ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า - ตอนที่ 334 ขาดทุน
บทที่ 334 ขาดทุน
ถูกก่วนฟางอี๋ลากเดินออกไปต่อหน้าต่อตาทุกคน
ความรู้สึกนั้นดูเหมือนหนิวโหย่วเต้าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธได้เลย
ถูกลากเดินออกมาได้ไม่เท่าไรก็ถูกก่วนฟางอี๋คล้องแขนไว้อีกครั้ง เหมือนคู่รักที่สนิทสนมรักใคร่!
ลิ่งหูชิวและหงซิ่วยืนทื่ออยู่ตรงนั้น มองตามหลังไปอยู่ครู่หนึ่ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหันไม่ทันตั้งตัว ทั้งสองยังคงตะลึงกับเหตุการณ์นี้ คล้ายยังไม่ได้สติกลับมา
ขณะที่เดินไปตามทางเท้าสายเล็กที่มีต้นไม้เรียงราย ก่วนฟางอี๋สังเกตเห็นว่าหนิวโหย่วเต้ามีท่าทีจะชักแขนออก นางจึงรีบรัดไว้แน่น “อะไรกัน รังเกียจหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าหงุดหงิดเล็กน้อย กระซิบถามเสียงเบา “ข้าบอกตอนไหนว่าจะแต่งกับเจ้า? คำพูดนี้กล่าวส่งเดชได้หรือ?”
ก่วนฟางอี๋ยิ้มร่าเอ่ยไปว่า “เจ้าจะแก้ตัวให้กระจ่างก็ได้นี่ ข้าไม่ได้อุดปากเจ้าไว้สักหน่อย เจ้าไม่อธิบายเอง จะมาโทษข้าได้หรือ?”
หนิวโหย่วเต้าย้อนถาม “ข้าจะอธิบายได้อย่างไร?”
เรื่องนี้ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เจรจาตกลงกันไว้ จนปัญญาจะอธิบาย หากคนหนึ่งบอกใช่ อีกคนบอกไม่จนเกิดพิรุธขึ้นมา นึกว่าคนเขาจะโง่จนดูไม่ออกหรือ?
ก่วนฟางอี๋กล่าวว่า “รู้ตัวว่าไม่สะดวกจะอธิบายก็ดี ในเมื่อจะแสดงทั้งทีก็ต้องแสดงให้สมจริงหน่อย ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะหวังดีต่อเจ้า จากนี้ไปพี่รองคนนั้นของเจ้าต้องเชื่อแน่นอนว่าพวกเรามีความสัมพันธ์กัน ต่อให้ข้าเพิ่มกำลังคุ้มกันเจ้าเขาก็ไม่มีทางสงสัยแน่ ข้าทุ่มเททำงานเพื่อเจ้าขนาดนี้ เหตุใดเจ้าถึงมีท่าทีเนรคุณไม่ซาบซึ้งเล่า?”
“แบบนี้เรียกว่าหวังดีต่อข้าอย่างนั้นหรือ? วันหน้าถึงข้าแก้ตัวอย่างไรก็คงไม่กระจ่างแล้ว”
“จะแก้ตัวไปไยเล่า? เจ้าไปค้างคืนที่เรือนของข้า เดิมทีก็ไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียงอยู่แล้วมิใช่หรือ?”
“เจ้าคิดจะทำอะไร? ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยนะ อย่าทำตัววุ่นวาย!”
“ข้าทำตัววุ่นวายหรือ? ข้าไปหาเรื่องเจ้าหรือไง? พวกเราไร้ความคับแค้นบาดหมาง อยู่ดีๆ ก็มาราวีข้าไม่ยอมปล่อย จะลากข้าไปซวยด้วยให้ได้ ก็ดี เช่นนั้นก็ซวยไปด้วยกันเลย! พอตอนนี้ดันมาโทษข้าอีก ลากข้ามาซวยแล้วยังจะกลัวตัวเองเดือดร้อนอีกหรือ?”
