ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 311 พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ
ตอนที่ 311 พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ
ทันทีที่ฝ่ามือปะทะกัน คุนหลินซู่ก็สังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว ความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนตอนที่ปะทะกับหนิวโหย่วเต้าก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง รับรู้ได้ว่าพลังฝ่ามือของตนไม่ส่งผลต่อร่างหนิวโหย่วเต้าเลยแม้แต่น้อย ราวกับโจมตีใส่ความว่างเปล่า
เป็นความรู้สึกที่ผิดปกติอย่างยิ่ง!
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าโจมตีโดนแล้ว!
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าอยู่ตรงหน้าตน!
ส่วนพลังที่ไหลเข้ามาทางฝ่ามือของตนกลับกลายเป็นความเยียบเย็นและร้อนลวกผสานปนเปกัน เกิดเป็นความปั่นป่วนอย่างรุนแรง
เขาโคจรพลังสกัดต้านทันที พลังที่ร้อนระอุสายนั้นเขากลับไม่เกรงกลัว เพราะมันถูกวิชาเพลิงนภาของเขาลบล้างไปอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องใช้วิชาเพลิงนภาสะกดเอาไว้คือพลังเยียบเย็นอันหนาวยะเยือกสายนั้น โชคดีที่หยินหยางต่างข่มกันเอง การรวบรวมความร้อนเพื่อสลายพลังอันเยียบเย็นสายนั้นจึงไม่นับว่าลำบากยากเย็นเท่าไร
ทว่าในช่วงเวลาการต่อสู้อันกระชั้นชิด ไหนเลยจะมีเวลาพอให้เขาค่อยๆ สลายพลังไปได้
คนหนึ่งอยู่ด้านบนอีกคนอยู่ด้านล่าง ขณะที่เคลื่อนตัวสวนเข้าหากัน หนิวโหย่วเต้าจะโจมตีเพียงฝ่ามือเดียวได้อย่างไร ฝ่ามืออีกข้างซัดออกไปพร้อมกัน
คุนหลินซู่ตวัดแขนอีกข้างออกไปปัดป้องอย่างโกรธเกรี้ยว ทว่าฝ่ามืออีกข้างของหนิวโหย่วเต้าก็ยังโจมตีถูกเป้าหมายได้อย่างแม่นยำอีกครั้ง
แขนของคุนหลินซู่ที่ยังคงโคจรพลังสลายแรงอยู่ข้างนั้นถูกฝ่ามือมหาจักรวาลโจมตีใส่อีกครั้ง ร่างกายแข็งทื่อไปทันที ความเร็วในการตอบสนองไม่อาจตามทันได้ ไหนเลยจะสกัดกั้นฝ่ามือที่สามของหนิวโหย่วเต้าที่ซัดตามมาติดๆ ได้
ผัวะ! หนิวโหย่วเต้าซัดฝ่ามือพุ่งผ่านสองแขนของเขาที่ยังคงตวัดปัดป้องอยู่ โจมตีเข้าที่ทรวงอกของเขา!
คุนหลินซู่เบิกตากว้าง สองแก้มพองขยาย ตัวคนสั่นสะท้านลอยละลิ่วออกไปในอากาศ
ผัวะ! ในเสี้ยวพริบตาที่ทั้งสองฝ่ายเคลื่อนห่างจากกัน หนิวโหย่วเต้าวาดเท้าแหวกอากาศถีบเข้าที่แผ่นหลังของคุนหลินซู่
“ศิษย์พี่!”
