่ยว่า “เจ้าไปรออยู่หน้าประตูเถอะ อีกประเดี๋ยวคนของเจ้าลิงน่าจะมาที่นี่ เจ้าไปรอรับหน่อย”
แล้วก็เป็นอย่างที่เขาว่าไว้ จากนั้นไม่นานก็มีคนมาหา หยวนเฟิงที่แปลงโฉมปลอมตัวมาถึงแล้ว
เฮยหมู่ตานพาหยวนเฟิงมาที่ห้องหนังสือของเรือนหลัก หนิวโหย่วเต้ากำลังรออยู่ด้านใน
“เต้าเหยี่ย!” หลังจากหยวนเฟิงทำการคารวะแล้ว เขาก็เอ่ยว่า “ลูกพี่ถูกคนของ ‘เรือนเมฆาขาว’ จับตามองอยู่ บอกว่าไม่สะดวกมาพบท่าน จึงส่งข้ามาพบท่านขอรับ”
เฮยหมู่ตานหันไปมองหนิวโหย่วเต้าโดยเร็ว แล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริงๆ สีหน้าหนิวโหย่วเต้าเคร่งขรึมลงทันที “เรือนเมฆาขาวมันคืออะไร?”
หยวนเฟิงเอ่ยว่า “เรือนเมฆาขาวคือหอคณิกาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแคว้นฉีขอรับ”
“หอคณิกา?” หนิวโหย่วเต้าตะลึงงัน เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าลิงไม่ใช่คนที่จะไปเที่ยวหอคณิกา ทำไมถึงถูกคนของหอคณิกาจับตามองได้? เกิดอะไรขึ้น?”
“ลูกพี่เองก็ไม่ทราบแน่ชัดขอรับ คาดว่าคงเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เคยช่วยเหลือคนในครั้งนั้น…” หยวนเฟิงเล่าเหตุการณ์ที่หยวนกังช่วยเหลือสาวใช้ในวันนั้นออกมา “ความระแวดระวังตัวของลูกพี่ เต้าเหยี่ยก็ทราบดี คิดจะจับตามองลูกพี่โดยไม่ให้ลูกพี่รู้ตัวนั้นเป็นไปได้ยากนัก หลังเกิดเรื่องในวันนั้นขึ้น ลูกพี่ก็สังเกตเห็นว่ามีคนคอยจับตามองเขาอยู่ ภายหลังจึงมีการจัดคนไปสอดแนมกลับ จนสืบพบว่าสถานที่ที่อีกฝ่ายเข้าออกคือเรือนเมฆาขาว ส่วนคนของทางเรือนเมฆาขาวก็คล้ายจะอยากเข้าหาลูกพี่ ขณะนี้ลูกพี่ยังไม่ทราบจุดประสงค์ของพวกเขาขอรับ ”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “สามารถบริหารจัดการแหล่งเริงรมย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงได้ ไม่มีทางที่จะไม่มีใครคอยหนุนหลัง ประวัติของเรือนเมฆาขาวเป็นมาอย่างไร?”
หยวนเฟิงตอบว่า “ซูจ้าวที่เป็นเถ้าแก่ของเรือนเมฆาขาวเป็นนางห้ามของซีย่วนต้าอ๋องเฮ่าอวิ๋นเซิ่ง ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจากฮูเหยียนเวยแล้วขอรับ น่าจะไม่ผิดพลาด”
หนิวโหย่วเต้าขมวดคิ้ว เหตุใดมีซีย่วนต้าอ๋องแห่งแคว้นฉีโผล่มาอีกคนล่ะ ทำไมถึงต้องจับตามองเจ้าลิง? ซูจ้าวเถ้าแก่เรือนเมฆาขาว…
หัวคิ้วพลันขมวดมุ่นเล็กน้อย คำว่า ‘พี่จ้าว’ ผุดวาบเข้ามาในหัว
เพียงแต่พอคิดดูอีกทีก็ถูกเขาปฏิเสธความคิดนี้ไป น่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยความเข้าใจที่เขามีต่อเซ่าผิงปอ หากเซ่าผิงปอทราบถึงฐานะของหยวนกังจริง เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะวางแผนเข้าใกล้ กลัวทางนี้จะไม่ทราบหรือว่าอย่างไร?
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เจ้าไปบอกเจ้าลิงซะ หากมีโอกาสเหมาะ ก็ให้เข้าไปทำความรู้จักซูจ้าวคนนี้สักหน่อย สืบตื้นลึกหนาบางของนางมา จดจำรูปลักษณ์ภายนอกของนางไว้ ข้าจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น!”
หยวนเฟิงพยักหน้า “ขอรับ! เต้าเหยี่ย หากไม่มีอะไรแล้ว อย่างนั้นข้ากลับก่อนนะขอรับ”
“ช้าก่อน!” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ที่คนของพวกเจ้าไปขายเต้าฮวยบนถนนนั่นมันเรื่องอะไรกัน?”