ปุ่มที่ 1 ใน 4 สารบัญ
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
0
“ข้าทำตัววุ่นวายหรือ? ข้าไปหาเรื่องเจ้าหรือไง? พวกเราไร้ความคับแค้นบาดหมาง อยู่ดีๆ ก็มาราวีข้าไม่ยอมปล่อย จะลากข้าไปซวยด้วยให้ได้ ก็ดี เช่นนั้นก็ซวยไปด้วยกันเลย! พอตอนนี้ดันมาโทษข้าอีก ลากข้ามาซวยแล้วยังจะกลัวตัวเองเดือดร้อนอีกหรือ?”
“เจ้าเอาอีกแล้วนะ อย่าออกนอกเรื่อง คุยให้ตรงประเด็น!”
“ได้! คุยให้ตรงประเด็น! มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ข้าติดตามบุกน้ำลุยไฟเพื่อเจ้า? เจ้ากำลังหาประโยชน์จากข้าอยู่ชัดๆ ถ้าเจ้าใช้ประโยชน์เสร็จแล้วถีบหัวส่งข้าจะทำอย่างไรเล่า? เจ้ามีเพียงคำหวานเอาใจไม่กี่ประโยค คำหวานของบุรุษข้าฟังมามากพอแล้ว ไม่มีประโยชน์อันใดเลย เจ้ามีสิ่งใดเป็นหลักประกันให้ข้าล่ะ? หากทำไม่สำเร็จแล้วข้าซวยไปกับเจ้าด้วยล่ะ? หากทำสำเร็จ ข้าก็ต้องละทิ้งเมืองหลวงแห่งนี้ไป แล้วถ้าเกิดเจ้าถีบหัวส่งขึ้นมา เจ้าว่าข้าควรทำอย่างไรเล่า? คำพูดหวานๆ ไม่กี่ประโยคจะสามารถชดเชยให้ข้าได้หรือ?”
“เจ้าอยากได้หลักประกันอันใดก็มาคุยกันได้ ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผล พวกเราเจรจากันดีๆ ได้” หนิวโหย่วเต้าพยายามจะดึงแขนออกจากการกอดรัดของนางอีกครั้ง
“อย่าขยับ!” ก่วนฟางอี๋ออกแรงรั้งไว้ สภาวะของนางสูงกว่าหนิวโหย่วเต้า หนิวโหย่วเต้าออกแรงอยู่หลายครั้งก็ยังชักแขนกลับมาไม่ได้ “ข้าไม่ต้องการหลักประกันอื่น ข้าต้องการเรื่องนี้! เจ้าคิดจะให้ข้าติดตามเจ้าไปบุกน้ำลุยไฟ ได้ ไม่มีปัญหา แต่มีสิทธิ์อะไรมาทำให้ข้าเดือดร้อน ส่วนตัวเจ้ากลับปลอดภัยไร้ข้อครหา? หากจะซวยก็ต้องซวยไปด้วยกัน ทำให้คนทั่วหล้าได้รู้ว่าเป็นเจ้าที่รับปากว่าจะแต่งกับข้า ข้าถึงได้ยอมติดตามเจ้า ต่อไปหากเจ้ากล้าถีบหัวส่ง กล้าใช้วิธีนี้มาหลอกลวงแม้แต่สตรีอย่างข้า ข้าก็จะทำให้คนทั้งโลกได้เห็นธาตุแท้ของเจ้า! แต่แน่นอน เจ้าวางใจได้ ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาแต่งกับข้าจริงๆ หรอก เรื่องแบบนี้จะมาบังคับใจกันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?”
พอใคร่ครวญความนัยที่แฝงอยู่ในวาจานี้แล้ว หนิวโหย่วเต้าพลันขนลุกขึ้นมา
ขณะที่เอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ก่วนฟางอี๋ยังคงยิ้มละไมอยู่ ท่าทางดูใกล้ชิดสนิทสนมเป็นอย่างมาก ในมุมมองของคนนอกที่ไม่ทราบเรื่องราวคงนึกว่าทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันหวานชื่นตามประสาคู่รัก
….