ยังไม่ทันที่จะได้เห็นภาพเหตุการณ์ถูกเตะภาพนี้ หั่วเฟิ่งหวงที่อยู่ด้านล่างส่งเสียงหวีดร้องออกมาตั้งแต่ตอนคุนหลิงซู่ถูกโจมตีเข้าที่อกแล้ว
พลังทั้งหมดถูกโคจรมารวมไว้ที่ทรวงอกเพื่อสกัดพลังฝ่ามือจนเต็มกลืนเหลือรับแล้ว ซ้ำแผ่นหลังยังถูกโจมตีเข้ามาอย่างรุนแรงอีก พลังที่คุ้มกายคุนหลินซู่อยู่ถูกโจมตีจนแตกสลาย คล้ายจะได้ยินเสียงกระดูกในร่างตนแตกหักดักกรอบแกรบด้วย เลือดลมได้รับผลกระทบจากพลังอันมหาศาล เอ่อล้นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
‘พรูด!’ คุนหลินซู่กระอักโลหิตออกมากลางอากาศ ลอยละลิ่วออกไป
การประมือกันของทั้งสองฝ่ายดำเนินไปเร็วอย่างยิ่ง เปลวเพลิงที่กระจายตัวออกเป็นกงจักรเพลิงคราแรกนั้นยังไม่ทันสลายหายไปจนหมดสิ้น คุนหลินซู่ที่กระเด็นออกไปชนเข้ากับสะเก็ดเพลิงที่ยังหลงเหลืออยู่ อาภรณ์ติดไฟลุกไหม้ ถูกเพลิงของตนย้อนกลับมาแผดเผา ให้ความรู้สึกคล้ายเล่นกับไฟ สุดท้ายก็ถูกไฟลวกเอา
ทั้งสองตกลงกติกาการต่อสู้ไว้เรียบร้อยแล้ว ประกาศชัดเจนก่อนเริ่มแล้วว่าเป็นตายขึ้นอยู่กับชะตา ท้าประลองแบบตัวต่อตัว ว่ากันตามหลักแล้วคนนอกไม่ควรจะเข้ามาแทรกแซง
ทว่าหั่วเฟิ่งหวงที่อยู่ด้านล่างกลับไม่สามารถทนมองเฉยๆ ได้ ทนมองคุนหลินซู่ตายไปต่อหน้าไม่ได้ นางดีดตัวทะยานขึ้นสู่อากาศ พุ่งเข้าไปหาคุนหลินซู่ หมายจะชิงตัวมา
หนิวโหย่วเต้าที่พุ่งออกมาจากในเปลวเพลิงที่กระจายตัวเหมือนระลอกคลื่นกางแขนทั้งสองข้างออก หักเลี้ยวทะยานไปที่ยอดหลังคาของศาลา ตีลังกากลางอากาศ เท้าพลันเหยียบลงบนหลังคาของศาลา จากนั้นดีดตัวพุ่งออกไปอีกครั้ง ทะยานเข้าไปหาคุนหลินซู่อีกครั้ง สายตาจ้องตรงไปยังเป้าหมาย เผยสีหน้าโหดเหี้ยมดุดันออกมาอย่างชัดเจน!
ทุกคนยังไม่ได้สติกลับมาจากอาการตกตะลึง เมื่อเห็นว่าหนิวโหย่วเต้ายังไม่ยอมรามือ หมายจะทำการโจมตีอีกครั้ง ทุกคนก็ล้วนตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างแล้ว
เห็นๆ อยู่ว่าโจมตีคุนหลินซู่จนได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว แต่ก็ยังต้องการโจมตีอีก เช่นนี้คือหนิวโหย่วเต้ามีใจหมายสังหาร!
ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่มีสีหน้าตึงเครียด บ้าไปแล้วหรือ?
วันนี้ทั้งสองได้ตระหนักถึงนิสัยใจคอของน้องเล็กคนนี้แล้ว ตอนที่ยังไม่ลงมือก็ยังพอว่า แต่หากลงมือแล้วต้องจัดการให้ถึงที่สุด
ตอนนี้ทั้งสองถึงได้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหนิวโหย่วเต้าถึงต้องให้สามสำนักรับรอง เป็นเพราะถูกคุนหลินซู่ยั่วโทสะเข้าแล้ว ทนแล้วทนเล่าจนทนไม่ไหว ต้องการสังหารอีกฝ่ายทิ้งเสีย!
