ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 305 พายุกำลังจะมา
ตอนที่ 305 พายุกำลังจะมา
หนิวโหย่วเต้าเหลือบมองเขาพลางแย้มยิ้ม ในใจนึกสงสัยถึงปัญหาข้อหนึ่งมาตลอด คนผู้นี้ต้องการอะไรจากตัวเขากันแน่ ตนแสดงออกชัดเจนว่าต้องการสตรีของเขา คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยังอยู่กับตนไม่ยอมจากไป เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หากยังไม่ถึงที่สุดจริงๆ คงจะไม่ยอมจากไปสินะ
หลังดื่มชาหมดไปถ้วยหนึ่ง ลิ่งหูชิวสะบัดแขนเสื้อจากไป ผ่านไปครู่หนึ่งก็พาหงฝูมา
เดิมทีคิดจะให้หงฝูอยู่ดูแลหนิวโหย่วเต้า แต่พอเห็นสายตาไม่ประสงค์ดียามที่หนิวโหย่วเต้ามองหงฝูแล้ว เขาก็เปลี่ยนคำพูด ตัดสินใจย้ายมาอยู่กับหนิวโหย่วเต้าเสียเลย ให้เหตุผลว่าถึงอย่างไรทางเรือนนี้ของหนิวโหย่วเต้าก็เหลือเพียงหนิวโหย่วเต้าคนเดียวแล้ว
หนิวโหย่วเต้าเองก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน แต่หยิบใบอนุญาตสิบใบนั้นออกมา ถือไว้แล้วเดินออกไป
“เจ้าจะไปไหน?” ลิ่งหูชิวเอ่ยถาม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ เขารีบวางถ้วยน้ำชาลงแล้วเร่งเดินตามออกไป
หน้าประตูใหญ่มีหงซิ่วคอยเฝ้าอยู่ ที่นี่ไม่มีคนอื่นแล้ว มีเพียงนางและหงฝูเท่านั้น จึงได้แต่ต้องส่งคนใดคนหนึ่งออกมาคอยเฝ้าประตูไว้
หนิวโหย่วเต้าเดินผ่านข้างกายนางไป ตรงผ่านประตูใหญ่ออกไป เดินลงบันไดด้านนอกประตู ยืนอยู่กลางตรอกแล้วชูใบอนุญาตทั้งสิบใบที่ถือไว้ขึ้นมา
ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้น คนที่ดูคล้ายเป็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมาในตรอกต่างพากันมองมาที่เขา มองสิ่งที่อยู่ในมือเขา ทุกคนต่างหยุดนิ่งไปทันที พวกลิ่งหูชิวสามนายบ่าวยืนอยู่หน้าประตู มองดูเขาด้วยความตกตะลึง
“สิ่งที่พวกเจ้าอยากได้อยู่ที่นี่แล้ว ผู้ใดกล้าก็มาเอาไปได้เลย ให้เปล่าไม่คิดเงิน!” หนิวโหย่วเต้าโคจรพลังขยายเสียงให้ดังก้อง
ผู้คนที่หยุดอยู่สองฝั่งถนนต่างมองกันไปมองกันมา
“มีผู้ใดกล้าเอาไปไหม? ผู้ใดกล้ารับไปบ้าง…” หนิวโหย่วเต้าตะโกนดังลั่นอยู่หลายครั้ง หมุนตัวช้าๆ โบกสิ่งที่อยู่ในมือไปรอบๆ
รอบข้างเงียบกริบไปหมด ไม่มีผู้ใดส่งเสียงและไม่มีผู้ใดขยับเขยื้อน มีเพียงเสียงจอแจดังแว่วมาจากท้องถนนที่อยู่ห่างออกไป
ในเวลานี้เอง ตรงปากทางเข้าตรอกได้เกิดความโกลาหลขึ้นมา คนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น หนิวโหย่วเต้าหันกลับไปมอง เห็นเผยซานเหนียงปรากฏตัวขึ้นแล้ว มีพวกไฉเฟยตามหลังมาด้วย
พอเห็นเผยซานเหนียง ลิ่งหูชิวก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง เนื่องจากเผยซานเหนียงเคยบอกว่าหากฮ่องเต้ยอมเมตตาละเว้น นางจะมาแจ้งข่าว แต่หากว่าไม่ตกลงก็จะไม่มา เขาหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมายอีก
หนิวโหย่วเต้าลดมือลง ประสานกันไว้ตรงหน้าท้อง มองพวกเผยซานเหนียงที่เดินเข้ามา
เผยซานเหนียงเดินมาหยุดตรงหน้าเขา เหลือบมองสิ่งที่อยู่ในมือเขา ค่อยๆ หันหลังเดินนำลูกน้องเข้าไปในเรือน
หนิวโหย่วเต้าชูสิ่งที่อยู่ในมือขึ้นมาโบกซ้ายโบกขวาไปทางคนที่มองมาเหล่านั้นอีกครั้ง จากนั้นประสานมือไพล่ไว้ด้านหลัง ถือใบอนุญาตเดินกลับเข้าเรือนไป
ภายในห้องโถง ลิ่งหูชิวสั่งให้หงฝูรีบยกน้ำชามาขึ้นโต๊ะ
เผยซานเหนียงไม่สนใจ จ้องมองหนิวโหย่วเต้าที่เดินเข้ามาจากด้านนอก เอ่ยถามว่า “เมื่อครู่เจ้าทำอะไร?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “รอแล้วรอเล่าท่านก็ไม่สักที ข้าจึงต้องช่วยเหลือตัวเอง คนที่อยู่รอบตัวข้าพากันตีจากข้าไปแล้ว ตอนนี้คนที่อยู่กับข้ามีเพียงพี่ชายร่วมสาบานของข้าเท่านั้น ท่านว่าข้ายังจะทำอะไรได้?”
“เจ้าสาบานเป็นพี่น้องกันอย่างนั้นหรือ?” เผยซานเหนียงหันมองไปทางลิ่งหูชิว นางก็เพิ่งทราบเอายามนี้ว่าหนิวโหย่วเต้ากับลิ่งหูชิวเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน
มุมปากลิ่งหูชิวกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย
เผยซานเหนียงหันกลับมา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “น้องหนิว ฝ่าบาทตอบรับคำขอของเจ้าแล้ว ขอเพียงเจ้าทำงานได้ดีก็จะยอมปล่อยเจ้าไป!”
ลิ่งหูชิวได้ฟังก็ดีใจขึ้นมา ยักคิ้วหลิ่วตาให้หนิวโหย่วเต้า
หนิวโหย่วเต้าผายมือเชิญให้นั่ง สื่อให้พวกไฉเฟยนั่งลงด้วยเช่นกัน หลังจากนั่งลงพร้อมกับเผยซานเหนียงแล้ว เขาถึงจะเอ่ยถามขึ้นมาว่า “เหตุใดถึงมาเอาป่านนี้? เมื่อครู่ท่านเองก็เห็นแล้วกระมัง หากท่านมาช้ากว่านี้ไปสักก้าว ข้าอาจจะทำลายใบอนุญาตทิ้งต่อหน้าทุกคนแล้ว”
เผยซานเหนียงตอบว่า “เรื่องบางอย่างจำเป็นแจ้งไปหาทางสำนักก่อน อีกทั้งต้องเตรียมของที่เจ้าต้องการด้วย” นางล้วงขวดกระเบื้องเคลือบเล็กๆ ใบหนึ่งออกมา ดันไปไว้ตรงหน้าหนิวโหย่วเต้า “ข่าวจะถูกปล่อยออกไปในวันนี้ กำหนดการประมูลคือช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ รุ่งเช้าวันพรุ่งนี้คนของสำนักมหาบรรพตจะมารับเจ้า คุ้มกันเจ้าไปส่งยังสถานที่จัดประมูล ในขวดมียาอยู่สิบเม็ด ปรุงขึ้นเป็นอย่างดี ไร้สีไร้กลิ่น บีบให้แตกละเอียดก็ใช้ได้แล้ว จำไว้ ก่อนออกเดินทางพรุ่งนี้ให้ทาสิ่งที่อยู่ในขวดลงบนใบอนุญาต ทาเม็ดละแผ่น”
หนิวโหย่วเต้ารับขวดกระเบื้องใบเล็กไป เปิดจุกขวดออก เทสิ่งที่อยู่ด้านในลงบนฝ่ามือ มียาเม็ดหุ้มขี้ผึ้งสิบเม็ดจริงๆ
เขาเอายาใส่กลับเข้าไปในขวดกระเบื้องแล้วปิดฝา พยักหน้าแล้วกล่าวไปว่า “จำได้แล้ว ขอบคุณพี่เผยมากที่ให้ความช่วยเหลือ บุญคุณยิ่งใหญ่ ภายหน้าจะทดแทนให้แน่!”