พอกลับมาถึงเรือนพำนัก ลิ่งหูชิวก็ส่ายหน้าทันที “ยังหนุ่มยังแน่น เหตุใดถึงทำเช่นนี้กัน? น่าอับอาย!”
หงฝูที่อยู่เฝ้าปีกทองเดินเข้ามาหา พอเห็นเขามีท่าทีเช่นนี้ก็อดถามไม่ได้ “นายท่าน เหตุใดจึงโมโหคับข้องใจเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ?”
หงซิ่วยิ้มเจื่อนเอ่ยไปว่า “หนิวโหย่วเต้าจะแต่งกับก่วนฟางอี๋!”
“ห๊า!” หงฝูตกใจไม่เบา สีหน้าเหลือจะเชื่อ “เขาเพียงอยากเล่นสนุกมิใช่หรือ? เหตุใดถึงจริงจังขึ้นมาได้?”
ตอนนี้แม้แต่ตัวนางที่เป็นสตรีคนหนึ่งก็ยังคิดว่าหนิวโหย่วเต้าแค่เล่นสนุกกับก่วนฟางอี๋เท่านั้น จะแต่งเป็นภรรยาได้อย่างไร?
“เฮ้อ! ปัญหาสำคัญคือก่วนฟางอี๋เห็นหนิวโหย่วเต้าเป็นแก้วตาดวงใจไปแล้ว กลัวว่าทางฝั่งจินอ๋องจะลงมือกับเขา ส่งลูกน้องมาคอยติดตามคุ้มกันหนิวโหย่วเต้า…” หงซิ่วบอกเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียด
หงฝูตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องราวได้ทันที เรื่องที่จะลงมือสังหารในเมืองหลวงอย่างโจ่งแจ้งแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย หากหนิวโหย่วเต้ามีคนคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายตลอด เช่นนั้นก็แปลว่าทางนี้จะไม่มีโอกาสลงมือกับหนิวโหย่วเต้าเลยมิใช่หรือ? “เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?”
หงซิ่วอดไม่ได้ที่จะกระซิบด่าเสียงเบา “นังหญิงชั้นต่ำก่วนฟางอี๋ สู้อุตส่าห์วางแผนเตรียมการไว้หลายตลบ แต่ต้องมาเกิดปัญหาเพราะไม่คิดว่าหญิงชั้นต่ำส่ำส่อนอย่างนางจะทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้! หนิวโหย่วเต้าคนนั้นก็ยิ่งไม่ได้เรื่อง ไม่น่าเชื่อว่าสตรีเหลวแหลกเช่นนี้ก็ยังจะเอา!”
“เฮ้อ!” ลิ่งหูชิวส่ายหน้าทอดถอนใจ “ถึงแม้จะรู้ดีว่าบนโลกนี้มีคนบางส่วนที่มีรสนิยมความชอบค่อนข้างพิเศษ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีคนเช่นนี้อยู่ใกล้ตัวข้าด้วย หนำซ้ำข้ายังไปสาบานเป็นพี่น้องกับเขาอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
หงซิ่วเอ่ยว่า “นายท่าน นั่นเป็นเรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับพวกเรา ประเด็นสำคัญคือ พอก่วนฟางอี๋สอดมือเข้ายุ่งเช่นนี้ พวกเราจะไม่สามารถทำภารกิจที่เบื้องบนมอบหมายมาได้สำเร็จนะเจ้าคะ!”
ลิ่งหูชิวยกมือนวดหน้าผาก เรื่องนี้ทำให้เขาปวดหัวจริงๆ ถึงหลับฝันก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขายกมือออกแล้วกล่าวว่า “รอดูสถานการณ์ไปก่อน ดูว่าจะมีโอกาสลงมือหรือไม่ หากว่าไม่ได้จริงๆ ก็รายงานขึ้นไป ดูว่าเบื้องบนจะตัดสินใจอย่างไร!”
“ข้าว่าข้ามีอยู่วิธีหนึ่ง บางทีอาจจะได้ผลเจ้าค่ะ” หงฝูเอ่ยเนิบๆ ออกมา
ทั้งสองคนที่อยู่ใกล้ๆ มองมา หงซิ่วเอ่ยถาม “วิธีการใด?”