คุนหลินซู่ที่บนร่างมีเปลวเพลิงลุกไหม้ลอยละลิ่วร่วงหล่นลงมาจากอากาศ หั่วเฟิ่งหวงทะยานเข้าอ้าแขนโอบร่างเขาไว้ เปลวไฟบนร่างเขาก็ถูกหั่วเฟิ่งหวงดับลงในชั่วพริบตา
มีเสียงความเคลื่อนไหวแว่วมาจากทางด้านหลังอีกครั้ง หั่วเฟิ่งหวงเหลียวมองทันที เห็นว่าหนิวโหย่วเต้าพุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง บนร่างพลันระเบิดเปลวเพลิงออกมา เปลวเพลิงอันร้อนแรงกลายร่างเป็นวิหคยักษ์ตัวหนึ่ง วิหคยักษ์กระพือปีกเพลิงทั้งสองข้าง โผบินหลบหนีการไล่สังหารอย่างรวดเร็ว!
หนิวโหย่วเต้ากางแขนทั้งสองออก ปีกลมปราณกางสยายเหินร่อนลม เบี่ยงตัวออกด้านข้าง อ้อมวกกลับมาตามล่าอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้เองพลันมีประกายเยียบเย็นพุ่งเข้ามา คมมีดจำนวนนับไม่ถ้วนคล้ายถูกร้อยเรียงด้วยสายลูกปัดที่มองไม่เห็นจนกลายเป็นเหมือนเกราะเกล็ด ก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดใหญ่ที่หมุนวนอยู่ ราวกับโล่ยักษ์ชิ้นหนึ่งที่หมุนวนอยู่กลางอากาศ คั่นกลางระหว่างหนิวโหย่วเต้าที่กำลังตามไล่ล่าและหั่วเฟิ่งหวงที่กำลังหลบหนี
หนิวโหย่วเต้าเบี่ยงตัวบินอ้อมอย่างรวดเร็ว หลังบินออกออกมาแล้ว ในขณะที่ยังไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่แน่ชัด เขาจึงไม่กล้าเข้าปะทะตรงๆ
ฝ่ายหั่วเฟิ่งหวงก็โอบคุนหลินซู่ร่อนลงสู่พื้น ร่อนลงตรงด้านนอกศาลา
หูเทียนหานที่ปลดผ้าคลุมกันลมสีดำที่อยู่บนร่างออกไปแล้วประกบฝ่ามือขึ้นมา ค่ายกลเกราะใบมีดขนาดใหญ่ที่หมุนวนอยู่กลางอากาศพลันหมุนควงเร็วขึ้น จากนั้นก็ถูกดึงสายลูกปัดกลับมาจากกลางอากาศ
ดูเหมือนอาภรณ์ที่เขาสวมใส่อยู่บนร่างจะถูกผลิตขึ้นเป็นพิเศษ แผ่นเกล็ดลอยกลับมา กลับมาแขวนอยู่บนร่างของเขา
พอใบมีดแผ่นสุดท้ายกลับเข้าสู่ร่างของหูเทียนหาน บนร่างของหูเทียนหานก็ดูคล้ายว่ากำลังสวมชุดเกราะรบชุดหนึ่งอยู่ นี่คืออาวุธของสำนักศาสตราลึกล้ำ!
เหตุผลที่เขาลงมือช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เนื่องเพราะเขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการรับรอง หากการรับรองของเขาเป็นสาเหตุที่ทำให้คุนหลินซู่ถูกสังหารขึ้นมา วันหน้าคงวางตัวลำบาก อีกทั้งผลการต่อสู้ก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัดแล้วว่าแม้แต่คุนหลินซู่ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของหนิวโหย่วเต้า คาดว่าหั่วเฟิ่งหวงคงจะรับมือไม่ไหวเสียยิ่งกว่า จึงลงมือช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
แต่แน่นอน หนิวโหย่วเต้าก็ยังไม่แน่ว่าจะไล่ตามหั่วเฟิ่งหวงทัน แต่หั่วเฟิ่งหวงโอบประคองคนผู้หนึ่งไว้ย่อมทะยานได้ไม่เร็วนัก ไม่แน่ว่าจะสลัดหนิวโหย่วเต้าได้ คุนหลินซู่คล้ายต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน หากปล่อยให้หนิวโหย่วเต้าไล่ล่าต่อไปคงไม่ดีแน่
ด้วยระดับสภาวะของหนิวโหย่วเต้า ปีกลมปราณที่ก่อตัวขึ้นจากพลังไม่อาจเหินลอยอยู่กลางอากาศไปได้ตลอด จึงถลาร่อนลงมาทางนี้เช่นเดียวกัน!