“เจ้าดูแลตัวเองให้ดีเถอะ!” เผยซานเหนียงว่าจบก็ลุกขึ้นเดินจากไป ไม่แตะต้องน้ำชาบนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย
หนิวโหย่วเต้าลุกขึ้นพลางเอ่ยถามอีกประโยค “ฝ่าบาทยังมีรับสั่งอย่างอื่นด้วยหรือไม่?”
เผยซานเหนียงชะงักอยู่ที่ประตู เหลียวมองเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ไม่มี!” พูดจบก็พาพวกไฉเฟยเดินออกจากประตูไป
ลิ่งหูชิวออกไปส่งพวกเขาด้วยตัวเอง ในตอนที่เร่งเดินกลับเข้ามา ก็เห็นหนิวโหย่วเต้าถือขวดกระเบื้องเคลือบใบเล็กไว้ด้วยท่าทางใจลอย เขาเดินเข้าไปหัวเราะฮ่าๆ แล้วกล่าวว่า “น้องหนิว มีทางรอดแล้ว! ขอเพียงผ่านวันพรุ่งนี้ไปได้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว”
“ได้แต่หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจเบาๆ รู้สึกสะท้อนใจเหลือเกิน
….
นอกเมือง บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่รายล้อมด้วยหมู่เขา กลุ่มคนโพกหน้าที่ปิดล้อมคณะของเฟิงเอินไท่ไว้ทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาถูกดักสกัดค้นตัว หลังจากเอ่ยเกลี้ยกล่อมผู้สกัดทางดีๆ แล้วก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
หลังจากกลุ่มคนโพกหน้าค้นตัวพวกเขาไปรอบหนึ่งแล้วไม่พบสิ่งที่ต้องการ คนเหล่านั้นก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรเช่นกัน จากไปเช่นนี้เลย
หลังจากมองตามกลุ่มคนโพกหน้าที่ทะยานหายลับไปแล้ว ทุกคนมองสำรวจรอบข้าง พอไม่เห็นใครปรากฏตัวขึ้นมาอีกก็พากันโล่งอก นี่เป็นครั้งที่แปดแล้วที่พวกเขาถูกดักค้นตัวระหว่างทาง
“ดูเหมือนจะไม่มีใครมาดักสกัดอีกแล้ว” เฮยหมู่ตานมองสำรวจรอบข้างพลางเอ่ยขึ้นมา ในใจยังคงมีความไม่สบอารมณ์อยู่ นางเป็นสตรีคนหนึ่งแต่กลับต้องถูกคนอื่นมาลูบคลำเนื้อตัวอยู่หลายครั้ง
เฟิงเอินไท่เอ่ยว่า “ออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ รอให้ข่าวลือซาไปแล้วค่อยกลับมาก็ยังไม่สาย”
เฮยหมู่ตานกล่าวว่า “เฟิงเหยี่ย เกรงว่าพวกเราคงร่วมทางกับทุกท่านมาได้เพียงเท่านี้แล้ว”
เฟิงเอินไท่ประหลาดใจ “พวกเจ้าจะไปไหน?”