“นี่เป็นการจัดการของลูกพี่ขอรับ…” หยวนเฟิงเล่าออกมาอย่างละเอียด
หลังจากทราบเรื่องราวแล้ว เฮยหมู่ตานอุทานจุ๊ๆ อยู่ในใจ พบว่าหยวนกังคนนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีนี้พาคนมากมายขนาดนี้เข้ามาอยู่ในเมืองหลวงแคว้นฉี ใจกล้าเป็นอย่างยิ่ง แต่ที่กล้ายิ่งไปกว่านั้นคือไปลักพาตัวบุตรชายของแม่ทัพใหญ่แคว้นฉี
หนิวโหย่วเต้านิ่วหน้าเล็กน้อย เลิกสนใจเรื่องเต้าฮวยชั่วคราว เพราะมีเรื่องอื่นที่ทำให้เขาตะลึงมากกว่า คิดไม่ถึงว่าเจ้าลิงจะพาคนมากมายขนาดนี้มาฝึกฝนในเมืองหลวงแคว้นฉีอย่างเปิดเผย ไม่ได้กลัวว่าจะเกิดเรื่องเลยจริงๆ จึงเอ่ยเสียงขรึมว่า “ต่อให้ตัวตนของพวกเจ้าจะไม่มีปัญหา แต่คนอีกสองร้อยกว่าคนล่ะ? ประวัติความเป็นมาของพวกเขาจะไม่มีปัญหาหรือ?”
หยวนเฟิงตอบว่า “เต้าเหยี่ย เรื่องสถานะตัวตน ลูกพี่ได้เตรียมการเอาไว้แต่แรกแล้วขอรับ สามารถตรวจสอบได้!”
ในเมื่อกล่าวมาเช่นนี้ หนิวโหย่วเต้าเชื่อว่าเจ้าลิงก็ไม่ใช่คนเลอะเลือนเช่นกัน สิ่งที่ทำให้เขากังวลจริงๆ คืออีกเรื่องหนึ่ง “พวกเจ้าสวมรอยเป็นทหารชายแดนห้าคน แล้วทหารชายแดนที่ได้รับความอยุติธรรมสิบกว่าคนที่พวกเจ้าช่วยเอาไว้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว?”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ หยวนเฟิงก็เกาหัวพลางกล่าวว่า “อยู่ในแถบชายแดนฝั่งแคว้นจ้าวขอรับ พวกเราจัดเตรียมสถานที่ลับแห่งหนึ่งไว้ หากทางนี้เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายอันใดขึ้น คนที่แยกย้ายกระจายตัวกันสามารถไปพบเจอกันที่นั่นได้ ลูกพี่เลยให้พวกเขาไปซ่อนตัวที่นั่น รอให้ทางเราเสร็จสิ้นภารกิจทางนี้แล้ว มลทินของพวกเขาย่อมได้รับการลบล้าง ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกฆ่าปิดปากอีก ค่อยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระอีกครั้งก็ยังไม่สายขอรับ”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกเจ้าไม่กลัวพวกเขาจะทำความลับรั่วไหลหรือ?”
หยวนเฟิงตอบว่า “ตอนแรกพวกเราก็กังวลเรื่องนี้ขอรับ ลูกพี่บอกว่าพวกเขากลัวว่าจะถูกฆ่าปิดปาก ไม่กล้ากลับมาที่แคว้นฉีอีก ไม่ต้องกังวลว่าความลับจะรั่วไหล”
หนิวโหย่วเต้าสอบถามถึงพิกัดของสถานที่ลับแห่งนั้นอย่างละเอียดอีกเล็กน้อย เขารู้ดีว่าเจ้าลิงเป็นคนแบบไหน มีด้านที่โหดเหี้ยมเด็ดขาด แต่ก็มีด้านที่ใจอ่อนเมตตา ขึ้นอยู่กับว่าจะเจอกับคนแบบไหน แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ เรื่องที่เขากังวลที่สุดยังคงเกิดขึ้นอยู่ดี
“เจ้าลิงเคยติดตามข้าปรากฏตัวอยู่ในที่สาธารณะ บางทีทางนี้อาจมีคนที่จำเขาได้ก็เป็นได้ ให้เขาระวังตัวไว้ พยายามโผล่หน้าออกมาให้น้อยที่สุด”
“เต้าเหยี่ยวางใจเถิดขอรับ งานทางร้านเต้าหู้ ตอนนี้ส่วนใหญ่แทบจะไม่จำเป็นต้องให้ลูกพี่ลงมือจัดการด้วยตัวเองแล้วขอรับ”
กระทั่งหยวนเฟิงจากไปแล้ว หนิวโหย่วเต้าหลับตานิ่งๆ อยู่ที่เดิมเป็นเวลาครู่ใหญ่
กระทั่งเฮยหมู่ตานที่ออกไปส่งแขกกลับมาแล้ว หนิวโหย่วเต้าจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ “สถานที่ซ่อนตัวของทหารชายแดนสิบกว่าคนนั้น เมื่อครู่เจ้าก็ได้ยินแล้ว ให้กงซุนปู้ส่งคนไปจัดการซะ!”