ฉินยงพลันถลันกายออกไปขวางระหว่างหั่วเฟิ่งหวงและหนิวโหย่วเต้า กระทั่งหูเทียนหานก็ยังลงมือแล้ว เขาก็ต้องแสดงท่าทีบ้างเช่นกัน
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถามเสียงเข้ม “หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าคำรับรองของพวกท่านสามสำนักไม่อาจเชื่อถือได้ ต้องการรวมหัวกันจัดการข้าอย่างนั้นหรือ?” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด ไหนเลยจะยังมีท่าทางอ่อนน้อมเช่นก่อนหน้านี้ เขาเองก็ทราบเช่นกัน หากสามสำนักต้องการร่วมมือกันจัดการเขา เวลานี้แสร้งอ่อนน้อมต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีก จึงกระชากหน้ากากแห่งความเสแสร้งทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง!
ลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ปรี่เข้ามาทันที ต่างคนต่างยึดแขนหนิวโหย่วเต้าไว้คนละข้าง เกลี้ยกล่อมซ้ำๆ “น้องสาม พอแล้ว พอได้แล้ว!”
ฉินยงส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “น้องหนิว พวกเราย่อมไม่มีทางผิดคำพูด เพียงแต่อยากแนะนำสักประโยค หากอภัยได้จงให้อภัยเถิด การดึงดันจะสังหารให้ได้มันไม่เป็นผลดีต่อตัวเจ้าเลย!” ว่าพลางเบี่ยงตัวออกไปด้านข้าง ชี้ไปยังคุนหลินซู่ที่อยู่ในอ้อมแขนของหั่วเฟิ่งหวงซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เอ่ยต่อว่า “การประลองสิ้นสุดลงแล้ว เขาถูกเจ้าโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส ไม่มีแรงสู้ต่อแล้ว พ่ายแพ้แล้ว จบการต่อสู้เพียงเท่านี้เถอะ!”
ลิ่งหูชิวลอบทอดถอนใจ จำได้ว่าก่อนหน้านี้ฉินยงยังบอกให้หนิวโหย่วเต้าไสหัวไปอยู่เลย เคยเอ่ยเรียก ‘น้องหนิว’ อันใดเสียที่ไหน คนเราเนี่ย สุดท้ายก็หลีกหนีความเป็นจริงไม่พ้น ความแข็งแกร่งต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ได้รับการยอมรับนับถือจากคนอื่น!