เฮยหมู่ตานตอบว่า “ตามที่สำนักหยกสวรรค์ตกลงกับเต้าเหยี่ยเอาไว้ เมื่อเต้าเหยี่ยยอมแบกรับภาระนี้แล้ว ภารกิจของพวกเราและสามสำนักก็นับว่าสำเร็จลุล่วงแล้ว พวกเราย่อมต้องกลับไปยังจังหวัดชิงซาน คาดว่าสำนักหยกสวรรค์คงไม่จะผิดสัญญาอีกกระมัง?”
เฟิงเอินไท่ขมวดคิ้ว “พวกเจ้าจะไม่รอหนิวโหย่วเต้าหรือ?”
เฮยหมู่ตานตอบว่า “นี่คือคำสั่งของเต้าเหยี่ยเจ้าค่ะ”
เฟิงเอินไท่อึกอักคล้ายอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เงียบไป
เดิมทีเขาอยากจะเอ่ยโน้มน้าว หากว่าหนิวโหย่วเต้าประสบเหตุเสียชีวิตอยู่ที่นี่ เช่นนั้นพวกเจ้ากลับไปก็ไร้ประโยชน์ เมื่อไม่มีหนิวโหย่วเต้าที่ทรงอิทธิพลต่อซางเฉาจงแล้ว ซางเฉาจงจะยอมขัดขวางไม่ให้สำนักหยกสวรรค์ถีบหัวส่งพวกเจ้าออกไปหรือ? หากหนิวโหย่วเต้าไม่อยู่แล้ว พวกเจ้าคิดว่าจะยังได้รับปันส่วนกำไรจากการค้าสุราอีกหรือ? เมื่อพวกเจ้าทอดทิ้งไม่ไยดีหนิวโหย่วเต้า เกรงว่าฝ่ายแรกที่จะโมโหสุดขีดคงจะเป็นทางฝั่งซางเฉาจง
ทว่าถ้อยคำบางอย่าง ตัวเขาที่เป็นศิษย์ของสำนักหยกสวรรค์ก็ไม่สะดวกจะเอ่ยออกไป ไม่สะดวกเอ่ยถึงเรื่องที่สำนักหยกสวรรค์อาจจะผิดคำพูดที่ให้ไว้ สำนักใดบ้างเล่าที่ไม่ใคร่ครวญเพื่อผลประโยชน์ของสำนักตน อีกทั้งพวกเจ้าก็ไม่ได้ออกแรงอันใดเลย ทำไมถึงต้องมอบเงินหลายร้อยเหรียญทองให้พวกเจ้าเปล่าๆ ทุกปีด้วย?
“เอาเถอะ พวกข้าจำเป็นต้องหาทางจัดการเรื่องม้าศึกต่อ เช่นนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันตรงนี้แล้วกัน!” เฟิงเอินไท่เอ่ยเสียงเรียบ
“เฟิงเหยี่ยรักษาตัวด้วย ขออำลา ณ ที่นี้เลย!” เฮยหมู่ตานประสานมือคำนับ
เฟิงเอินไท่ประสานมือกล่าวว่า “เดินทางปลอดภัย!”
“ไป!” เฮยหมู่ตานกระโดดขึ้นหลังม้า ร้องย๊าคำหนึ่ง พาทั้งกลุ่มควบม้าจากไป
หลังจากควบม้าออกมาได้ระยะหนึ่ง อูเซ่าฮวนที่เหลือแขนข้างเดียวก็เร่งม้าตามขึ้นมา ควบขนานไปกับเฮยหมู่ตาน เอ่ยเสียงเครียด “เฮยหมู่ตาน ทอดทิ้งไม่ไยดีหนิวโหย่วเต้าไปคงไม่ค่อยเหมาะกระมัง”
เฮยหมู่ตานหันไปเอ่ยถาม “หมายความว่าอย่างไร?”