หงฝูจ้องมองนาง เอ่ยออกมาสองคำ “ยั่วยวน!”
“…..” ลิ่งหูชิวและหงซิ่วล้วนพูดไม่ออก รู้สึกตกใจเล็กน้อย พอจะเดาเจตนาของนางออกแล้ว
หงฝูอธิบายว่า “เขาสนใจในตัวพวกเราพี่น้องมิใช่หรือ? หากว่าข้างกายเขามีการคุ้มกันหนาแน่น มิสู้ให้พวกเราสองพี่น้องใช้เสน่ห์ยั่วยวน เช่นนี้น่าจะแยกตัวเขาจากผู้คุ้มกันได้ เขาคงไม่ถึงกับทำเรื่องแบบนั้นแล้วยังปล่อยให้มีคนมายืนดูอยู่ด้านข้างกระมัง? เขาต้องไล่ผู้คุ้มกันข้างกายออกไปแน่นอน!”
นางสงบเยือกเย็นเสมอมา แต่กลับพูดเรื่องเช่นนี้ออกมาราวกับเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองเลย เหมือนคนที่ต้องไปยั่วยวนไม่ใช่ตัวนางอย่างไรอย่างนั้น
หงซิ่วมองไปที่ลิ่งหูชิว พวกนางสองพี่น้องดูแลรับใช้เขา เป็นสตรีของเขามานานแล้ว ไม่ทราบว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่
ลิ่งหูชิวโบกมือพลางเอ่ยว่า “ไม่ดี! ข้าจะให้พวกเจ้าสองพี่น้องไปทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ต่อให้ทำสำเร็จแล้วต่อไปข้าจะยังมีหน้าเจอพวกเจ้าอีกหรือ?”
“ได้รับน้ำใจในส่วนนี้และคำพูดประโยคนี้จากนายท่านก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ ชาตินี้พวกเราพี่น้องย่อมเป็นคนของนายท่าน ไม่มีทางทอดกายให้ชายอื่น” หงฝูย่อตัวคารวะแล้วเอ่ยต่อ “อันที่จริงไม่มีอันตรายอันใดเลยเจ้าค่ะ ด้วยพลังของพวกเราสองพี่น้อง เขาก็ยากจะบังคับพวกเราได้ เริ่มจากยกสุราอาหารมาสร้างความสำราญก่อน จากนั้นค่อยวางยาสลบเขา จากนั้นก็จับกรอกโอสถนั่น ใช้พลังกระตุ้นให้ยาออกฤทธิ์เร็วขึ้น รอจนพวกเราได้ข้อมูลที่ต้องการมาแล้วก็สังหารทิ้งได้เลย จากนั้นพวกเราค่อยรีบหลบหนีออกมา พวกเราสามารถเข้าออกสวนไม้เลื้อยแห่งนี้ได้ คิดว่าไม่น่าจะมีผู้ใดขัดขวางเราเจ้าค่ะ”
หงซิ่วพยักหน้าเห็นด้วย “น้องสาวพูดมีเหตุผล นายท่าน ข้าว่าแผนการนี้ใช้ได้เจ้าค่ะ!”
“เอ่อ…” ลิ่งหูชิวค่อนข้างสับสนลังเล รู้สึกไม่สบายใจ ให้สตรีของตนไปทำเรื่องแบบนี้ ขอเพียงเป็นบุรุษที่ปกติสักหน่อยก็ล้วนแต่ยากจะยอมรับได้ทั้งสิ้น หลังจากไตร่ตรองอยู่หลายตลบ เขายังคงส่ายหน้าพลางโบกมือปฏิเสธ “ไม่ดีๆ เขาสนใจพวกเจ้ามาตั้งแต่แรกแล้ว ข้าปฏิเสธเขามาตลอด หากจู่ๆ ก็ยอมยกให้ สติปัญญาของคนผู้นี้พวกเจ้าก็ได้เห็นมาแล้ว เขาจะไม่ฉุกสงสัยได้หรือ?”