สภาพของคุนหลินซู่ในยามนี้เส้นผมถูกเผาไปไม่น้อย ขนคิ้วก็หายไปด้วย ใบหน้าซึกหนึ่งดูเหมือนจะถูกไฟเผาจนดำไหม้ เปลือกตาข้างหนึ่งคล้ายจะถูกเผาจนแนบติดกันไปแล้ว ปรือตาขึ้นมาได้ครึ่งเดียว นับว่าเสียโฉมไปแล้ว อาภรณ์บนร่างถูกเผาไหม้ไปกว่าครึ่ง สภาพน่าสังเวช มีโลหิตสดๆ ไหลซึมออกมาจากปากและจมูก ดวงตาข้างหนึ่งและดวงตาอีกข้างหนึ่งเปิดปรือได้เพียงครึ่งเดียวกำลังจ้องมองหนิวโหย่วเต้า ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงอย่างรุนแรง หอบหายใจขาดห้วงเป็นพักๆ ท่าทางคล้ายจะหยุดหายใจลงได้ทุกเมื่อ
ร่างกายที่ได้รับการโจมตีจากฝ่ามือมหาจักรวาลสั่นระริก
“เขาแพ้แล้ว พ่ายแพ้แล้ว ไม่สู้แล้ว เจ้าชนะแล้ว!” หั่วเฟิ่งหวงที่มีน้ำตานองหน้ารีบยอมรับความพ่ายแพ้แทนคุนหลินซู่ อาการบาดเจ็บของคุนหลินซู่สาหัสมาก หากชักช้าต่อไปอาจจะสิ้นใจลงได้ทุกเมื่อ จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ไหนเลยจะเสียเวลากับหนิวโหย่วเต้าต่อไปได้ นางจึงรีบประกาศยอมรับความพ่ายแพ้
ศิษย์ของสองสำนักที่เฝ้ามองอยู่ด้านข้างมองดูด้วยความสะท้อนใจ บุรุษรูปงามที่องอาจผ่าเผย เพียงพริบตาเดียวก็กลายสภาพเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว เหมือนดั่งคำกล่าวที่ว่าเล่นกับไฟ สุดท้ายก็ถูกไฟลวกเอาเอง!
หากไม่ดึงดันจะทำเช่นนี้ อย่างมากก็คงบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ไม่ถึงขั้นตกอยู่ในสภาพเสียโฉมเช่นนี้
เจตนาสังหารยังไม่เลือนหายไปจากใบหน้าหนิวโหย่วเต้า คุนหลินซู่รังแกเขาเกินไปแล้วจริงๆ ต้องการผลักดันเขาไปสู่ความตายให้ได้ เขาเองก็ไม่คิดจะปล่อยให้อีกฝ่ายรอดไปได้เช่นกัน ดังนั้นจึงตัดสินใจมุ่งสังหาร ทว่าด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เขาเองก็ทราบเช่นกันว่าไม่อาจลงมือต่อได้ ทำได้เพียงยอมรามือเท่านั้น
เพียงแต่เขายังคงจ้องมองคุนหลินซู่ที่อยู่ในสภาพหายใจรวยริน เอ่ยด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน “ทำมาพูดว่าเป็นตายขึ้นอยู่กับชะตา น่าขันสิ้นดี เจ้าดวงดีกว่าข้ามากนัก หากคนแพ้คือข้า เกรงว่าคงจะตายอย่างไร้หลุมฝังกลบไปแล้ว คงไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาขวางมิให้เจ้าสังหารข้า! ตอนนี้เจ้าคงเข้าใจแล้วกระมังว่าเหตุใดข้าถึงต้องยอมอดทนกับเจ้า ตอนนี้เจ้าคงเข้าใจแล้วกระมังว่ามิได้เพราะตัวเจ้าเลิศเลออันใดเลย แต่เป็นเพราะเจ้ามีบารมีสำนักเพลิงนภาคุ้มหัว! อภัยได้จงอภัยอย่างนั้นหรือ พูดได้ดีนี่ วาจานี้ของพี่ฉินข้าขอส่งต่อให้กับเจ้า จำไว้ ชีวิตนี้ของเจ้าเป็นข้าที่ยอมเมตตาละเว้น!”
คุนหลิงซู่สะเทือนอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด ร่างกายบิดเกร็งขึ้นมาอย่างรุนแรง
“ศิษย์พี่!” หั่วเฟิ่งหวงเอ่ยปลอบด้วยเสียงโศกหมอง น้ำตาไหลรินดุจสายพิรุณ
หนิวโหย่วเต้าเงยหน้ามองคนของสำนักมหาบรรพตและสำนักศาสตราลึกล้ำ เอ่ยถามว่า “ข้าไปได้หรือยัง?”