เฮยหมู่ตานผงะไป เอ่ยด้วยความลังเล “อันที่จริงหยวนเหยี่ยก็พูดถูกนะเจ้าคะ พวกเขากังวลว่าจะถูกฆ่าปิดปาก คงไม่กล้ากลับมาง่ายๆ แน่”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยเสียงราบเรียบ “ฟังให้ดี จะปล่อยพยานรอดไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว ต่อให้มีคนหนีรอดไปได้ ก็ต้องรายงานให้ข้ารู้ทันที ไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
“เจ้าค่ะ!” เฮยหมู่ตานได้แต่รับคำสั่ง หันหลังเดินออกไปจัดการ
หนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ลืมตาขึ้น เดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องหนังสือ การวิเคราะห์ของเจ้าลิงอาจจะถูก ทว่าเรื่องแบบนี้มีปัจจัยที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้อยู่เยอะเกินไป หากว่าจู่ๆ ก็มีคนคิดถึงครอบครัวแล้วกลับมาก่อนล่วงหน้า แบบนั้นจะทำอย่างไร? หากเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรขึ้น เจ้าลิงจะตกอยู่ในอันตรายโดยไม่ทันได้รู้ตัวทันที
เรื่องบางอย่างเจ้าลิงไม่มีทางลงมือทำ เช่นนั้นเขาก็ได้แต่ต้องลงมือทำเอง ถึงอย่างไรเขาก็ไม่คิดว่าตนเป็นคนดีอะไรอยู่แล้ว
ผ่านไปไม่นาน กงซุนปู้นำกระดาษปึกหนึ่งมาส่งให้ เนื้อหาด้านในล้วนเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเมืองหลวงแคว้นฉีที่เขาอยากรู้
เขาแช่อยู่ในน้ำอุ่นที่เฮยหมู่ตานจัดเตรียมให้ ถือกระดาษค่อยๆ อ่านไป
……
ช่วงบ่ายคล้อย ในศาลากลางสวน หนิวโหย่วเต้าที่นั่งอยู่ด้านในยังคงอ่านเอกสารอยู่ ครุ่นคิดไปกับเนื้อหาที่เขียนไว้บนกระดาษ
เฮยหมู่ตานนั่งไขว่ห้างอยู่ด้านข้าง กำลังอ่านเนื้อหาที่หนิวโหย่วเต้าอ่านเสร็จไปแล้ว คอยเหลือบมองหนิวโหย่วเต้าเป็นระยะ พบว่าท่าทางยามที่คนผู้นี้จริงจังช่างดูดีทีเดียว
ในเวลานี้กงซุนปู้มาหาอีกครั้ง รายงานว่า “เต้าเหยี่ย ข่าวที่ท่านมาถึงเมืองหลวงไม่ทราบว่าถูกผู้ใดปล่อยออกไป แม้แต่ที่พักของท่านก็ถูกเปิดเผยออกไปด้วย สายสืบได้ยินข่าวพวกนี้มา ดูเหมือนผู้บำเพ็ญเพียรมากมายที่กำลังพยายามหาทางเข้าร่วมกับสำนักต่างๆ อยากจะมาท้าสู้กับท่านแล้วขอรับ”
เฮยหมู่ตานหัวเราะหยัน “ดูเหมือนจะมีคนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงบางคนคิดอาศัยชื่อเสียงของเต้าเหยี่ยเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองสินะ”
เมื่อพูดจบ นางกลับเห็นว่าหนิวโหย่วเต้ายังคงอ่านเอกสารในมืออยู่ ไม่มีทีท่าว่าจะเงยหน้าขึ้นมาเลย
“เต้าเหยี่ย ข่าวที่ท่านเดินทางมายังเมืองหลวงแคว้นฉีอย่างลับๆ ถูกคนเปิดเผยออกไป…” กงซุนปู้นึกว่าเขาไม่ได้ยิน จึงเอ่ยทวนอีกครั้ง
หนิวโหย่วเต้ายังคงไม่เงยหน้าขึ้นมา เพียงแต่มีการตอบสนองแล้ว เอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “รู้แล้ว”
ท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจของเขาทำให้ทั้งสองมองหน้ากันเหลอหลา
เวลานี้เอง เสียงของลิ่งหูชิวแว่วเข้ามา “น้องหนิว ทำอะไรอยู่?”
พอเห็นลิ่งหูชิวมา หนิวโหย่วเต้าลุกขึ้นยืน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “กำลังอ่านข้อมูลของเมืองหลวงแห่งนี้อยู่น่ะ” พลางยื่นเอกสารในมือส่งให้เฮยหมู่ตาน
……………………………………………………………….