หงฝูเอ่ยอย่างเย็นชา “เรื่องนี้จัดการได้ไม่ยากเจ้าค่ะ! เขาต้องการให้นายท่านไปสังหารเว่ยฉูมิใช่หรือเจ้าคะ? นายท่านสามารถใช้ข้ออ้างว่าจะไปหาคนมาลงมือเพื่อหลบออกไปชั่วคราวได้ แล้วก็เรียกได้ว่าเป็นการล่วงหน้าไปก่อน ย่อมไม่มีทางทำให้เขาสงสัย จากนั้นพวกเราพี่น้องค่อยหาโอกาสลงมือ พอเสร็จเรื่องแล้วพวกเราจะตามไปสมทบกับนายท่านทันที! วิธีนี้ยังมีข้อดีอีกอย่างด้วย การสังหารเว่ยฉูไม่ใช่แค่พูดว่าทำได้ก็จะทำได้จริง ข้ออ้างที่ว่านายท่านออกไปหาคนมาลงมือสามารถยกมาใช้ซ้ำได้ ยังไงก็ต้องมีโอกาสที่พวกเราพี่น้องจะลงมือแน่นอนเจ้าค่ะ”
ลิ่งหูชิวอึดอัดใจ ทว่าคำพูดของนางมีเหตุผล ดูเหมือนเขาจะหาเหตุผลอื่นใดมาบอกปัดไม่ได้แล้วเช่นกัน แต่ยังคงไม่ได้ตอบตกลงในทันที เขาเอ่ยอย่างใช้ความคิดว่า “เรื่องนี้พวกเราจะด่วนตัดสินใจไม่ได้ รายงานไปก่อนเถอะ รอดูว่าเบื้องบนจะตัดสินใจอย่างไร”
สตรีทั้งสองรู้จักเขาดี ทราบว่าเขาห่วงใยพวกนาง เรื่องนี้ทำให้สองพี่น้องปลื้มใจเป็นยิ่งนัก
……
ช่วงเวลาต่อจากนั้น นับว่าหนิวโหย่วเต้าได้ใช้ชีวิตอย่างไม่ต้องเป็นกังวลอะไรแล้ว มักจะเดินเล่นเตร็ดเตร่ในเมืองหลวงโดยมีก่วนฟางอี๋อยู่ข้างกาย
อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าก่วนฟางอี๋กำลังจงใจแพร่ข่าวออกไป พอพบหน้าคนรู้จักก็จะป่าวประกาศบอกว่าหนิวโหย่วเต้าจะแต่งกับนาง
เรื่องนี้ทำให้หนิวโหย่วเต้าคับข้องใจเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกที่ยังไม่ทันได้ประโยชน์ก็ต้องขาดทุนเสียแล้วช่างน่าอึดอัดนัก แต่พอคนอื่นถามขึ้นมา เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ถึงแม้จะไม่ได้ยอมรับ แต่บางครั้งการที่ไม่ปฏิเสธก็เท่ากับเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย
หนิวโหย่วเต้าทราบดี คราวนี้นับว่าชื่อเสียงของตนถูกสตรีนางนี้ทำให้ฉาวโฉ่เสียแล้ว ไม่รู้เลยว่าลับหลังทุกคนจะพูดถึงเขาอย่างไร เขานับว่าได้เข้าใจความรู้สึกที่ว่าอยู่ในสังคมแบบไหนย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามนั้นแล้ว!
แต่จะโทษผู้ใดได้เล่า? เป็นเขาที่หาเรื่องใส่ตัวเอง!
ริมสระน้ำตื้น ใบบัวเขียวขจี ก่วนฟางอี๋ถือพัดกลมโบกไปมา ดูเหมือนจะอารมณ์ดี
ลูกน้องที่เดินวนเวียนอยู่ในละแวกใกล้เคียงก็สังเกตเห็นเช่นกัน ระยะนี้ดูเหมือนนายหญิงจะอารมณ์ดีทีเดียว รอยยิ้มมิใช่รอยยิ้มเสแสร้งเช่นในอดีต หากแต่เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริง
หนิวโหย่วเต้าที่ยืนอยู่ริมสระน้ำเอ่ยถามว่า “พี่รอง เรื่องของเว่ยฉูคนนั้นไปถึงไหนแล้ว?”