“ไอ๊หยา มัวพูดเหลวไหลอะไร ไปไหนก็ไป” หูเทียนหานโบกมือไล่ให้เขาจากไป เรื่องในวันนี้ช่างกวนใจเสียเหลือเกิน หากรู้แต่แรกว่าคุนหลินซู่สู้ไม่ไหวขนาดนี้ คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะตกลงเป็นพยานให้ อีกเดี๋ยวเกรงว่าคงต้องมอบคำอธิบายดีๆ แก่ทางสำนักแล้ว เผลอๆ อาจจะถูกตำหนิทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดด้วยก็ได้
“ลาก่อน!” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยทิ้งท้ายไว้ สะบัดแขนสองข้าง สลัดลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ที่รั้งแขนไว้ออก ฉวยกระบี่กลับมาจากมือลิ่งหูชิว หันหลังเหินทะยานข้ามหัวทุกคนไป จากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากลิ่งหูชิวและเฟิงเอินไท่ประสานมือคำนับคนของสามสำนักแล้วก็รีบไล่ตามออกไปเช่นกัน
ผู้ชมที่เหลือล้วนลอบทอดถอนใจอยู่ พบว่าพลังของหนิวโหย่วเต้าค่อนข้างลึกล้ำเกินหยั่งวัด คุนหลิงซู่ผู้นี้เพียงเผชิญหน้าก็พ่ายแพ้ให้แก่หนิวโหย่วเต้า ไร้ซึ่งกำลังจะตอบโต้หนิวโหย่วเต้าได้ เช่นนี้แล้วยังกล้ามาบีบให้หนิวโหย่วเต้ารับคำท้าประลอง พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ กลายเป็นเรื่องตลกฉากหนึ่งอย่างแท้จริง!
ในเวลานี้ทุกคนอดไม่ได้ที่นึกเชื่อมโยงไปถึงการตายของจั๋วเชาที่ร่ำลือกัน มองจากเรื่องในวันนี้แล้ว หากบอกว่าจั๋วเชาตายด้วยน้ำมือของหนิวโหย่วเต้า เกรงว่าจะมิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว
“ดูอะไรกัน ยังไม่ไสหัวไปอีก!” หูเทียนหานตวาดกร้าว
กลุ่มคนที่มุงดูอยู่แตกฮือไปทันที พากันเหินทะยานจากไป
สายพิรุณโปรยปรายจากฟากฟ้า พวกหั่วเฟิ่งหวงพาคุนหลินซู่เข้าไปในศาลาเพื่อเร่งช่วยเหลือเป็นการด่วน
……
ณ ทะเลสาบส่องนภา เงาร่างคนสามคนร่อนโฉบผ่านผิวทะเลสาบไปอย่างเร่งร้อน
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ ลิ่งหูชิวก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นว่า “น้องสาม พลังของเจ้าไม่ธรรมดาเลย ข้าเคยได้ยินเรื่องของคุนหลินซู่ผู้นี้มาก่อน เป็นหัวกะทิในบรรดาศิษย์รุ่นนี้ของสำนักเพลิงนภา ผลปรากฏว่าเพียงปะทะกันก็พ่ายแพ้ให้เจ้าอย่างหมดท่า คาดว่าครานี้เจ้าไม่เพียงแต่จะสร้างชื่อเสียงเลื่องลือเท่านั้น แต่เกรงว่าจะดึงดูดความสนใจจากสำนักใหญ่เหล่านั้นเข้าจริงๆ แล้ว!”
“ข้ายอมไม่มีชื่อเสียงนี้เสียดีกว่า!” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยหยันตัวเอง จากนั้นหันไปมองเฟิงเอินไท่ “พี่ใหญ่ ท่านจากไปแล้วมิใช่หรือ?”
ลิ่งหูชิวก็หันไปมองเช่นกัน “ใช่แล้ว ท่านมาที่นี่ทำไมอีก?”
เฟิงเอินไท่ถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ข้าต้องมอบคำอธิบายเรื่องม้าศึกให้แก่ทางสำนักใช่ไหมล่ะ เมื่อมีการประมูลเช่นนี้ ข้าจะไม่มาดูสักหน่อยได้หรือ?”
………………………………………………………………………