อูเซ่าฮวนกล่าวว่า “ผลประโยชน์ของเจ้าและผลประโยชน์ของพวกเราสามสำนักล้วนขึ้นอยู่กับหนิวโหย่วเต้า! ไมตรีระหว่างท่านอ๋องและหนิวโหย่วเต้าลึกซึ้งเพียงใดเจ้าน่าจะทราบดี แม้แต่ท่านหญิงก็ยังคอยมาดูแลอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า หากเกิดเหตุขึ้นกับหนิวโหย่วเต้า แล้วทางยงผิงจวิ้นอ๋องทราบเข้าว่าพวกเราทอดทิ้งหนิวโหย่วเต้าโดยไม่สนใจว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ยงผิงจวิ้นอ๋องต้องโกรธเกรี้ยวอย่างมากแน่นอน! หากท่านอ๋องไม่พอใจพวกเรา อีกทั้งจังหวัดชิงซานก็ใช่ว่าจะขาดพวกเราไปไม่ได้ อีกทั้งหากสำนักหยกสวรรค์อยากฮุบกำไรจากการขายสุราเอาไว้เพียงผู้เดียว ด้วยปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ อาจจะทำให้สำนักหยกสวรรค์เกิดความคิดไม่ซื่อขึ้นได้ง่ายมาก เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าจังหวัดชิงซานคงไม่มีที่ให้พวกเราแล้ว พวกเราจะกลับไปเช่นนี้ไม่ได้!”
ในอดีตเขานำกำลังมุ่งหน้าไปหมายถล่มสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ แต่เกิดความผิดพลาดจนต้องสละแขนทิ้งไปข้างหนึ่ง ต่อมาต้องนำกำลังคนไปตามสังหารหนิวโหย่วเต้าที่หอหิมะเหมันต์ แต่ยามนี้กลับต้องมากังวลเป็นห่วงความปลอดภัยของหนิวโหย่วเต้า เรียกได้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรจีรังจริงๆ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเรื่องของผลประโยชน์
เฮยหมู่ตานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสฮวนวิสัยทัศน์ยอดเยี่ยมนัก พวกเราย่อมไม่อาจกลับไปเช่นนี้ได้ หากแต่จะมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเพื่อตบตาก่อน รอจนสลัดพวกสายสืบที่อาจจะตามมาจนหมดแล้ว พวกเราจะเปลี่ยนเส้นทางไปยังอีกสถานที่อีกแห่ง”
อูเซ่าฮวนเอ่ยถาม “อธิบายมาให้กระจ่างก่อนได้หรือไม่?”
“ไม่ได้! นี่คือแผนการของเต้าเหยี่ย ต้องเก็บเป็นความลับไว้ก่อน!” เฮยหมู่ตานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด หันไปถามกงซุนปู้ต่อ “พี่กงซุน ท่านควรจะทิ้งกำลังคนไว้ทางนี้บ้างกระมัง? เพื่อให้เต้าเหยี่ยติดต่อพวกเราได้สะดวก”
กงซุนปู้ตอบว่า “เต้าเหยี่ยจัดการไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว ยังมีคนของสำนักเบญจคีรีแฝงตัวอยู่ทางเมืองหลวงโดยไม่เปิดเผยตัว เต้าเหยี่ยทราบดีว่าคนอยู่ที่ใด หากมีธุระย่อมจะติดต่อมาหาเอง”
ดวงตาเฮยหมู่ตานเปล่งประกาย มิน่าเล่า ก่อนหน้านี้พอไปเรียกให้คนผู้นี้ออกเดินทาง คนผู้นี้จึงไม่มีทีท่าว่าจะไปกล่าวอำลาเต้าเหยี่ยเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนเต้าเหยี่ยคงแอบแจ้งให้เขาทราบแต่เนิ่นๆ แล้ว
…..