ลิ่งหูชิวถอนใจพลางเอ่ยไปว่า “เรื่องนี้จะรีบร้อนไม่ได้ ข้ากำลังคิดหาทางติดต่อคนที่เหมาะสมอยู่ อีกทั้งกำลังหาโอกาสอยู่ อยู่ในเมืองหลวงยากจะลงมือกับเขาได้ ต้องหาทางสืบช่วงเวลาที่เขาจะออกจากเมืองหลวงก่อน รอต่อไปก่อน!”
เสียงถอนใจของเขามาจากใจจริง อันที่จริงเขากลับกำลังรอให้หนิวโหย่วเต้าออกจากเมืองหลวงแล้วค่อยลงมือต่างหาก จ้างคนสักกลุ่มมาเล่นงานก็เป็นอันใช้ได้แล้ว ทว่าไม่มีโอกาสนั้นเลย หนิวโหย่วเต้าพะวงถึงเว่ยฉู เห็นได้ชัดว่าหากเว่ยฉูไม่ตาย หนิวโหย่วเต้าก็จะซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงไม่ยอมออกไป
เบื้องบนเองก็อนุมัติลงมาแล้ว พูดให้ถูกคือเห็นด้วยกับกลยุทธ์ยั่วยวนที่ทางนี้เสนอไป
ตอนนี้มิใช่ว่าเขาหาโอกาสสังหารเว่ยฉูไม่ได้ หากแต่กำลังหาโอกาสลงมือกับหนิวโหย่วเต้าอยู่
….
ยามราตรีเงียบสงัด จู่ๆ เฮ่าอวิ๋นถูก็มีอารมณ์สุนทรีย์ขึ้นมา ขึ้นไปยังหอสูงทอดมองแสงไฟจากบ้านเรือนนับหมื่นในเมืองหลวง
เขายืนมองอยู่นานสองนาน มือเคาะไปบนราวกั้น ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมา ถอนใจพลางเอ่ยไปว่า “หวังว่าราษฎรแคว้นฉีจะสงบสุขปลอดภัยไปชั่วนิรันดร์!”
ปู้สวินที่อยู่ด้านหลังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปณิธานของฝ่าบาทต้องกลายเป็นจริงแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
เฮ่าอวิ๋นถูส่ายหน้าเล็กน้อย มุมปากคล้ายจะยิ้มเยาะตัวเองอยู่ พลันเอ่ยถามขึ้นมาว่า “หนิวโหย่วเต้าคนนั้นไปอยู่ไหนแล้ว?”
“…..” ปู้สวินพูดไม่ออก อยู่ไหนน่ะหรือ? จะไปอยู่ไหนได้เล่า ตอนนี้คนเขากำลังลอยชายใช้ชีวิตสำราญอยู่ในเมืองหลวงอยู่เลย
“อะไรกัน? หรือแม้แต่เจ้าก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนอย่างนั้นเหรอ?” เฮ่าอวิ๋นถูหันกลับไปถาม
ปู้สวินไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะตอบอย่างไรดี จำเป็นต้องสืบด้วยหรือ? ข่าวลือครึกโครมปานนั้น ไม่จำเป็นต้องสืบข่าวก็ทราบแล้ว
ข่าวแพร่ออกไปนานแล้ว เพียงแต่เขาไม่เคยบอกให้ฝ่าบาทได้รับรู้เท่านั้น เกรงว่าจะกระทบต่อจิตใจของพระองค์
“เหตุใดถึงอึกๆ อักๆ เล่า?” เฮ่าอวิ๋นถูหันกลับมา จ้องมองปู้สวินด้วยสายตาเยียบเย็น สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดคือมีคนปิดบังเรื่องบางอย่างจากเขา
……………………………………………..