ในช่วงครึ่งบ่าย จู่ๆ ก็มีข่าวหนึ่งแพร่กระจายออกไปในหมู่ผู้บำเพ็ญเพียรในเมืองหลวง ข่าวลือนั้นบอกว่าหนิวโหย่วเต้าต้องการหลุดพ้นจากปัญหาความยุ่งยากนี้ จึงอยากจะจัดงานประมูลใบอนุญาตส่งออกม้าศึกแสนตัวนั้นขึ้นในช่วงเที่ยงวันพรุ่งนี้บนเกาะจันทร์ฉาย ณ ทะเลสาบส่องนภาที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปทางทิศเหนือห้าสิบลี้
หนิวโหย่วเต้าที่นั่งอยู่ใต้ชายคารับกระดาษที่ลิ่งหูชิวยื่นส่งให้ เนื้อหาที่อยู่บนกระดาษก็คือข่าวนี้
หลังจากอ่านจบ หนิวโหย่วเต้าเอ่ยยิ้มๆ ว่า “พี่รอง ถึงท่านไม่ย่างเท้าออกจากประตูก็ยังรู้ถึงความเคลื่อนไหวของใต้หล้าได้อยู่ดี อีกทั้งไม่เคยเห็นท่านออกไปสืบหาข่าว ยิ่งไม่เคยเห็นว่าพวกท่านจะมีลูกน้องคนอื่นเลย แต่ก็ยังตามข่าวสารภายนอกได้ทันอยู่เสมอ”
ลิ่งหูชิวหัวเราะแห้งๆ กลบเกลื่อน จากนั้นเอ่ยว่า “ยังพอมีคนรู้จักอยู่ในเมืองหลวงแคว้นฉีน่ะ”
หนิวโหย่วเต้าส่งกระดาษคืนให้เขาแล้วถามว่า “สภาพแวดล้อมของทะเลสาบส่องนภาเป็นอย่างไร เหมาะสำหรับจัดประมูลหรือไม่?”
ลิ่งหูชิวใคร่ครวญพลางเอ่ยว่า “น่าจะนับว่าเหมาะสมกระมัง ทะเลสาบส่องนภามีอาณาเขตพื้นที่นับร้อยลี้ ใจกลางทะเลสาบมีเกาะแห่งหนึ่งซึ่งก็คือเกาะจันทร์ฉาย ตอนนี้ข่าวแพร่กระจายไปทั่วแล้ว คนที่คิดจะประมูลก็สามารถส่งคนไปเตรียมการไว้ล่วงหน้าได้ อาณาเขตทะเลสาบกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ หลังจากประมูลของได้แล้ว หากจะเดินทางออกไปโดยใช้เส้นทางน้ำ มันก็คาดเดาได้ยากว่าขึ้นมาจากฝั่งไหน แล้วจะออกไปจากเกาะทางไหน หากว่ามีคนคอยให้ความช่วยเหลือ คอยสร้างสถานการณ์เพิ่มความสับสนให้ศัตรูล่ะก็ มันก็จะยิ่งเดาได้ยากว่าผู้ที่ประมูลไปได้เอาของออกไปทางไหน”
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้าเล็กน้อย “หากเป็นเช่นนี้ พรุ่งนี้น่าจะมีคนมาเข้าร่วมงานประมูลไม่น้อยเลย พายุกำลังจะมาแล้ว! ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครมาเข้าร่วมงานประมูลบ้าง”
ลิ่งหูชิวกล่าวว่า “ก็น่าจะเป็นพวกสำนักระดับกลางๆ จากแคว้นต่างๆ นั่นแหละ ส่วนสำนักที่มีอำนาจอิทธิพลต่อแคว้นอย่างแท้จริง หากต้องการม้าศึกก็แค่ติดต่อหาราชสำนักแคว้นฉีโดยตรงก็ได้ คงไม่จำเป็นต้องมาเข้าร่วมการแย่งชิงเช่นนี้ คนที่มาเข้ามาร่วมการแย่งชิงในครานี้ ดูแล้วคงเป็นพวกสำนักที่อยู่เบื้องหลังเจ้าศักดินาเหมือนอย่างซางเฉาจงนั่นแหละ”
…………………………………………………………..